ลู่เจียวปฏิเสธทันที “ไม่ได้ ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยกมือกุมหน้าอกทำท่าทางว่าตนเองบาดเจ็บ
พอเขาทำเช่นนี้ก็ทำเอาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่คิดว่าท่านพ่อเจ็บหัวใจ รีบเข้าไปถามอย่างห่วงใย “ท่านพ่อเจ็บหัวใจหรือ ข้านวดให้ท่านพ่อ”
“ให้ท่านแม่ดูหน่อยว่าท่านพ่อป่วยเป็นอะไร”
“ท่านพ่อ ข้าเล่านิทานให้ท่านพ่อฟัง ท่านแม่บอกว่าหากเอาสมาธิไปจับที่อื่น ความเจ็บปวดบนร่างกายก็จะไม่เจ็บปวดมากเท่าไรแล้ว”
ซื่อเป่ากล่าวทันทีว่า “ท่านพ่อ ข้าร้องเพลงให้ท่านพ่อฟัง ท่านแม่บอกว่าเพลงที่ข้าร้องเพราะมาก ฟังแล้วสบายไปทั้งตัว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นว่าการกระทำที่ทำไปอย่างนั้นของตนเอง ทำเอาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ตื่นตกใจเช่นนี้ ก็รีบนั่งตัวตรงคิดเอ่ยว่าตนเองไม่เป็นไร
ผู้ใดจะรู้ว่าต้าเป่าหันไปมองลู่เจียวกล่าวว่า “ท่านแม่ ท่านพ่อไม่สบาย คืนนี้ท่านแม่นอนเป็นเพื่อนท่านพ่อก็แล้วกัน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกำลังจะพูดก็พลันหยุดชะงัก เขาหันหน้าไปจ้องมองลู่เจียวด้วยแววตาดีใจ
ลู่เจียวค้อนขวับใส่เขาอย่างอารมณ์เสีย จากนั้นก็มองไปยังเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ เด็กๆ หันมามองนางพร้อมกัน
ลู่เจียวพบว่าสองวันนี้ตนเองอยู่ร่วมกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ดี เห็นได้ชัดว่าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เบิกบานใจอย่างมาก อารมณ์ดีมีความสุข
แม้ว่าเมื่อก่อนพวกเขาทั้งสองคนภายนอกจะดีต่อกันมาก และเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็เหมือนไม่เห็นว่าพวกเขามีท่าทีจะหย่ากัน แต่ในใจเด็กๆ สัมผัสรับรู้ไวมาก แม้พวกเขาไม่พูด แต่เด็กๆ ก็ยังรู้สึกได้ว่าท่านพ่อท่านแม่มีบางอย่างไม่ถูกต้อง
ตอนนี้นางให้โอกาสเซี่ยอวิ๋นจิ่น ทั้งสองคนอยู่ร่วมกันได้ดีมาก เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รู้สึกได้อย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้เด็กๆ รู้สึกดีใจจากส่วนลึกของจิตใจ
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เดิมก็หน้าตาดี หลังจากผ่านการบำรุงมาระยะหนึ่ง ไม่เพียงแต่ตัวสูง แต่ใบหน้ารูปไข่ยังงามผุดผ่องน่ารัก สวมเสื้อผ้าตัดจากผ้าต่วนก็มีแต่ความน่ารักน่าเอ็นดูอย่างไม่อาจบรรยาย เหมือนเด็กในภาพวาดที่ดึงดูดสายตาผู้คน
ลู่เจียวมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่แล้วก็คิดถึงว่าพวกเขาเคยร่างกายอ่อนแอราวกับไก่ไร้เรี่ยวแรง ในใจก็อดอ่อนยวบลงไม่ได้
นางมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กล่าวว่า “ได้ แค่ครั้งนี้นะ หากท่านพ่อเจ้างอแงไร้เหตุผลอีก พวกเราก็จะไม่สนใจเขาสิบวัน ไม่พูดกับท่านพ่อด้วย”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ฟังลู่เจียวหยอกพวกเขา ก็พากันหัวเราะครื้นเครงดังขึ้นมาพร้อมกับหันไปหยอกล้อเซี่ยอวิ๋นจิ่น
“ท่านพ่อ ท่านได้ยินไหม ครั้งหน้าห้ามงอแงไร้เหตุผลอีกนะ ถ้างอแงอีก พวกเราก็จะรวมตัวกันสิบวันไม่พูดกับท่านพ่อแล้วนะ”
“ใช่ ถึงตอนนั้นท่านแม่นอนจะเป็นเพื่อนพวกเราสิบวัน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นถลึงตาใส่เอ้อร์เป่าทันที เจ้าเด็กเอาแต่ใจถึงกับแย่งท่านแม่กับท่านพ่อ แล้วยังแย่งหน้าตาเฉยไม่รู้สึกผิดอีก
ซานเป่ากับซื่อเป่าพอได้ฟังเอ้อร์เป่า ก็รีบยกสองมือเห็นด้วย “ได้เลย ถ้าท่านพ่องอแงไร้เหตุผลอีก พวกเราก็ได้นอนกับท่านแม่สิบวัน”
เด็กน้อยสองคนรู้สึกได้ทีอย่างมาก
ใบหน้าลู่เจียวราวกับมีแสงสีดำพาดผ่าน เอาแต่มองพ่อลูกในห้อง ดังนั้นนางเลือกไปเลือกมา ก็แค่เลือกว่านอนเป็นเพื่อนใครอย่างนั้นหรือ
“เอาละ สายแล้ว พวกเจ้ารีบไปเรือนด้านหลังอาบน้ำเข้านอน พรุ่งนี้ยังต้องเรียนหนังสือ”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รีบวิ่งไปกอดลู่เจียว ยังฉวยโอกาสหอมแก้มนางทีหนึ่ง
“ท่านแม่ ราตรีสวัสดิ์”
“ท่านแม่ พวกเราไปนอนละนะ”
“พรุ่งนี้เจอกันนะท่านแม่”
หมับๆ
ลู่เจียวมองความน่ารักของเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ด้วยรอยยิ้มไม่หุบ แต่พอเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ออกไป นางก็จ้องมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยสีหน้าเย็นเยียบ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบยอมรับผิดอย่างว่านอนสอนง่าย “ข้าผิดไปแล้ว ครั้งหน้าไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว”
ลู่เจียวตำหินเขาว่า “เจ้าอายุสามขวบหรืออย่างไร ยังทำหน้าไม่รู้สึกรู้สาอีก วันหน้าเรียกเจ้าเซี่ยสามขวบเสียเลย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแววตาส่องประกายใสกระจ่างจ้องมองลู่เจียวกล่าวว่า “หากได้นอนกับเจ้าทุกวัน ก็เรียกเซี่ยสามขวบแล้วกัน”
ลู่เจียวมองเขาอย่างไร้วาจาจะกล่าว เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบยิ้มประจบ “เอาเถิด เจียวเจียวไม่โกรธแล้วก็รีบมานอนกันเถอะนะ ความจริงคืนนี้ข้าให้เจ้าอยู่ก็เพราะมีเรื่องคุยกับเจ้า”
ลู่เจียวเห็นท่าทางเขาจริงจังก็ไม่โมโหแล้ว เดินเข้าไปถามเขา “เรื่องอะไรหรือ”
นางคิดว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะพูดเรื่องสำคัญอะไรกับนาง ดังนั้นจึงได้ดูสีหน้าจริงจังมาก
ปรากฏเซี่ยอวิ๋นจิ่นมองนางแล้วก็กล่าวเพียงว่า “ข้าอยากถามเจ้า ผู้ชายในยุคสมัยพวกเจ้าอยู่ร่วมกับผู้หญิงอย่างไร”
ลู่เจียวนิ่งอึ้งไปนานไม่รู้ว่าควรกล่าวอะไรดี นางคิดว่าเขาจะพูดเรื่องสำคัญอะไรกับนาง ปรากฏว่าถามเรื่องพวกนี้หรือ
ลู่เจียวอดเริ่มกัดฟันกรอดไม่ได้ “เซี่ยอวิ๋นจิ่น เจ้าอยากโดนใช่ไหม”
นางกล่าวจบ ก็ยื่นมือออกไปหยิกแขนเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างไม่เกรงใจ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นอึ้ง แต่ก็พยายามกลั้นเสียงร้องไว้
ลู่เจียวหยิกเขาทีเดียวเพื่อระบายอารมณ์ แต่พอเห็นเขาไม่ร้องสักแอะ นางก็ได้แต่ปล่อยมือ
“ครั้งหน้าห้ามทำอย่างนี้อีก”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้าให้ความร่วมมืออย่างดี “ได้ งั้นเจ้าบอกข้าหน่อย ผู้ชายในยุคสมัยพวกเจ้าอยู่ร่วมกับผู้หญิงอย่างไร”
เขาอยากฟังมากจริงๆ เช่นนี้เขาก็จะได้รู้ว่าจะอยู่ร่วมกับลู่เจียวอย่างไร และจะได้รู้ว่าลู่เจียวมีขีดจำกัดเพียงใด
ลู่เจียวเห็นเขายืนยัน สุดท้ายก็ไม่ปฏิเสธ นางลงนอนข้างกายเซี่ยอวิ๋นจิ่นแล้วก็เริ่มเล่าเรื่องภพก่อนให้เขาฟัง
“ยุคสมัยพวกเรานั้น หญิงชายสถานะเท่ากัน”
“สถานะเท่ากัน!?”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นตกใจอย่างมาก ควรรู้ว่าผู้หญิงในแคว้นต้าโจวแม้สถานะไม่ได้ต่ำต้อยอะไร แต่ก็ยังคงพึ่งพาผู้ชายในครอบครัว ทุกเรื่องผู้ชายเป็นคนตัดสินใจ ก็เหมือนท่านพ่อบอกว่าจะหย่าท่านแม่ก็หย่า
เรื่องนี้พูดไปพูดมาก็เป็นเพราะสถานะต่ำต้อยกว่า
ลู่เจียวหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นถามว่า “เจ้ายังจะฟังไหม ถ้าฟังก็อย่าขัดข้า”
“ได้ ข้าไม่พูดแทรกแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยื่นมือออกไปนวดคลึงมือนุ่มนิ่มของลู่เจียว ลูบแล้วรู้สึกสบายมาก เซี่ยอวิ๋นจิ่นชอบกุมมือนางไว้ในอุ้งมือที่สุด
ลู่เจียวก็ปล่อยเขา นางหันหน้ากลับไปมองมุ้งเหนือศีรษะ ค่อยๆ เล่าต่อว่า “ผู้หญิงในยุคสมัยพวกเราออกไปหาเงินเลี้ยงครอบครัวเหมือนกัน ผู้หญิงบางคนความสามารถยังเหนือกว่าผู้ชาย ผู้นำหลายประเทศยังเป็นผู้หญิง ดังนั้นสถานะชายหญิงจึงเสมอกันก็ไม่แปลกไหม ผู้หญิงหาเงินเลี้ยงครอบครัวและออกลูกเลี้ยงลูกได้ ดังนั้นสถานะจึงเท่าเทียมกับผู้ชาย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังก็แปลกใจมาก แต่ครั้งนี้เขาระงับใจตนเองไม่ถามขัดลู่เจียว
เขานิ่งฟังต่ออย่างรู้สึกตื่นเต้น ผู้หญิงออกไปหาเงิน ผู้นำหลายประเทศเป็นผู้หญิง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแทบไม่อาจนึกภาพยุคสมัยเช่นนั้นออก แต่เขาก็เข้าใจ มีแต่ยุคสมัยเช่นนั้นจึงจะสร้างหญิงเช่นลู่เจียวได้ ดังนั้นนางจึงได้มีความสามารถเช่นนี้ ไม่เหมือนผู้หญิงในยุคสมัยนี้ รู้จักพื้นที่แค่รอบบ้านตนเอง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดแล้วก็ถามเสียงเบาๆ ว่า “เจียวเจียว ผู้ชายกับผู้หญิงยุคสมัยพวกเจ้าชอบพอกันแล้วจะอยู่ร่วมกันอย่างไร”
“นัดกินข้าว เดินเล่น ดูหนัง ยังอาจออกไปท่องเที่ยวด้วยกันได้ แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือผู้ชายและผู้หญิงในยุคสมัยพวกเราสถานะเท่าเทียมกัน”
ลู่เจียวกล่าวถึงตรงนี้ ก็พลันหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นบนเตียง
“ดังนั้นข้าไม่รู้ว่าพวกเราเหมาะสมจะอยู่กันหรือไม่ เพราะข้าโตมาในยุคสมัยนั้น การดำรงตนก็ย่อมไม่เหมือนผู้หญิงในยุคสมัยนี้ที่เห็นสามีเป็นดังฟ้า หลายครั้งเรื่องที่ตัดสินใจได้ ข้าก็จะตัดสินใจเอง ข้าจะไม่เป็นเหมือนผู้หญิงพวกนั้นที่จะกลับมาถามเจ้าให้เจ้าตัดสินใจ ยังมีอีกเรื่อง ข้ารักษาผู้ป่วย ข้าก็จะมีการงานของตนเอง”
“วันหน้าข้าก็จะออกไปจัดการเรื่องทั้งหมดพวกนี้บ่อยๆ ไม่รู้ว่าเจ้าจะยอมรับได้ไหม”
ลู่เจียวไม่ได้เล่าถึงภรรยาฟ้ากำหนดของเซี่ยอวิ๋นจิ่นในนิยาย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดนางก็เริ่มรู้สึกตื่นตกใจ กลัวลู่เจียวจะเรียกโอกาสที่มอบให้เขาคืน
เขากุมมือลู่เจียวแน่น กล่าวน้ำเสียงจริงจังว่า “เจียวเจียว ตั้งแต่เริ่มต้นข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าเป็นคนเช่นไร ข้ายอมรับได้จริงๆ แต่เหมือนตอนเจ้าเพิ่งมาที่นี่ตอนนั้น ข้าทำเรื่องขายหน้าไว้ไม่น้อยเหมือนกัน”
“ตอนนั้นข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่นาง และเพราะเจ้าห่วงใยดูแลข้า ข้าเลยสงสัยว่าเจ้าคิดอะไรกับข้า ชอบข้า ข้าจึงได้คิดว่าจะให้โอกาสเจ้า ตอนนี้คิดแล้ว เจ้าก็แค่ทำเรื่องที่เจ้าควรทำเท่านั้น”