หยาดฝนไหลลงมาจากชายคา กระทบลงบนพื้นจนกระเซ็นขึ้นมา จางเหยานั่งอยู่ในห้องจ้องมองน้ำที่กระเซ็นขึ้นมาอย่างตั้งใจ
เสียงฝีเท้าดังขึ้นที่ข้างหู สาวใช้สามคนวิ่งเข้ามา
“คุณชายจาง น้ำร้อนพร้อมแล้วเจ้าค่ะ” อาเถียนพูด “ท่านรีบไปอาบเถิด”
เยี่ยนเอ๋อและชุ่ยเอ๋อจ้องมองจางเหยา นำเสื้อผ้าสะอาดในมือส่งมาให้ “เสื้อผ้าสะอาดเจ้าค่ะ”
“คุณหนูเตรียมการไว้นานแล้ว”
เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย จางเหยาที่นั่งนิ่งก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง” เขาลุกขึ้น “ดูอาการก่อนดีกว่า ดูอาการก่อน”
เฉินตันจูเดินเข้ามาพร้อมกล่องหนึ่งใบ “ไม่รีบ ข้าดูอาการให้เจ้าแล้ว” นางมองจางเหยาพูดด้วยความกังวล “เสื้อผ้าของเจ้าเปียกหมดแล้ว รีบเปลี่ยนไปซัก โรคของเจ้าไม่อาจทนหนาวได้”
“ขอบคุณคุณหนู” จางเหยากล่าวขอบคุณ พร้อมถาม “ไม่รู้ว่าคุณหนูจะรักษาโรคของข้าอย่างไร ข้าไอมาเป็นเวลานานแล้ว…ด้านในนี้เป็นยาหรือ”
เฉินตันจูรีบเปิดกล่องให้เขาดู “ใช่ ทั้งหมดเป็นยาที่ข้าทำไว้เพื่อรักษาอาการไอ”
จางเหยามองอย่างจริงจัง “มากมายเพียงนี้ ข้ากินยาเหล่านี้แล้วจะดีขึ้นใช่หรือไม่”
เฉินตันจูพยักหน้า “ใช่ กินแล้วจะดีขึ้น ต่อจากนี้จะไม่เป็นอีก”
จางเหยารีบขอบคุณ ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง “ยาดีเช่นนี้แพงมากใช่หรือไม่”
เฉินตันจูยิ้มให้เขา “ไม่เสียเงิน”
จางเหยาไม่แม้แต่จะถาม เขาเผยสีหน้าเข้าใจ ชื่นชม “คุณหนูตันจูเปรียบเสมือนพระโพธิสัตว์ที่เต็มไปด้วยความเมตตาดุจดั่งคำร่ำลือ”
เฉินตันจูหัวเราะ “เจ้าพูดเรื่องใดกัน ผู้ใดบอกว่าข้าเป็นพระโพธิสัตว์แห่งความเมตตา จางเหยา เหตุใดเจ้าจึงกลายเป็นคนปลิ้นปล้อนเช่นนี้”
กลายเป็นหมายความว่าอย่างไร จางเหยาหน้าไม่เปลี่ยนสี “ข้าซื่อสัตย์เสมอ”
“ใช่ เจ้าพูดถูก” เฉินตันจูยิ้มอีกครั้ง เมื่ออดีตชาติ หญิงชราขายชาแนะนำให้เขาเช่นนี้ บอกว่าอารามดอกท้อมีหมอที่เมตตาดุจดั่งพระโพธิสัตว์ รักษาโรคไม่เสียเงิน
จางเหยาเอื้อมมือไปรับกล่อง “ข้าขอบคุณคุณหนูตันจูมาก ข้าจะนำกลับไปกิน เมื่อหายแล้วจะมาขอบคุณคุณหนูอีกครั้ง”
เขารับกล่องไปแต่ถือไว้ไม่ได้ เฉินตันจูจับกล่องเอาไว้มองเขาด้วยรอยยิ้ม
“คุณชายจาง” นางพูด “ไม่ต้องนำยากลับไปกิน เจ้าอยู่กับข้าในอาราม รักษาหายแล้วค่อยไป ไม่ต้องห่วงเรื่องอาการ”
สีหน้าของจางเหยาทั้งประหลาดใจทั้งซาบซึ้ง “คุณหนูตันจูสมกับเป็นไต้ฟู ห่วงใยคนป่วยเช่นนี้” เมื่อพูดจบก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เขามองไปรอบด้าน “แต่ที่นี่เป็นอาราม อีกทั้งเป็นที่พักของคุณหนูตันจู ข้าเป็นชายคงไม่สะดวก”
เฉินตันจูคิดอยู่ครู่หนึ่ง “อารามข้าเล็กไปจริงๆ แต่คงไม่อาจให้เจ้าไปนอนกับจู๋หลินได้”
นางปล่อยมือ จางเหยากอดกล่องเอาไว้ด้วยความโล่งใจเล็กน้อย
“แต่ว่า เจ้าอยู่ในหมู่บ้านดอกท้อได้” เฉินตันจูมองจางเหยาด้วยรอยยิ้ม “ข้าหาที่พักอาศัยให้เจ้า ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหาร ข้าจะจ่ายเอง”
จางเหยาต้องการพูดบางอย่างอีก แต่เฉินตันจูโบกมือให้เขา จากนั้นพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณชายจาง ไม่ต้องแสร้งพูดจาไพเราะ ไม่ว่าเจ้าพูดอะไร ข้าก็ไม่ปล่อยเจ้าไป” พูดจบนางจึงส่งเสียงเรียกจู๋หลิน
จู๋หลินยืนอยู่หน้าประตูอย่างไม่เต็มใจ
เฉินตันจูกำชับจู๋หลิน “เจ้าไปช่วยคุณชายจางเก็บสัมภาระ ข้าจะไปหาที่พักในหมู่บ้านดอกท้อให้เขา” อีกทั้งกำชับจางเหยาอีกครั้ง “คุณชายจาง เจ้าต้องเก็บสัมภาระทุกอย่างให้ดี อย่าทำหาย”
…
ฝนหยุดในเวลาค่ำ แขกของโรงน้ำชาก็ค่อยๆ แยกย้ายกันไป หญิงชราขายชามองดูนักเรียนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะด้านใน
ข้างเท้าของเขามีชั้นวางตำราทรุดโทรมวางเอาไว้ นอกจากนี้ไม่มีสิ่งอื่น เขาไอเป็นครั้งคราว เมื่อไอคนทั้งคนจะสั่นสะท้าน ดูอ่อนแออย่างมาก
หญิงชราขายชาเดินไปนั่งลงข้างตัวเขา ถามอย่างเห็นใจ “คุณชายจาง ท่านเจอคุณหนูตันจูได้อย่างไร”
จางเหยากระซิบบอกนาง “ท่านยาย ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนที่ข้าเข้าเมืองมาได้ยินคนบอกว่าภูเขาดอกท้อมีคุณหนูตันจู ขวางทางปล้นทรัพย์รักษาคน ข้าหลีกเลี่ยงเส้นทางโดยเฉพาะ ผู้ใดจะไปคิดว่า ตอนที่ข้านั่งซักเสื้อผ้าอยู่ใต้สะพานจะได้เจอคุณหนูตันจู อีกทั้งยังบังเอิญไอไม่หยุด ดังนั้น…”
เขาแบมือทั้งสองข้างด้วยท่าทางระอา
ชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจมาก หญิงชราขายชามองดูร่างกายที่อ่อนแอแต่ใบหน้าสดใสของเขา อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เจออะไรเช่นนี้ยังสงบนิ่งได้ แสดงว่าเจ้าควรที่จะต้องพบกับคุณหนูตันจู”
ในขณะที่พวกเขาสนทนากัน เฉินตันจูวิ่งลงเขา ข้างหลังนางคืออาเถียนและเยี่ยนเอ๋อ พวกนางทั้งสองต่างถือสัมภาระห่อใหญ่ ในมือของจู๋หลินหิ้วกล่องขนาดใหญ่อีกหนึ่งใบ…
“ท่านยาย คุณชายจาง ข้าเก็บของเสร็จแล้ว” เฉินตันจูกวักมือ “ไปได้แล้ว”
หมู่บ้านดอกท้ออยู่ทางด้านหลังของภูเขาดอกท้อ เดินอ้อมผ่านถนนใหญ่ก็ถึงแล้ว หมู่บ้านสวยงามอย่างมากหลังฝนตกตอนพลบค่ำ ท่ามกลางหมอกมีควันจากเรือนต่างๆ ลอยขึ้น
เมื่อหญิงชราขายชากลับมา ชาวบ้านต่างทักทายกัน แม่หม้ายคนนี้เดิมทีไม่โดดเด่นในหมู่บ้าน นางเป็นคนน่าสงสารที่ไร้บุตร ถนนเส้นนี้มีโรงน้ำชามากมาย หาเงินได้ไม่มาก เงินที่ได้ก็พอกินข้าวเท่านั้น ไม่รู้ว่าหาเงินค่าโลงศพได้หรือไม่เสียด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้แตกต่างออกไป โรงน้ำชาของนางขายดีขึ้น อีกทั้งยังสามารถจ้างสาวชาวบ้านคนหนึ่งมาช่วยได้
หญิงหม้ายชราที่ไม่มีบุตร แต่มีเงินทอง ทำให้คนอิจฉาและอยากเป็นมิตร
เมื่อเห็นว่าครั้งนี้คนที่ติดตามหญิงชราขายชากลับมา นอกจากหญิงสาวชื่ออาฮวาแล้ว ยังมีรถหนึ่งคันกับสาวใช้อีกสามคน สาวใช้สามคนนี้ทุกคนในหมู่บ้านต่างคุ้นเคยอย่างดี…
เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูบ้านของหญิงชราขายชา อาเถียนจึงเอื้อมมือออกไปพยุง เฉินตันจูกระกระโดดลงจากรถ จากนั้นนางยื่นมือเข้าไปด้านในเช่นกัน…ก่อนจะมีชายหนุ่มอีกคนเดินลงมา
ชาวบ้านพูดคุยด้วยความสงสัย มองคุณหนูตันจูและชายหนุ่มผู้นั้นเดินเข้าไปในเรือนของหญิงชราขายชา สาวรับใช้สามคนและคนเคลื่อนรถหนึ่งคนถือสัมภาระน้อยใหญ่ และลังใหญ่ใบหนึ่งเอาไว้
“เรือนท่านยาย…” เฉินตันจูมองไปยังเรือนเตี้ยสามเรือนรอบด้าน ล้อมรอบไปด้วยรั้ว ถอนหายใจ “ลำบากท่านยายแล้ว”
หญิงชราขายชาไม่พอใจ “คุณหนูตันจู ถึงแม้เรือนข้าจะดูเรียบง่าย แต่สะอาดมาก หรือท่านให้คุณชายจางไปพักในเพิงเถิด”
จางเหยารีบพูด “ไม่ลำบาก ไม่ลำบาก ที่พักข้าในเมืองก็คือเพิงเก็บฟืนของคนอื่น”
เฉินตันจูหัวเราะกับหญิงชราขายชา “ท่านยาย…ข้าไม่ได้รังเกียจเรือนของท่าน ข้าแค่เป็นห่วงคุณชายจาง”
หญิงชราขายชาส่งเสียงไม่พอใจ มองสาวใช้สามคนและองครักษ์หนึ่งคนที่ยืนเรียงกันเป็นแถว “มาเถิด พวกเจ้าตกแต่งห้องนี้เสีย” พูดพลางพาพวกเขาเข้าไปในห้องว่างทางด้านซ้ายมือ
อาเถียน เยี่ยนเอ๋อและชุ่ยเอ๋อลงมือตกแต่งอยู่ด้านใน
“คุณชายจาง” เฉินตันจูหยิบเก้าอี้เตี้ยออกมาจากในห้อง “เจ้านั่งลงพักก่อน”
จางเหยารับมาด้วยสองมือ พร้อมกล่าวขอบคุณ จากนั้นนั่งลงอย่างเชื่อฟัง
เฉินตันจูเปิดกล่องยาออก ชี้ให้เขาดูว่ายาแต่ละชนิดกินอย่างไร จางเหยาฟังอย่างตั้งใจ
ไม่นานนักห้องก็จัดเสร็จแล้ว เฉินตันจูรีบเดินเข้าไปดู ห้องที่คับแคบจัดวางเตียงเล็กหลังหนึ่ง ปูด้วยผ้าห่มไหม ม่านทอง พร้อมทั้งเสื่อไม้ไผ่ โต๊ะเล็ก อีกทั้งยังมีชั้นวางตำราที่ประกอบขึ้นมา พู่กัน หมึก และกระดาษมีครบ
หญิงชราขายชาจ้องมอง ห้องเล็กมืดมนของตนเองไม่คู่ควรกับการตกแต่งเหล่านี้ จางเหยาที่ยืนอยู่ท่ามกลางพร้อมกับชั้นวางตำราทรุดโทรมและเสื้อผ้าเก่าก็ไม่คู่ควร
“มื้อค่ำเจ้าอยากกินอันใด” เฉินตันจูกำลังจะเดินไปดูเตาไฟของหญิงชราขายชา “ดูเหมือนไม่มีอาหาร ข้าให้อิงกูทำแล้วส่งมา หรือไม่เจ้าไปกินที่อารามดอกท้อค่อยกลับมานอน”
หญิงชราขายชาผลักนางออกไป “หญิงชราอย่างข้าไม่อดตาย เขาก็ไม่อดตาย…หากท่านยังมาชี้นิ้วในเรือนข้าอีก ท่านพาเขาไปหาที่อยู่อื่น”
เฉินตันจูหัวเราะ ไม่ได้บังคับ
“รีบไป รีบไป” หญิงชราขายชาโบกมือ “ท่านอยู่ตรงนี้พวกข้าไม่ได้พักผ่อน คุณชายจางจะรักษาตัวได้อย่างไร”
ถึงแม้จางเหยาจะแสดงออกอย่างเรียบเฉย พูดจาใจเย็นสนุก แต่เฉินตันจูรู้ว่าเรื่องในวันนี้มีผลกระทบต่อจางเหยามาก นางควรให้เขาพักผ่อน
“ข้าไปก่อน” นางโบกมือด้วยรอยยิ้ม
หญิงชราขายชาผลักนาง “รีบไป รีบไป”
เฉินตันจูมองข้ามนางไปยังจางเหยา “คุณชายจาง เจ้าพักอย่างสบายใจ กินยาให้ดี มีสิ่งใดก็มาหาข้า”
จางเหยายิ้มพร้อมคำนับให้นาง “ได้ ขอบคุณคุณหนู”
เฉินตันจูถูกหญิงชราขายชาผลักมาข้างรถ ก่อนจะจับมือของหญิงชราขายชากำชับอย่างไม่อยากจากไป “ท่านยายอย่าให้เขาทำงาน อย่าให้เขาถอนหญ้าเลี้ยงวัวเลี้ยงลาเลี้ยงเป็ดไก่ อย่าให้เขาเก็บฟืน อย่าให้เขาดูแลลูกคนอื่น…”
หญิงชราขายชาหันหลัง “ข้าคืนคนให้ท่าน ท่านรีบพาไป”
เฉินตันจูกอดแขนของนางหัวเราะ “ข้าไม่พูดแล้ว ข้าไม่พูดแล้ว” ก่อนจะขึ้นรถไป
จู๋หลินจูงม้า อาเถียน เยี่ยนเอ๋อและชุ่ยเอ๋อตามไปด้วยรอยยิ้ม หลังจากรถเลี้ยวลับไป หญิงชราขายชาเดินกลับเข้าไปในเรือน มองจางเหยาที่หยิบขวดยาขึ้นมาดูอยู่บนเก้าอี้เตี้ย
“นักเรียน” นางอดพูดไม่ได้ “ดูท่าทางโรคของเจ้าจะรักษาไม่หาย”
ดูคุณหนูตันจูหวงแหนเชียว!