ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 2 เล่ม 2 ตอนที่ 4-4

ภาค 2 เล่ม 2 ตอนที่ 4-4

“…!”

อินซอบรู้สึกเหมือนเลือดทั้งตัวไหลออกทางใต้เท้า

เขาอยู่ตรงนั้นตั้งแต่ตอนไหน

“ขะ ขอโทษครับ ผมจะห้ามแล้ว แต่กรรมการผู้จัดการคิมกำชับผมอยู่หลายครั้งว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ห้ามเข้าไปยุ่ง…”

แม้แต่คิมคังอูก็มีแววตาหม่นหมองและพูดจาอึกอักต่างไปจากปกติ เพราะตื่นตระหนกไม่น้อย พอเห็นว่าอินซอบนิ่งไป ไม่แสดงปฏิกิริยาอะไร คิมคังอูก็เอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า ‘เป็นอะไรหรือเปล่าครับ’

“…ไม่เป็นไรครับ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะครับ”

อินซอบที่ตกตะลึงจนหน้าซีดเอ่ยตอบอย่างยากลำบาก

“ไม่เลยครับ ฮยองนิมขอโทษเรื่องอะไรล่ะ ทำไมไอ้คังยองโมนั่นถึงทำแบบนั้นล่ะครับ ทำไมเขาต้องทำแบบนั้นเพียงเพราะฮยองนิมบอกว่ามีแฟนด้วยล่ะ เขาบ้าหรือเปล่า”

โชคดีที่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ยินเรื่องที่พูดกันทั้งหมด ความโล่งใจที่ถาโถมเข้ามาทำให้อินซอบคลายความเกร็งลง และทรุดลงนั่งตรงนั้น คิมคังอูวางกาแฟลง และเข้ามาพยุงอินซอบให้รีบลุกขึ้น

“ต้องไปโรงพยาบาลหรือเปล่าครับ ให้ผมเรียก 119 ไหมครับ”

คิมคังอูถามด้วยความตกใจ เพราะเขาได้ยินเรื่องเกี่ยวกับสภาพร่างกายของอินซอบมาก่อนแล้ว อินซอบส่ายหน้า

“ไม่ต้องครับ …ผมหายเครียดแล้วครับ”

พอความเครียดคลายลง น้ำตาก็ไหลทะลัก อินซอบซบหน้าลงกับเข่า และกัดริมฝีปากล่างไว้เพราะนึกถึงคำพูดของอีอูยอนที่บอกว่าห้ามร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นเด็ดขาด และเขาก็ไม่อยากร้องไห้ด้วยเรื่องแบบนี้ต่อหน้าคิมคังอูที่เด็กกว่าด้วย

“ไม่เป็นอะไรจริงๆ เหรอครับ ไม่ได้มีอะไรผิดปกติตรงที่โดนตีใช่ไหมครับ ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ผมน่าจะถ่ายวิดีโอเอาไว้”

อินซอบกลัวว่าใครจะเห็น เขาเลยรีบเช็ดน้ำตาและลุกขึ้น

“ขอโทษนะครับฮยองนิม ผมควรจะเข้ามาห้ามแท้ๆ…”

“ไม่หรอกครับ คุณทำได้ดีแล้วครับ”

ด้วยนิสัยของคังยองโมแล้ว ถ้าใครเข้ามายุ่ง เรื่องน่าจะใหญ่กว่านี้แน่นอน ยอมถูกอีกฝ่ายระบายความโกรธใส่สักครั้งและปล่อยให้มันผ่านไปน่าจะดีกว่า

“คุณคังอูครับ”

อินซอบเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงจริงจัง คิมคังอูจึงตอบว่า ‘ครับ’ ด้วยสีหน้าตึงเครียด

“ก็อย่างที่เห็นนะครับว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณคังยองโมกับคุณอีอูยอนไม่ดีเท่าไร มีเรื่องเกิดขึ้นนิดหน่อยในระหว่างที่ถ่ายละครคราวก่อนน่ะครับ ทางบริษัทเองก็ดูแลในเรื่องนี้อยู่เหมือนกันครับ”

แต่ต่อให้ดูแลอย่างไร การเจอกันที่สถานีโทรทัศน์เหมือนวันนี้ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ อินซอบคิดว่าโชคยังดีที่คนที่เจอกับคังยองโมไม่ใช่อีอูยอนแต่เป็นตน

“กรรมการผู้จัดการเองก็บอกเอาไว้แล้วล่ะครับ ว่าให้ระวังคังยองโมเป็นพิเศษ”

คิมคังอูเกาหัวก่อนจะพูดต่อ

“แถมยังบอกด้วยว่าถ้าเกิดการเผชิญหน้ากับคุณอีอูยอนขึ้นมาจริงๆ อย่าคิดที่จะเข้าไปยุ่ง และให้โทรศัพท์หาเขาแทนครับ ขอโทษนะครับ ถึงจะเป็นเพราะคุณขอร้อง แต่ผมก็ยังรู้สึกไม่ดีอยู่ดี”

“ไม่หรอกครับ ผมเอง…”

เลือดกำเดาที่หยุดไปแล้วไหลลงมาอีกครั้ง อินซอบรีบเอนหัวไปด้านหลัง

“บาดเจ็บมากหรือเปล่าครับ”

“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมไม่เป็นไรจริงๆ”

อินซอบเผยยิ้ม คิมคังอูกระสับกระส่ายและใช้ทิชชูเช็ดหน้าให้อินซอบ

“ตอนนี้คงจะเชื่อแล้วสินะครับว่าที่คุณอีอูยอนพูดเป็นเรื่องล้อเล่นทั้งหมด”

คำพูดของอินซอบทำให้คิมคังอูถอนหายใจและขมวดคิ้ว

“ตอนนี้ยังมาพูดแบบนั้นอีกเหรอครับ อีกอย่างผมก็รู้ด้วยว่าฮยองนิมจงใจยอมให้ คังยองโมอะไรนั่นคิดว่าเป็นดาราแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง”

คิมคังอูฮึดฮัดและเข้าข้างอินซอบ เขาเป็นเด็กหนุ่มนิสัยดีและตรงไปตรงมา อินซอบเข้าใจแล้วว่าทำไมกรรมการผู้จัดการคิมถึงเอ็นดูคิมคังอูที่สุดในบรรดาน้องภรรยา

“ผมขอร้องอะไรอย่างหนึ่งได้ไหมครับ”

อินซอบมองคิมคังอูก่อนจะเปิดปากพูด

“ครับ บอกมาได้ทุกอย่างเลยครับ”

“ช่วยเก็บเรื่องคังยองโมและเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นความลับด้วยนะครับ ทั้งกับคุณอีอูยอนและกรรมการผู้จัดการด้วย”

ถ้าเรื่องนี้ถึงหูกรรมการผู้จัดการคิม ความเป็นไปได้ที่อีอูยอนจะรู้ก็สูงขึ้นไปด้วย

“แต่…”

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรจริงๆ ครับ เดิมทีคุณคังยองโมก็ทะเลาะกับพวกสตาฟบ่อยๆ อยู่แล้ว ผมไม่อยากทำให้พวกเขากังวลด้วยเรื่องแบบนี้น่ะครับ”

อินซอบทำตาโตและตื๊ออย่างสุดชีวิต เมื่อเห็นว่าคิมคังอูไม่สามารถตอบรับได้ในทันที อินซอบก็ก้มหัว

“ขอร้องล่ะครับ”

“ฮยองนิม อย่าทำแบบนี้สิครับ”

คิมคังอูรีบจับให้อินซอบยืนตัวตรง

“ถ้าทำแบบนี้ ผมก็กลายเป็นคนไม่ดีไปน่ะสิครับ แค่เมื่อกี้ที่ผมเอาแต่มองอยู่เฉยๆ ก็รู้สึกผิดจะตายอยู่แล้ว”

คิมคังอูถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ

“เข้าใจแล้วครับ ผมจะทำอย่างที่ฮยองนิมบอก ถึงการไม่ยอมบอกพี่เขยจะเสียดแทงใจผมอยู่สักหน่อยก็เถอะ ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ เมื่อกี้ผมน่าจะวิ่งเข้ามาห้าม”

“ขอบคุณมากครับ”

“แต่ฮยองนิมก็ต้องทำตามที่ผมขอด้วยนะครับ”

“ขอเหรอครับ”

อินซอบเหลือบตามองด้านบนขณะที่ยังคงใช้ผ้าเช็ดหน้าอุดจมูกอยู่ คิมคังอูพยักหน้าก่อนจะพูดต่อ

“ไม่ใช่เรื่องยากอะไรหรอกครับ”

ดวงตาที่ดูกระตือรือร้นของคิมคังอูมีรอยยิ้มประดับอยู่

***

“กินให้อร่อยนะคะ”

พนักงานของร้านวางเนื้อลงบนโต๊ะและชำเลืองมองผู้ชายร่างสูงใหญ่ สายตานั้นดูเหมือนอยากจะพูดอะไรอีกสักอย่าง แต่เหมือนพนักงานของร้านจะตัดสินใจได้ว่านี่ไม่ใช่บรรยากาศที่ควรจะพูดอะไรออกไปจึงปิดประตูและจากไปทันที

“ผมย่างให้เองครับ”

คิมคังอูรีบหยิบที่คีบขึ้นมาและวางเนื้อลงบนเตาปิ้งย่าง

ฉ่า เสียงเนื้อกำลังสุกกระจายไปทั่วห้อง

“…ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่”

หัวหน้าทีมชาที่ทำหน้าซีดเผือดและเงียบอยู่นานเปิดปากพูดอย่างยากลำบาก

“ก็มาร่วมกินข้าวด้วยกันในบริษัทไงครับ ถ้าจะถามเหตุผลน่ะนะ”

อีอูยอนเช็ดมือด้วยผ้าก่อนจะตอบอย่างหน้าตาเฉย

“เพราะแบบนั้นฉันถึงได้ถามไงว่าทำไมถึงมีนายอยู่ในการกินข้าวร่วมกันของพวกผู้จัดการด้วย”

“แต่กรรมการผู้จัดการก็อยู่ที่นี่ด้วยนะครับ”

อีอูยอนพยักพเยิดหน้าไปทางกรรมการผู้จัดการคิม

“ก็ฉันเป็นผู้จัดการส่วนตัวของนายนี่ ถึงจะแค่ชั่วคราวก็เถอะ”

“แล้วกรรมการผู้จัดการก็เป็นเจ้ามือด้วย”

หัวหน้าทีมชารีบพูดเสริม ทำเป็นช่วยกรรมการผู้จัดการคิม

“ใช่แล้ว นาย…อะไรนะ”

กรรมการผู้จัดการคิมกรีดร้องก่อนจะมองหัวหน้าทีมชาเขม็ง

“งั้นคิดว่าการที่ผมหนีบเอาประธานบริษัทมาในที่ที่พวกพนักงานเขาจะเที่ยวเล่นกันมีเหตุผลอื่นด้วยเหรอครับ”

“พวกเด็กๆ ในบริษัทของฉันชอบเที่ยวเล่นกับฉันมาก”

“กรรมการผู้จัดการเองก็มีมุมที่ใสซื่ออยู่เหมือนกันนะครับ ที่เชื่อคำพูดพวกนั้น”

“ไม่นะครับ ผมชอบอยู่กับกรรมการผู้จัดการจริงๆ นะครับ”

อินซอบเอ่ยแทรกบทสนทนาของคนทั้งคู่ด้วยเสียงที่ขลาดกลัวทว่าหนักแน่น

“ฮ่าๆ นั่นสินะ พาอีอูยอนมาที่นี่เพราะชอบไปไหนมาไหนกับฉันมากนี่เอง”

กรรมการผู้จัดการคิมเปิดขวดโซจู และรินเหล้าพลางพึมพำเหมือนพูดคนเดียว

“…ขอโทษครับ”

อินซอบตอบโดยที่ไม่สามารถเงยหน้าขึ้นได้

“ทำไมถึงทำแบบนั้นกับฮยองนิมล่ะครับ คนที่ชวนให้มาที่นี่ด้วยกันคือผมต่างหาก”

คิมคังอูรีบช่วยขวางการโจมตีของกรรมการผู้จัดการคิม

“ใช่แล้ว คังอู นายเก่งมากที่พาอินซอบมา…”

กรรมการผู้จัดการคิมมองอีอูยอนที่กำลังยื่นแก้วโซจูมาตรงหน้าก่อนจะพูดต่อ

“แต่หมอนั่นมาทำไมกันแน่”

“ผมเองก็อยากดื่มสักแก้วเหมือนกันนี่ครับ”

อีอูยอนดันแก้วโซจูเบาๆ กรรมการผู้จัดการขบเขี้ยวเคี้ยวฟันก่อนจะรินโซจูให้จนเต็มแก้ว

“…อย่าดื่มเยอะนะครับ พรุ่งนี้มีให้สัมภาษณ์”

อินซอบพูดกับอีอูยอนเงียบๆ อีอูยอนยิ้มร่าแทนคำตอบก่อนจะกระดกโซจูเข้าปาก วันนี้อีอูยอนได้รับข้อความจากอินซอบว่า ‘หลังเสร็จงานวันนี้พอจะมีเวลาให้ผมสักครู่ไหมครับ’ ทันทีที่อ่านข้อความ อีอูยอนก็รีบเดินไปตามทางเดินของสถานีโทรทัศน์อย่างกับจะวิ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่อินซอบขอเจอเขาก่อนหลังจากที่เว้นระยะห่างกัน

อีอูยอนยิ้มพร้อมกับเปิดประตูห้องพัก อินซอบที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รีบลุกขึ้นทันทีที่เห็นเขา แต่คำพูดที่ออกมาจากปากของอินซอบกลับเหนือความคาดหมาย

“ก็พวกผู้จัดการจะประชุมลับกันโดยไม่มีผมนี่ครับ ผมเลยสงสัยจนนอนไม่หลับ”

อีอูยอนแกว่งแก้วโซจูเบาๆ พลางพูด เป็นท่าทางที่เหมือนภาพวาด เหมือนหลุดออกมาจากโปสเตอร์โฆษณาโซจู

“ถ้าเป็นการประชุมลับก็ปล่อยให้เป็นความลับไปสิ นายจะตามมาด้วยทำไมล่ะ”

กรรมการผู้จัดการคิมเทโซจูจนเต็มแก้วโซจูของอีอูยอนอีกครั้งเหมือนจะให้กินให้ตายก่อนจะบ่นพึมพำ

“ก็ผมสงสัยนี่ครับว่าจะคุยเรื่องสำคัญขนาดไหน”

อินซอบกลืนโซจูเข้าไปรวดเดียวอีกครั้ง

อินซอบไม่กล้าสบตากับอีกฝ่ายตรงๆ เลย เขาขอเวลาอีกฝ่าย เพราะมีเรื่องที่จะพูดก่อน แต่พอเขาขอผัดไปเป็นวันพรุ่งนี้ เขาก็ไม่มีหน้าที่จะเจออีอูยอนแล้ว

“ผมชวนฮยองนิมอินซอบมาด้วย เพราะพี่เขยบอกว่าจะเลี้ยงเหล้าผมที่ผมทำงานหนักน่ะครับ”

คิมคังอูวางเนื้อที่ย่างแล้วลงบนจานตรงหน้าอินซอบพลางเอ่ย

คิมคังอูขอให้อินซอบมาดื่มเหล้าด้วยกันเป็นค่าตอบแทนที่ให้ตนปิดปากเงียบเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ นอกจากเขาจะได้รับการติดต่อจากพี่เขยคนที่สอง หรือหัวหน้าทีมชาให้ดูแลอินซอบดีๆ แล้ว เขาก็อยากจะดื่มเหล้ากับอินซอบสักครั้งด้วย ดังนั้นเขาก็เลยชวนอินซอบมาด้วยกันหลังจากนึกขึ้นได้ว่าจะไปดื่มเหล้ากับพวกพี่เขยหลังเสร็จงาน

แม้จะคาดไม่ถึงว่าอินซอบจะอ้ำอึ้งไปพักหนึ่งถึงจะตอบตกลง ทั้งที่คิดว่าจะตอบรับอย่างยินดี และยิ่งคาดไม่ถึงไปกันใหญ่ว่าอีอูยอนจะตามมาด้วยก็ตาม

“ในวงเหล้าน่ะ ยิ่งคนเยอะก็ยิ่งดีนี่ครับ ไม่คิดอย่างนั้นเหรอครับ”

คิมคังอูที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของอีอูยอนร่ายยาวด้วยน้ำเสียงสบายๆ

“…ก็ขึ้นอยู่กับคน”

หัวหน้าทีมชาพึมพำด้วยเสียงที่แทบจะไม่ได้ยินพลางยกโซจูขึ้นดื่ม

“คนป่วยดื่มเหล้าได้ด้วยเหรอครับ”

อีอูยอนถามด้วยท่าทีที่แกล้งทำว่าเป็นห่วง

“มันช่วยฆ่าเชื้อให้แผลนะ โซจูน่ะไม่เป็นไรหรอก ไม่งั้นจะมีคำว่าเหล้ายาเหรอ…คุณอินซอบ เขียนอะไรน่ะ”

“กำลังเขียนเกี่ยวกับประโยชน์ของโซจูอยู่ครับ”

อินซอบที่เขียนตัวหนังสือลงไปในสมุดโน้ตตอบในสภาพที่กำปากกาเอาไว้

“ถ้าผมบาดเจ็บ คุณคงจะให้ผมกินโซจูโดยไม่ปรึกษาหมอสินะครับ”

อีอูยอนใช้นิ้วเคาะสมุดโน้ตของอินซอบพลางเอ่ย

“มีพวกปริมาณยาที่ต้องใช้ไหมครับ”

ทุกคนหัวเราะให้กับคำถามที่ระมัดระวังของอินซอบ

“ก็ต้องกินยาตามที่ได้รับใบสั่งยามาจากหมอสิครับ”

อีอูยอนพูดเสียงเรียบ อินซอบจึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า

“ตายแน่อินซอบ ใสซื่อขนาดนั้นแล้วจะออกไปเผชิญโลกที่อันตรายขนาดนี้ได้ยังไง”

“ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ แค่ออกไปเผชิญกับผมก็ได้แล้ว”

อีอูยอนที่รับบทอุปสรรคที่อันตรายที่สุดในชีวิตของอินซอบเอ่ยตอบแทนพลางยิ้มอย่างสดใส กรรมการผู้จัดการคิมเดาะลิ้นก่อนจะเบือนหน้าหนีราวกับเห็นสิ่งที่ทนดูไม่ได้

“งานเป็นไงบ้าง พอทำได้ไหม?”

คิมคังอูพยักหน้าให้กับคำถามของหัวหน้าทีมชา

“ทำได้ครับ วันนี้ผมเห็นดาราเยอะแยะเลยครับ”

“พวกดารามีอะไรพิเศษกันล่ะ ก็เป็นคนเหมือนกันนั่นแหละ”

หัวหน้าทีมชารินเหล้าใส่แก้วของคิมคังอู ความเอ็นดูปรากฏอยู่ในสายตาที่มองน้องภรรยาที่เด็กกว่ามาก

“อันที่จริงผมยังตื่นเต้นเวลาเจอคุณนักแสดงอีอูยอนอยู่เลยครับ เพราะเขาหล่อมากๆ”

คิมคังอูแกล้งทำเป็นเอามือมาปิดปากก่อนจะพูดต่อ

“…หล่อมากจริงๆ หล่อจนไร้ประโยชน์”

กรรมการผู้จัดการคิมเคี้ยวเนื้อเหมือนสู้รบและเอ่ยสนับสนุนคำพูดของคิมคังอู อีอูยอนหัวเราะเบาๆ พลางดื่มเหล้า อินซอบที่กระสับกระส่ายในตอนแรกเริ่มปล่อยใจ และจิบโซจูที่วางอยู่ตรงหน้า เพราะบรรยากาศสบายๆ

“ฮยองนิมคอแข็งไหมครับ”

“ฉันเหรอ แค่สองสามแก้วเอง ดื่มไม่ค่อยเก่งเท่าไรน่ะ”

คนอื่นๆ ยกเว้นคิมคังอูทำหน้าตกใจ เพราะคำตอบของอินซอบ

“ทั้งสองคนพูดอย่างเป็นกันเองเหรอ ตั้งแต่เมื่อไร”

“เราตัดสินใจว่าจะลดระดับความสุภาพของคำพูดตั้งแต่วันนี้น่ะครับ ใช่ไหมครับฮยองนิม”

“อื้อ”

วันนี้คิมคังอูขอร้องให้อินซอบลดระดับความสุภาพของคำพูดพร้อมกับชวนให้มาดื่มเหล้าด้วย อินซอบที่บอกว่าจะค่อยๆ ลดระดับความสุภาพของคำพูดลงจึงต้องพูดอย่างเป็นกันเองกับคิมคังอูตั้งแต่วันนี้โดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้

“ดูจะสนิทกันมากเลยนะ”

อีอูยอนพึมพำเหมือนพูดคนเดียวพลางใช้นิ้วเคาะแก้วโซจู พอเห็นว่าแก้วของเขาว่างเปล่า คิมคังอูจึงรีบเติมเหล้าให้

“เซ้นส์ก็ดี นิสัยก็ดี แถมยังเข้ากับคุณอินซอบได้ดีอีก…ขอบคุณนะครับที่หาผู้จัดการส่วนตัวที่ดีมาให้ คุณกรรมการผู้จัดการ”

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท