ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 190 ลับลมคมใน(ต้น)

ตอนที่ 190 ลับลมคมใน(ต้น)

หลังจากที่​สือ​อี​เหนียง​ยุ่ง​กับ​งาน​เสร็จ​เรียบร้อย​แล้ว​ ​ก็​ถึง​เวลา​มื้อ​เที่ยง​พอดี​ ​นาง​และฮู​หยิน​สาม​จึง​พากั​นรีบ​ไป​ยัง​เรือน​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ ​ไท่ฮู​หยิน​เอง​ได้​ทาน​มื้อ​เที่ยง​เสร็จ​เรียบร้อย​และ​ได้​พักผ่อน​ไป​แล้ว​ ​แต่​ได้​เก็บ​อาหาร​เหลือ​ไว้​ให้​ทั้งสอง​ด้วย​ ​ทั้งสอง​จึง​พากั​นรี​บกิน​ให้​พออิ่ม​ ​จากนั้นฮู​หยิน​สาม​ก็​พานาง​ไป​วางแผน​จัดแจง​เรื่อง​ทำความสะอาด​ ​ตอน​กลับ​ถึง​เรือน​ก็​ปา​เข้าไป​ยาม​เซิน​สาม​เค​่อ[1]แล้ว​ ​หลิน​ปัว​กำลัง​ยืน​อยู่​หน้า​เตียง​เตา​เฝ้า​สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่​กำลัง​เขียน​อะไร​บางอย่าง​อยู่

เมื่อ​เห็น​สือ​อี​เหนียง​เดิน​เข้ามา​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​พยักหน้า​เล็กน้อย​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​กลับมา​แล้ว​หรือ​”​ ​จากนั้น​ก็​ก้มหน้าก้มตา​เขียนหนังสือ​ต่อ​ ​หลิน​ปัว​ไม่กล้า​ประมาท​เลินเล่อ​ ​รีบ​เดิน​เข้าไป​คารวะ​นาง

จากนั้น​สือ​อี​เหนียง​ก็​ไป​ยัง​ห้อง​ชำระ​ทิศตะวันออก​เพื่อ​ล้างหน้าล้างตา​และ​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​ ​ตอนที่​ออกมา​นั้น​ก็​ไม่เห็น​หลิน​ปัว​แล้ว​ ​โต๊ะ​ที่ตั้ง​บน​เตียง​เตา​ถูก​เก็บกวาด​อย่างเป็นระเบียบ​และ​สะอาดสะอ้าน​ ​พู่กัน​ ​หมึก​ ​กระดาษ​และ​จาน​ฝน​หมึก​ถูก​วาง​อยู่​ด้าน​ข้าง​ของ​เตียง​เตา​ ​ที่​หัว​เตียง​เตา​ก็​มี​หนังสือ​ตำรา​เพิ่ม​มา​หลาย​เล่ม

“​ท่าน​โหวกำ​ลัง​ยุ่ง​อะไร​อยู่​หรือ​เจ้า​คะ​”​ ​นาง​กล่าว​ทักทาย​สวี​ลิ่ง​อี๋​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม​ ​“​ข้ามัว​แต่​ยุ่ง​อยู่​กับ​งาน​ตั้งแต่​เที่ยงวัน​ยัน​บ่าย​ ​ตกบ่าย​มาก​็​มัว​แต่​ยุ่ง​อยู่​กับ​การ​จัดแจง​เรื่อง​ทำความสะอาด​กับฮู​หยิน​สาม​ ​จึง​ไม่​สามารถ​มา​เตรียม​อาหาร​เที่ยง​ให้ท่าน​โหว​ได้​…​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​เอน​ตัว​อิง​หมอน​ใหญ่​ที่อยู่​บน​เตียง​เตา​ ​เขา​สีหน้า​ค่อนข้าง​เหม่อลอย​ ​เมื่อ​เห็น​ว่านา​งมา​อธิบาย​กับ​ตน​ ​จึง​พยักหน้า​แบบ​ขอไปที​ ​พลาง​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ตอนเที่ยง​ข้า​ไป​ทานข้าว​ที่​เรือน​ท่าน​แม่​ ​เจ้า​มี​งาน​ยุ่ง​ก็​ไป​ทำให้​เต็มที่​เถิด​ ​ไม่ต้อง​สนใจ​ข้า​”

ขณะที่​กำลัง​แบ่งงาน​กัน​อยู่​นั้น​ ฮู​หยิน​สาม​ก็ได้​นัด​นาง​ให้​มา​เจอกัน​ที่​เดิม​ใน​วันพรุ่งนี้​ตอนเช้า​ตรู่​ ​จัดแจง​แบ่งหน้าที่​ของ​งาน​ใน​วัน​ปีใหม่​ให้​กับ​เหล่า​บรรดา​ป้า​รับใช้​ ​เกรง​ว่า​คงจะ​ต้อง​ใช้เวลา​ทั้งวัน​ ​เจตนา​เดิมที​่​นาง​พูด​เรื่อง​พวก​นี้​ออกมา​ก็​เพื่อที่จะ​หยั่งเชิง​อารมณ์​จิตใจ​ของ​เขา​ ​แต่​ตอนนี้​เห็น​ว่า​เขา​ไม่ได้​ใส่ใจ​อะไร​ ​จึง​แอบ​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก​เบา​ๆ

แต่​จู่ๆ​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ถาม​นาง​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​ตอน​เด็ก​เจ้า​เคย​อาศัย​อยู่​ที่ฝู​เจี​้​ยน​ ​ยัง​จำ​เรื่อง​ใน​ตอนนั้น​ได้​หรือไม่​”

สือ​อี​เหนียง​อึ้ง​ไป​ชั่วขณะ

เหตุใด​จู่ๆ​ ​ถึง​ถาม​เรื่อง​นี้​ขึ้น​มา​ได้

“​ตอนนั้น​ข้า​ยัง​เด็ก​มาก​ ​เลย​จำ​ไม่ได้​แล้ว​”​ ​สีหน้า​ของ​นาง​ค่อนข้าง​เป็นกังวล​ใจ​ ​แต่​รอยยิ้ม​บน​ใบหน้า​กลับ​ไม่ได้​ลดลง​แต่อย่างใด​ ​“​ท่าน​โหว​ไป​ได้ยิน​เรื่อง​อะไร​มา​หรือ​เจ้า​คะ​ ​ให้​ข้า​เขียนจดหมาย​เชิญ​ท่าน​พ่อ​มาที​่​เรือน​ดี​หรือไม่​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ลังเล​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​ตอบกลับ​มา​ว่า​ ​“​ช่างเถิด​!​”​ ​สีหน้า​ค่อนข้าง​ผิดหวัง

ดูท่า​แล้ว​คงจะ​ไป​ได้ยิน​อะไร​มา​อย่างแน่นอน​ ​แต่กลับ​ไม่กล้า​พูด​เรื่อง​นี้​กับ​นายท่าน​ใหญ่​ ​เพียงแต่​ไม่รู้​ว่า​มัน​คือ​เรื่อง​อะไร​กัน​แน่

จู่ๆ​ ​นาง​ก็​นึกถึง​อี๋​เหนียง​ห้า​ขึ้น​มา​…

“​หรือ​ให้​ข้า​กลับ​จวน​สกุล​เดิม​ไป​ลอง​ถาม​อี๋​เหนียง​ดู​?​”

“​ไม่ต้อง​แล้ว​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ตอบกลับ​ ​“​สตรี​เช่น​พวก​เจ้า​ ​ไม่​ออก​นอก​ประตู​ใหญ่​ ​ไม่​ล่วง​ข้าม​ประตู​สอง​ ​ถึงแม้ว่า​จะ​เคย​อาศัย​อยู่​ที่ฝู​เจี​้​ยน​นาน​นับ​สิบ​ปี​ ​เกรง​ว่า​ถาม​ไป​ก็​คงจะ​ไม่รู้​เรื่อง​อัน​ใด​เลย​ ​ข้า​จะ​ลอง​คิด​หาวิ​ธี​อื่น​ดู​!​”

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​เจื่อน​ ​แต่กลับ​ไม่​สามารถ​ปฏิเสธ​ได้​ว่า​สิ่ง​ที่​เขา​พูด​นั้น​มีเหตุผล

ขณะที่​กำลัง​พูดคุย​กัน​อยู่​นั้น​ ​หลิน​ปัว​ก็ได้​ย้อนกลับ​มา​ ​ใน​มือ​กำลัง​ถือ​ม้วน​ภาพวาด​ไว้​ ​สีหน้า​ดูดี​อก​ดีใจ​เป็นอย่างมาก​ ​“​ท่าน​โหว​ ​หา​เจอ​แล้ว​ขอรับ​!​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้ยิน​แล้ว​แววตา​ก็​ลุกโชน​ขึ้น​มา​ ​เขา​รีบ​ยืดตัว​ขึ้น​นั่ง​ ​“​เอา​มาดู​หน่อย​”

หลิน​ปัว​รีบ​คารวะ​สือ​อี​เหนียง​ ​จากนั้น​ก็​กาง​ม้วน​ภาพวาด​ออก​บน​เตียง​เตา​ ​มัน​คือ​ภาพวาด​แผนที่

สวี​ลิ่ง​อี๋​โน้มตัว​ลงมา​ดู​อย่างละเอียดถี่ถ้วน

หลิน​ปัว​ยืน​กลั้นหายใจ​เงียบๆ​ ​อยู่​ด้าน​ข้าง

ใน​ห้อง​เงียบสนิท​ ​ไร้​ซึ่ง​สุ้มเสียง​ใดๆ

สือ​อี​เหนียง​ยืน​สังเกต​อยู่​ข้างๆ

ฝู​โจว​ ​กว่าง​ตง​ ​กุ้ย​หลิน​ ​หังโจว​…​นาง​ยัง​เห็น​อวี​๋​หัง​อีกด้วย​ ​มัน​คือ​เจ้อ​เจียง​ ฝู​เจี​้​ยน​ ​กว่าง​โจว​และ​กว่าง​ซี​ ​แผนที่​ของ​ทั้ง​สี่​มณฑล

สวี​ลิ่ง​อี๋​มาถาม​ตน​ว่า​จำ​เรื่องราว​ตอนที่​อยู่ฝู​เจี​้​ยน​ได้​หรือไม่​ ​อีกทั้ง​ยัง​กาง​แผนที่​ออกมา​ดู​…​เขา​กำลัง​ทำ​สิ่งใด​กัน​แน่

ผ่าน​ไป​พัก​หนึ่ง​ ​เขา​จึง​ค่อยๆ​ ​เงยหน้า​ขึ้น​มา

ก็​เห็น​ดวงตา​ประกาย​แวววาว​ของ​สือ​อี​เหนียง​กำลัง​มอง​เขา​ด้วย​สายตา​ที่​อยากรู้อยากเห็น​ ​เขา​จึง​ใจอ่อน​ลง​ ​อด​ไม่ได้​ที่จะ​อธิบาย​ให้​นาง​ฟัง​ ​“​เช้าตรู่​ของ​วันนี้​ ​หวัง​จิ​่ว​เป่า​ได้​ฝาก​จดหมาย​ผ่าน​หวง​อวี​้​มา​ให้​ข้า​”

ที่แท้​แล้ว​วันนี้​เขา​ออก​นอก​เรือน​ตั้งแต่​เช้าตรู่​ก็​เพื่อ​ไป​เจอ​กับ​คน​ของ​หวง​อวี​้​นี่เอง​…​หวง​อวี​้​เป็น​ผู้ตรวจการณ​์​มณฑล​เจ้อ​เจียง​ ​เป็น​ญาติ​ของ​เหลียง​เก๋อ​เหล่า​ ​นาง​พอ​จะ​รู้จัก​ ​แต่​หวัง​จิ​่ว​เป่า​ผู้​นี้​คือ​ใคร​กัน

สือ​อี​เหนียง​ใช้​ความคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​จึง​พึ่ง​จะเข้า​ใจ

หวัง​จิ​่ว​เป่า​คือ​โจรสลัด​ที่​ยิ่งใหญ่​ที่สุด​ของ​ทาง​ตอน​ใต้​ ​บรรพบุรุษ​ของ​เขา​ได้​คุมเชิง​กับ​ตระกูล​จิ้ง​ไห่​โหว​สกุล​โอว​มา​หลาย​ชั่วอายุคน​ ​ล่าสุด​นี้​เพิ่งจะ​ได้รับ​การอภัยโทษ​ไป

หวง​อวี​้​และ​หวัง​จิ​่ว​เป่า​ล้วน​อยู่​ทาง​ตอน​ใต้​เหมือนกัน​ ​ทั้งสอง​มาร​่ว​มมื​อกัน​ผ่าน​ความสัมพันธ์​ที่​เกี่ยวข้อง​ก็​พอ​จะเข้า​ใจ​ได้​ ​แต่​ความสัมพันธ์​ของ​หวง​อวี​้​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​สนิทสนม​ขนาด​นี้​ตั้งแต่​เมื่อใด​กัน​ ​ถึงขั้น​ช่วย​หวัง​จิ​่ว​เป่า​ไกล่เกลี่ย​ต่อหน้า​เขา​?​ ​หวัง​จิ​่ว​เป่า​เป็น​ถึง​หัวหน้า​ของโจร​สลัด​ ​แต่กลับ​เขียนจดหมาย​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​แล้ว​เจตนา​ที่​เขา​ร้องขอ​มัน​คือ​สิ่งใด​กัน

สีหน้า​ของ​นาง​เต็มไปด้วย​ความ​งุนงง​ฉงนใจ​ ​“​หวง​อวี​้​ไม่​ช่วย​หวัง​จิ​่ว​เป่า​ผ่าน​เหลียง​เก๋อ​เหล่า​ ​แต่กลับ​มาหา​ท่าน​ทำไม​กัน​”

เหมือนเช่น​เคย​ ​นาง​สามารถ​จับ​ประเด็นหลัก​ได้​อย่างรวดเร็ว​ ​ทุ่นแรง​ทุ่นเวลา​ใน​การอธิบาย​อย่างมาก​!

สวี​ลิ่ง​อี๋​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ถอนหายใจ​ยาว​ๆ

เมื่อวาน​ตั้งแต่​ได้ยิน​ไท่ฮู​หยิน​พูดว่า​ ​‘​นี่​ยัง​ไม่ทัน​พ้น​เดือน​ที่สาม​ ​เดือน​ที่สี่​ ​ก็​สนิทสนม​กับ​สือ​อี​เหนียง​ขนาด​นี้​แล้ว​’​ ​ใน​ใจ​เขา​ก็​พลัน​รู้สึก​หงุดหงิด​ไม่สบอารมณ์​เท่าไร​นัก​ ​ยิ่ง​ตอนที่​เห็น​ม่าน​เตียง​หลัง​นั้น​ถูก​เปลี่ยน​ใหม่​ ​ก็​ยิ่ง​รู้สึก​ไม่​เป็นตัว​เอง​เข้าไป​ใหญ่​ ​จึง​ได้​ตัดสินใจ​ไปหา​เฉียว​อี๋​เหนียง​ ​ใคร​จะ​ไปรู​้​ว่าน​อก​จาก​จะ​ไม่รู้​สึก​ดีขึ้น​แล้ว​ ​ยัง​จะ​ทำให้​รู้สึก​แย่กว่า​เดิม​เข้าไป​ใหญ่​ ​เมื่อเช้า​หลังจากที่​กลับ​จาก​เรือน​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ ​เขา​ก็​ลังเล​อยู่​ครึ่ง​ค่อนวัน​ ​สุดท้าย​ก็​ตัดสินใจ​ไป​พักผ่อน​ยาม​เที่ยง​ที่​เรือน​หลัก​ ​ยัง​ไม่ทัน​จะ​พ้น​ยาม​เที่ยง​ก็​สะดุ้งตื่น​ขึ้น​มาก​่อน​ ​เขา​ยังคง​งัวเงีย​ไม่​อยาก​จะ​ลืมตา​ ​สุดท้าย​ก็​ผล็อย​หลับ​ไป​ ​เมื่อ​เขา​ลืมตา​ขึ้น​มา​อีกครั้ง​ ​ก็​ยาม​เซิน​เข้าไป​แล้ว

ผ้าห่ม​ยังคง​มีกลิ่นหอม​ของ​ดอกกุหลาบ​ที่​สือ​อี​เหนียง​ใช้​เป็นประจำ​ ​คลุ้มคลั่ง​แต่​เก็บ​ซ่อน​ไม่เปิดเผย​ ​อด​ไม่ได้​ที่จะ​สูดดม​เข้า​เต็ม​ปอด​ ​นึกถึง​ผิว​ที่​อ่อนนุ่ม​ของ​นาง​ ​ผิว​ที่​เนียน​ละเอียด​ราวกับ​เครื่องเคลือบ​ก็​ไม่​ปาน​…​ร่างกาย​ของ​เขา​ก็​ค่อยๆ​ ​ตื่นขึ้น​เพราะ​กลิ่นหอม​อ่อน​ๆ​ ​ของ​ดอกไม้​นั่น​…​หลิน​ปัว​ก็​เข้ามา​เรียน​พอดี​ ​‘​บ่าว​รับใช้​คนสนิท​ของ​ใต้เท้า​ฟั่น​กำลัง​รอ​อยู่​นอก​ห้อง​หนังสือ​ ​รอก​ลับ​ไป​แจ้ง​ข่าว​ภายใน​คืนนี้​ ​หรือ​จะ​ให้​เขา​กลับ​ไป​ก่อน​ขอรับ​’

เขา​ไม่​อยาก​ที่จะ​ให้​หลิน​ปัว​เห็น​ตัวเอง​ใน​ตอนนี้​ ​จึง​จำใจ​สั่ง​หลิน​ปัว​ให้​ย้าย​ข้าวของ​ไป​ที่​เรือน​หลัก

สีหน้า​ที่​ประหลาดใจ​ของ​หลิน​ปัว​ยังคง​ชัดเจน​ใน​หัว​ของ​เขา

เขา​จึง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​รู้สึก​สับสน​กระวนกระวายใจ​ขึ้น​มา

หลิน​ปัว​เป็น​บ่าว​รับใช้​ที่​ติดตาม​ตน​ตั้งแต่​อายุ​เก้า​ขวบ​ ​ตอนนี้​ก็​ผ่าน​ไปราว​เจ็ด​แปด​ปี​แล้ว​ ​ตน​ไม่เคย​เลย​สักครั้ง​ที่จะ​ละเลย​หน้าที่​ไม่​แบ่งแยก​เรื่องส่วนตัว​และ​ส่วนรวม​เช่นนี้​มาก​่อ​น.​..

“​ไม่มี​อะไร​!​”​ ​น้ำเสียง​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​คลุมเครือ​ไป​ด้วย​ความเยือกเย็น​ ​“​หวัง​จิ​่ว​เป่า​ประสงค์​จะ​ทูล​ข้อคิดเห็น​กับ​ฝ่า​บาท​โดย​ผ่าน​ข้า​ ​ให้​ราชสำนัก​จัดตั้ง​ขบวน​เรือ​ออก​ทะเล​…​ตอนนี้​ข้าว​่า​งาน​อยู่​จวน​ ​ก็​เลย​ปฏิเสธ​ไป​แล้ว​”

ดูเหมือน​เขา​ตั้งใจ​จะ​ไม่​เล่า​ตอนหลัง​ให้​สือ​อี​เหนียง​ฟัง

ในเมื่อ​ปฏิเสธ​ไป​แล้ว​ ​เหตุใด​ถึง​ยัง​ต้อง​กลับ​ไปดู​รูปวาด​แผนที่​ของ​ท้องที่ฝู​เจี​้​ยน​อีกครั้ง

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​ขึ้น​บาง​ๆ​ ​แต่กลับ​ไม่ได้​เปิดโปง​ออกมา​ ​แสร้ง​ไม่รู้​ว่า​เขา​กำลัง​พูด​เรื่อง​นี้​ ​นาง​ยิ้ม​พลาง​ลุกขึ้น​ยืน​ ​“​ข้า​ปรนนิบัติ​ท่าน​โหว​เปลี่ยน​ชุด​ดี​หรือไม่​เจ้า​คะ​ ​ใกล้​จะ​ถึง​เวลา​ไปหา​ท่าน​แม่​แล้ว​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ปฏิเสธ​ออก​ไป​ตรงๆ​ ​“​เรียก​ชุน​มั่ว​หรือซ​ย่า​อี​เข้ามา​ก็​พอ​!​”

สือ​อี​เหนียง​พลัน​รู้สึก​เหมือนว่า​เขา​กำลัง​ผลักไสไล่ส่ง​ตน​อย่างไร​อย่างนั้น​ ​ใน​ใจ​ก็​รู้สึก​มึนงง​ขึ้น​มา

เหตุใด​ถึง​เป็น​เช่นนี้

เมื่อครู่นี้​ยังดี​ๆ​ ​อยู่​เลย

แต่ทว่า​ ​อารมณ์​เช่นนี้​ปรากฏ​ขึ้น​เมื่อวาน​ไปร​อบ​หนึ่ง​แล้ว​ ​เกิดขึ้น​ในขณะที่​เขา​กำลัง​จ้องมอง​ม่าน​เตียง​ที่​ถูก​เปลี่ยน​ใหม่​ ​จู่ๆ​ ​ก็ดีด​ตัว​ลุกขึ้น​ตรง​ไป​ที่​เรือน​ของ​เฉียว​อี๋​เหนียง​ทันที​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​กำลัง​ปฏิบัติ​ต่อ​ตน​เปลี่ยนไป​…​ตอนแรก​ก็​นึก​ว่า​เพราะ​นาง​นั้น​โอนอ่อนผ่อนตาม​ไป​เปลี่ยน​ม่าน​เตียง​หลัง​ใหม่​ ​เขา​จึง​ตัดสินใจ​ไป​ค้าง​ที่​เรือน​เฉียว​อี๋​เหนียง​ ​ตน​จึง​ไม่​ค่อย​สบายใจ​เท่าไร​นัก​ ​ตอนนี้​ดูแล​้ว​ ​คงจะ​ไม่ใช่​…

ใน​ใจ​ของ​นาง​กังวล​เป็นอย่างมาก

ตน​พลั้ง​มือ​ไป​ทำ​อะไร​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่พอใจ​หรือไม่

ถึงแม้ว่า​ใน​ใจ​จะ​ท่วมท้น​ไป​ด้วย​ความ​ฉงน​ไม่เข้าใจ​ ​แต่​เวลา​เช่นนี้​ ​ไม่ใช่​เวลา​ที่​ควรจะ​มาป​รับ​ความเข้าใจ

นาง​จึง​ยิ้ม​ขึ้น​บาง​ๆ​ ​พร้อมกับ​หันไป​ตะโกนเรียก​ชุน​มั่ว​และซ​ย่า​อี​เข้ามา​ ​ส่วน​ตน​นั้น​ก็​นั่ง​ครุ่นคิด​อยู่​บน​เตียง​เตา​ ​แน่นอน​ว่านาง​ไม่ทัน​ได้​สังเกตเห็น​หลิน​ปัว​ที่​ยืน​ก้มหน้า​อยู่​ข้างๆ​ ​มาโดยตลอด

บน​ใบหน้า​ของ​เขา​เต็มไปด้วย​สีหน้า​แปลกใจ​อย่าง​ไม่​อาจ​ปิดบัง​ได้​!

นึกไม่ถึง​เลย​ว่า​ท่าน​โหว​จะ​พูด​เรื่อง​พวก​นี้​กับฮู​หยิน​ ​แม้แต่​คุณชาย​ห้า​และ​คุณชาย​สาม​ ​ท่าน​โหวก​็​ไม่เคย​บอก​เรื่อง​นี้​กับ​พวกเขา​เสียด​้วย​ซ้ำ​…

*****

ตั้งแต่​กลับ​จาก​เรือน​ไท่ฮู​หยิน​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ตรง​ไป​พักผ่อน​ที่​เรือน​ของ​เฉียว​เหลียน​ฝัง

สือ​อี​เหนียง​และ​หู่​พั่ว​กำลัง​ปรึกษาหารือ​เรื่อง​การ​จัดระเบียบ​ใน​ช่วง​เทศกาล​ตรุษจีน​ ​จนถึง​ช่วงต้น​ของ​ยาม​ไฮ​่​ถึง​ได้​ค่อย​เข้านอน

ใน​หัว​ของ​นาง​มี​เพียง​สีหน้า​แววตา​ที่​เฉยชา​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋

สรุป​แล้ว​ผิดพลาด​ที่ใด​กัน​แน่

สือ​อี​เหนียง​หวนนึก​ทบทวน​เหตุการณ์​ทั้งหมด​ตั้งแต่​ก่อนที่​ตน​จะ​เดิน​เข้า​ประตู​มา

ยิ่ง​คิด​ก็​รู้สึก​ว่าความ​สัมพันธ์​ยิ่ง​คืบหน้า​เสียด​้วย​ซ้ำ​ ​นาง​ครุ่นคิด​วกวน​ไปมา​หลายครั้ง​ ​แต่กลับ​ไม่​เจอ​สิ่งใด​ที่​ตน​ทำไม​่​เหมาะ​ไม่​ควร​บ้าง​เลย​!

เมื่อ​นึกถึง​ตรงนี้​ ​นาง​ก็​ยิ่ง​นอนไม่หลับ​เข้าไป​ใหญ่

ไม่​กลัว​ที่จะ​ต้อง​รู้​ ​แต่​กลัว​ว่า​จะ​ไม่รู้​เสียมา​กก​ว่า​ ​รู้​แล้ว​ ​ยัง​สามารถ​แก้ไข​ได้​ ​แต่​หาก​ไม่รู้​ ​ก็​ไม่รู้​ว่า​ควรจะ​เริ่ม​แก้ไข​จาก​ที่ใด​…

หาก​จะ​บอกว่า​ระหว่าง​คน​สอง​คน​มีเรื่อง​อัน​ใด​ที่​ไม่เข้าใจ​กัน​ ​เห็นทีจะ​มี​แต่​เรื่อง​ใน​เรือน​ ​แต่​ถึงแม้ว่า​จะ​เป็นเรื่อง​นี้​ ​ตนเอง​ก็​พยายาม​พัฒนา​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​ตาม​เจตนา​ของ​เขา​แล้ว​ไม่ใช่​หรือ​ ​หรือว่า​เป็น​เพราะ​ความสัมพันธ์​ระหว่าง​ทั้งสอง​ที่​ยิ่ง​อยู่​ก็​ยิ่ง​คุ้นเคย​กัน​ ​การปฏิบัติ​ต่อ​เขา​ของ​ตน​จึง​ขาด​ความเคารพ​ส่วนหนึ่ง​ไป​?​ ​แต่​ตน​ก็​ไม่ได้​เสียมารยาท​ ​อีกทั้ง​ก่อนหน้านี้​ก็​ไม่เห็น​ว่า​เขา​จะ​แสดง​ความไม่พอใจ​เลย​แม้แต่​นิด​!

ไม่ว่า​สือ​อี​เหนียง​นั้น​จะ​ครุ่นคิด​อย่างไร​ก็​ไม่​อาจ​เข้าใจ​ได้​ ​จู่ๆ​ ​ก็​รู้สึก​ว่า​ใน​เรือน​มี​อะไร​บางอย่าง​เคลื่อนไหว

เวลานี้​ ​ทุกๆ​ ​เรือน​ก็​ลงกลอน​ประตู​หมด​แล้ว​ ​หาก​ไม่ใช่​เรื่องใหญ่​ก็​คงจะ​ไม่​มา​เคาะ​ประตู​อย่างแน่นอน​!

นาง​จึง​ลุกขึ้น​มาสวม​เสื้อคลุม​แล้ว​เดิน​ออกจาก​ห้อง​ชั้นใน​ไป

นาง​ได้ยิน​เสียงดัง​ออกมา​จาก​ด้านนอก

สือ​อี​เหนียง​ตะโกนเรียก​ลี่ว​์​อวิ​๋​นที​่​เป็น​เวร​ดึก​ ​“​…​เจ้า​ได้ยิน​อะไร​หรือไม่​”

ลี่ว​์​อวิ​๋น​เงี่ยหู​ฟัง​ ​“​เหมือนว่า​ด้านนอก​จะ​มี​อะไร​เคลื่อนไหว​เจ้าค่ะ​!​”​ ​จากนั้น​นาง​ก็​สวม​เสื้อ​อ่าว[2]ทับ​ด้านนอก​ ​“ฮู​หยิน​ ​บ่าว​ออก​ไปดู​เจ้าค่ะ​!​”

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​เบา​ๆ

ลี่ว​์​อวิ​๋​นรีบ​เดิน​ออก​ไป​ทันที​ ​ผ่าน​ไป​ครู่หนึ่ง​นาง​ก็​ย้อนกลับ​มา​ ​“​ผู้ดูแล​เรือน​นอก​มาหา​ท่าน​โหว​เจ้าค่ะ​!​”

สือ​อี​เหนียง​ใจเต้น​ไม่​เป็นจังหวะ​ขึ้น​มา​ ​“​รู้​หรือไม่​ว่า​เรื่อง​อะไร​”

ลี่ว​์​อวิ​๋น​ส่ายหน้า​พร้อมกับ​ตอบกลับ​ไป​ว่า​ ​“​ไม่รู้​เจ้าค่ะ​ ​ตอน​บ่าว​ออก​ไป​ถึง​ท่าน​โหวก​็​ไม่อยู่​แล้ว​ ​แม่เฒ่า​ที่อยู่​เวร​ดึก​ลงกลอน​ใหม่​อีกครั้ง​แล้ว​เจ้าค่ะ​”

สือ​อี​เหนียง​ไม่​หลงเหลือ​ความง่วง​เลย​แม้แต่​นิดเดียว

หลังจาก​กลับ​เรือน​ไป​แล้ว​ ​ก็​ให้​ลี่ว​์​อวิ​๋น​ไป​ย้าย​โต๊ะ​ปัก​ผ้า​มาปั​กตั​วอั​กษ​รต​่อ​ ​จน​ฟ้า​เริ่ม​สว่าง​นาง​ถึง​เพิ่งจะ​รู้สึก​ง่วง​ขึ้น​มา

แต่​ก็​ถึง​เวลา​ที่จะ​ต้อง​ไป​คารวะ​ไท่ฮู​หยิน​แล้ว

นาง​หาว​ไป​หนึ่ง​ครั้ง​ ​จากนั้น​ก็​ไป​ล้างหน้าล้างตา​ที่​ห้อง​ชำระ​ ​ยัง​ไม่ทัน​จะ​ได้​หวี​ผม​ ​ก็​มีสาว​ใช้​วิ่ง​เข้ามา​เรียน​ว่า​ ​“​ท่าน​โหวก​ลับ​มา​แล้ว​เจ้าค่ะ​!​”

ออก​ไป​กลางดึก​แล้ว​กลับมา​เวลานี้?

สือ​อี​เหนียง​รีบ​ออก​ไป​ต้อนรับ​ด้วย​ความแปลกใจ

ก็​เห็น​สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่​สาวเท้า​เดิน​เข้ามา​ด้วย​สีหน้า​ที่​คร่ำ​เครียด​ ​ใน​มือ​ของ​เขา​กำลัง​หิ้ว​ห่อ​ผ้า​ปูด​นูน​ห่อ​ใหญ่​ที่​ถูก​ห่อ​ด้วย​ผ้า​ดิบ​ลาย​ดอกไม้​สีน้ำเงิน​ด้วย​ความ​ทะนุถนอม

ไม่รู้​ว่า​เป็น​เพราะอะไร​ ​เมื่อ​สือ​อี​เหนียง​เห็น​ห่อ​ผ้า​ห่อ​นั้น​ครั้งแรก​ ​จู่ๆ​ ​ก็​มีคำ​พูด​ที่ว่า​ ​‘​นึกไม่ถึง​เลย​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​จะ​มี​ความกล้า​เช่นนี้​ด้วย​’​ ​ดังก้อง​ขึ้น​มา​ใน​หัว

เมื่อ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​สือ​อี​เหนียง​ ​ใบหน้า​ของ​เขา​ราวกับ​เคลือบ​ไป​ด้วย​น้ำค้าง​ก็​ไม่​ปาน​ ​เขา​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​เยือกเย็น​ว่า​ ​“​กลับ​ไป​ค่อย​คุย​กัน​!​”

สือ​อี​เหนียง​เห็น​ว่า​สีหน้า​ของ​เขา​ไม่​ค่อย​ดี​เท่าไร​นัก​ ​จึง​ก้มหน้าก้มตา​เดินตาม​เขา​เข้า​เรือน​ไป

เขา​สั่ง​กับ​สาวใช้​ใน​เรือน​ ​พลาง​วาง​ห่อ​ผ้า​ห่อ​นั้น​ลง​บน​เตียง​เตา​ริม​หน้าต่าง​ใน​ห้อง​ชั้นใน​ ​“​เจ้า​ไปหา​ป้า​รับใช้​ที่​สงบปากสงบคำ​มาช​่ว​ยดู​แล​ชั่วคราว​”​ ​เมื่อ​เขา​พูด​จบ​ ​ห่อ​ผ้า​ก็​ถูก​เปิด​ออก

สือ​อี​เหนียง​อึ้ง​จน​ตาค้าง​ ​ราวกับ​ถูก​สายฟ้า​ฟาด​ก็​ไม่​ปาน​ ​ยืน​นิ่ง​ไม่​ขยับ​ไป​ครู่ใหญ่​เห็นจะ​ได้

ใน​ห่อ​ผ้า​กลับเป็น​เด็กน้อย

ดูแล​้​วอา​ยุ​ไม่น่า​จะ​เกิน​สอง​ถึง​สาม​ขวบ​ ​ขาวซีด​และ​ซูบผอม​ ​นอนขด​ตัว​กลม​ ​แยก​ไม่​ออก​ว่า​เป็น​เด็กหญิง​หรือ​เด็กชาย​ ​สวม​เสื้อ​อ่าว​ผ้าแพร​ต่วน​สีแดง​สด​ที่​ค่อนข้าง​เล็ก​ ​เต็มไปด้วย​คราบ​น้ำมัน​ ​คอ​และ​แขน​เสื้อ​ถูก​เสียดสี​จน​ขึ้นเงา​ ​แขน​น้อย​ๆ​ ​โผล่​พ้น​ออกมา​ ​อาจ​เป็น​เพราะ​อากาศ​ที่​ค่อนข้าง​หนาวเย็น​ ​พลอย​ทำให้​สีผิว​นั้น​ดำคล้ำ​ไป​หมด​ ​ผม​บน​หัว​ค่อนข้าง​ยุ่งเหยิง​ไม่เป็นระเบียบ​ ​เต็มไปด้วย​กลิ่น​สาบ​ฉุน​ ​เขา​กำลัง​จ้องมอง​นาง​ด้วย​สีหน้า​แววตา​ที่​หวาดกลัว

ใน​หัว​ของ​นาง​ขาวโพลน​ ​จิตใจ​สับสนวุ่นวาย​ไป​หมด​ ​นาง​ชี้​ไป​ยัง​ตา​ชั้นเดียว​แต่กลับ​กลม​โต​บน​ใบหน้า​ที่​สกปรก​มอมแมม​นั้น​โดยที่​ไม่​อาจ​ควบคุมตัว​เอง​ได้​ ​“​นี่​มัน​เรื่อง​อัน​ใด​กัน​”

———————-

[1]เค​่อ ​หน่วย​นับ​เวลา​สมัย​จีน​โบราณ​ ​1​ ​เค​่อ​เท่ากับ​ ​15​ ​นาที​โดยประมาณ

[2]เสื้อ​อ่าว ​เสื้อกันหนาว​ตัว​นอก​ที่​มี​ซับใน​ ​ตรง​แขน​เสื้อ​กว้าง​พอดี​กับ​ข้อมือ

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท