ลู่เจียวพูดคุยกับชาวนาเช่าที่นาทำกินจบ ก็มอบให้สวีเหนียงจื่อกับจิ่นซิ่วอยู่โรงบ้านจัดการเรื่องนี้ต่อ
ในโรงบ้านมีบ้านที่สร้างเสร็จแล้วให้สวีเหนียงจื่อกับจิ่นซิ่วได้เข้าไปอยู่ ลู่เจียวไปเยี่ยมชมแล้วก็รู้สึกว่าดีมาก
“พวกเจ้าสองแม่ลูกอยู่ที่นี่ชั่วคราว อย่างมากก็สองสามวัน สวีเหนียงจื่อก็จะได้พาจิ่นซิ่วไปอยู่ที่ร้านค้าแล้ว”
ลู่เจียวกล่าวจบ สวีเหนียงจื่อก็พยักหน้ากล่าวตามมาว่า “เหนียงจื่อ วันหน้าก็เรียกข้าว่าสวีโต้วก็พอ ไม่ต้องเรียกข้าว่าสวีเหนียงจื่อ”
“ได้”
ลู่เจียวพาตาเฒ่าเซียว เฝิงจือและหร่วนจู๋ตามจ้าวหลิงเฟิงไปที่นาละแวกสามโรงผลิต
หลังชาวนาเช่าที่นาทำกินละแวกสามโรงผลิตได้รับฟังวิธีการร่วมมือแบบใหม่ที่ลู่เจียวเสนอก็ไม่ได้มีอาการโวยวายอันใด ทุกคนต่างดีใจมาก
ลู่เจียวมอบทุกอย่างให้ตาเฒ่าเซียวแล้วก็กล่าวว่า “รอให้เก็บเกี่ยวข้าวทั้งหมดของฤดูใบไม้ร่วงเสร็จแล้ว ข้าก็จะเริ่มจัดการปลูกสมุนไพร ถึงตอนนั้นข้าจะแจ้งเจ้า”
“ข้าทราบแล้ว เหนียงจื่อ”
ลู่เจียวพาเฝิงจือกับหร่วนจู๋ไปสามโรงผลิต
ในบรรดาสามโรงผลิต มีโรงหีบน้ำมันที่สร้างเสร็จแล้ว เครื่องจักรก็พร้อมแล้ว
ลู่เจียวเดินเข้าไปตรวจสอบดูก็มั่นใจว่าเหมือนแบบที่นางวาดให้ไม่ผิดเพี้ยน
นางถามเฉิงเสียงพ่อบ้านสามโรงผลิตกับลู่อันข้างๆ ว่า “ก่อนหน้านี้ที่ข้าให้พวกเจ้าเตรียมถั่วเหลืองกับพืชน้ำมันเล่า”
เฉิงเสียงรีบให้คนงานยกถั่วเหลืองและพืชน้ำมันที่เตรียมไว้เข้ามา ลู่เจียวตรวจดูรอบหนึ่งก็พบว่าถั่วเหลืองเลือกมาได้ไม่เลว คัดที่ไม่ดีออกแล้ว ที่เหลือเป็นถั่วเหลืองเมล็ดดี
นางใส่ถั่วเหลืองลงบดในเครื่องจักรแรก พอบดเละแล้วก็ใส่ถั่วเหลืองที่บดแล้วลงในหม้อนึ่ง พอนึ่งเสร็จก็ห่อในผ้าแล้วก็เริ่มหีบน้ำมัน
ถั่วเหลืองราวหนึ่งร้อยชั่งหีบออกมาได้น้ำมันถั่วเหลืองราวสิบสองชั่ง
แม้ว่าลู่เจียวกำลังสอนเฉิงเสียงกับลู่อัน แต่ตัวนางเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรเหมือนกันว่าจะหีบน้ำมันออกมาได้ จนสุดท้ายน้ำมันไหลออกจากเครื่องจักร นางก็พลันตื่นเต้นไปด้วย “ไม่เลวๆ”
ในห้องเครื่องจักร ไม่เพียงแต่ลู่เจียวดีใจ จ้าวหลิงเฟิงเองก็ดีใจมาก นี่คือเงินทองทั้งนั้น
เฉิงเสียงกับลู่อันเองก็ดีใจมาก เดินไปด้านหน้าเครื่องจักรดมกลิ่นน้ำมันในขวดอย่างตื่นเต้น น้ำมันหอมมาก พวกเขาดื่มได้เป็นชามๆ
ลู่เจียวมองไปยังเฉิงเสียงกับลู่อัน “กากถั่วและกากพืชน้ำมันที่เหลือหลังหีบน้ำมันเป็นของดี ขายให้คนเลี้ยงหมูเลี้ยงปลาได้ หากขายไม่หมด พวกเราเองก็กั้นพื้นที่สักผืนเลี้ยงหมูได้”
พอลู่เจียวกล่าว จ้าวหลิงเฟิงก็นึกอยากทำ “งั้นพวกเราเลี้ยงหมูแล้วกัน”
ลู่เจียวไร้วาจาจะกล่าว “ข้าบอกว่าหากขายไม่ออก ขายออกได้ก็ขายไปสิ สามโรงผลิตเริ่มผลิตเมื่อไรจะยุ่งมาก อย่าได้มัวแต่สนใจเรื่องอื่น”
จ้าวหลิงเฟิงพยักหน้า คิดถึงว่าครั้งก่อนลู่เจียวพูดถึงยาปฏิชีวนะ ก็อดพึมพำไม่ได้ว่า “หากผลิตยาปฏิชีวนะที่เจ้าว่ามาได้ก็ดีสิ”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “ไม่มีเหมืองแร่เจี่ยเหยียน เจ้าก็เลิกคิดได้เลย”
ทั้งสองคนพูดไปก็เดินไป ออกจากโรงหีบน้ำมันไปดูโรงผลิตอื่นต่อ
โรงเวชสำอางสร้างได้เสร็จพอสมควรแล้ว ตอนนี้มีแต่โรงผลิตยาที่ยังสร้างไม่เสร็จ
จ้าวหลิงเฟิงถามลู่เจียว “โรงเวชสำอางเจ้าเตรียมจะผลิตอะไร”
ลู่เจียวคิดแล้วก็กล่าวว่า “ผลิตสบู่หอมที่มีคุณค่าทางยา สบู่หอมกุหลาบ สบู่หอมผิวพรรณขาว สบู่หอมชื่นใจ”
พอนางกล่าว จ้าวหลิงเฟิงก็ตื่นเต้น “อันนี้ดีๆ”
เขาไม่ต้องคิดก็รู้ว่าหากผลิตของพวกนี้ออกมาย่อมต้องขายดีแน่
บรรดาฮูหยินในเมืองหลวงพวกนั้นไม่ขาดแคลนเงินทอง ขาดแต่ของที่ดึงดูดสายตาพวกนาง หากผลิตสบู่หอมที่มีคุณค่าทางยารักษาออกมา ย่อมต้องได้รับความนิยมอย่างแน่นอน
จ้าวหลิงเฟิงครุ่นคิดแล้วก็ถามลู่เจียวว่า “งั้นเจ้ารีบเขียนสูตรผลิตสบู่หอมสักสองสามอย่างออกมาได้เลย”
ลู่เจียวพยักหน้า ไม่ได้คิดปิดบังแม้แต่น้อย “ตกลง”
โรงเวชสำอางกับโรงผลิตยาต้องใช้น้ำพุจิตวิญญาณของนาง แม้นางเขียนสูตรผลิตให้พวกเขา ที่พวกเขาจะทำออกมาได้ก็ไม่ได้ดีเหมือนของที่เติมน้ำพุจิตวิญญาณลงไป
ดังนั้นนางไม่กลัวว่าจ้าวหลิงเฟิงจะยึดครองสูตรสบู่ของนาง
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็มองไปยังจ้าวหลิงเฟิง “ของพวกนี้จำเป็นต้องเติมสูตรลับที่ข้าปรุงเองจึงจะออกมาได้ผลดี สูตรที่ข้าปรุงนี้จะไม่สอนผู้ใด และสัดส่วนก็ต้องเป็นข้าคุมเอง ทุกครั้งอาศัยความรู้สึกปรับปรุงออกมา”
จ้าวหลิงเฟิงไม่ได้สงสัยนาง เพราะหลังจากรู้จักนางมาได้ระยะหนึ่ง เขารู้ดีว่าคนเช่นลู่เจียวทำงานเปิดเผยตรงไปตรงมา
“งั้นก็รบกวนเจ้าปรุงสูตรลับพิเศษนั่นแล้ว”
“อืม”
เวลาครึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ลู่เจียวพาเฝิงจือกับหร่วนจู๋กลับบ้านตระกูลเซี่ย
รถม้าเพิ่งหยุดลงหน้าประตูบ้านตระกูลเซี่ย ลู่กุ้ยก็พาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เข้ามาต้อนรับ
พอลู่กุ้ยเห็นลู่เจียวก็ฟ้องว่า “พี่เจียว พี่คงไม่รู้ว่าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เอาแต่เฝ้าประตูไม่ยอมเข้าไป บอกว่ากลัวพี่เจียวเจออันตราย”
ลู่เจียวได้ฟังลู่กุ้ยแล้วก็ก้มหน้ามองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ยิ้มกล่าวว่า “ตอนนี้ไม่มีอันตรายใดแล้ว สองคนเลวก่อนหน้านี้ถูกท่านพ่อพวกเจ้าจัดการไปแล้ว วันหน้าพวกเราปราศจากภัยร้าย แม่ไม่มีทางได้รับอันตราย”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่มีท่าทีโล่งอก เด็กน้อยสองคนวิ่งมาจูงมือนางเดินเข้าบ้าน เล่าเรื่องตอนบ่าย ที่ท่านอาจารย์ซือพาพวกเขาไปเล่นแข่งขันกันนอกห้องเรียนให้ลู่เจียวฟังด้วยตนเอง
วันนี้ลู่เจียวให้ท่านอาจารย์ซือจัดตารางสอนเด็กๆ นอกห้องเรียน มีการแข่งขันชักเย่อด้วย
เด็กๆ เล่นเป็นครั้งแรกก็รู้สึกสนุกมากเป็นพิเศษ
เอ้อร์เป่ากล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านแม่ พวกเราชนะ พวกต้าเป่าแพ้”
ซื่อเป่ากระโดดดีใจ “ข้ากับเอ้อร์เป่ากลุ่มหนึ่ง ต้าเป่ากับซานเป่ากลุ่มหนึ่ง พวกเราแรงเยอะกว่าพวกเขา เราแข่งชนะ”
ต้าเป่านั้นไม่เป็นไร แต่ซานเป่ากลับไม่พอใจยู่ปากแค่นเสียงฮึใส่
ลู่เจียวยกมือลูบศีรษะซานเป่า “นี่คือการเล่นแข่งขัน ชนะก็ดี แพ้ก็ดี ล้วนต้องเบิกบานใจ การเล่นแข่งขันก็เพื่อให้พวกเราเล่นกันอย่างมีความสุข หากเพราะแพ้แล้วไม่พอใจ เช่นนั้นก็จะแพ้ไม่เป็น จะไม่มีความเป็นลูกผู้ชาย”
ซานเป่ารีบยืดอก พยักหน้ายืนยัน “ท่านแม่กล่าวได้ถูกต้อง พวกเราแพ้แล้ว ครั้งหน้าค่อยเอาชนะคืน”
ลู่เจียวพยักหน้าอย่างดีใจ “นี่สิถูกต้อง”
แม่ลูกเดินไปคุยไปยังห้องเซี่ยอวิ๋นจิ่น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินเสียงแม่ลูกคุยกันด้านนอกมาแต่ไกลแล้ว กำลังมองไปที่หน้าประตูอย่างวาดหวัง พอเห็นลู่เจียวเข้ามาก็ยิ้มแก้มปริ ใบหน้าหล่อเหลารูปงามฉายแววดีใจเต็มเปี่ยม
“เจียวเจียว เจ้ากลับมาแล้วหรือ”
“อืม”
เฝิงจือพาหร่วนจู๋ออกไปเตรียมอาหารเย็น
ในห้อง ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นคุยกัน ส่วนใหญ่เป็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นถามลู่เจียวเรื่องการจัดการที่นา ลู่เจียวเล่าเรื่องในโรงบ้านว่ามีคนก่อเรื่องให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นฟัง
แต่กลับไม่ได้เอ่ยเรื่องชาวนาเช่าที่นาทำกินคิดว่านางกับจ้าวหลิงเฟิงเป็นสามีภรรยากัน หากบอกเซี่ยอวิ๋นจิ่น เดาว่าเขาน่าจะโมโหอีกแน่
ลู่เจียวพูดไปๆ ก็นึกถึงเรื่องที่ก่อนหน้านี้ได้พบจางเหนียงจื่อขึ้นมาได้ จึงรีบบอกเซี่ยอวิ๋นจิ่น
“เจ้ารู้ไหม วันนี้ตอนข้าจะออกจากอำเภอ เกือบถูกรถม้าผู้อื่นชนเข้า”