“เพิ่งเคยมาสถานีโทรทัศน์ครั้งแรกเหรอครับ”
คิมคังอูที่ชะเง้อมองไปรอบๆ จนถึงเมื่อสักครู่นี้ทำหน้ากระดากอาย เพราะคำถามของอินซอบ
“ตอนเด็กๆ ผมเคยมากับพี่เขย ไม่ใช่สิ กรรมการผู้จัดการนะครับ แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยตั้งแต่โตมา แล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกด้วยครับที่ได้มาสำนักงานใหญ่ ดีขึ้นมากเลยนะครับ”
วันนี้เป็นวันที่มีการถ่ายทำในสตูดิโอของสถานีโทรทัศน์ ปกติพวกผู้จัดการส่วนตัวจะรอที่ห้องพักไม่ก็รอที่รถ แต่วันนี้อินซอบพาคิมคังอูมาดูงานที่สถานีโทรทัศน์เพื่อเจ้าตัวโดยเฉพาะ
“ได้เจอดาราเยอะเลยนะครับ”
อินซอบยิ้มพลางพยักหน้า
“จะได้เห็นพวกไอดอลด้วยไหมครับ”
“ครับ”
“ว้าว เจ๋งชะมัด เพราะฮยองนิมเห็นบ่อยแล้วก็เลยไม่รู้สึกอะไรใช่ไหมครับ”
ความจริงแล้วอินซอบไม่ค่อยรู้จักดาราคนอื่น เขาไม่รู้เลยว่าใครมีชื่อเสียง ใครสวย หรือว่าใครกำลังเป็นที่นิยมในยุคนี้ ไม่ใช่ว่าเขาเห็นดาราบ่อยจนชิน แต่เป็นเพราะเขาไม่ได้สนใจใครนอกจากอีอูยอนต่างหาก
“ใครๆ ก็เป็นแบบนั้นกันทั้งนั้นแหละครับ”
อินซอบแต่งเรื่องขึ้นมาลวกๆ หากบอกไปตามจริง เขาคงจะดูสมบูรณ์แบบมากในฐานะผู้จัดการส่วนตัวที่เป็นสตอล์กเกอร์
“แต่ถ้าได้เห็นนักแสดง หรือไอดอลที่ชอบก็จะอารมณ์ดีใช่ไหมล่ะครับ”
“…ครับ แน่นอนอยู่แล้วครับ”
เขาได้เจอทุกวัน ไม่ใช่แค่ได้เจออย่างเดียว แต่ตอนนี้กำลังคบกันอยู่ด้วย
“แล้วคุณทำยังไงตอนเจอดาราที่ชอบเหรอครับ”
“ก็แอบชอบอยู่ในใจครับ”
“ผมจะทำแบบนั้นบ้างครับ อ๊ะ! นั่นไง นั่นไง!”
สิ้นคำตอบ คิมคังอูตื่นเต้นเกินเหตุทันทีพลางชี้ไปที่ไอดอลที่กำลังเดินผ่านล็อบบี้ไป อินซอบรีบเอามือของคิมคังอูแล้วยิ้มเจื่อนๆ
“ขอโทษครับ ผมเผลอไป”
คิมคังอูยิ้มกว้างพลางเอ่ยขอโทษ เขาเป็นคนที่สดใสและมีนิสัยตรงไปตรงมา เป็นคนที่แค่ได้เห็นก็อารมณ์ดีแล้ว อินซอบคล้ายจะเข้าใจที่กรรมการผู้จัดการคิมเคยบอกว่าเป็นน้องภรรยาที่รักที่สุดแล้ว
“ฮยองนิมไม่คอแห้งเหรอครับ ผมจะไปซื้อกาแฟมาให้เองครับ”
อินซอบยื่นการ์ดให้
“ใช้บัตรนี้จ่ายได้เลยครับ เพราะเอาไปเบิกกับที่บริษัทได้”
“ครับ เข้าใจแล้วครับ จะดื่มอะไรดีครับ”
“ผมเอาเป็นอเมริกาโน่เย็นแล้วกันครับ ถ้าไปตรงนั้นจะมีม้านั่งอยู่ เสร็จแล้วไปตรงนั้นนะครับ”
อินซอบชี้ไปที่ม้านั่งที่ตั้งอยู่ในสวนกลางแจ้ง คิมคังอูรับการ์ดแล้วฮัมเพลงจากไป
อินซอบออกมาด้านนอก เขานั่งเอนหลังบนม้านั่ง ความเหนื่อยล้าถาโถมเข้ามา
อีอูยอนทำตัวใจดีและอ่อนโยนมากกว่าปกติหลายเท่า นอกจากนั้นเขายังไปไหนมาไหนกับคิมคังอู และไม่กลัวว่าจะโดนถ่ายรูปแปลกๆ ด้วย อันที่จริงอินซอบรู้สึกไม่สบายใจกับสถานการณ์ที่สงบสุขนี้เลย
ทำไมคุณถึงไปเจอแชยอนซอ มีเรื่องอะไรที่ผมไม่รู้หรือเปล่า ทำไมถึงไม่ยอมบอกผม…แล้วเหตุผลที่จู่ๆ ก็ทำตัวอ่อนโยนแบบนี้คืออะไร
สิ่งที่อยากถามเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ แต่พอเอาเข้าจริงอินซอบกลับพูดไม่ออกเวลาเจออีอูยอน เขานึกว่าความรู้สึกชอบใครสักคนจะทำให้เกิดความกล้า แต่มันตรงกันข้ามกันเลย พอได้ในสิ่งที่เคยคิดว่าไม่สามารถมีได้ ความกลัวก็มากขึ้นพอๆ กับความอยากได้อยากมี
อินซอบถอนหายใจแล้วกำมือแน่น
“…ลองถามดูเถอะ”
ต่อให้คิดมากอยู่คนเดียวอย่างไรก็ไม่ได้คำตอบ อินซอบหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความหาอีอูยอนก่อนที่จะตัดสินใจให้ดีเสียอีก
[หลังเสร็จงานวันนี้พอจะมีเวลาให้ผมสักครู่ไหมครับ]
อีกเดี๋ยวเขาค่อยเช็กข้อความ เพราะอีกฝ่ายน่าจะปิดเครื่องไว้ในระหว่างถ่ายทำที่สตูดิโอ แม้จะกลัวเพราะไม่รู้ว่าอีอูยอนจะตอบมาแบบไหน แต่ก็ยังดีกว่าตอนนี้
อินซอบที่นั่งลูบโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ รู้สึกว่ามีสายตาจ้องมองอยู่จึงเงยหน้าขึ้น
“…!”
เขาสบตากับอีกฝ่ายที่อยู่ห่างออกไปประมาณหนึ่ง แม้อินซอบจะรีบหลบสายตา แต่นั่นก็เป็นหลังจากที่ฝ่ายนั้นจำอินซอบได้แล้ว
“ใครกันเนี่ย”
คังยองโมรีบยกมือราวกับดีใจที่ได้เจอ ดูเหมือนเจ้าตัวจะออกมาสูบบุหรี่ มือข้างหนึ่งจึงถือบุหรี่ไว้
“สวัสดีครับ”
อินซอบรีบลุกและก้มหัวให้อีกฝ่ายอย่างมีมารยาท คังยองโมหนีบบทไว้ที่ตรงสีข้างและสาวเท้าเข้ามาหาอินซอบ
“อีอูยอนมีถ่ายงาน?”
“ครับ”
“ไม่ใช่ว่าห้ามร่วมรายการของที่นี่เหรอ”
คังยองโมเอาบทที่ถูกม้วนไว้ตีฝ่ามือพลางเอ่ย
“ผมไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลยครับ”
“งั้นได้ยินว่าอะไรล่ะ”
“…”
แม้จะรู้อยู่แล้วว่าอินซอบไม่มีทางพูด แต่คังยองโมก็ยังยิ้มอย่างมีเลศนัยและแกล้งอินซอบ
“งั้นฉันจะเล่าเรื่องสนุกๆ ที่ได้ยินมาให้ฟังเอาไหม ฉันรู้อยู่สองสามเรื่องเลยนะ”
อินซอบอยากออกไปจากตรงนี้ แต่เขามีเรื่องที่ต้องจัดการให้เสร็จสิ้นกับคนคนนี้
“หมายถึงเรื่องอะไรเหรอครับ”
พออินซอบถามอย่างใจเย็น ไม่มีท่าทีตกตะลึง คังยองโมก็เลิกคิ้วราวกับคาดไม่ถึง
“ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้อีอูยอนเดทและไปไหนมาไหนกับผู้หญิงเยอะมาก”
“อย่างนั้นเหรอครับ”
นี่เป็นความจริงที่เขารู้อยู่แล้ว ตราบาปที่ติดตัวอีอูยอนผู้ขึ้นชื่อว่าไม่มีข้อเสียและสมบูรณ์แบบคือเรื่องผู้หญิง
“แต่ช่วงนี้เขากลับหยุดทำ”
“ผมทราบครับ”
แม้จะรู้ แต่อินซอบก็ไม่แสดงออกว่าช่วงนี้ที่ว่าคือตั้งแต่เมื่อไร
“ทำไมเหรอ”
คังยองโมใช้บทสะกิดไหล่อินซอบแล้วเผยยิ้ม
“ต่อให้คุณถามเหตุผลกับผม ผมก็ตอบให้ไม่ได้หรอกครับ เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นนโยบายของบริษัทเท่านั้น แต่เพราะผมไม่รู้จริงๆ ครับ”
“ทำไมถึงไม่รู้ล่ะ นายรู้นี่”
อินซอบสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ที่ผ่านมาเขาสร้างสถานการณ์ขึ้นในหัวนับไม่ถ้วนว่าถ้าเจอคังยองโมอีกครั้ง เขาจะพูดอะไรกับอีกฝ่าย
“ผมจะรู้ได้ยังไงล่ะครับ”
คังยองโมถามกลับว่า ‘ว่าไงนะ’
“การด่วนสรุปแบบนี้เป็นเรื่องที่เสียมารยาทต่อคุณอีอูยอนมากเลยนะครับ แล้วก็เป็นเรื่องที่เสียมารยาทต่อคนที่คุณอีอูยอนคบอยู่ตอนนี้ด้วยเหมือนกัน”
“แชยอนซอน่ะเหรอ ตัวจริงของแชยอนซอเป็นใคร…”
คังยองโมพูดถึงแค่นั้นก่อนจะหันไปมองรอบๆ แม้จะเป็นคังยองโมก็ไม่มีความกล้าพอที่จะเปลี่ยนหัวหน้าฝ่ายละครของสถานีโทรทัศน์ ซึ่งว่ากันว่าจะได้เป็นประธานคนถัดไปมาเป็นศัตรู
“คนที่น่าจะรู้เขาก็รู้กันหมดนั่นแหละ”
คังยองโมลดเสียงลงจากเมื่อครู่ราวกับสนใจรอบข้างเป็นพิเศษ
“ครับ คนอื่นๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นแหละครับ”
อินซอบพูดต่ออย่างสุขุม
“เพราะเธอคบกับคุณอีอูยอนอยู่”
“ว้าว ไอ้เด็กที่ตัวสั่นงกๆ เหมือนหมาที่ไม่รู้ประสาโตขึ้นมากเลยนะ เพราะอีอูยอนดัง นายเลยคิดว่าตัวเองกลายเป็นคนพิเศษเหรอ”
คังยองโมใช้บทจิ้มหน้าผากอินซอบ หลังจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันคราวนั้น ผลลัพธ์ของทุกๆ ผลงานที่คังยองโมร่วมแสดงก็ไม่ดีนัก และเจ้าตัวก็เริ่มเข้าสู่ช่วงขาลงอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งเมื่อไม่นานมานี้คนที่เคยเป็นตั๋วรับประกันความสำเร็จอย่างเขาก็เริ่มถูกเรียกว่าเป็นนักแสดงที่ทำให้ผลงานทุกเรื่องที่ร่วมแสดงเจ๊ง
ไม่มีความรู้สึกไหนที่อันตรายเท่ากับความหยิ่งในศักดิ์ศรีที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยความรู้สึกตกต่ำอีกแล้ว แม้อินซอบจะไม่ชอบคังยองโม แต่อินซอบก็คิดว่าตนจะไม่แตะต้องส่วนนั้นเด็ดขาด
“ผมเป็นแค่คนธรรมดาครับ”
อินซอบพยายามที่จะไม่ทำให้อีกฝ่ายอารมณ์เสียเท่าที่จะทำได้
“คุณอีอูยอนไม่ได้สมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง แต่เขาจะทำแบบนั้นกับคนอย่างผม กับผู้ชายด้วยกันเหรอครับ ถ้าคิดถึงคนที่คุณอีอูยอนเคยคบมา…คนอย่างผมไม่น่าตลกไปหน่อยเหรอครับ”
แปลก แม้จะกำลังพูดโกหก แต่เขากลับรู้สึกว่าตัวเองพูดความจริง อินซอบประสานมือที่สั่นเทาเข้าด้วยกัน
“แล้ว…”
อินซอบค่อยๆ เงยหน้าขึ้น
“ผมเองก็มีคนที่คบกันอย่างจริงจังอยู่แล้วครับ”
คังยองโมหัวเราะเยาะคำพูดของอินซอบ เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาคาบแล้วจุดไฟ จากนั้นก็พ่นควันบุหรี่ใส่หน้าอินซอบก่อนจะเริ่มถากถางอย่างน่ารังเกียจ
“ฉันเกือบจะติดกับแล้วเชียว แต่ความน่าเชื่อถือดันต่ำมาก เพราะคำพูดเมื่อกี้ คนที่คบกันอย่างจริงจังเหรอ ก็ได้ ไหนล่ะรูป เอารูปให้ดูหน่อยสิ”
“…”
พออินซอบไม่สามารถพูดอะไรได้ คังยองโมก็หัวเราะในลำคอราวกับจะบอกว่านึกอยู่แล้วเชียวว่าต้องเป็นแบบนั้น
“แม่งเอ๊ย นึกว่าคนเขาโง่เหรอ ทำไมถึง…”
คังยองโมยกบทขึ้นสูง ในตอนนั้นก็มีความคิดหนึ่งโผล่ขึ้นมาในหัวของอินซอบ
“มีครับ หลักฐานน่ะ”
“ว่าไงนะ”
“ข่าวที่ออกมาเมื่อไม่นานมานี้ไงครับ ข่าวที่ว่าคุณอีอูยอนจ่ายค่ารักษาพยาบาลของแมวที่บาดเจ็บน่ะ”
“ข่าวโปรโมทที่ขวางหูขวางตานั่นน่ะเหรอ เดี๋ยวนี้ไอ้พวกนักข่าวมันรับเงินไปเท่าไร ถึงได้เขียนนิยายคร่ำครึกชั้นต่ำให้น่ะ”
อินซอบส่ายหน้า
“เป็นข่าวที่เขียนจากข้อความที่พนักงานโรงพยาบาลรักษาสัตว์เป็นคนลงเองครับ ผมหาข้อความนั้นให้ดูตอนนี้เลยก็ได้นะครับ ส่วนนี่เป็นข่าวนั้นครับ”
อินซอบรีบหาข่าว และยื่นไปตรงหน้าของคังยองโม คังยองโมไล่อ่านข่าวผ่านๆ พลางทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
“แล้วมันยังไงล่ะ”
“ผมเป็นหนึ่งในคนที่พาแมวตัวนั้นไปครับ ส่วนอีกคนหนึ่งคือคนที่ผมคบอยู่ ตามที่เขียนไว้ในข่าวเลยครับ”
ขอโทษนะครับ คุณยุนอารึม ขอโทษจริงๆ นะครับ ผมจะจ่ายค่าเสียหายจากความคิดนี้ให้อย่างแน่นอน และผมก็จะตอบแทนบุญคุณอย่างแน่นอนครับ
อินซอบพูดขอโทษซ้ำๆ ในใจ
“แล้วนี่ก็เป็นรูปของแมวตัวนั้นครับ”
อินซอบเอารูปที่เขาถ่ายกับจอห์นที่โรงพยาบาลรักษาสัตว์เมื่อไม่นานมานี้ให้ดู รอยยิ้มบนใบหน้าของคังยองโมหายไปแล้ว อินซอบเลื่อนรูป และเอารูปแมวตัวอื่นที่ยุนอารึมกำลังกอดอยู่ให้ดูด้วย ถึงจะไม่เห็นหน้าของเธอ แต่ไม่ว่าใครดูก็รู้ว่ามือที่กำลังกอดแมวอยู่เป็นมือของผู้หญิง
“ผมหวังว่าตอนนี้คุณจะหายเข้าใจผิดแล้วนะครับ”
อินซอบมองคังยองโมตรงๆ ด้วยดวงตากลมโต ทันทีที่สบตากัน ปากของคังยองโมก็บิดเบี้ยว
ปัก
เขาใช้บทที่ถืออยู่ฟาดหน้าอินซอบด้วยแรงทั้งหมดที่มี จากนั้นก็เหวี่ยงบทซ้ำไปซ้ำมาอีกสองสามครั้ง อินซอบตั้งใจไม่หลบ และรองรับการระบายความโกรธของอีกฝ่าย
“ไอ้ผู้จัดการส่วนตัวโง่! คนอย่างแกกล้าสอนฉันเหรอ”
แม้จะเจ็บจนแสบตา แต่อินซอบก็กัดปากและทนไว้ โล่งอกไปที การที่อีกฝ่ายแสดงความโกรธแบบนี้ก็หมายความว่าเจ้าตัวไม่สามารถหาหลักฐานมาค้านได้ จึงเจ็บใจจนทำอะไรไม่ถูก
“แกคิดว่าอีอูยอนจะดังไปจนถึงเมื่อไร การตกลงมาบนพื้นน่ะ ก็แค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น แกคิดว่าไอ้หมอนั่นจะเป็นนักแสดงนำเป็นพันปีหมื่นปีเหรอ!”
บทที่ถูกม้วนฟาดลงมาบนหน้าของอินซอบตามระเบียบ เขาเลือดกำเดาไหลแต่ไม่คิดที่จะเช็ด เพียงแค่รวบมือเข้าด้วยกันและยืนอยู่เงียบๆ คังยองโมโยนบทที่เปื้อนเลือดทิ้งถังขยะใกล้ๆ
“คอยดูเถอะ”
คังยองโมกระฟัดกระเฟียดจากไป
อินซอบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋า และอุดจมูกปวดตื้อๆ เอาไว้ ถ้าเรื่องนี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้คังยองโมหยุดสงสัยได้แม้เพียงเล็กน้อยก็คงจะดี
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็คงดี แต่เขากลับรู้สึกไม่ดีเลย เขารู้สึกผิดต่อยุนอารึม แม้จะพูดแค่ชื่อ และไม่ได้เปิดเผยใบหน้าของอีกฝ่าย แต่ก็เหมือนกับเขาเอาความปรารถนาดีของเธอมาใช้ เหนือสิ่งอื่นใดคือเขารู้สึกผิดต่ออีอูยอนที่เกือบต้องเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่ดีเพราะตน
คำพูดที่ว่า ‘ไม่แปลกเหรอที่จะมาคบกับคนอย่างผม’ วนเวียนอยู่ในหัว อินซอบพูดความรู้สึกภายในจิตใจออกมาโดยไม่รู้ตัว ตอนที่ยืนอยู่ข้างๆ อีอูยอนเขามักจะไม่ยอมรับว่าตัวเองเหมาะสม และประหม่าอยู่เสมอว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้อีกฝ่ายหรือเปล่า หากวันหนึ่งอีอูยอนขอเลิกกับเขา เขาคงจะพูดว่า ‘นั่นสินะครับ’ และเห็นด้วยมากกว่าที่จะตั้งคำถามว่าทำไมถึงขอเลิกด้วยซ้ำ ความรู้สึกที่น่าเวทนาแบบนี้ เขาไม่อยากถูกใครจับได้
เลือดกำเดาไหลลงมาตามซอกนิ้ว ขณะที่อินซอบรีบเงยหน้าขึ้น เขาก็สบตากับคิมคังอูที่กำลังทำสีหน้าพะวักพะวนอยู่อีกฝั่ง