ตอนที่ 136 ผู้ชนะ ต้องการศีรษะเจ้า!
หนิงฝานไม่คิดสนใจเกี่ยวกับการสนทนาที่พูดถึงตนเองอย่างเดือดพล่านเหล่านั้น เวลานี้เขาปลดปล่อยกลิ่นอายที่เหมือนกับเจี้ยนเหยี่ยนออกมาทุกประการด้วยเคล็ดแปลงร่างเทพปีศาจ ทุกสิ่งในร่างกายของเขาจึงเหมือนกับเจี้ยนเหยี่ยนที่ตายตกไปแล้วไม่ผิดเพี้ยน และตราบใดที่เขาไม่คิดเปิดเผย ก็ย่อมไม่มีผู้ใดทราบ
นอกจากนี้ ด้วยฐานการฝึกฝนของเขาในปัจจุบัน มันจึงไม่สำคัญอะไรนัก หากสุดท้ายแล้วถูกเปิดเผยร่างที่แท้จริง
หลังจากนั้นไม่นาน การประลองแย่งชิงห้าอันดับแรกก็เริ่มต้นขึ้น
หนิงฝานจับฉลากอีกครั้งเพื่อเลือกคู่ต่อสู้ บุตรสวรรค์ผู้นี้นามว่าฉู่เหยาชิง ร่างกายผอมบาง ทว่ากลับอยู่ในขอบเขตเทพยุทธ์ระดับเทพมนุษย์ตอนปลายแล้ว ในบรรดาบุตรสวรรค์นับร้อย เขาคือผู้ที่ดำรงอยู่ในกลุ่มของผู้ทรงพลังแท้จริง
“เจ้า…”
บุตรสวรรค์ฉู่เหยาชิงเผยใบหน้าเย็นชาเย่อหยิ่ง และในขณะที่กำลังจะกล่าวคำ เขาก็มองเห็นปราณกระบี่ปรากฏขึ้นพร้อมกับพุ่งเข้าโจมตีเขาอย่างเดือดพล่าน
“บุตรสวรรค์เจี้ยนเหยี่ยนชนะ!”
เวลานี้เอง ผู้ตัดสินประกาศผู้ชนะออกมา และหนิงฝานก็ผ่านเข้ารอบห้าอันดับแรกโดยสมบูรณ์
หลายคนยิ่งตื่นตระหนกกว่าเดิม เมื่อเห็นว่าหนิงฝานยังใช้เพียงกระบวนท่าเดียวในการต่อสู้กับฉู่เหยาชิงที่อยู่ในระดับเทพมนุษย์ตอนปลาย
นับว่าเป็นม้ามืดโดยแท้!
บุตรสวรรค์เจี้ยนเหยี่ยนนับว่าเป็นม้ามืดตัวใหญ่ในสุดยอดงานประชันจวินเทียนคราวนี้
และในไม่ช้าเมื่อจบการแข่งขัน ห้าอันดับแรกของสุดยอดงานประชันจวินเทียนก็ปรากฏตัวขึ้น
นอกเหนือจากหนิงฝานแล้ว บุตรสวรรค์อีกสี่คนคือ บุตรสวรรค์เฉียนอวี่ บุตรสวรรค์ฉยงชาง บุตรสวรรค์หลงหู่ และบุตรสวรรค์เหลยสิง!
ขณะนี้ บุตรสวรรค์ทั้งสี่ที่เหลือจับจ้องหนิงฝานอย่างไม่เชื่อสายตา
พวกเขารู้ดีเกี่ยวกับเรื่องราวของบุตรสวรรค์เจี้ยนเหยี่ยน แต่พวกเขาไม่เคยคิดสนใจ และพวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะติดห้าอันดับแรก สิ่งนี้ทำให้ทุกคนเผยท่าทีระมัดระวังขึ้นมา
เมื่อเห็นทั้งสี่มองมา หนิงฝานก็เหลือบมองทั้งหมดด้วยเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าการฝึกฝนของทั้งสี่อยู่ในระดับเทพมนุษย์ตอนปลาย แต่พวกเขากลับมีกลิ่นอายของระดับเทพปฐพีซุกซ่อนไว้อย่างลับ ๆ ด้วย!
‘หึ ๆ ดูเหมือนว่าบุตรสวรรค์เหล่านี้จะสามารถปกปิดการฝึกฝนของตนเองได้ และพวกเขาคิดโอ้อวดความสำเร็จในสุดยอดงานประชันคราวนี้!’
หนิงฝานลอบยิ้มอย่างรู้ทัน
ในตอนนี้เอง รองเจ้าสำนักก็ประกาศให้เริ่มต้นการแข่งขันรอบสุดท้าย เพื่อตัดสินหาสามอันดับแรกและอันดับหนึ่ง
ผู้ชมเริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง
“อืม! การแข่งขันรอบคัดเลือกห้าอันดับแรกกำลังจะเริ่มแล้ว ข้าอยากรู้นักว่าผู้ใดจะได้รับชัยชนะ!”
“เฉียนอวี่ ฉยงชาง หลงหู่ และเหลยสิง ในฐานะที่เป็นบุตรสวรรค์ผู้เก่งกาจ พวกเขาคงจะปกปิดการฝึกฝนของตนไว้ ไม่แคล้วว่าผู้ชนะจะต้องเป็นหนึ่งในพวกเขาทั้งสี่คนนี้แน่นอน”
“ข้าไม่คิดเช่นนั้น บุตรสวรรค์เจี้ยนเหยี่ยนเป็นม้ามืดในการแข่งขันคราวนี้ เขาน่าจะคว้าชัยชนะได้!”
“หึ ๆ ไม่ว่าอย่างไรการแข่งขันรอบสุดท้ายนั้นก็น่าตื่นเต้นยิ่งนัก เรามารอชมโฉมหน้าผู้ชนะกันดีกว่า!”
“…”
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน บุตรสวรรค์ทั้งสี่กำลังจะจับฉลาก
ทว่าจู่ ๆ หนิงฝานก็กล่าวขึ้นมา “ไม่จำเป็นต้องจับฉลาก พวกเจ้าทั้งสี่เข้ามาพร้อมกันเลย… ผู้ชนะคราวนี้จะต้องเป็นข้าเท่านั้น!”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมา ฝูงชนที่นั่งดูอยู่ก็ตกอยู่ในความวุ่นวายทันที
ขณะที่บุตรสวรรค์ทั้งสี่ล้วนจับจ้องไปยังหนิงฝานตาเขม็ง
“โอ้อวดยิ่งนัก!”
“ยโสเกินไปแล้ว!”
“เจี้ยนเหยี่ยน เจ้าเพียงโชคดีจึงเข้าสู่ห้าอันดับแรกได้ แต่กลับกล้าหาญเย่อหยิ่งเมื่อเผชิญหน้ากับพวกเรา!”
บุตรสวรรค์ทั้งสี่เผยความขุ่นเคือง แววตาฉายชัดถึงความเกรี้ยวกราด
ผู้ชมที่อยู่ภายในสนามประลองส่ายศีรษะ และคิดว่าบุตรสวรรค์เจี้ยนเหยี่ยนผู้นี้เย่อหยิ่งมากเกินไป
“อืม!”
หนิงฝานยกยิ้มจาง เขาไม่คิดอธิบายคำแต่ปลดปล่อยปราณกระบี่อันรุนแรงออกไปทันที
ฟิ้ว!
ปราณกระบี่พุ่งทะยานออกไปราวกับสายรุ้งบินได้ ทว่าพลังของมันกลับดุร้ายเป็นที่สุด!
“หืม?!”
“อันใดกัน!?”
ตอนนี้เอง ใบหน้าของบุตรสวรรค์ทั้งสี่พลันแปรเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และความหวาดกลัวไร้สิ้นสุดก็ผุดขึ้นในหัวใจอย่างเดือดพล่าน
พริบตานั้น ทั้งสี่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเปิดเผยพลังยุทธ์ที่แท้จริงออกมา
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เพียงชั่วลมหายใจ พลังระดับเทพปฐพีก็พวยพุ่งออกมาจากร่างของบุตรสวรรค์ทั้งสี่ และพลังเหล่านี้ก็กำลังปิดกั้นปราณกระบี่ที่รุนแรงตรงหน้า
ผู้คนในลานสัประยุทธ์ยังไม่ทันจะได้ตกตะลึงกับพลังระดับเทพปฐพีของทั้งสี่
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ปราณกระบี่ก็ปะทุขึ้นในสนาม ก่อนที่ร่างของบุตรสวรรค์ทั้งสี่จะกระเด็นลอยละลิ่วออกไปพร้อมกับอาภรณ์ที่ชุ่มไปด้วยโลหิต แล้วล้มลงกระแทกกับพื้นดินเสียงดัง ฉับพลันทุกคนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส
เมื่อเห็นฉากตรงหน้าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน คนทั้งหมดในสถานที่ราวกับถูกปิดปากเงียบ ใบหน้าของฝูงชนเผยความตื่นตระหนกจนไม่อาจพรรณาได้
เกิดอันใดขึ้น!?
บุตรสวรรค์ทั้งสี่เพิ่งจะปลดปล่อยพลังระดับเทพปฐพีออกมา…
แต่พวกเขาก็ยังพ่ายแพ้ให้กับบุตรสวรรค์เจี้ยนเหยี่ยน!
เรื่องนี้…
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่
สนามประลองก็กลับมาเดือดพล่านอีกครั้ง
“สวรรค์!”
“บุตรสวรรค์ทั้งสี่พ่ายแพ้ให้กับบุตรสวรรค์เจี้ยนเหยี่ยนในกระบวนท่าเดียว! และสิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือ บุตรสวรรค์ทั้งสี่ล้วนแต่อยู่ในระดับเทพปฐพี!”
“บัดซบ! นี่คือบุตรสวรรค์เจี้ยนเหยี่ยนหรือ ไฉนข้าไม่เคยได้ยินนามของเขามาก่อน? แล้วเหตุใดเขาจึงแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้!”
“นี่มิใช่ม้ามืดแล้ว แต่เป็นมังกรเสียมากกว่า!”
“เขาอายุเท่าใดกัน? สามารถจัดการบุตรสวรรค์ทั้งสี่ภายในกระบวนท่าเดียว บุตรสวรรค์เจี้ยนเหยี่ยนผู้นี้มีศักยภาพพอที่จะได้เลื่อนระดับสู่เทพสวรรค์หรือไม่!?”
“ระดับเทพสวรรค์! เขามีพรสวรรค์ที่จะไปถึงจุดนั้นแน่นอน!”
“ฮ่า ๆ! สุดยอดงานประชันจวินเทียน นามของบุตรสวรรค์เจี้ยนเหยี่ยนต้องโด่งดังไปทั่วสี่แคว้นรอบนอกแน่นอน!”
“…”
สายตาของทุกผู้คนต่างจับจ้องไปที่หนิงฝาน บ้างก็ตื่นตระหนก บ้างก็ชื่นชม บ้างก็อิจฉา
เวลานี้หนิงฝานตกเป็นเป้าความสนใจจากผู้ชมโดยรอบอย่างแท้จริง
ผ่านไปสักครู่
แม้แต่รองเจ้าสำนักทั้งสองที่นั่งอยู่บนที่นั่งผู้ตัดสินจวินเทียนยังต้องตื่นตระหนกไปด้วย
การต่อสู้สามอันดับแรกไม่สำคัญอีกต่อไป… และไม่มีสิ่งใดสำคัญอีกแล้ว!
จะมีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการที่บุตรสวรรค์ผู้หนึ่งมีพรสวรรค์เพียงพอจะเลื่อนเข้าสู่ระดับเทพสวรรค์!
“สุดยอดงานประชันจวินเทียนจบลงแล้ว จึงขอประกาศว่าผู้ได้รับชัยชนะคราวนี้คือ… บุตรสวรรค์เจี้ยนเหยี่ยน!”
แม้จะทราบผลแล้ว แต่การประกาศกร้าวของรองเจ้าสำนักทั้งสองก็ยังสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชมอยู่ดี
“ฮ่า ๆๆ!”
ทันใดนั้น ชายชราผู้สง่างามก็ระเบิดเสียงหัวเราะอันทรงพลังออกมา เพียงแสงสว่างวูบไหวปรากฏ ร่างของชายชราก็มาหยุดยืนอยู่เหนือสนามประลอง
เขาผู้นี้เป็นชายชราผมสีเงิน แม้ใบหน้าจะดูเหี่ยวย่นเล็กน้อย แต่ก็มีความเด็ดขาดฉายชัดบนใบหน้า โดยเฉพาะดวงตาที่เปล่งประกายเจิดจรัสคู่นั้น
ร่างใหญ่กำยำปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ไร้ผู้ใดเทียบออกมา และพลังนี้ก็ปกคลุมไปทั่วฟ้าดินในพริบตา
ผู้ที่มาเยือนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือเจ้าสำนักจวินเทียน… กู่จวินเทียน!
“คำนับเจ้าสำนัก ขอท่านอายุยืนยาวนับหมื่นปี!”
หลังจากกู่จวินเทียนปรากฏตัว ศิษย์ทั้งหมดภายในสำนักจวินเทียน พร้อมด้วยกองกำลังอื่นก็รีบแสดงความเคารพในทันที
“อืม!”
ยามนี้เห็นชัดว่าจิตใจของกู่จวินเทียนไม่ได้สนใจฝูงชน เพราะดวงตาเปล่งประกายคู่นี้จับจ้องเพียงบุตรสวรรค์เจี้ยนเหยี่ยนตรงหน้า
“ฮ่า ๆ! ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าสำนักจวินเทียนของข้าจะมีมังกรซุกซ่อนอยู่ ดูเหมือนว่าเราจะมีผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักแห่งนี้แล้ว!”
เมื่อเห็นหนิงฝานตรงหน้า กู่จวินเทียนก็ยกยิ้มอย่างพอใจ
ขณะเดียวกัน หนิงฝานก็มองกู่จวินเทียนขึ้นลงอย่างพินิจพิจารณา
‘หึ ๆ ผู้นำสูงสุดของสำนักจวินเทียน? หากข้าสังหารคนผู้นี้ ราชวงศ์เทพขนนกก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวอีกต่อไปสินะ!’
“…”
เห็นชัดว่ากู่จวินเทียนไม่ทราบถึงความในใจของหนิงฝาน เขายังคงยกยิ้มให้หนิงฝานพร้อมกล่าวคำ “เจี้ยนเหยี่ยน คราวนี้เจ้าคือผู้ชนะภายในสุดยอดงานประชันจวินเทียน นอกเหนือจากรางวัลเดิมแล้ว ข้ายังอนุญาตให้เจ้าขอบางสิ่งได้หนึ่งประการ!”
“กล่าวออกมา!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ร่างกายของคนอื่น ๆ นับไม่ถ้วนต่างสั่นสะท้านอย่างอิจฉา
บุตรสวรรค์เจี้ยนเหยี่ยนได้รับพรอันยิ่งใหญ่แล้ว
หนิงฝานส่ายศีรษะพร้อมยกยิ้ม “ข้าไม่อยากจะขออะไรมากนัก เพียงต้องการยืมบางสิ่งจากท่าน… สิ่งที่อยู่บนบ่าท่าน!”
ตู้ม!
สิ้นวาจานั้น ทุกคนพลันตื่นตระหนกในทันที!