จางปี้เยียนหัวเราะดังลั่น “พวกเราสองคนชมกันไปชมกันมาเช่นนี้ เกรงว่าผู้อื่นได้ฟังก็คงหัวเราะเราสองคนแล้ว”
นางกล่าวจบก็มองลู่เจียวพร้อมกล่าวน้ำเสียงจริงใจยิ่งว่า “ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้พูดคุยกับลู่เหนียงจื่อ ไม่รู้ว่านิสัยลู่เหนียงจื่อจะถูกใจข้าเช่นนี้ วันหน้าเราสองพี่น้องก็ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ นะ”
“จางเหนียงจื่อเกรงใจไปแล้ว ข้ากับอวิ๋นจิ่นเป็นคนบ้านนอก หากไปบ้านจางเหนียงจื่อเกรงว่าจะทำเรื่องผิดพลาดให้เป็นที่หัวเราะได้”
ลู่เจียวนับว่าอ้อมค้อมแล้ว จางปี้เยียนเหมือนฟังไม่เข้าใจ ยังคงยิ้มตาหยีกล่าวว่า “คนบ้านนอกอะไรกัน กล่าวตามจริง วันหน้าเซี่ยซิ่วไฉย่อมได้เป็นเสาหลักแห่งแผ่นดิน ถึงตอนนั้นข้าก็คงได้แต่แหงนหน้ามองลู่เหนียงจื่อด้วยความเลื่อมใสแทนแล้ว ขอแค่ตอนนั้นลู่เหนียงจื่ออย่าลืมก้มหน้าลงมามองพวกเราบ้าง”
จางปี้เยียนพูดได้จริงใจยิ่ง หลี่เหวินปินพลันหันหน้าไปมองนางอย่างนึกไม่ถึง
จางปี้เยียนไม่สนใจ ลู่เจียวกลับเห็นพอดี เพราะนางหันไปมองหลี่เหวินปินด้วยสัญชาตญาณทันที หลี่เหวินปินรีบส่งรอยยิ้มซื่อให้นางพลางหันเดินเข้าไปด้านใน
ลู่เจียวรู้สึกว่าสีหน้าหลี่เหวินปินเมื่อครู่ดูแปลกไป
แต่ไม่ทันได้คิดอะไรมาก ทุกคนก็เดินมาถึงด้านนอกประตูหน้าห้องเซี่ยอวิ๋นจิ่น หลินตงที่เฝ้าหน้าประตูเรียกอย่างนอบน้อม “เหนียงจื่อ”
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย เชิญหลี่เหวินปินกับจางปี้เยียนเข้าไป
ณ เรือนนอนตะวันออก เซี่ยอวิ๋นจิ่นแต่งตัวเรียบร้อยนั่งอยู่บนเตียง พอหลี่เหวินปินเข้ามาก็ทักทายเสียงดัง
“รบกวนพี่หลี่มาเยี่ยมแล้ว”
หลี่เหวินปินยิ้มกล่าวว่า “เจ้ากล่าวเช่นนี้ ใช่เห็นว่าเราพี่น้องห่างเหินหรือ”
หลี่เหวินปินกล่าวจบก็ถามเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างห่วงใย “อาการบาดเจ็บเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เป็นอะไรหรือไม่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่ายหน้า “ไม่เป็นอะไรแล้ว แผลประสานกันแล้ว น่าจะลงจากเตียงไปเดินได้ในเร็ววันนี้”
ความจริงตอนนี้เขาลงไปเดินได้แล้ว แต่ลู่เจียวสั่งน้ำเสียงเข้มงวดให้เขาพักผ่อนอยู่บนเตียงอีกสองสามวัน ป้องกันแผลปริ
ตอนนี้บ้านพวกเขาอะไรๆ ก็เจียวเจียว ดังนั้นเขาได้แต่นอนอยู่บนเตียง
หลี่เหวินปินได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็โล่งอก ยิ้มกล่าวว่า “อย่างนั้นก็ดีๆ”
จางปี้เยียนเดินเข้ามาทักทายเซี่ยอวิ๋นจิ่น “งั้นข้าก็ขออวยพรให้เซี่ยซิ่วไฉแข็งแรงโดยเร็ววัน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดถึงว่าบาดแผลตนเองเกี่ยวข้องกับตระกูลจางอย่างไม่อาจปฏิเสธ ตอนนี้คนตระกูลจางถึงกับแล่นมาอยู่ตรงหน้าพวกเขา ทำเอาเซี่ยอวิ๋นจิ่นนึกรังเกียจอย่างที่สุด
ติดที่ไม่มีหลักฐานว่าเรื่องพวกนั้นเป็นคนตระกูลจางทำ ดังนั้นเขาก็ไม่อาจแสดงออกมาได้
เขาได้แต่ทำหน้านิ่งพยักหน้าเล็กน้อย นับว่าทักทายจางปี้เยียนแล้ว
เขาเป็นคนเย็นชาเช่นนี้มาตลอด จางปี้เยียนเองก็ไม่คิดหาเรื่องอะไร หันหน้าไปกล่าวกับหลี่เหวินปินว่า “เจ้าอยู่คุยกับเซี่ยซิ่วไฉ ข้าไปคุยกับลู่เหนียงจื่อที่เรือนด้านหลัง”
หลี่เหวินปินพยักหน้า “ได้ เจ้าไปเถอะ”
จางปี้เยียนหันไปมองลู่เจียว ลู่เจียวก็พาจางปี้เยียนไปเรือนบุปผาที่เรือนด้านหลัง
พอทั้งสองคนนั่งลงแล้ว จางปี้เยียนก็ให้สาวใช้ประจำตัวนำของขวัญที่นำมาในวันนี้ออกมา
ไม่เพียงแต่มีโสมคนอายุหลายสิบปี ยังมีเห็ดหลินจืออายุหลายสิบปี พร้อมกันนี้ยังเตรียมเหอโส่วอู เสวี่ยเหลียนและตัวยาราคาแพงอื่นๆ มาด้วย
เดิมจางปี้เยียนคิดว่าตนเองนำของมามากมายเช่นนี้จะต้องทำให้ลู่เจียวตกใจอย่างแน่นอน เพราะนางไปสืบมาแล้ว รู้ว่าลู่เหนียงจื่อผู้นี้เป็นหมอประจำหอยาเป่าเหอ วิชาการแพทย์ไม่เลวอย่างมาก
ดังนั้นนางมอบตัวยาหายากราคาแพงพวกนี้น่าจะถูกใจนาง แต่จางปี้เยียนเห็นท่าทางลู่เจียวกลับดูนิ่งปกติมาก นี่เป็นเพราะไม่นำมาใส่ใจหรือว่าไม่รู้จักกัน
จางปี้เยียนอดยิ้มกล่าวไม่ได้ว่า “เดิมคิดมอบโสมคนร้อยปีกับหลินจือร้อยปีให้เซี่ยซิ่วไฉ แต่ของพวกนั้นหายาก ดังนั้นจึงหามาได้แค่โสมคนและเห็ดหลินจือหลายสิบปีเท่านั้น ขอลู่เหนียงจื่ออย่าได้รังเกียจ”
ลู่เจียวหันหน้าไปยิ้มมองจางปี้เยียน หญิงผู้นี้คิดว่านางไม่รู้จักโสมคนและเห็ดหลินจือหลายสิบปีพวกนี้หรือ ถึงกับหยิบออกมาพูดทีละชิ้น หรือว่านางคิดว่านางนำของพวกนี้มามอบให้แล้วนางจะดีใจ
ลู่เจียวสีหน้ายังคงเป็นปกติ มองจางปี้เยียนกล่าวว่า “ของเช่นโสมคนกับเห็ดหลินจือพวกนี้สูงค่ามาก จางเหนียงจื่อนำกลับไปเถอะ กล่าวกับจางเหนียงจื่อตรงๆ ตระกูลเซี่ยพวกเราแม้ว่ายากจน แต่เพราะอยู่ติดภูเขา ส่วนข้าก็ชอบขึ้นเขาเก็บสมุนไพร ดังนั้นสิ่งที่บ้านข้าไม่ขาดแคลนที่สุดก็คือโสมคนและหลินจือแล้ว บนเขาโสมคนและเห็ดหลินจือหลายสิบปีพวกนี้พบเจอได้บ่อยมาก”
นางกล่าวจบก็เหมือนกลัวจางปี้เยียนไม่เชื่อ หันไปมองเฝิงจือกล่าวว่า “เฝิงจือ ไปนำโสมคนและเห็ดหลินจือบ้านเราออกมาให้จางเหนียงจื่อดูหน่อย”
เฝิงจือรับคำเดินออกไปห้องคลังนำโสมคนและเห็ดหลินจือออกมา นอกจากสองอย่างนี้แล้วยังนำยาสมุนไพรที่มีราคาแพงอื่นๆ ออกมาอีกจำนวนหนึ่ง
โสมคนและเห็ดหลินจือหลายสิบปีพวกนี้ตระกูลจางวางในกล่องหรูหราล้ำค่า แต่โสมคนและเห็ดหลินจือที่เฝิงจือนำออกมากลับวางอยู่ในกล่องธรรมดา
แต่พอเฝิงจือนำออกมา จางเหนียงจื่อก็มองออกว่าโสมคนและเห็ดหลินจือกับสมุนไพรอื่นๆ ของลู่เจียว ดีกว่าของนางมาก
ใบหน้าจางปี้เยียนพลันร้อนผ่าวอย่างรู้สึกอับอาย เดิมตนเองคิดทำให้ลู่เจียวตื่นตกใจ ปรากฏว่ากลับถูกคนเขาตบหน้ากลับ คนเขาหยิบสมุนไพรมีราคาออกมาด้วยท่าทีไม่เห็นว่าสำคัญอะไร
ในใจจางปี้เยียนนอกจากรู้สึกบอกไม่ถูกแล้ว ยังสงสัยว่าลู่เจียวเดาเรื่องที่นางกับหลี่เหวินปินมาวันนี้ออก แต่นางแสร้งทำเป็นไม่รู้ และยังไม่ยอมรับน้ำใจจากตระกูลจาง
จางปี้เยียนพลันนึกโมโห แต่ไม่ได้แสดงออก ยังคงยิ้มละไมกล่าวว่า “วันนี้ข้าได้รับรู้ความจริงข้อนี้แล้ว ลู่เหนียงจื่ออย่าได้หัวเราะเยาะข้าก็พอ”
ลู่เจียวส่ายหน้า “จางเหนียงจื่อมีน้ำใจ ข้าจะไปหัวเราะเยาะได้อย่างไร เพียงแต่บ้านข้าพอดีมีสมุนไพรก็เท่านั้น กล่าวกับจางเหนียงจื่อตรงๆ สมุนไรละแวกบนเขาแถวบ้านพวกเรามีมากจริงๆ บางครอบครัวไม่รู้ว่านี่คือสมุนไพร ถึงกับตุ๋นโสมคนกินเหมือนเป็นหัวไชเท้า ปรากฏทั้งครอบครัวร้อนในกันหมด เกือบเอาชีวิตไปทิ้ง”
ลู่เจียวจงใจกล่าวเช่นนี้ก็เพื่อตบหน้าจางเหนียงจื่อ เจ้าเอาโสมคนเห็นหลินจือมาเป็นดังของมีค่า แต่ที่บ้านพวกเราเอาไปกินดังหัวไชเท้า
ดังคาด จางเหนียงจื่อสีหน้าย่ำแย่อย่างมาก นางค่อย ๆ หรี่ตามองลู่เจียว ก็ไม่รู้ว่านางพูดจริงหรือเท็จ ถึงกับไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อ
แต่คิดถึงจุดมุ่งหมายที่มาในวันนี้ ก็ค่อย ๆ ปรับอารมณ์ลง “วันหน้าข้าขอเชิญลู่เหนียงจื่อไปเดินเที่ยวในอำเภอชิงเหอเราสักหน่อย แม้ว่าอำเภอชิงเหอเรายากจน แต่ก็มีของดีอยู่บ้าง พอดีตระกูลจางเปิดร้านเครื่องประดับหลายร้าน ถึงตอนนั้นหากลู่เหนียงจื่อสนใจสิ่งใดก็บอกกับข้าได้ ข้าจะได้มอบให้ลู่เหนียงจื่อ”
ลู่เจียวพอได้ฟังก็มองจางเหนียงจื่อพร้อมรอยยิ้มทันที “กล่าวกับจางเหนียงจื่อตรงๆ คนอย่างข้ามีนิสัยประหลาด ไม่ชอบเครื่องประดับเงินทองของที่ผู้หญิงชอบกัน ข้าชอบรักษาผู้ป่วย จางเหนียงจื่อคงเคยได้ยินว่าข้าพอเป็นวิชาแพทย์ ข้าเป็นคนที่นอกจากชอบรักษาผู้ป่วยแล้ว ก็มิได้สนใจอย่างอื่นอีก”
จางปี้เยียนได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็มีสีหน้าเย็นเยียบลงทันที ในใจแอบนึกด่าทอลู่เจียวว่าไม่รู้จักน้อมรับการยกย่องนี้ ไม่เห็นหัวนางเลยจริงๆ
ทว่าแม้สีหน้านางจะไม่ดีนัก แต่นางก็ไม่ได้แสดงออก อย่างไรก็ต้องรักษาไว้เผื่อวันหน้า วันหลังค่อยหาทางมาใหม่
แต่วันนี้จางปี้เยียนก็ไม่คิดอยากอยู่เชื่อมสัมพันธ์ต่อแล้ว นางลุกขึ้นกล่าวว่า “สายแล้ว วันนี้พวกเรากลับก่อน วันหน้าค่อยมาคุยกับลู่เหนียงจื่อใหม่”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “หากจางเหนียงจื่อสุขภาพไม่ดี ก็มาให้ข้ารักษาได้นะ!”