โจวเสวียน
ถึงแม้ผู้บุกรุกที่ถูกจับกุมไว้จะไม่ได้บอกชื่อของคุณชาย แต่เฉินตันจูก็ยังคงรู้ได้ทันที
ครั้งนั้นที่นางพบกับโจวเสวียน โจวเสวียนเคยบอกแล้วว่าเขาเคยเห็นนางที่บริเวณเชิงเขา
ผู้ติดตามนี้ยังตะโกนบอกว่านางเป็นคุณหนูฝีมือดี
“คุณหนู คุณหนู” ถึงแม้ถูกเหล่าองครักษ์หลวงกดไว้ขยับไม่ได้ แต่ผู้ติดตามนี้ยังคงพูดไม่หยุด “ข้าชื่อชิงเฟิง ข้าเคยพบกับคุณหนูก่อนหน้านี้ ครั้งหนึ่งที่เชิงเขา อีกครั้งที่งานเลี้ยงตระกูลฉาง อา งานเลี้ยงตระกูลฉางข้าอยู่ด้านนอก คุณชายข้าไม่ให้ข้าเข้าไป หากแต่ข้าเห็นคุณหนูท่านด้วย เพียงแค่คุณหนูท่านไม่เห็นข้า…”
ดูองครักษ์ของคนอื่น พูดเก่งเสียจริง ย้อนกลับมาดูจู๋หลิน เฉินตันจูเท้าคางมององครักษ์คนนี้ พูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าชื่อชิงเฟิงหรือ ชื่อดีเสียจริง คนเหมือนดั่งชื่อ น่าเอ็นดูสดใสเหมือนดั่งสายลมเย็น”
แหะ องครักษ์ที่ถูกกดไว้ยิ้มอย่างดีใจ “คุณหนูท่านตาถึงมาก แต่ว่าข้าไม่ได้ชื่อชิงเฟิงที่แปลว่าสายลมเย็น หากแต่เป็นคำว่าชิงที่แปลว่าสีคราม กับคำว่าเฟิงที่แปลว่าแหลมคม…”
เดิมทีเขาคิดจะทำท่าทาง แต่องครักษ์ทั้งสองข้างตัวดุจดั่งรูปปั้นหินที่ทับเขาเอาไว้จนขยับไม่ได้
“แต่ว่าไม่เป็นไร ข้าเป็นคนที่ดีมากจริงๆ …ท่านทั้งสอง พวกท่านปล่อยข้าได้หรือไม่ ข้ารู้จักกับคุณหนูของพวกท่าน”
องครักษ์ทั้งสองมองเขาอย่างเรียบเฉย ไม่เพียงแต่ไม่ปล่อยมือ อีกทั้งยังออกแรงบนมือมากขึ้น ชิงเฟิงโอดครวญขึ้นมา
“ข้าไม่ได้สู้พวกท่านไม่ได้ ข้ายังไม่ได้เอาจริง พวกท่านเป็นองครักษ์หลวง ข้าเป็นพันเอกแห่งกองทหารม้ารักษาการณ์ของกองทัพเป่ยจวิน…”
เฉินตันจูนั่งตัวตรงอยู่บริเวณหน้าต่าง ถามด้วยความสงสัย “เจ้าเป็นคนของกองทัพเป่ยจวินหรือ ทำสงครามมามากใช่หรือไม่”
ชิงเฟิงแสดงสีหน้าได้ใจ “ใช่ ก่อนที่จะติดตามคุณชาย ข้าออกรบเหนือใต้ ต่อมาฝ่าบาทคัดเลือกองครักษ์ให้คุณชาย ข้าเข้าร่วมการคัดเลือก หลังจากที่ผ่านการคัดเลือกหลายชั้น ข้าจึงกลายเป็นองครักษ์ประจำตัวของคุณชาย”
เฉินตันจูชื่นชม “เก่งเสียจริง ครั้งนี้เจ้าเป็นคนบุกรุกเข้าเมืองฉีก่อนหรือไม่”
“คุณหนูตันจูรู้เรื่องสงครามด่านหน้าอย่างดี” ชิงเฟิงพูดอย่างดีใจ “ใช่ ไม่เพียงเท่านี้ ตอนนั้นข้าและคุณชายเรียกได้ว่าบุกเดี่ยว…”
เฉินตันจูกวักมือขัดคำพูดของเขา “มาๆ รีบมา นั่งลงเล่า” ก่อนจะเรียกขานอาเถียน “อาเถียน เร็ว หยิบขนมออกมา”
อาเถียนเฝ้าคอยอยู่ด้านหน้าประตูอย่างระแวงอยู่ก่อนแล้ว นางจับตามององครักษ์นี้อยู่ตลอดเวลา เมื่อได้ยินคุณหนูพูดประโยคนี้ นางจึงรีบเปลี่ยนเป็นหน้ายิ้ม วิ่งไปหยิบขนม พร้อมทั้งวางสันถัตบริเวณใต้ชายคา
“พี่ชายท่านนี้ ท่านนั่งลงก่อน” นางพูดด้วยรอยยิ้ม “ขนมเหล่านี้อร่อยมาก ท่านลองชิมดู”
ชิงเฟิงถูกองครักษ์สองคนจับเดินมาทางนี้ด้วยความดีใจ ก่อนจะถูกกดให้นั่งลงบนสันถัต
“ขอบใจ ขอบใจ” เขาพูด พลางมององครักษ์ทั้งสองอย่างระอา “สหาย ปล่อยมือได้หรือไม่ ข้าจะกินอย่างไร”
อาเถียนนั่งยองลงมา “ไม่ต้องกังวล ข้าป้อนท่านเอง”
สาวรับใช้ยิ้ม คุณหนูพาดมืออยู่ริมหน้าต่างพลางพูดเสียงเบา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเถิด กินเถิด ชิงเฟิง เวลานั้นสถานการณ์เมืองฉีเป็นอย่างไร เจ้าได้พบท่านอ๋องฉีหรือไม่ องค์รัชทายาทเมืองฉี องค์หญิงเมืองฉีมีหน้าตาอย่างไร”
“จะว่าไป พระราชวังของท่านอ๋องฉีไม่สู้…” ชิงเฟิงพูดอย่างออกรสออกชาติ พูดได้เพียงครึ่งหนึ่ง เขาก็เหลือบไปเห็นคุณหนูใบหน้ากลมดวงตาโตยิ้มหวานยืนอยู่ริมหน้าต่าง ทันใดนั้นเขานึกขึ้นได้ว่าตนเองมาทำอันใด “คุณหนูตันจู คุณชายของข้ามาเยือน เวลานี้อยู่ที่เชิงเขา องครักษ์ของท่านมีความเข้าใจผิดต่อคุณชายของข้า ขวางทางเอาไว้ไม่ให้เข้า คุณชายจึงให้ข้ามารายงาน”
เฉินตันจูราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ “อย่างนี้หรือ” นางพูดกับอาเถียน “เจ้ารีบไปดู”
อาเถียนตอบรับ ชิงเฟิงทำท่าจะลุกขึ้นตาม เฉินตันจูโบกมือให้เขา “ชิงเฟิงเจ้าไม่ต้องไป นั่งเถิด” พูดพลันเรียกเยี่ยนเอ๋อ “หยิบกาชาสมุนไพรมา”
ตามการโบกมือของนาง มือขององครักษ์ทั้งสองออกแรง กดชิงเฟิงกลับไปอีกครั้ง
เยี่ยนเอ๋อหิ้วกาน้ำชาใบหนึ่งวิ่งเข้ามา เรียกขานเสียงหวาน “พี่ชาย ท่านลองชิมชาสมุนไพรที่คุณหนูของพวกข้าต้มเอง คุณหนูของพวกข้าเป็นไต้ฟู รักษาโรคได้ ทำยาได้ สามารถช่วยคนตายให้ฟื้นได้ ท่านเคยได้ยินหรือไม่”
ถึงแม้สาวรับใช้คนนี้จะไม่งามเท่าคนก่อนหน้านี้ แต่เสียงของนางสดใส พูดจาเจื้อยแจ้วไม่หยุด ชิงเฟิงได้ยินจึงฉีกปากยิ้ม “เคยได้ยิน เคยได้ยิน ชื่อเสียงของคุณหนูตันจู ข้าและคุณชายเคยได้ยินก่อนที่จะกลับเมืองหลวงแล้ว”
อ่อ ดังนั้นเฉินตันจูเป็นคนอย่างไร ทำเรื่องอันใด โจวเสวียนไม่ได้รู้ตอนเดินทางมาถึง จึงต้องการสั่งสอนสตรีร้ายกาจอย่างนาง หากต้องการสั่งสอนนางจริง วันนั้นตอนที่นางตีคุณหนูตระกูลเกิ่ง คงจะเหมาะสมในการช่วยเหลือมากกว่าไม่ใช่หรือ เฉินตันจูยิ้มเล็กน้อย พัดปิดบังใบหน้าครึ่งหนึ่งของนางเอาไว้
“อันที่จริงส่วนใหญ่นั้นล้วนเป็นเรื่องเท็จ” นางถอนหายใจเสียงเบา “ข้าไม่แก้ตัวให้ตนเอง เพียงแต่ถามใจแล้วไม่รู้สึกผิดเท่านั้น ไม่พูดเรื่องนี้ พูดเรื่องของเจ้าดีกว่า เจ้าดูอายุยังไม่มาก ติดตามคุณชายโจวนานเพียงใดแล้ว”
เรื่องของคุณหนูเฉินตันจูพูดยากเสียจริง ชิงเฟิงมองดวงตาโศกเศร้าของหญิงสาวตรงหน้า ก็ไม่อาจพูดเรื่องนี้ได้อีก ดังนั้นจึงตอบคำถามของนางแทน “ถึงแม้ปีนี้ข้าเพิ่งอายุยี่สิบ แต่ข้าเข้าร่วมกองทัพตั้งแต่สิบห้า ติดตามคุณชายโจวตั้งแต่สามปีก่อน”
เยี่ยนเอ๋อส่งเสียงสงสัย ดวงตากลมโตจ้องมองเขา “พี่ชายเพิ่งอายุยี่สิบหรือ ข้าคิดว่ายี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดแล้วเสียอีก…”
เอ่อ…ชิงเฟิงอดคิดที่จะลูบคลำใบหน้าของตนเองไม่ได้
เฉินตันจูถอนหายใจเบาอีกครั้ง “อยู่ในกองทัพลำบากอย่างมาก ชิงเฟิงหลายปีนี้เจ้าทำสงครามกับเหล่าท่านอ๋องอยู่ด้านนอกตลอดเวลา ลำบากเจ้าแล้ว” พูดพลางหัวเราะเยาะตนเอง “กองทัพของเหล่าท่านอ๋องรับมือยากเพียงใด ข้ารู้ดี”
เอ่อ…คุณหนูเฉินตันจูเป็นบุตรสาวของเฉินเลี่ยหู่ เฉินเลี่ยหู่เป็นแม่ทัพที่รับมือยากอย่างมาก ทหารของราชสำนักต่างเกลียดแค้นเขา ภายในใจของชิงเฟิงรู้ดีเป็นอย่างยิ่ง มิน่าคุณหนูตันจูจึงระแวงไม่ให้คุณชายขึ้นเขามา ฐานะของนางน่าอึดอัดใจไม่น้อย
“อย่างไร ก็โชคดีที่มีคุณหนูตันจู” เขาพูดอย่างมีไหวพริบ “ฝ่าบาทและท่านอ๋องอู๋ไม่ได้ก่อสงครามกัน ถือเป็นความโชคดีอย่างยิ่งใหญ่ของเหล่าทหาร”
พูดประโยคนี้จบ เขาก็เห็นคุณหนูที่ยืนพิงอยู่ริมหน้าต่างเผยยิ้มออกมา “ขอบใจที่เจ้าพูดเช่นนี้”
เยี่ยนเอ๋อรินน้ำชาให้เขา “พี่ชายเชิญดื่มชา”
องครักษ์ทั้งสองข้างปล่อยเขาออก ชิงเฟิงรู้สึกว่าฝีปากของตนเองร้ายกาจอย่างมาก เขานั่งลงบนสันถัตก่อนรับน้ำชามา
บนทางขึ้นภูเขา แสงเงาเปลี่ยนผ่าน ร่างที่ยืนตัวตรงรู้สึกหมดความอดทนขึ้นมา
“นี่” โจวเสวียนขมวดคิ้วมององครักษ์ที่อยู่ด้านหน้า อีกทั้งยังมีสาวรับใช้ข้างตัวเขา “ตกลงพบหรือไม่ เฉินตันจูปฏิบัติต่อแขกเช่นนี้หรือ”
จู๋หลินเหลือบมองอาเถียน ใช้สายตาเป็นเชิงถามว่าพบหรือไม่พบกันแน่
อาเถียนยืนอยู่ข้างตัวเขา ไม่พูดไม่จา เพียงแค่พินิจโจวเสวียน…มีอันใดน่าดูกัน
อาเถียนเขย่งเท้ากระซิบข้างหูของเขา “คุณหนูบอกให้ข้ามาดู แต่ไม่ได้บอกให้เขาเข้าไป”
จู๋หลินระอาเล็กน้อย เอาเถิด เขาเข้าใจแล้ว คุณหนูตันจูคิดจะแกล้งคนอีกแล้ว
คนอื่นก็แล้วไป แต่โจวเสวียน…
เขาหลีกทาง “คุณชายโจวเชิญ”
โจวเสวียนสะบัดแขนเสื้อเดินขึ้นเขาไป ประตูของอารามดอกท้อเปิดกว้าง ไม่พบองครักษ์ที่ทำท่าทางดุจดั่งเผชิญหน้ากับศัตรูใหญ่ ยังไม่ทันก้าวเท้าเข้าประตูก็ได้ยินเสียงหัวเราะร่า…
คิ้วของโจวเสวียนกระตุก ชิงเฟิงไม่ถูกตีหรือ
เขาก้าวเท้าเข้าประตูมา ภาพแรกที่เห็นคือองครักษ์ผู้จงรักภักดีของตนเองกำลังนั่งอยู่ใต้ชายคา มือหนึ่งถือถ้วยชา มือหนึ่งถือขนม กำลังยิ้มดุจดั่งดอกไม้ที่ผลิบานในฤดูใบไม้ผลิ
เมื่อเห็นโจวเสวียนเดินเข้ามา ชิงเฟิงกลืนขนมที่อยู่ในปากลง พูดอย่างดีใจ “คุณหนูตันจู คุณชายข้ามาแล้ว”
สายตาของโจวเสวียนเลื่อนขึ้นด้านบน พบเห็นหญิงสาวที่กำลังพิงหน้าต่าง มือทั้งสองข้างพาดเอาไว้บนหน้าต่าง ข้างหนึ่งถือพัดโบกไปมา ส่วนอีกข้างถูกชายแขนเสื้อที่พลิ้วไหวปิดเอาไว้
หญิงสาวมองมายังเขา ถอนหายใจเสียงเบา “คุณชายโจว ไม่คิดว่าจะได้พบกันอีก”