เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 177 ช่วยใคร ประโยชน์ของแผ่นป้ายสีดำ (1)

ตอนที่ 177 ช่วยใคร ประโยชน์ของแผ่นป้ายสีดำ (1)

พอพูดประโยคนี้จบ มั่วเชียนเสวี่ยก็หมดแรง รูม่านตาขยายอีกครั้ง และในเวลานี้เองที่นางหมดสติไป

ครั้งนี้ไม่ได้มาจากวิญญาณเข้าจู่โจม แต่เป็นเพราะประคองร่างกายเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป

หนิงเซ่าชิงสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงคนที่อยู่ในอ้อมกอด เขาก็รีบตรวจชีพจรในทันที พบว่านางเป็นลมไปเพราะร่างกายอ่อนเพลีย หัวใจที่กำลังจมกลับคืนสู่ที่เดิม

เขาโอบรัดคนที่อยู่ในอ้อมอกจนแน่น เงยหน้าขึ้นด้วยความโกรธ เมฆดำครึ้มในดวงตาแผ่ซ่านไปยังอิ่งซาที่กำลังต่อสู้กับคุณชายชุดดำอยู่ ยังมีสาวใช้สองคนที่ยืนจับดาบอยู่ไม่ไหวติง

ในเวลานี้ ทำได้เพียงตัดสินใจต่อสู้อย่างรวดเร็วฉับพลัน รีบสลัดคนเหล่านี้ออกไป เชียนเสวี่ยของเขาถึงจะอยู่เย็นเป็นสุขได้จริงๆ

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาก็คิดไม่ถึงว่าฉากความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ธรรมดาๆ ภายหลังมันจะกลายเป็นเช่นนี้

เขาอุ้มมั่วเชียนเสวี่ยเข้าไปในห้อง แล้ววางนางไว้บนเตียง ดึงผ้าห่มที่อยู่ข้างๆ มาห่มให้กับนาง พลางมองนางด้วยสายตาอันลึกซึ้ง เขาหันกลับไปในทันที สั่งไฉ่สยาที่ตะลึงงันเพราะเหตุอันไม่คาดฝันด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ดูแลฮูหยินให้ดี”

เขาเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามอง ฝีเท้าเบามาก พลังสายฟ้าฟาดออกไปจากห้องโถง คนยังอยู่กลางอากาศ และฝ่ามือผ่าออกไปรอบด้าน

พลังของฝ่ามือนี้ ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

ฝ่ามือเดียวช่วยอิ่งซาผลักเฟิงอวี้เฉินให้ถอยไป ทั้งยังแยกองครักษ์สองคนที่กำลังต่อสู้กับอาซานและอาอู่ออกไปด้วย

เฟิงอวี้เฉินอดหลับอดนอนมาสองสามคืนแล้ว เมื่อวานนี้ถูกมั่วเชียนเสวี่ยทำให้ว้าวุ่นใจ เหนื่อยทั้งกายใจมานานแล้ว ก่อนหน้านี้ เพราอยากเข้าใกล้มั่วเชียนเสวี่ย เขาจึงต้องยอมทนทุกข์รับฝ่ามือของอิ่งซา จนบาดเจ็บภายใน

ต่อสู้กับอิ่งซามาครึ่งค่อนวัน พลังนั้นหมดไปตั้งนานแล้ว

หนิงเซ่าชิงซัดฝ่ามือมา เขาย่อมจะหลบเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว โดนฝ่ามือนี้เข้าไป แรงสั่นสะเทือนทำให้ถอยหลังไปสามสี่ก้าวถึงจะสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคง

“ไสหัวออกไปให้หมด มิเช่นนั้นข้าจะสังหารอย่างไร้ความปราณี!”

หลังจากหนิงเซ่าชิงซัดพลังฝ่ามือไปที่กลางอากาศเขาหยุดนิ่ง ยืนไขว้มือไว้ด้านหลังอยู่กลางลานบ้าน

การแสดงออกทางสีหน้าของเขานั้นเย็นชา ตาเหยี่ยวหรี่มองไปยังเฟิงอวี้เฉิน

คนผู้นี้ท่าทางดูไม่ธรรมดา แต่งกายด้วยชุดดำเรียบๆ เท่านั้น แต่กลับเผยให้เห็นถึงความสง่างาม ตอนนี้ถึงแม้จะเกรี้ยวกราด อย่างไรก็ตาม หลังก็ยังเหยียดตรง ความหยิ่งทะนงที่มีอยู่ในกระดูก หากเจอได้ยาก ในยามปกติ เขาอาจจะคบหาเป็นสหายได้อยู่บ้าง

ทว่า…ในยามนี้…พวกเขาเป็นได้เพียงคู่ต่อสู้เท่านั้น

เฟิงอวี้เฉินหันหลังกลับไปมองโดยไม่เผยให้เห็นความอ่อนแอแม้แต่น้อย รู้สึกปั่นป่วนในหัวใจ

คนผู้นี้ท่าทางแลดูไม่ธรรมดา ยังหนุ่มยังแน่น แต่กลับมีกำลังภายในลึกล้ำ ยืนอยู่กลางลานคนเดียว แต่กลับมีพลังที่ทำให้กองกำลังนับหมื่นนับพันกลายเป็นขี้เถ้าปลิวหายควันมลายสิ้น

เขาเป็นใคร

เขาไม่ใช่อาจารย์บ้านนอกธรรมดาๆ เป็นแน่ ดูท่าแล้วจิตใจตนเองคงสับสน ตั้งแต่แรกเริ่มเขานั้นประเมินศัตรูต่ำไป

องครักษ์ทั้งสองคนลุกขึ้นยืน พลางเช็ดเลือดที่มุมปาก จากนั้นก็ถอยไปยืนอยู่ข้างๆ เฟิงอวี้เฉิน

เจ้านายไม่ได้บอกให้ถอย แม้นจะถูกเจ้าเรือนฆ่าตายอยู่ที่นี่อย่างไร้ความปรานีก็ตาม ก็ไม่อาจถอยได้

เฟิงอวี้เฉินกวาดสายตามองไปที่หนิงเซ่าชิง เจ้านายและบ่าวทั้งสี่คน แล้วก็มองไปที่ชูอีกับสืออู่ที่ยังคงยืนแน่นิ่งอยู่มุมลานเรือน เขาหัวเราะอย่างเศร้าสร้อย แล้วหันหลังเดินจากไป

เขาสูญเสียโอกาสแรกไปแล้ว ถึงจะอยู่ที่นี่ต่อไป แล้วมันจะมีความหมายอันใด ทำได้เพียงแบกรับความอัปยศนี้เอาไว้กับตนเองเท่านั้น

องครักษ์ทั้งสองเห็นเจ้านายออกไปแล้ว ก็แอบปาดเหงื่อเบาๆ เมื่อรักษาชีวิตเอาไว้ได้ชั่วคราว พวกเขาก็ย่อมที่จะรีบติดตามเฟิงอวี้เฉินออกไปด้วย

เฟิงอวี้เฉินเดินออกไปอย่างอาจหาญ หลังเหยียดตรง ราวกับว่ามีเพียงการทำเช่นนี้ ถึงจะสามารถประคับประคองหัวใจที่แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ของเขาเอาไว้ได้

วิญญูชนที่แท้จริงสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้ ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเขา ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนผู้นั้นอย่างแน่นอน แล้วนับประสาอะไรกับสาวใช้สองคนนั้นเล่า

พวกนางทั้งสองเป็นคนที่ท่านอาให้ไปเป็นสาวใช้คอยดูแลเสวี่ยเอ๋อร์ ไม่ใช่พวกมือใหม่อย่างแน่นอน เห็นพวกนางถอยไปที่มุมลานเรือนเช่นนั้น เห็นได้ว่าพวกนางทั้งสองไม่ต้องการช่วย อันที่จริงเขามีข้อสรุปอยู่ในใจอยู่แล้ว

หากอยากอยู่ฝั่งเดียวกับตนเอง พวกนางก็คงลงมือนานแล้ว

ในใจของสาวใช้สองคนนี้ มีเพียงคุณหนูของพวกนางผู้เดียวเท่านั้น ตอนนี้จะต้องคิดว่าผู้ที่อยู่กลางห้องโถงเป็นเจ้านาย จะทำให้ขุ่นเคืองใจได้อย่างไร…

ทว่าดูจากความแข็งแกร่งที่คนผู้นั้นลงมือเมื่อครู่นี้ หากเขาใช้พลังทั้งหมดที่มีตอกกลับไป แม้ว่าจะชนะอย่างหวุดหวิด แต่ก็คงบาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่ หากมีเหตุไม่คาดฝันอื่นๆ เกิดขึ้น ถึงเวลานั้นแล้วใครจะมาดูแลเสวี่ยเอ๋อร์เล่า

ในเมื่อมาแล้ว หาเสวี่ยเอ๋อร์เจอแล้ว เขาก็ไม่รีบร้อนในวันหรือสองวันนี้

ยิ่งไปกว่านั้น เสวี่ยเอ๋อร์ก็จำเขาได้แล้ว เขาจะต้องคิดหาแผนที่รัดกุมที่สุด เพื่อพาเสวี่ยเอ๋อร์ออกไป

เสียงหัวเราะดังลั่นของเฟิงอวี้เฉินฟังดูหยิ่งผยอง เพียงแต่พอออกมานอกประตูลานเรือน เขาก็กระอักเลือดออกมาหนึ่งอึกใหญ่

เลือดที่กระอักออกมานี้มีมาตั้งแต่หนิงเซ่าชิงกดดันเขาตอนนั้นแล้ว เพียงแต่เขาจะต้องเข้มแข็ง ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอออกมาให้หนิงเซ่าชิงได้เห็น ดังนั้นจึงต้องกลืนมันกลับไป

ครั้งนี้มิอาจฝืนกลืนมันได้อีก และไม่จำเป็นต้องกลืนมันกลับไป ดังนั้นจึงพ่นมันออกมา

องครักษ์ทั้งสองอยากจะเข้าไปช่วยพยุง ทว่ากลับถูกเขายกมือขึ้นหยุด คนหนึ่งหันหลังขึ้นม้า ฟาดม้าแล้วออกจากหมู่บ้านหวังจยาไป

สถานที่แห่งนี้ เขาไม่อาจอยู่ได้แม้นชั่วครู่ เพียงแค่คิดว่าเสวี่ยเอ๋อร์อยู่ด้วยกันกับคนผู้นี้ที่นี่ เขาก็แทบคลั่ง เรื่องราวทั้งหมด เพียงแค่รอให้ห่างจากที่นี่ไปหน่อยค่อยออกคำสั่ง

องครักษ์ทั้งสองพอเห็นว่าเจ้านายไปแล้ว ก็ขึ้นม้า เร่งควบตามไป

เมื่อได้ยินเสียงกีบม้าค่อยๆ หายไป หนิงเซ่าชิงถึงจะกวาดสายตาไปที่ชูอีและสืออู่ที่อยู่ตรงมุมลานเรือน พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น “เหตุใดพวกเจ้าถึงยังไม่ไปกันอีก อยากจะกดดันให้ข้าลงมือเช่นนั้นหรือ”

เสียงของเขาเอื่อยเฉื่อยราวน้ำแข็ง แววตาเบื่อหน่ายทว่ากลับแฝงไปด้วยรังสีอำมหิต หากไม่ใช่เพราะสาวใช้สองคนนี้ เชี่ยนเสวี่ยของเขาคงไม่ต้องหมดเรี่ยวแรงจนต้องล้มนอนบนเตียงเช่นนี้ และยิ่งไม่มีทางพูดจาส่งเดชอีกด้วย

แม้ว่าแววตาสุดท้ายของมั่วเชียนเสวี่ยจะชัดเจนสดใส ทว่าจิตใจของเขาก็ยังคงว้าวุ่น

เมื่อก่อน เขาเคยนึกสงสัยว่ามั่วเชียนเสวี่ยลืมอดีตไปแล้วจริงๆ หรือไม่ ตอนนี้ความสงสัยได้ถูกขจัดออกไปและในขณะเดียวกันเขาก็ดีใจที่นางสูญเสียความทรงจำในอดีตไปจริงๆ เพราะเขากลัวว่านางจะจำเรื่องราวในอดีตขึ้นมาได้

สืออู่จับด้ามดาบที่อยู่ด้านหลัง ชูอีก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งพลางกล่าว “โปรดระงับโทสะด้วย บ่าวทั้งสองเป็นสาวใช้ของคุณหนู ย่อมต้องการจะติดตามคุณหนู…”

ชูอีพูดจาสุภาพมาก แต่กลับไม่ได้เรียกนามของเขา ความจริงเพราะว่านางไม่รู้ว่าควรใช้คำไหนเรียกผู้ที่อยู่เบื้องหน้าดี จะเรียกว่าสามีของคุณหนู หรือจะเรียกว่านายท่าน เป็นเจ้านายของพวกนาง

ทว่า คุณหนูไม่เคยยอมรับตรงๆ พวกนางก็ไม่อาจเรียกเจ้านายได้ตามใจ

“ไสหัวออกไป!”

หนิงเซ่าชิงไม่รอให้พวกนางพูดจบ น้ำเสียงทุ้มต่ำแต่กลับเต็มไปด้วยไอสังหาร

ชูอีที่เห็นว่าหนิงเซ่าชิงอยู่ภายใต้ความโกรธ ก็ได้ดึงสืออู่ที่ดื้อด้านไม่ขยับตัวออกจากประตูลานเรือนไป

ทว่า พวกนางก็ไม่ได้จากไป แต่กลับคุกเข่าอยู่หน้าประตูลานเรือน

“ชูอี เหตุใดพวกเราถึงต้องคุกเข่าอยู่ที่นี่” สืออู่ไม่ค่อยจะเข้าใจ

ที่นั่นเป็นลานเรือนของคุณหนู พวกนางต้องการรอคุณหนูเหตุใดไม่อยู่รอที่เรือนเล่า ไม่ต้องออกมาก็ได้

หากคนผู้นั้นกล้าลงมือฆ่าพวกนางจริง นางไม่เชื่อว่าคุณหนูจะไม่สนใจพวกนางจริงๆ

เมื่อครู่นี้เหมือนคุณหนูจะนึกอะไรขึ้นมาได้อยู่ชัดๆ “ทำไมน่ะหรือ แน่นอนว่าเพื่อที่จะรอให้คุณหนูฟื้นขึ้นมาก่อน” ชูอีเหลือบมองไปที่สืออู่เล็กน้อย นางไม่ค่อยจะเข้าใจ

“รอให้คุณหนูฟื้น? คุณหนูเป็นอะไรหรือ” สืออู่กระโดดขึ้นมากำลังจะพุ่งเข้าไปในห้อง แต่ก็ถูกชูอีหยุดเอาไว้อีก

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

Status: Ongoing

เพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น

แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที!

ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น

ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่

ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?!

เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี

เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท