ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 2 เล่ม 2 ตอนที่ 4-6

ภาค 2 เล่ม 2 ตอนที่ 4-6

“คุณอินซอบ อย่าร้อง คุณไม่ได้ทำอะไรผิดเลย นะ?”

อีอูยอนปัดมือของหัวหน้าทีมชาที่ยื่นทิชชูมาให้อย่างไม่ลังเล เขาถอดเสื้อคลุมตัวนอกที่สวมอยู่ออกและเอามาคลุมหน้าของอินซอบ

“ผมบอกว่าห้ามร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นไง รีบหยุดซะ”

อินซอบสะอื้นก่อนจะพยักหน้าให้กับคำพูดของอีอูยอน อีอูยอนจัดเสื้อให้เข้าที่ก่อนจะบังหน้าอินซอบไว้เหมือนคนที่ซ่อนสมบัติที่สำคัญและล้ำค่าเพราะกลัวว่าใครจะมาเห็น

“…นายคงไม่ได้ทำแบบนั้นเพราะหวงที่เราเห็นอินซอบหรอกใช่ไหม”

กรรมการผู้จัดการเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

“ผมทำเพราะหวงถูกแล้วครับ”

อีอูยอนทำให้อินซอบมาซบอยู่ในอ้อมกอดของตัวเองก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“ถ้าเป็นคนปกติก็จะน่าจะแค่ทำตาขวาง แต่ทำไมหมอนี่ถึงได้น่ากลัวขนาดนี้นะ”

หัวหน้าทีมชาลูบขนที่ตั้งชันตรงแขน

“ขอโทษนะครับคุณอูยอน”

อินซอบพึมพำในสภาพที่ถูกกอดไว้ในอ้อมกอดของอีอูยอน

“ทำเรื่องที่ผิดต่อผมมาเหรอครับ”

อีอูยอนเอ่ยถามพลางลูบหลังอินซอบไปด้วยอย่างอ่อนโยน อินซอบพยักหน้าเบาๆ มือที่ลูบหลังอยู่หยุดลง กรรมการผู้จัดการเริ่มเก็บกวาดขวดเปล่าที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างระมัดระวัง

“ทำอะไรล่ะครับ”

อีอูยอนถาม อินซอบเพียงแค่สะอื้น และไม่ตอบอะไรเลย อีอูยอนจับไหล่ของอินซอบไว้และดันออก จากนั้นสีหน้าของอีอูยอนที่พยายามจะซักถามว่าทำอะไรไปกันแน่ก็ชะงักอยู่อย่างนั้น

อินซอบกำลังเงยหน้ามองอีอูยอนอย่างเหม่อลอย พอดวงตากลมโตที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตากะพริบครั้งหนึ่ง อินซอบก็ยิ้มร่า

“ภาพยนตร์รอบนี้ดีมากเลยครับ”

“…”

“สีหน้าตอนคุณเขียนจดหมายให้ดูครั้งแรกก็ดี และฉากที่อ่านจดหมายนั้นตอนสุดท้ายก็ดีเหมือนกัน…ดีไปหมดเลยครับ”

กรรมการผู้จัดการคิมกับหัวหน้าทีมชาไม่รู้ว่าจะเอาสายตาไปวางไว้ตรงไหน เพราะการกระทำที่ขาดสติเวลาดื่มเหล้าของอินซอบ เจ้าตัวแค่ชื่นชมเกี่ยวกับภาพยนตร์เท่านั้น แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนแอบฟังการสารภาพรักอย่างน่าประหลาด

“ผมอยากดูอีกเพราะชอบมากๆ แต่…”

อินซอบถอนหายใจ เขากำชายเสื้อของอีอูยอนไว้ก่อนจะก้มหน้า

“ขอบคุณที่ถ่ายภาพยนตร์ที่ดีแบบนี้นะครับ และก็ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักด้วยครับ”

จากนั้นเขาก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นอีกครั้ง

“คราวหน้าก็ช่วยถ่ายผลงานที่ดีๆ อีกนะครับ แล้วก็รับรางวัลเยอะๆ เลย”

อีอูยอนเพิ่มแรงไปที่มือที่จับไหล่ของอินซอบไว้ เขาดึงอินซอบเข้ามากอดและกักตัวอีกฝ่ายไว้ในอ้อมกอดของตัวเอง อีอูยอนพ่นลมหายใจออกมาช้าๆ  พยายามทำให้ความรู้สึกที่ตีตื้นขึ้นมาผ่อนคลายลงและลูบหลังของอินซอบช้าๆ เขาทำแบบนั้นอยู่สักพักหนึ่ง พอเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นเบาลง อินซอบก็หลับไปทันที

พออีอูยอนอุ้มอินซอบขึ้นมา กรรมการผู้จัดการคิมก็รีบคว้าแขนของอีอูยอนไว้

“จะไปไหน”

“บ้านครับ”

“…คงไม่ได้จะฆ่าเขาหรอกใช่ไหม”

“ผมเนี่ยนะครับจะทำเขา”

อีอูยอนถามซ้ำราวกับจะบอกว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ กรรมการผู้จัดการคิมไม่กล้าที่จะพูดว่าหน้าของอีกฝ่ายตอนที่กอดอินซอบไว้เมื่อครู่ได้ฆ่าคนไปประมาณสามถึงสี่คนแล้ว

“ตายเตยอะไรกันล่ะครับ…แม่งเอ๊ย ผมต่างหากที่จะตายเพราะเขา”

คำพูดต่อท้ายที่มีทั้งเสียงถอนหายใจและคำด่าหดหู่จนไม่น่าเชื่อ กรรมการผู้จัดการคิมและหัวหน้าทีมชาอดสงสัยในหูของตัวเองไม่ได้

“ช่วยเลื่อนตารางงานวันพรุ่งนี้ออกไปด้วยนะครับ”

“ว่าไงนะ? เลื่อนอะไรล่ะ นายจะทำเรื่องแบบนั้นเหรอ”

ทันทีที่กรรมการผู้จัดการคิมตะคอก อีอูยอนก็เดาะลิ้นเบาๆ พลางเอียงคอเล็กน้อย กรรมการผู้จัดการคิมอ่านเจตนาที่แท้จริงที่แฝงอยู่ในการกระทำสั้นๆ นั้นออกพอสมควร อีอูยอนกระซิบเสียงเบาขณะที่อุ้มอินซอบเอาไว้

“ผมบอกไปแล้วนี่ครับ ว่ากว่าผมจะกล่อมให้เขาหลับได้”

***

“ให้ผมจอดข้างหน้าเลยไหมครับ”

“ครับ”

คนขับรถแท็กซี่เหลือบมองผ่านกระจกมองหลังก่อนจะขอคำยืนยัน

“ใช่นักแสดงที่อยู่ในทีวี…”

“คงจะคล้ายมากสินะครับ ผมได้ยินคำพูดแบบนั้นประจำเลยครับ”

อีอูยอนตอบกลับหน้าตาเฉยเหมือนรออยู่แล้ว คนขับรถแท็กซี่จึงเริ่มพูดพร่ำว่าก็เป็นไปได้

“จะว่าไปถ้าเป็นนักแสดงคงไม่มีทางมาอยู่ในย่านแบบนี้หรอกครับ พวกเขาน่าจะหาเงินได้เยอะ ไม่เหมือนกับคนธรรมดาอย่างเราๆ”

เขารังเกียจการคุยอย่างไม่มีประโยชน์กับคนไม่รู้จัก นี่คือเหตุผลที่เขาไม่ขึ้นแท็กซี่ อีอูยอนเอาศีรษะของอินซอบที่หลับอยู่มาพิงตัวเองก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า ‘ใช่ไหมล่ะครับ’

“ว่าแต่พ่อหนุ่มหล่อกว่าพวกนักแสดงอีกน่ะ ไม่ลองไปเป็นดาราสักครั้งล่ะ”

“ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นดาราได้นี่ครับ ผมลงข้างหน้านี้แหละครับ”

อีอูยอนชี้ไปตรงด้านหน้าของวิลล่าที่อินซอบอาศัยอยู่ก่อนจะหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าสตางค์

“ฮ่า ดูอีกทีก็เหมือนกับนักแสดงคนนั้นจริงๆ นะ ไม่สิ เหมือนจะหล่อกว่าด้วย!”

คนขับแท็กซี่นับเงินทอนพลางทำหน้าประทับใจ

“เอาเงินทอนไปได้เลยครับ”

เขาไม่อยากพูดอะไรด้วยอีกแล้ว อีอูยอนแบกอินซอบที่หลับอยู่ขึ้นหลังก่อนจะลงจากแท็กซี่ ทันทีที่ตัวขยับ อินซอบก็มองไปรอบๆ ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความง่วงงุน

“ถึงบ้านแล้วครับ”

อินซอบซบหน้าลงกับหลังของอีอูยอนก่อนจะหลับไปตามเดิมเพราะอุ่นใจกับน้ำเสียงที่อ่อนโยน อีอูยอนยกตัวอินซอบขึ้นอีกครั้งก่อนจะเริ่มเดิน

ผู้ชายที่กำลังสูบบุหรี่อยู่ตรงทางเข้าวิลล่าหรี่ตาลงทันทีที่เห็นอีอูยอน

“อ้าว ดารานี่นา”

อีอูยอนไม่ตอบ เขาก้มหัวให้ก่อนจะเดินผ่านไป

“ขอฉันถ่ายรูปหน่อยได้ไหม จะไปอวดกับเพื่อนๆ หน่อยน่ะว่าเจอดารา”

ผู้ชายคนนั้นยืนขวางหน้าอีอูยอนเอาไว้ก่อนจะค้นกระเป๋า

“ไว้ก่อนนะครับ”

อีอูยอนตอบสั้นๆ

“เฮ้ย ไว้ก่อนน่ะเมื่อไรกันล่ะ โอกาสที่จะได้เจอดาราไม่ได้มีบ่อยๆ นะ”

อีอูยอนหัวเราะเสียงต่ำ ความหงุดหงิดก่อตัวขึ้นจนเขาอยากจะหักคอของอีกฝ่าย ถ้าอินซอบไม่ได้อยู่บนหลัง

“อ้าว เด็กห้อง 501 ไม่ใช่เหรอ รู้จักกับเด็กนี่เหรอ”

“…”

เหตุผลที่เขาสะกดกลั้นความโกรธเอาไว้นั้นง่ายมาก เพราะเขาเริ่มที่จะรู้สึกรำคาญขึ้นมาแล้ว

“รู้จักกับเด็กห้อง 501 ได้ยังไงล่ะ สนิทกันเหรอ”

ผู้ชายที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าย้วยๆ มองอินซอบที่ขี่หลังอีอูยอนอยู่และเริ่มแสดงความสนใจ อีอูยอนมองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่สนใจ

“ดูเหมือนจะสลบไปเลยนะ เด็กนี่กินเที่ยวได้เก่งผิดกับที่เห็นเลยนะ แถมยังคบค้าสมาคมกับพวกดาราด้วย แต่ปกติพวกเด็กที่ดูเรียบร้อยก็หน้าอย่างหลังอย่างอยู่แล้วนี่นะ”

ชายคนนั้นถามว่า ‘ใช่ไหมล่ะ’ เพราะหวังว่าอีอูยอนจะคิดแบบเดียวกันและพ่นควันบุหรี่ออกมา

อีอูยอนเอียงคอ

แต่เหตุผลต่างๆ ที่ทำให้เขารำคาญมักจะเกิดในเวลาที่ดี วันที่เกิดเรื่องระหว่างการแข่งขันก็เป็นแบบนี้

วันนั้นเขาอารมณ์ไม่ดีเป็นพิเศษตั้งแต่เช้า อากาศร้อนอบอ้าวเป็นพิเศษ และการแข่งขันก็ไม่เป็นไปได้ด้วยดีอย่างที่เขาคิด แล้วใบหน้าของไอ้คนที่มองเขาก่อนจะหัวเราะเยาะก็ดูทุเรศลูกตาอย่างมากขึ้นมาเป็นพิเศษ เขาใช้ผ้าเย็นซับเหงื่อและดื่มน้ำเย็นๆ แต่ในระหว่างนั้นเขาก็ไม่สามารถนึกถึงเหตุผลที่ต้องระงับความหงุดหงิดที่พุ่งขึ้นมาได้อีกต่อไปแล้ว

ทุกอย่างดีไปหมด แม้แต่ตอนที่เขาไปที่ห้องล็อกเกอร์ของทีมคู่แข่งและเอาหมวกกันน็อกฟาดหัวไอ้คนที่หัวเราะเยาะเขา เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเลย เขาก็แค่อยากทำแบบนั้นเท่านั้น

บางครั้งเขาก็เป็นแบบนั้น ในช่วงเวลาที่ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านขึ้นมากะทันหันสำคัญกว่าเรื่องที่จะตามมาทีหลัง หลังจากที่เขารู้สึกรำคาญแล้ว ช่วงเวลาที่ความคิดไร้สาระต่างๆ หายไป และภายในหัวของเขาก็ถูกจัดการอย่างสะอาดเรียบก็จะมาถึง

“ต่อไปต้องสนิทกับห้อง 501 แล้วล่ะ ฉันเองก็อยากจะลองมีเพื่อนเป็นคนดังเหมือนกัน”

ชายคนนั้นยิ้มกว้างโชว์ฟันที่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองเข้มจากบุหรี่

“อย่าเป็นอย่างนั้นเลย ถ่ายรูปด้วยกันสักรูปเถอะน่า อ้าว นายก็ตื่นแล้วเหมือนกันนี่”

ชายคนนั้นตีแขนของอินซอบอย่างไม่มีมารยาทก่อนจะยื่นหน้าของตัวเองมาข้างๆ อีอูยอน อีอูยอนหัวเราะขึ้นจมูกราวกับถอนหายใจยาวๆ ดูเหมือนทุกอย่างจะดีไปหมดจริงๆ ถ้าเขาจะสามารถขจัดไอ้เฮงซวยนี้ไปได้น่ะนะ

เขาเพิ่มแรงไปที่มือที่กำลังกอดอินซอบอยู่ ตอนนั้นเองอินซอบที่ขี่หลังอยู่ก็ถูไถหน้าเข้ากับแผ่นหลังพลางกำชายเสื้อของเขาไว้ การกระทำเล็กๆ ที่เหมือนจะออดอ้อนนั้นทำให้ความเกร็งทั่วทั้งร่างของเขาคลายลงในพริบตา

อีอูยอนพึมพำว่า ‘เอาจริงดิ’ พลางหลุบตามองต่ำ

“มองกล้องแล้วยิ้มหน่อย”

ชายคนนั้นตบไหล่ของอีอูยอนก่อนจะเอ่ย

“ไว้ผมจะมาถ่ายด้วยนะครับ ตอนนี้ผมค่อนข้างไม่สะดวกนิดหน่อย เพราะเพื่อนคนนี้น่ะครับ”

อีอูยอนพูดต่อหลังจากที่ใช้สายตาชี้ไปที่อินซอบที่ขี่หลังเขาอยู่

“ไม่อย่างนั้นหาโอกาสเจอกันในที่ที่ดีกว่านี้น่าจะดีกว่านะครับ”

“นั่นสินะ ถ้าไปดื่มเหล้ากับพวกดาราที่สนิทก็เรียกด้วยแล้วกัน ระดับนายคงมีเพื่อนดาราที่รู้จักเยอะไม่ใช่เหรอ พวกผู้ประกาศข่าว นักแสดง หรือไม่ก็ไอดอลอะไรพวกนั้นน่ะ”

อีอูยอนพยักหน้าก่อนจะยกตัวอินซอบที่ไหลลงไปขึ้นมาอีกครั้ง เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าและยื่นให้ ชายคนนั้นพิมพ์เบอร์โทรศัพท์ของตัวเองลงไปอย่างยินดีก่อนจะคืนโทรศัพท์ให้พร้อมกับรบเร้า

“ต้องโทรมานะ เข้าใจไหม”

อีอูยอนค้อมศีรษะพลางยิ้มอย่างไม่มีพิษมีภัยและเดินผ่านชายคนนั้นไป ตอนที่ขึ้นมาถึงชั้นสาม อีอูยอนใช้แขนข้างหนึ่งประคองอินซอบไว้พร้อมกับลบเบอร์โทรศัพท์ของผู้ชายคนนั้นออกจากโทรศัพท์ เขาขึ้นมาถึงชั้นห้าโดยไม่หยุดพัก อีอูยอนเปิดประตูหน้าและเดินเข้าไปวางอินซอบลงบนเตียงก่อนจะถอนหายใจเบาๆ

อีอูยอนโน้มตัวอยู่เหนือเตียงมองอินซอบที่หลับไป สีหน้าของอีกฝ่ายใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนเด็ก แม้เขาจะแอบดูอยู่สักพัก แต่ก็ไม่เห็นว่าเจ้าตัวจะตื่น

ตอนนั้นเองอีอูยอนถึงได้ถอดเสื้อคลุมตัวนอกที่ใส่อยู่ออก และเอาไปพาดไว้ที่เก้าอี้ เขามองไปรอบๆ บ้าน สภาพแวดล้อมในบ้านไม่ได้ต่างไปจากครั้งก่อนที่เขามาเลย เขาเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือและไล่สายตามองชั้นวางหนังสือผ่านๆ จากนั้นก็เปิดคอมพิวเตอร์ มันถูกตั้งรหัสผ่านเอาไว้

อีอูยอนไม่ลังเลที่จะเคาะวันเกิดของตัวเองลงไป หน้าจอหลักถูกเปิดขึ้นมาทันที ถ้าอินซอบตั้งรหัสผ่านไว้ เก้าในสิบคือวันเกิดของอีอูยอน ทั้งรหัสผ่านของสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร และรหัสผ่านตรงประตูหน้าบ้านก็ด้วย

ถ้าเขาถามว่าจะทำยังไงถ้ามีใครรู้ อินซอบก็คงจะแค่ยิ้มร่าโดยไม่ตอบอะไร ไม่มีใครในโลกที่จะใสซื่อและน่ารักได้เท่าอีกฝ่ายแล้ว

เขากวาดตามองไฟล์ที่อีกฝ่ายบันทึกไว้ก่อนจะตรวจดูประวัติการเข้าอินเทอร์เน็ต ทั้งหมดมีแค่เว็บเสิร์ชเอนจิ้น แฟนคาเฟ่ และแฟนไซต์เท่านั้น อีกฝ่ายตั้งค่าล็อกอินทิ้งไว้ในเว็บเสิร์ชเอนจิ้น อีอูยอนเข้าไปในอีเมลของอินซอบโดยไม่รู้สึกผิดสักนิด และสำรวจอีเมลในนั้น ทั้งหมดมีแค่สแปมเมลที่ไม่ได้สำคัญอะไร เขาสำรวจอีเมลที่อีกฝ่ายส่งออกและถังขยะเผื่อเอาไว้

แต่ก็ไม่ได้มีอะไรที่พิเศษ

อีอูยอนปิดคอมพิวเตอร์ก่อนจะเดินไปข้างเตียง อินซอบกำลังนอนหลับสนิทโดยไม่ขยับไปจากท่าที่เขาวางอีกฝ่ายลงเลย เขาค้นกระเป๋าเสื้อคลุมตัวนอกของอีกฝ่ายก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา

เขาอ่านประวัติการส่งข้อความที่อีกฝ่ายพูดคุยกับผู้หญิงคนนั้นก่อนเป็นอันดับแรก พวกเขาส่งข้อความที่มีเนื้อหาดาษดื่นโดยเริ่มจากการส่งรูปแมว และถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของแมวกันไปมา อีอูยอนเลื่อนขึ้นไปด้านบนอย่างตั้งใจ และอ่านข้อความทั้งหมด ถึงแม้ว่าเขาจะตั้งใจหาข้อความที่ให้ความรู้สึกถึงแรงดึงดูดระหว่างชายหญิง หรือการพูดคุยเรื่องทั่วไป แต่ก็หาไม่เจอ ส่วนประวัติการโทรก็เหมือนกัน นอกจากสายที่เกี่ยวกับเรื่องงานแล้ว ก็มีแค่สายที่โทรมาจากอเมริกาสองถึงสามวันครั้งเท่านั้น

อีอูยอนตรวจสอบปฏิสัมพันธ์กับผู้คนของอินซอบที่น้อยนิดจนน่าสงสาร และฉีกยิ้มอย่างพึงพอใจ เขานั่งลงตรงข้างเตียงและลูบแก้มของอินซอบที่หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย แม้จะถูกทำให้ตื่นจากสัมผัสที่โดนแก้ม แต่อินซอบกลับยิ้มน้อยๆ ไม่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเลยสักครั้ง จากนั้นก็ถูไถใบหน้ากับมือของอีอูยอนพลางออดอ้อน

“รู้เหรอครับว่าเป็นใคร ถึงได้ทำตัวน่ารักขนาดนี้”

แม้น้ำเสียงจะอ่อนโยน แต่ภายในใจกลับโมโห

ช่วงนี้เขาไม่ลากอินซอบไปที่บ้าน และไม่มาที่บ้านของอีกฝ่ายด้วย แม้จะเป็นการขอร้องของอินซอบ แต่ก็เป็นความจริงที่เขาสร้างระยะห่าง

ในช่วงเวลาหนึ่งความวิตกกังวลอาจกลืนกินตัวตนและทำให้สติของเขาขาดหายไปก็เป็นได้ เขาไม่รู้วิธีควบคุมความวิตกกังวล ในยามที่ตกอยู่ในสภาพที่ต่อให้ดูดีในสายตาของอีกฝ่ายก็ยังไม่พอแบบนี้ เขาอยากป้องกันการถูกอินซอบทอดทิ้งด้วยการทำตัวเหมือนคนบ้า 

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท