ตอนที่ 941 ไม่มีทางเสียหรอก
พลังวิญญาณของฟ่านโยวและลั่วเจินลอยกระจายอยู่โดยรอบ
แน่นอนว่าพวกเขาตายสนิทไปแล้ว แม้ว่าไม่ได้ทำให้เขาทรมานมากนัก ซึ่งน่าเสียดายอยู่บ้าง แต่โบราณกล่าวไว้ว่าฝ่ายตัวร้ายจะตายเอาได้เพราะพูดมากเกินไป หากนางเอาแต่พูดยืดยาวแล้วมีเทพเซียนมาช่วยฟ่านโยวพาตัวเขาไปซ่อน นางอยากลงมืออีกก็คงเป็นการยาก
ปรากฏว่าเป็นไปอย่างที่คาดการณ์ไว้ การเคลื่อนไหวที่ใหญ่โตถึงเพียงนี้ดึงดูดเทพมามากมาย
มองดูมีพลังอำนาจไม่น้อยเสียด้วย
“เทพฟ่านโยว...” เหล่าเทพเพิ่งจะเห็นฉากที่เขาและลั่วเจินระเบิดพอดี เทพเซียนแต่ละคนต่างก็อกสั่นขวัญหาย
“จักรพรรดิปีศาจจู๋อิ๋งหรือ!” ทำให้ราชันปีศาจปรากฏตัวออกมาได้ เกรงว่าก็คงไม่มีผู้อื่นแล้ว
ซ่งอิงและชางเวยยืนอยู่ตรงข้าม นางไม่ตระหนกตกใจกลัวเช่นกัน “มาได้จังหวะจริง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะได้ไม่ต้องเสียแรงไปหาด้วยตนเอง”
“พวกเจ้าเทพเซียนคอยบีบบังคับเผ่าพันธุ์ของข้าให้ทำนู่นทำนี่มาหลายปี บัดนี้ข้ากลับมาแล้ว ข้าจะขอเป็นตัวแทนโลกปีศาจประกาศสงครามกับพวกเจ้า!”
ซ่งอิงแสดงพลังอำนาจออกมา น้ำเสียงเย็นชาลอยเข้าหูเหล่าเทพ ถึงขั้นให้ความรู้สึกราวกับจะกระชากวิญญาณออกไปจากร่างอยู่เล็กน้อย “ตั้งแต่วันนี้ไป หากไม่ส่งตัวสัตว์ปีศาจทั้งหมดของโลกปีศาจข้าคืนมาภายในหนึ่งวัน ข้าจะไปตามฆ่าบรรดาพวกเจ้าในโลกเทพ ไม่สนว่าจะเป็นเทพ หรือเป็นสัตว์!”
“แน่นอนว่าหากพวกเจ้าอยากได้ความสะใจ ไว้ทันทีที่ส่งคืนกลับมาแล้ว ข้าจะให้ความสะใจแก่พวกเจ้าเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายกำหนดจำนวนคนแล้วไปสู้กันที่ทะเลชางเซิงสักสนาม ไม่ว่าแพ้ หรือชนะ ข้าล้วนยอมรับทั้งสิ้น!”
ซ่งอิงพูดจบ มองเห็นข้างกายเทพผู้นี้มีสัตว์เทพทรงพลังน่าเกรงขามอยู่ตนหนึ่ง นางจึงแสยะยิ้มเย็นชาแล้วยื่นมือออกไป ทำให้สัตว์เทพตนนั้นม้วนเข้ามาหา
“วันนี้ ข้าจะเอามันกลับไปเป็นสัตว์พาหนะสำหรับขี่ของข้าก็แล้วกัน” พูดจบ ซ่งอิงและชางเวยก็กลับโลกปีศาจทันที
พวกเขาหายตัวไปในชั่วพริบตา
เทพเซียนเหล่านี้มิใช่ว่าตามหากลิ่นอายของโลกปีศาจไม่เจอ เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์ของโลกปีศาจเป็นอย่างไร จึงไม่กล้าไล่ตามไปสุ่มสี่สุ่มห้า
อีกทั้งต่อหน้าเทพเซียนมากมายเพียงนี้ กลับเอาตัวสัตว์เทพตนหนึ่งไปได้โดยตรง เห็นได้ว่าจักรพรรดิปีศาจตนนี้ทรงพลังเพียงใด!
หลังจากซ่งอิงจากไป โลกเทพก็โกลาหลเล็กน้อย
มีผู้เรียกหาสงคราม แต่ก็มีผู้ต้องการความสงบสุขเช่นกัน
เทพเซียนที่เป็นแกนนำแห่งการต่อสู้ แน่นอนว่าคิดจะใช้สัตว์ปีศาจที่อยู่ในโลกเทพแห่งนี้เป็นตัวประกัน ทำให้จักรพรรดิปีศาจยอมรับความพ่ายแพ้
แต่เรื่องนี้กลับถูกคนจำนวนมากปฏิเสธ อย่างไรเสียจักรพรรดิปีศาจก็มีสถานะพิเศษ และอยากจะเป็นดั่งโลกเทพก็ง่ายดายเหลือเกิน หากแก้แค้นเพราะสาเหตุนี้ ไม่ว่าสัตว์เทพ หรือเซียนรุ่นเล็กของโลกเทพก็คงจะรับไม่ไหวเป็นแน่
ดังนั้นกลุ่มผู้ที่ต้องการความสงบจึงเสนอแนะว่าตอบรับคำขอของซ่งอิงเสีย ส่งสัตว์ปีศาจทั้งหมดกลับไป จากนั้นก็ไปสู้กันที่ทะเลชางเซิง คลายความโกรธแค้น หากชนะ เผ่าพันธุ์ปีศาจก็ไม่มีถ้อยคำใดพูดได้อีก
ในช่วงเวลาอันสั้น แน่นอนว่ายังตัดสินใจไม่ได้
ซ่งอิงไม่รีบร้อนแต่อย่างใด
ในวันแรกของโลกเทพที่นางจับสัตว์เทพตนนี้ได้ พอวันต่อมา ซ่งอิงก็ให้สืออิ๋งวางเพลิงเขาลูกหนึ่งในโลกเทพ
สัตว์เทพมีดวงจิต ย่อมหนีได้อยู่แล้ว แต่ว่าบนภูเขายังมีพืชเซียนอีกมากมายซึ่งกลัวไฟเป็นที่สุด จึงได้รับความเสียหายไปเป็นจำนวนมาก
พืชเซียนเหล่านี้เดิมทีมีความหวังได้กลายเป็นเซียนเช่นกัน เพียงไฟมอดไหม้ครั้งเดียวก็ถึงแก่ความตายแล้ว ซ่งอิงกลับไม่รู้สึกผิดแต่อย่างใด หากนางเป็นเพียงซ่งอิง แน่นอนว่าจะไม่พาลไปยังผู้ที่ไม่มีความผิด แต่บัดนี้นางเป็นจักรพรรดิปีศาจ หลายปีมานี้ บรรดาปีศาจรุ่นเล็กตนอื่นๆ ก็ไม่มีโทษไม่มีความผิดใด แต่ยังถูกพวกเทพรังแก ชีวิตน้อยๆ บทจะตายก็ต้องตายไปเสียดื้อๆ เลยมิใช่หรือ
หากนางไม่ใจร้ายเสียหน่อย เกรงว่าเทพเซียนเหล่านี้คงคิดว่าคำพูดของนางเป็นเพียงการล้อเล่นเท่านั้น!
ไฟไหม้ครั้งใหญ่ครานี้ทำให้เผ่าพันธุ์เทพงุนงงไปตามๆ กัน
เพราะเทพเซียนในยุคโบราณต่างก็กล่าวไว้ว่าจักรพรรดิปีศาจเป็นผู้มีเมตตา ไม่เคยเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์
ดังนั้นจึงคิดว่าต่อให้สัตว์เทพถูกจับไป อยู่ในโลกปีศาจแห่งนั้นก็คงไม่มีทางถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม…
ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าจะค่อยๆ ปรึกษากัน ไม่ได้รีบร้อนจนเกินไป
แต่ตอนนี้…
ไม่นึกเลยว่าจะวางเพลิงกันจริงๆ
ภูเขาลูกนั้นไม่ใหญ่ พืชเซียนที่มีภูมิปัญญาถือว่าไม่มากนัก แต่นั่นก็เป็นสิ่งมีชีวิตนี่ จักรพรรดิปีศาจผู้นี้เห็นได้ชัดว่าที่ผ่านมาไม่เคยสังหารหมู่ เหตุใดตอนนี้…
แม้แต่เทพชีมู่ที่หลบอยู่ก็ยังแอบสนใจในสถานการณ์ภายนอก ได้ยินข่าวนี้ก็อดเหน็บแนมไม่ได้
ที่ผ่านมาหรือ
ที่ผ่านมาตอนที่นางยังดีกับโลกเทพอยู่ ฟ่านโยวและจักรพรรดิสวรรค์ผู้นั้นร่วมมือกันกวาดล้างเผ่าพันธุ์ของนาง! ตอนนี้นางกลับมาแล้ว ยังคิดจะให้นางใจดีเหมือนตอนนั้นได้อีกหรือ ไม่มีทางเสียหรอก!
ตอนที่ 942 ขอบคุณนาง
ภูเขาเทพลูกเล็กๆ หนึ่งลูกถูกทำลาย แต่กลับทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ในโลกเทพ และพิสูจน์ให้เทพเซียนได้เห็นว่าการตัดสินใจของจักรพรรดิปีศาจไม่ใช่เพียงคำพูดล้อเล่นเท่านั้น
เพียงแต่ยังมีเทพเซียนหลายคนที่คิดว่าจักรพรรดิปีศาจเพียงแค่จงใจแสดงความสามารถของตนเท่านั้น
ถึงแม้เป็นจักรพรรดิปีศาจ อยู่ในโลกเทพแห่งนี้ก็อยากมาก็มาอยากไปก็ไปตามใจไม่ได้ ตราบใดที่โลกเทพแห่งนี้เพิ่มการป้องกันอย่างแน่นหนา หากจักรพรรดิปีศาจกล้าเข้ามา เช่นนั้นก็กำจัดนางเสีย!
น่าเสียดาย ความคิดที่เทพเซียนรุ่นเล็กเหล่านี้คิดเองเออเองนั้นถูกโต้กลับในทันที
โดยสรุปคือมีเทพเซียนหาข้อมูลอ้างอิงอันน่าเชื่อถือมาส่วนหนึ่ง
ในนั้นมีประวัติของจู๋อิ๋งอยู่
ในตอนแรกโลกนี้ถือกำเนิดหยินหยางและธาตุทั้งห้า ตอนนั้นนางยังเป็นเพียงกลุ่มอากาศธาตุที่ลอยไปมา แต่เป็นเพราะกลิ่นอายที่แตกต่างของนาง ตอนที่ยังไม่ทันได้รู้ตัว นางก็ได้ครอบครองโลกใบหนึ่งไปแล้ว หลังจากผ่านไปอีกหลายปี เผ่าพันธุ์ปีศาจค่อยๆ ถือกำเนิดขึ้น เนื่องจากความแข็งแกร่งของจู๋อิ๋งตลอดจนความเข้าใจพื้นฐานในวิธีการของโลกปีศาจที่ใช้การบำเพ็ญตบะตลอดจนฝึกฝนเรียนรู้ เพื่อหาผู้ที่พึ่งพิงได้ จะได้ไม่ให้ถูกรังแก บรรดาปีศาจเหล่านั้นจึงถือว่านางเป็นหัวหน้าของปีศาจทั้งหมด
จักรพรรดิปีศาจผู้นี้ปกครองโลกปีศาจมาหลายปี แม้ว่าในตอนแรกลึกลับเป็นพิเศษ แต่โลกปีศาจก็รุ่งเรืองมากภายใต้การนำของนาง
นอกจากนี้ จักรพรรดิปีศาจตนนี้…
เดิมทีก็ไม่ถือว่านางเป็นปีศาจ
นางอยากฝึกฝนเป็นเทพก็ย่อมทำได้ อยากเป็นปีศาจก็ทำได้ หากนางคิดแอบเข้ามาในโลกเทพจริง เกรงว่าแม้แต่จักรพรรดิสวรรค์ก็คงดูไม่ออก!
ครั้นข้อมูลนี้แพร่งพรายออกไปพวกเขาก็หมดหนทางแล้ว
จะไม่คำนึกถึงเทพเซียนในโลกเทพตลอดจนสัตว์เทพเพียงเพราะพวกสัตว์ปีศาจไม่ได้กระมัง
พวกเขาจึงทำได้เพียงตกลงตามคำขอก่อนหน้าของจักรพรรดิปีศาจ
เทพชีมู่ลอบเก็บตัว เข้าใจว่าเรื่องนี้คงมาไม่ถึงตน แต่คิดไม่ถึงว่าฟ่านโยวจะตายแล้ว คนเดียวที่มีไมตรีกับจักรพรรดิปีศาจก็มีเพียงเขา แม้ว่าเขาเก็บตัวอยู่เช่นนี้ ก็ต้องถูกเหล่าเทพระดับเสินจวินในโลกเทพเชิญออกไปจนได้
เป็นคำขอร้องที่นุ่มนวล
“ให้ข้านำสัตว์ปีศาจไปส่งถึงโลกปีศาจก็ย่อมได้ แต่ต้องรับรองให้ได้ว่าในโลกเทพของเราไม่มีรังของสัตว์ปีศาจ และต้องไม่มีไข่สัตว์ปีศาจแม้แต่เพียงฟองเดียว!” เทพชีมู่กล่าวทันใด
ครั้นเอ่ยถ้อยคำดังกล่าวออกไป เทพระดับเสินจวินคนอื่นๆ ก็เผยสีหน้าอึดอัดเล็กน้อย
เทพชีมู่แสยะยิ้มเย็นชา “ดูสิ พวกเจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ จักรพรรดิปีศาจผู้นั้นเป็นคนธรรมดาหรือไร ยิ่งไปกว่านั้น ชางเวยยังเป็นคนจากโลกเทพของเรา ที่ตำหนักของพวกเจ้ามีสัตว์ปีศาจกี่ตน มีหรือชางเวยจะสืบไม่ได้ อีกอย่าง ต่อให้ไม่มีชางเวย จักรพรรดิปีศาจก็สัมผัสถึงกลิ่นอายของสัตว์ปีศาจที่อยู่ในโลกเทพแห่งนี้ได้!”
“อีกเดี๋ยวข้าพาเหล่าสัตว์ปีศาจไปส่ง พูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่าไม่เหลือสัตว์ปีศาจในโลกเทพแล้วแม้แต่ตนเดียว ทว่าวันหน้าวันหลังหากจักรพรรดิปีศาจพบด้วยตนเองว่าพวกเจ้ายังแอบกักตัวสัตว์ปีศาจเอาไว้ส่วนหนึ่ง ถึงตอนนั้นใครจะซวยเล่า อยากให้ข้าเจอเหมือนฟ่านโยวหรือ ฝันไปเถิด!” เทพชีมู่ปิดที่เทวสถิตของตนเองทันทีที่พูดจบ ขับไล่เทพเซียนทั้งหมดออกไป
หากเป็นราชันปีศาจเหล่านั้น จะตบตาก็คงตบตาได้ ไม่น่ากังวลอะไรนัก อย่างไรเสียราชันปีศาจส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างหัวรั้น หากตั้งใจหน่อยก็ยังพอหาจุดอ่อนได้ จากนั้นค่อยคิดหาวิธีโดยยึดตามจุดอ่อนเหล่านี้
แต่จักรพรรดิปีศาจผู้นี้มีจุดอ่อนตรงไหนเล่า
นึกถึงเขาตอนนั้นสง่างามเช่นนี้ ตามเกี้ยวพาราสีนางอย่างหน้าไม่อาย นางยังไม่เหลียวมองเลยสักนิด มิหนำซ้ำยังโยนเขาเข้าไปในถ้ำงูอีก
แน่นอนว่าในตอนนั้นเขาไม่รู้เช่นกันว่านางเป็นจักรพรรดิปีศาจ หากรู้ เขาจะเป็นฝ่ายกระโดดเข้าไปในถ้ำงูเองโดยไม่ต้องให้นางจับโยน
มีแต่พวกคิดสั้นเท่านั้นแหละจึงได้เข้าไปตีสนิทจักรพรรดิปีศาจ
เขารอดจากสมัยโบราณที่เอะอะก็สู้รบมีชีวิตรอดมาถึงตอนนี้ได้ ไม่ใช่เพราะเขาเป็นเทพระดับเสินจวิน แต่เป็นเพราะเขารู้ความต่างหากเล่า!
“เฮ้อ อันที่จริงข้ารู้สึกขอบคุณนางไม่น้อยทีเดียว” เมื่อกลับมายังตำหนักเทวสถิตของตนเอง เทพชีมู่จึงได้ส่ายหน้าพึมพำ
เทพธิดาที่คอยปรนนิบัติรับใช้มองเขาอย่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจความหมายของเทพชีมู่