ตอนที่ 204 สองครอบครัวต่อสู้กัน
โจวฉายอวิ๋นตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น ตบหน้าอกและพูดอย่างมีความสุข “โชคดีที่พี่เฟิงออกมาช่วยเธอ ไม่เช่นนั้นเงินทั้งหมดจะถูกคนอื่นขโมยไปแล้ว”
หล่อนตบบ่าหลินม่ายเบาๆ “พี่เฟิงมีความเมตตาต่อเธอมาก ทำไมเธอไม่ลงไปชั้นล่างเพื่อสร้างความบันเทิงให้เขาล่ะ มาแอบฟักไข่อยู่ชั้นบนทำไม!”
หลินม่ายกลอกตา “เธอนี่มีตาหามีแววไม่จริงๆ ไม่เห็นผู้หญิงสวยคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆ พี่เฟิงเหรอ? อีกอย่างสาวสวยคนนั้นมองฉันอย่างไม่ถูกชะตาด้วย ฉันเลยขึ้นมาชั้นบนนี่ไง ไม่ใช่เพราะหลีกเลี่ยงความเกลียดชังให้ตัวเองอยู่เหรอ”
โจวฉายอวิ๋นอึ้งงันไปครู่หนึ่ง “แล้วเราควรทำยังไงดี? พี่เฟิงใจดีกับเธอ ดังนั้นมันจะดูไม่ดีถ้าเธอไม่แสดงน้ำใจกับเขาสักหน่อยนะ”
หลินม่ายกล่าวว่า “ให้หมิงเฉิงดูแลพี่เฟิงซะสิ ถ้าพี่เฟิงไม่ถามเกี่ยวกับฉัน ก็ไม่ต้องพูดถึงฉัน ถ้าถามถึงฉัน ก็แค่บอกว่าฉันติดเรียนหนังสือเตรียมสอบเข้ามัธยมปลายอยู่”
โจวฉายอวิ๋นฮัมเพลงและลงไปชั้นล่าง
โชคดีที่เฉินเฟิงไม่ได้ถามเกี่ยวกับหลินม่าย และไม่ต้องการให้หลี่หมิงเฉิงคอยต้อนรับเขา พร้อมกับแสดงท่าทางเป็นกันเองไม่ถือตัว
หลังจากกินอาหารที่ร้านเสร็จ เฉินเฟิงก็เหลือบมองไปที่บันได แต่จากไปโดยไม่พูดอะไร เขาออกไปพร้อมกับเหลียนเฉียวและคนอื่นๆ
ตอนกลางคืน หลินม่ายที่นอนบนเตียงฟังเสียงฟ้าร้องอยู่ไกลๆ ก็คิดในใจว่าฝนจะตกหรือไม่?
ฝนฤดูร้อนในเจียงเฉิงไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าฝนตกจริงๆ ก็ไม่รู้จะตกกี่วัน คงไม่ได้ไปตั้งร้านแน่ๆ
ในช่วงเช้าตรู่ ฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่
เสียงฝนโปรยปรายช่วยให้ผู้คนนอนหลับ และหลินม่ายก็หลับไปท่ามกลางเสียงฝน
เมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้า ฝนห่าใหญ่ยังคงโปรยปราย จนบรรยากาศทั่วไปแลดูขมุกขมัว
ฝนตกหนักมากจนจำนวนลูกค้าที่มากินอาหารเช้าลดลงหนึ่งในสาม
ธุรกิจของร้านอาหารเฟื่องฟูมาโดยตลอด แต่ถึงกระนั้นบ้านของป้าหูก็แทบจะไม่มีการค้าขายเลย
เมื่อฟางจั๋วหรานมากินอาหารเช้าในตอนเช้า เนื้อตัวของเขาก็ถูกฝนสาดจนเปียกโชก
หลินม่ายหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดตัวให้เขา เมื่อโต้วโต้วเห็น หล่อนก็เอาผ้าขนหนูผืนเล็กมาเช็ดให้เขาด้วย
ฟางจั๋วหรานเผยรอยยิ้มบางๆ ไม่ค่อยยิ้มกว้างนัก
เด็กน้อยเอียงศีรษะและถามว่า “คุณอาศาสตราจารย์ ทำไมถึงมีความสุขจังคะ?”
ฟางจั๋วหรานกอดหล่อน “เพราะว่าอามีหนูกับคุณแม่น่ะสิ อาเลยมีความสุข!”
หลังจากฟางจั๋วหรานเช็ดตัวเสร็จ ทั้งสามคนก็กินอาหารเช้าด้วยกัน
หลินม่ายไม่ค่อยอ่านหนังสือพิมพ์มากนัก แต่ชอบฟังวิทยุ
ข้อมูลเกือบทั้งหมดของเธอมาจากวิทยุ
เช้านี้ก็ไม่เว้น ขณะกินอาหารเช้า เธอก็เปิดวิทยุเพื่อฟังรายการ
มีการออกอากาศรายการพยากรณ์อากาศทางวิทยุ โดยบอกว่าครั้งนี้ฝนจะตกหนักเป็นเวลานานกว่าครึ่งเดือน
ฝนตกหนักเช่นนี้ทำให้ไม่สามารถตั้งแผงขายของได้ ดังนั้นหลินม่ายจึงวางแผนที่จะพาโต้วโต้วไปที่ชนบทเพื่อไปเยี่ยมคุณปู่ฟางและคุณย่าฟาง
ถือโอกาสไปแอบสืบว่าหลินเพ่ยไปเรียนที่โรงเรียนมัธยมอวิ๋นเจิ้นได้อย่างไร
แต่เธอบอกเพียงฟางจั๋วหรานว่าเธอต้องการพาโต้วโต้วไปที่ชนบทเพื่อเยี่ยมคุณปู่ฟางและคุณย่าฟาง และไม่ได้พูดถึงสิ่งอื่นใด
หลังอาหารเช้า หลินม่ายไปที่ห้างสรรพสินค้าเจียงเฉิงฝั่งตรงข้ามเพื่อซื้อของขวัญ จากนั้นขับรถแทรกเตอร์กลับไปที่เมืองซื่อเหมยกับโต้วโต้ว
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางนั่งอยู่ในห้องโถง จ้องมองสายฝนข้างนอกด้วยสีหน้าว่างเปล่า
เมื่อเห็นหลินม่ายขับรถแทรกเตอร์มาพร้อมกับโต้วโต้ว ทุกคนก็มีความสุขมาก
คุณปู่ฟางอุ้มโต้วโต้วเข้าไปในบ้านภายใต้ร่มสีดำขนาดใหญ่
ส่วนคุณย่าฟางรีบเข้ามาถามไถ่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
หลินม่ายเดินเข้ามาพร้อมถุงเล็กถุงใหญ่ และพูดด้วยรอยยิ้ม “ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ตราบใดที่หล่อนไม่หักโหมวิ่งหรือกระโดดเหมือนเด็กทั่วไป คุณปู่คุณย่าก็ไม่ต้องกังวล”
ผู้เฒ่าทั้งสองพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก “ดีแล้ว ดีแล้ว”
ในวันที่หลินม่ายกับลูกสาวกลับมาที่เมืองซื่อเหม่ย ฟางถิงก็ได้รับการปล่อยตัวออกมา
ครอบครัวทั้งสามคนกอดคอและร้องไห้เสียงดังนอกสถานกักกัน จากนั้นขึ้นรถไฟกลับไปที่เจียงเฉิง
พวกเขาไม่คิดถึงความเหน็ดเหนื่อย และไม่คิดถึงฝนที่ตกลงมาห่าใหญ่ มุ่งหน้าไปที่บ้านของหวังหรงด้วยความโกรธ
หยางรั่วหลานทุบประตูบ้านของหวังหรงอย่างแรงโดยไม่เกรงใจพร้อมร้องตะโกน “หวังหรง! เปิดประตู!”
บ้านตรงข้ามของหวังหรงทนเสียงดังไม่ไหว นายหญิงเจ้าของบ้านถึงกับขมวดคิ้วและเปิดประตูบ้านออกมามอง
ขณะที่หล่อนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เช่น อย่าส่งเสียงดังมากเกินไป หัดรักษามารยาทในที่สาธารณะเสียบ้าง แต่เมื่อเห็นว่าเป็นครอบครัวของฟางเว่ยตั่ง หล่อนจึงรีบเปลี่ยนสีหน้าและทักทายด้วยรอยยิ้ม “ผู้อำนวยการฟาง ผู้อำนวยการหยาง มาหาญาติหรือคะ?”
ฟางเว่ยตั่งและภรรยาทำงานในโรงงานยาสูบ
ฟางเว่ยตั่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานทั่วไปของสำนักงานและอยู่ในกลุ่มผู้ปฏิบัติงานระดับกลาง
หยางรั่วหลานเป็นผู้อำนวยการสำนักงานระดับรากหญ้าและอยู่ในกลุ่มของผู้ปฏิบัติงานระดับรากหญ้า
ไม่ว่าจะเป็นระดับกลางหรือระดับต้น แต่ตำแหน่งคือ ผู้อำนวยการ
นั่นเป็นเหตุผลที่เพื่อนบ้านของหวังหรงเรียกทั้งสองว่าผู้อำนวยการและไม่กล้าหาเรื่องพวกเขา
ในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานของรัฐวิสาหกิจผูกขาดขนาดใหญ่ หยางรั่วหลานมีความสง่างามและสุขุม
แต่ในเวลานี้หล่อนกลับไม่มีอะไรเหลือ ไม่ต่างจากแม่ค้าปากตลาดคนหนึ่งที่พูดอย่างโกรธเกรี้ยวกับเพื่อนบ้านหญิงของครอบครัวหวังหรง “ญาติชาติชั่วน่ะสิ! หวังหรงเป็นญาติฝ่ายไหนกับครอบครัวเรากัน! ฉันมาที่นี่ก็เพื่อถามหวังหรงคนชั่ว ว่าทำไมถึงได้ลอบทำร้ายถิงถิงของเรา!”
นี่คือข่าวที่น่าตกใจ
เพื่อนบ้านกำลังจะนินทาว่าเกิดอะไรขึ้น ประตูบ้านของหวังหรงก็เปิดออก
แม่ของหวังหรงปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน
หล่อนเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้า ก่อนยิ้มทักทายอย่างอบอุ่น “แขกคนสำคัญ แขกคนสำคัญ เชิญ..”
ก่อนที่หล่อนจะเอ่ย “เชิญ” หยางรั่วหลานก็ผลักหล่อนออกไป และเข้าไปในบ้านด้วยความโกรธ โดยมีฟางเว่ยตั่งกับลูกสาวตามมาติดๆ
เมื่อเห็นว่าเพื่อนบ้านตรงข้ามกำลังมองมาที่บ้านของหล่อนอย่างสงสัย แม่หวังหรงจึงรีบปิดประตู จนเพื่อนบ้านหันหลังกลับและเข้าไปในบ้านของตนอย่างเสียดาย
หยางรั่วหลานเดินไปที่ห้องนั่งเล่นในไม่กี่ก้าว
หวังหรงลุกขึ้นยืนจากโต๊ะอาหาร ตะโกนเรียก “คุณน้าหยาง” ด้วยความตื่นตระหนก ก่อนที่หยางรั่วหลานจะตบหน้าหล่อนอย่างแรง
หยางรั่วหลานชี้หน้าหล่อนและถามด้วยความโกรธ: “แกลอบทำร้ายถิงถิงทำไม? ทำไม!”
พ่อแม่ของหวังหรงยืนอยู่ต่อหน้าลูกสาวและขอร้องว่า “ถ้าคุณมีอะไรจะพูดก็พูดออกมาเถอะ อย่าลงไม้ลงมือกันเลย!”
ฟางเว่ยตั่งพูดอย่างโหดเหี้ยม “หรงหรงของพวกคุณทำร้ายถิงถิงของพวกเราแบบนี้ ที่ตบหล่อนถือว่าเบาแล้ว!”
พ่อแม่ของหวังหรงพูดอย่างเคร่งขรึม “หรงหรงของพวกเราเป็นเด็กดี กับถิงถิงก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน หล่อนจะทำร้ายลูกคุณได้ยังไง พวกคุณอย่าพูดไร้สาระนะ!”
ทั้งฟางเว่ยตั่งและภรรยาของเขาหัวเราะด้วยความโกรธ “ถ้าหรงหรงของพวกคุณเป็นคนดี โลกนี้คงไม่มีคนเลวแล้ว”
หวังหรงกุมแก้มซีกหนึ่งไว้และพูดอย่างเสียใจ “ฉันไม่เคยทำร้ายถิงถิง คุณน้าหยางคุณอย่าไปเชื่อคนที่ใส่ความฉันนะคะ~”
หวังหรงมีความมั่นใจในตัวเอง
หล่อนชักจูงอันธพาลที่ฟางถิงจ้างให้เขาเปลี่ยนคำให้การต่อศาล เรื่องนี้ทำอย่างลับๆ และครอบครัวของฟางถิงก็ไม่รู้เรื่องนี้
ต่อให้ตายหล่อนก็จะไม่มีวันยอมรับว่าแว้งกัดฟางถิง ครอบครัวของฟางถิงจะทำอะไรหล่อนได้?
เมื่อเห็นว่าหวังหรงไม่ยอมรับ ฟางถิงก็โกรธมากจนเสียสติ
หล่อนกระโจนใส่อีกฝ่ายและทุบตี “ถึงตอนนี้เธอก็ยังปัดความรับผิดชอบให้หลินม่าย! แต่อันธพาลคนนั้นสารภาพแล้ว และเธอก็วิ่งไปที่ห้องพักผู้ป่วยของเขาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขาเปลี่ยนคำสารภาพ เพราะคำสารภาพนั่นแท้ๆ ที่ทำให้ฉันเกือบติดคุก กล้าดียังไงมาแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา! “
หยางรั่วหลานโมโหต่อทัศนคติของหวังหรงจนหัวแทบจะระเบิด และลงมือทุบตีหล่อนพร้อมกับลูกสาว “แกมันเสแสร้ง จนป่านนี้แล้วยังไม่ยอมรับ ฉันจะฆ่าแกให้ตายเลยนังคนชั่ว!”
พ่อแม่หวังหรงต้องการหยุดพวกเขา แต่ฟางเว่ยตั่งไม่ยอม และในที่สุดทั้งสองครอบครัวก็ทะเลาะกัน
ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของชายทั้งสองนั้นเท่ากัน ยากที่จะแยกออกจากกัน
อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพการต่อสู้ของคู่แม่ลูกหวังหรงสูงกว่าคู่ของหยางรั่วหลาน และครอบครัวของฟางเว่ยตั่งก็พ่ายแพ้ในที่สุด
……………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
โธ่ น่าจะสู้ชนะสักหน่อย หมั่นไส้นังหรงมานานแล้ว สตอทั้งไร่จนน่าหมั่นไส้
ไหหม่า(海馬)