ตอนที่ 949 ศัตรู
คนอื่นต่างก็คิดว่าเขาไม่ได้ฉลาดเท่าฟ่านโยวและชางเวย เป็นผู้ที่โง่เขลาที่สุดในบรรดาเทพระดับเสินจวินทั้งหมด
แต่ตัวเขาเองไม่เคยคิดเช่นนั้น เพียงแค่บางครั้งเขาไม่อยากไปจริงจังกับอะไรมากนักเท่านั้นเอง
แร่วิญญาณสีชาดที่ว่านี้มีไม่มากแล้ว ในโลกเทพ ผู้ที่เอาออกมาได้จำนวนมากหน่อยในคราวเดียวก็มีเพียงเขาเท่านั้น ของสิ่งนี้เป็นของที่เอามาหลอมสิ่งล้ำค่าได้ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธที่เอาไว้โจมตีหรือป้องกันล้วนเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
แต่ทรายวิญญาณห้าธาตุ…
อาวุธที่ธรรมดาทั่วไปล้วนไม่ใช้ของสิ่งนี้
เทพชีมู่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ก็คิดไม่ออกว่าผิดปกติตรงไหน
“เทพเทียนเจ๋อเป่า เจ้าอยู่นี่ ส่วนคนอื่นออกไปก่อน” เทพชีมู่กล่าว
เทพเซียนตนอื่นออกไปในทันที เทียนเจ๋อเป่าดูท่าทางประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย
“เทพเป่าบอกมาตามตรงจะดีกว่า จะเอาทรายวิญญาณห้าธาตุไปทำอะไร อาวุธธรรมดาทั่วไป อาศัยธาตุทอง ไม้ น้ำ ไฟ หรือดิน เลือกมาสักชนิดก็ใช้ได้แล้ว ของล้ำค่าที่ใช้ทรายวิญญาณทั้งห้าธาตุในคราวเดียว…มีไม่มากกระมัง” เทพชีมู่สงสัยเรื่องหนึ่ง หลังจากครุ่นคิดก็กล่าวอีกครั้ง “อย่าบอกนะว่าจักรพรรดิสวรรค์…จะหลอมเหล็กหมาดทะลวงฟ้า”
เทพเทียนเจ๋อเป่าใจเต้น
“ไม่สิ เหล็กหมาดทะลวงฟ้า…เป็นอาวุธเทพโบราณ มีวัสดุที่ต้องใช้มากมายและจำต้องใช้พลังจากการฝึกฝนบำเพ็ญเพียรที่แน่นอน นอกจากนั้นของสิ่งนี้ยังเป็นของที่ตกทอดมาจากเชื้อสายขุนเขาผูอิ่งในอดีต หากกล่าวว่าชางเวยหลอมผลิตของสิ่งนี้ ข้ายังพอเชื่อได้ แต่จักรพรรดิสวรรค์…เกรงว่าจะไม่ได้กระมัง”
“หรือว่าชางเวยติดตามจู๋อิ๋งไปก็เพื่อ…” เทพชีมู่แทบจะตาถลนออกมา
ชางเวย ไอ้หมอนั่น ดูซื่อสัตย์และซื่อตรง คิดไม่ถึงว่าจะเลวร้ายเพียงนี้!
สายเลือดขุนเขาผูอิ่ง ช่างเป็นจริง…
เทพเทียนเจ๋อเป่าไม่สะดวกอธิบายเรื่องฟ่านโยวได้เช่นกัน จึงเพียงแต่พยักหน้าเออออไป “ท่านจะบอกคนนอกไม่ได้เชียวนะขอรับ โดยเฉพาะเมื่อพาสัตว์อสูรเหล่านี้ไปส่งที่โลกปีศาจ หากท่านพบเทพชางเวย อย่าได้เปิดเผยเป็นอันขาดว่าเกิดสถานการณ์อะไรแปลกๆ ขึ้นมา”
“…” เทพชีมู่รู้สึกเพียงทะเลโลหิตเดือดพล่าน
“เจ้ายังมีความเป็นเทพอยู่หรือไม่! ตอนนั้นก็ใช้เหล็กหมาดทะลวงฟ้ากับคนเขา ตอนนี้คนเขายังไม่ทันได้กลับมาสมบูรณ์ดี พวกเจ้ายังคิดที่จะทำมันอีกครั้งหรือ!”
เรื่องที่ผ่านมาก็ว่าแย่แล้ว แต่นี่ยังจะใช้วิธีการเดิมอีก!
ในครั้งแรก เป็นฟ่านโยวที่ทรยศนาง ตอนนี้ก็ให้ชางเวยไปทรยศนางอีกหรือ!
เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้!
เทพชีมู่รู้สึกรับไม่ได้เล็กน้อย
เขาเป็นเทพเซียนอย่างมีขอบเขตจำกัด อย่างน้อยตอนนั้นเขาก็เป็นหนึ่งในคนที่คอยตามเกี้ยวพาจู๋อิ๋ง แม้ว่าหลังจากรู้ว่านางเป็นจักรพรรดิปีศาจ ความรู้สึกเหล่านั้นของเขาก็หายไปในทันที แต่เขาไม่เคยคิดจะซ้ำเติม ถึงขนาดที่ว่าจู๋อิ๋งตายไปแล้วหลายปี เขาก็ยังมีทัศนคติไม่ดีนักต่อฟ่านโยวมาโดยตลอด
“ท่านเทพ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์เทพของเราเชียวนะ” เทพเทียนเจ๋อเป่ากล่าว
“เหอะ! เห็นจู๋อิ๋งจักรพรรดิปีศาจผู้นี้เป็นเหมือนตุ๊กตาดินเผาไปได้ ในอดีตยอมตามใจพวกเจ้า หลังจากนั้นเล่า เพื่อโลกนี้ก็ยอมถอยให้พวกเจ้าเช่นกัน ตอนนี้นางกลับมาแล้ว ซึ่งก็มีเงื่อนไขเพียงต้องการนำสัตว์ปีศาจทั้งหมดกลับไป แต่พวกเจ้ากลับกล้าดี...”
เทพชีมู่พูดๆ อยู่กรอบดวงตาก็เริ่มแดงก่ำ
“ท่านลองคิดให้ดีๆ เถิด ท่านยังมีลูกศิษย์และสัตว์เทพมากมาย จักรพรรดิปีศาจกล่าวว่าหลังจากสงครามใหญ่สิ้นสุดลงก็ต่างคนต่างอยู่ ท่านว่าถ้อยคำดังกล่าวเชื่อถือได้หรือ หากมีวันใดวันหนึ่งโลกปีศาจของนางขยายใหญ่และแข็งแกร่ง แล้วมาสังหารหมู่โลกเทพของพวกเราจะทำอย่างไร”
“นางไม่มีทางทำเช่นนั้นหรอก! จักรพรรดิปีศาจไม่ใช่คนแบบนั้น!” เทพชีมู่กล่าวทันที
“ท่านชีมู่ เราเอาความปลอดภัยของโลกเทพไปเดิมพันกับนิสัยของนางไม่ได้นะขอรับ จักรพรรดิปีศาจ…ก็เปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน เมื่อก่อนนางเป็นคนใจดีไม่รังแกผู้บริสุทธิ์ ตอนนี้นางยังวางเพลิงเขาเซียนลูกหนึ่งไปแล้วเลยมิใช่หรือ”
เทพเทียนเจ๋อเป่ากล่าวจบก็เอ่ยพูดต่อ “เรื่องนี้เป็นคำสั่งของจักรพรรดิสวรรค์ ท่านไปทำภารกิจจะต้องปิดปากให้เงียบเข้าไว้ หากเรื่องแพร่งพรายไปถึงหูจักรพรรดิปีศาจล่ะก็ ท่านก็จะกลายเป็นศัตรูของโลกเทพเราดังเช่นเทพชางเวย”
ตอนที่ 950 คุณงามความดีแนวหน้า
เทพชีมู่โมโหในสิ่งที่เทพเทียนเจ๋อเป่าพูดเป็นอย่างมาก อยากจะด่าทอผู้คนเสียจริงๆ
จักรพรรดิสวรรค์ผู้นี้ทำไมคิดไม่ได้เพียงนี้เล่า ต้องการไปหาเรื่องจักรพรรดิปีศาจอยู่ได้!
แต่ก็ไม่ดูตนเองเสียก่อนว่ามีความสามารถเทียบกับจักรพรรดิปีศาจได้หรือไม่!
จักรพรรดิปีศาจนางเป็นสมบัติล้ำค่ายิ่งใหญ่ที่เติบโตมาโดยธรรมชาติ แม้ว่าจักรพรรดิสวรรค์ในยุคนี้แกร่งกล้าใช้อำนาจบาตรใหญ่อย่างไร้เหตุผล แต่ก็ยังห่างชั้นกับจักรพรรดิปีศาจที่คาดเดาได้ยากยิ่งอยู่บ้าง ต่อให้เป็นจักรพรรดิสวรรค์ในยุคก่อน ก็ไม่แน่ว่าจะเทียบกับจู๋อิ๋งได้!
เพียงแต่ว่าเมื่อคิดเช่นนี้ ชีมู่เองก็พอจะเข้าใจสิ่งที่จักรพรรดิสวรรค์คิดแล้วเช่นกัน
ฉวยโอกาสที่โลกปีศาจยังไม่ได้ฟื้นตัวเต็มที่ปราบพวกเขาเสีย ไม่อย่างนั้นในอนาคตก็จะสู้ไม่ไหวแล้ว
แต่แม้ว่าเข้าใจความคิดของจักรพรรดิสวรรค์ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาเห็นด้วยกับการกระทำนี้
ลองคิดดูอย่างถี่ถ้วน ช่วงเวลาที่โลกเทพเป็นใหญ่ จริงๆ แล้วก็อาจไม่ได้ดีมากมาย อย่างน้อยความสามารถของเขาในปัจจุบันก็ยังเทียบยุคสมัยโบราณไม่ได้ แล้วยังมีเทพเซียนตนอื่นในโลกเทพที่พลังเทพอ่อนแอจนน่าสงสารพวกนี้อีก
เทพชีมู่ถอนหายใจ
“เรื่องอื่น…ข้าเองก็ไม่อยากยุ่งมากมาย เจ้า…วางแผนการเรื่องสัตว์ปีศาจก็พอ ส่วนเรื่องทรายวิญญาณห้าธาตุ…ข้าไม่มีจริงๆ” เทพชีมู่เก็บสีหน้ารู้สึกผิด กล่าวอย่างจริงจังมาก
เทพเทียนเจ๋อเป่าขมวดคิ้ว
ตอนนี้กำลังหลอมเหล็กหมาดทะลวงฟ้า ยังขาดของไม่กี่อย่างเท่านั้น
ทว่าในเมื่อเทพชีมู่ไม่มี หากเขาถามอีกก็เกรงว่าจะเปล่าประโยชน์ จึงกล่าวเพียง “ขอแร่วิญญาณสีชาดไม่กี่ก้อนก็ได้ขอรับ”
“…” เทพชีมู่เบิกตาโตชั่ววูบ
ไอ้หมอนี่ช่างหน้าไม่อายยิ่งนัก! ไม่กี่ก้อนหรือ! เช่นนั้นให้เจ้าก้อนเดียวก็ไม่เลวแล้ว!
แต่ผู้อยู่เบื้องหลังเทพเทียนเจ๋อเป่าผู้นี้คือจักรพรรดิสวรรค์ เขาไม่ให้ทรายวิญญาณห้าธาตุก็แล้วไป แต่หากไม่มีให้แม้แต่แร่วิญญาณสีชาดก็คงจะไม่เหมาะเป็นแน่ ทำได้เพียงยกให้สองก้อนอย่างช่วยไม่ได้
“หลายปีมานี้ใช้ของเปล่าประโยชน์ไปกับการฝึกฝนไม่น้อย แร่วิญญาณสีชาดนี้เหลือไม่มากแล้ว ให้ได้เพียงแค่สองก้อนเท่านั้น หากเจ้าว่ามันน้อยไป จะไม่เอาสองก้อนนี้ก็ได้” เทพชีมู่ชักสีหน้ากล่าว
เทพเทียนเจ๋อเป่าหัวเราะ “จะว่าน้อยได้อย่างไรกัน หากภายภาคหน้าสังหารจักรพรรดิปีศาจผู้นี้ได้ เทพชีมู่ก็เป็นผู้มีคุณงามความดีแนวหน้าด้วยเช่นกัน”
เมื่อพูดจบ เขาก็หยิบเอาแร่วิญญาณสีชาดไว้แล้วจากไป
เทพชีมู่ได้ยินประโยคสุดท้ายนั่นก็ด่าแม่ออกมาโดยทันที
ใครอยากได้คุณงามความดีแนวหน้าเช่นนี้กันเล่า! หากไม่ใช่จักรพรรดิสวรรค์บังคับ อย่าว่าแต่แร่วิญญาณสีชาดเลย แม้แต่หินธรรมดาๆ เขาก็ไม่ยินดียกให้หรอก!
เพียงแต่ว่าเขาเองก็อึดอัดใจ อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนสร้างแร่นี้ขึ้นมาด้วยตนเอง หากข่าวแพร่งพรายไปถึงหูจักรพรรดิปีศาจล่ะก็ เขา…
เทพชีมู่เกาศีรษะอย่างแรง โกรธเสียจนอยากจะต่อสู้สักยกเสียแล้ว
สัตว์ปีศาจเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะนับจำนวนได้รวดเร็วเพียงนั้นเช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จักรพรรดิสวรรค์อยากจะถ่วงเวลาอีก รอกระทั่งหลอมเหล็กหมาดทะลวงฟ้าเสร็จเรียบร้อยเสียก่อน ดังนั้นจึงไม่สนใจสัตว์เทพและเทพเซียนที่หายตัวไปทุกวัน ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไม่รีบร้อน
ซ่งอิงยังคงทำตามที่พูด ทุกวันจะเลือกสัตว์เทพวันละสองสามตัวส่งไปยังโลกปีศาจ แต่เทียบกับสัตว์ปีศาจ นางชอบสัตว์เทพมากกว่า อย่างไรเสียเทพเซียนส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ที่กลายมาจากสัตว์เทพที่ฝึกฝนบำเพ็ญเพียร จึงใช้งานได้ดียิ่งกว่าหน่อย
อีกทั้งเทพเซียนยังรู้มาก
อย่างเช่นความสามารถในการเล่นแร่แปรธาตุ หรือหลอมอาวุธ เหล่าสัตว์ปีศาจไม่ค่อยเชี่ยวชาญ ขณะที่เหล่าเทพเซียนเข้าใจเรื่องพวกนี้ยิ่งกว่าหน่อย
ซ่งอิงย่อมรู้เช่นกันว่าในตอนแรกเริ่มพวกเขาไม่ค่อยมีความกลัว ไม่อมให้ความร่วมมือ ดังนั้นจึงส่งทั้งหมดไปยังเหมืองแร่ให้ทำงานหนัก รอทำไปได้สักสองสามปีให้เกิดความเคยชิน ถึงตอนนั้นค่อยเปลี่ยนให้พวกเขาทำงานอื่น เช่นนี้ก็จะยอมรับได้รวดเร็วขึ้นหน่อย
ต้มกบในน้ำอุ่น[1] ไม่ต้องรีบร้อนไป
แต่ซ่งอิงคิดก็ไม่ถึงเช่นกันว่าโลกเทพจะผัดวันประกันพรุ่งถึงเพียงนี้
เมื่อครุ่นคิดดูอย่างถี่ถ้วนก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“จักรพรรดิสวรรค์ผู้นี้เป็นผู้ที่เอ้อระเหยลอยชายใช่หรือไม่” ซ่งอิงถามชางเวย
ชางเวยหวนครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ข้าไม่ได้คุยกับเขาสักเท่าไร แต่เขามีชื่อเสียงไม่เลวทีเดียว จัดการโลกเทพได้ถือว่าเป็นระบบระเบียบเช่นกัน”
[1] ต้มกบในน้ำอุ่น (温水煮青蛙) สภาพแวดล้อมที่ดีมักจะไม่ปลอดภัย