บทที่ 199 รูปทรงน่าเกลียด หลอมเป็นจอบแล้วกัน!
‘แท้จริงแล้วมันคือดาบมารนี่เอง!’
หัวใจของหลิงอินเต้นกระหน่ำ นางคาดไม่ถึงจะเห็นจิตวิญญาณอันน่าสะพรึงกลัวสมัยโบราณกาลดาบมารในที่แห่งนี้!
ความชั่วร้ายอันไร้สิ้นสุดนี้ ทำให้ตลอดทั้งร่างจนถึงจิตวิญญาณของนางสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
ดาบแปดเปื้อนไปด้วยเลือดยากเกินจะจินตนาการ อีกทั้งยังใม่ใช่เลือดของปุถุชนแต่เป็นเลือดของผู้แข็งแกร่ง
ไม่เช่นนั้นจิตวิญญาณของนางคงไม่รู้สึกหวาดกลัวถึงเพียงนี้!
บนตัวดาบมีกลิ่นอายความเก่าแก่ผ่านร่องรอยกาลเวลาหนาแน่นนัก มันไม่ได้ถือกำเนิดในยุคโบราณแต่ถือกำเนิดมาก่อนนั้นนานแล้ว!
ตัวดาบ ด้ามดาบ ทุกรายละเอียดรูปทรงมีลักษณะคล้ายกับในบันทึกคัมภีร์โบราณอย่างไรอย่างนั้น!
นี่ด้องเป็นดาบมารอมตะสมัยโบราณอันน่าสะพรึงกลัว ที่ผู้คนเลื่องลือกันอย่างไม่ต้องสงสัย!
“ที่แท้มันยังไม่ถูกทำลายไป!”
นางอดไม่ได้ที่จะกล่าวในใจ
ในตอนนั้นเผ่าแข็งแกร่งจำนวนนับไม่ถ้วนก่อสงคราม ถึงแม้พวกเขาจะต้องจ่ายราคามหาศาล แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยุติหายนะโดยนำดาบมารอมตะกลับมา
ต่อมาจักรพรรดิหยวนเป็นผู้ลงมือทำลายดาบมารอมตะด้วยตัวเขาเอง ประกาศว่าดาบมารอมตะได้หายไปจากโลกอย่างสมบูรณ์แล้ว
นางคาดไม่ถึงว่าจู่ ๆ จะได้เห็นดาบมารอมตะในที่แห่งนี้!
‘จักรพรรดิหยวนน่าจะทำลายดาบมารอมตะไม่สำเร็จ…’
หลิงอินได้แต่ครุ่นคิดในใจ
บันทึกคัมภีร์โบราณกล่าวว่า ดาบมารอมตะถูกจักรพรรดิหยวนทำลายทิ้งโดยการเสียสละตัวเอง
ตอนนี้ดาบมารอมตะปรากฏขึ้นอีกครั้ง
นี่เห็นได้ชัดอย่างไม่ต้องสงสัยจักรพรรดิหยวนทำลายดาบมารอมตะไม่สำเร็จ…
นางครุ่นคิด จักรพรรดิหยวนกล่าวว่าเขาได้ทำลายดาบมารอมตะไปแล้ว อาจจะต้องการให้ผู้อื่นยอมแพ้ จะได้ไม่เป็นตามความปรารถนาของดาบมารอมตะอีก
ดาบมารอมตะเล่มนี้เป็นหายนะ…
ในโลกใบนี้จิตใจของมนุษย์ยิ่งซับซ้อนยิ่งโหดร้าย…
หากมีผู้คนรู้ว่าดาบมารอมตะยังไม่ถูกทำลาย ย่อมต้องมีผู้คนมากมายเสี่ยงโชคอยากครอบครองดาบมารอมตะอย่างแน่นอน!
จักรพรรดิหยวนทำเช่นนี้เพื่อช่วยเหลือผู้คนเอาไว้!
“ช่างน่าสงสารจักรพรรดิหยวนนัก เสียสละตัวเองแต่สุดท้ายยังไม่สามารถทำลายดาบมารเล่มนี้ได้…”
นางถอนหายใจเสียงดัง
เสียสละตัวเองแต่ทว่าสุดท้ายกลับไม่สำเร็จ นางรู้สึกเสียใจทุกข์ใจแทนจักรพรรดิหยวนนัก!
จักรพรรดิหยวนห่วงใยผู้คนถึงขนาดเสียสละชีวิตตนเอง คุณธรรมอันดีงามเช่นนี้สมควรได้รับการยกย่องจากคนรุ่นหลัง!
เซี่ยเหยียนกับลั่วสุ่ยไม่รู้ถึงความสามารถอันเลิศล้ำของดาบมารอมตะ
ในสายตาของพวกนาง นี่เป็นเพียงดาบธรรมดาเท่านั้น
ถึงอย่างไรความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณของพวกนางเปรียบไม่ได้กับหลินอิน ย่อมไม่รู้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของดาบมารอมตะ
หลี่จิ่วเต้าเคาะดาบในมือ
“คุณภาพวัสดุไม่เลว”
เขาฟังเสียงแล้ว เสียงนั้นกำลังดี วัสดุเองก็ดีมาก คุณภาพดีกว่าดาบเล่มอื่นมากนัก
‘ยังดีที่เด็กหนุ่มผู้นี้สายตาเฉียบแหลมไม่น้อย กล่าวได้ลื่นหูนัก’
ดาบมารอมตะได้ยินดังนั้นก็ในใจอย่างภาคภูมิใจ
‘ดี เห็นแก่ประโยคลื่นหูของเจ้า ถึงเวลานั้นจะเก็บศพทั้งหมดเอาไว้ให้เจ้า’
มันยังคงกล่าวในใจต่อไปว่า
จวบจนกระทั่งหลี่จิ่วเต้ากล่าวประโยคต่อไป มันก็ปล่อยความชั่วร้ายออกมาทันที ในใจของมันกราดเกรี้ยวจนลุกเป็นไฟ!
“คุณภาพวัสดุดียิ่ง แต่รูปทรงน่าเกลียดเกินไปหน่อย”
หลี่จิ่วเต้าส่ายหัว ไม่ค่อยชอบดาบรูปทรงแบบนี้เท่าใดนัก
วัสดุของดาบเล่มอื่นไม่ดีเท่าดาบนี้ แต่รูปทรงดาบดูดีกว่าดาบเล่มนี้มากนัก ดาบนี้จะเรียกว่าตรงก็ไม่ตรง จะเรียกว่าโค้งก็ไม่โค้ง ไม่ได้ให้ความรู้สึกงดงามประณีตเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนดาบยังหลอมไม่เสร็จสมบูรณ์ และคล้ายว่ายังไม่ได้เจียระไน
ในสายตาของเขา ดาบเล่มนี้คือสินค้าไม่ผ่านมาตรฐาน เขาไม่ชอบมัน
‘บิดาเจ้าสิ!’
ดาบมารอมตะโมโหแล้ว
เมื่อครู่มันเพิ่งกล่าวว่าชายหนุ่มผู้นี้สายตาเฉียบแหลม ผู้ใดจะไปรู้ว่ามันด่วนสรุปเกินไป!
สายตาเฉียบแหลมอะไรกันเล่า!
ชายหนุ่มผู้นี้ตาบอดล่ะสิไม่ว่า!
‘หั่นมันเป็นแปดชิ้นเสีย! ไม่สิ หั่นเป็นหมื่นเป็นพันชิ้นไปเลย!’
มันกล่าวอย่างดุร้าย
ถึงอย่างไรมันก็ไม่สามารถส่งเสียงเหล่านี้ได้ ดังนั้นมันจึงทำได้เพียงตะโกนให้ตัวเองได้ยินเท่านั้น
“เก็บไว้แล้วกัน กลับไปค่อยหลอมเอามาทำเป็นจอบดีกว่า”
หลี่จิ่วเต้าแย้มยิ้ม
เขาปลูกพืชผักครัวในสวนไว้ แต่ยังขาดอุปกรณ์การเกษตรอยู่ วัสดุของดาบนี้ไม่เลว เอามาหลอมใหม่ขึ้นรูปเป็นจอบได้พอดี
อันใดนะ!
หลอมมันทำเป็นจอบ!
เจ้าเด็กคนนี้!
ดาบมารอมตะเอ่ยสาปแช่งในใจด้วยความโมโหยกใหญ่!
มันถือได้ว่าเป็นอาวุธวิญญาณล้ำค่าชั้นยอด ในสมัยโบราณการมีอยู่ของมันล้วนแต่ทำให้สิ่งมีชีวิตตกอยู่หวาดกลัว!
แต่สุดท้ายเจ้ามนุษย์ผู้นี้กลับจะหลอมมันทำเป็นจอบเสียนี่!
ช่างเป็นความอัปยศยิ่งนัก!
ถึงแม้เรื่องที่มนุษย์ผู้นี้อยากหลอมมันจะเป็นไปไม่ได้ แต่มันก็ยังโมโหอยู่ดี!
กล่าวเช่นนี้มันต้องโมโหอยู่แล้ว!
หลอมทำจอบ?
สมควรสิ!
สมควรต้องโมโหสิ!
หลิงอินรู้สึกสบายใจขึ้นหลายส่วน และคลายกังวลไปมาก
“เซี่ยเหยียน เจ้ายังมีถุงเก็บอาวุธวิเศษหรือไม่?”
หลี่จิ่วเต้าหันกายกลับมาถามเซี่ยเหยียน
“มีเจ้าค่ะ”
“ดี เจ้าเก็บดาบนี้ไว้ก่อนแล้วกัน กลับไปค่อยเอาออกมาให้ข้า”
หลี่จิ่วเต้าส่งดาบให้เซี่ยเหยียน
พวกเขากำลังจะไปล่องเรือชมทิวทัศน์ที่ทะเลสาบชิงสุ่ย หากพกดาบไปด้วยย่อมไม่ค่อยสะดวกเท่าใดนัก
โดยเฉพาะรูปทรงดาบเล่มนี้น่าเกลียดเป็นอย่างยิ่ง
เขานึกขึ้นได้ว่าบนร่างผู้ฝึกตนมีถุงเก็บอาวุธวิเศษอยู่จึงถามเซี่ยเหยียน
เก็บดาบไว้ในถุงเก็บอาวุธวิเศษ คนนอกย่อมมองไม่เห็น
“เจ้าค่ะ”
เซี่ยเหยียนรับดาบไป ก่อนจะเก็บดาบลงในถุงเก็บอาวุธวิเศษ
“เจ้าเด็กบ้าผู้นี้ อยากจะเห็นนักว่าเจ้าจะหลอมข้าอย่างไร! รอข้าฟื้นพลังก่อนเถิด ข้าจะสับเจ้าเป็นชิ้น ๆ!”
เมื่อโดนเก็บลงในถุงเก็บอาวุธวิเศษ ดาบมารอมตะก็เอ่ยขึ้นอย่างเกลียดชัง
ทว่าถึงอย่างนั้นพลังในตัวก็ทำอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย กระทั่งส่งเสียงก็ยังทำไม่ได้
“ถือโอกาสฟื้นพลังเลยแล้วกัน!”
หลังถูกเก็บเข้าถุงเก็บอาวุธวิเศษ ดาบมารอมตะก็รีบบ่มเพาะทันที มันอยากฟื้นคืนพลังให้เร็วที่สุด ไม่แน่ลูกหลานจักรพรรดิหยวนอาจตามมามันที่นี่ได้ทุกเมื่อ
หากมันถูกลูกหลานจักรพรรดิหยวนนำกลับไป มันก็จะไม่สามารถล้างแค้น และสังหารเจ้ามนุษย์ผู้นี้ได้!
ตอนนี้มันไม่มีความคิดอื่นอีกแล้ว ในใจมีเพียงต้องการสังหารมนุษย์ผู้นี้เท่านั้น!
ไม่นานนัก ทั้งสามคนก็มาถึงทะเลสาบชิงสุ่ย
ที่แห่งนี้คึกคักเป็นอย่างยิ่ง มีพ่อค้าหาบเร่ตั้งแผงขายสินค้า มีผู้คนในเมืองมากมายล้วนแต่ชื่นชอบนั่งเรือชมทิวทัศน์
“สวัสดีขอรับคุณชาย!”
“คุณชายหลี่มาล่องเรือที่นี่ใช่หรือไม่”
ผู้คนของเมืองชิงซานพอเห็นหลี่จิ่วเต้าแล้ว พวกเขาก็พากันเข้ามาทักทายชายหนุ่มอย่างสนิทสนม
หลี่จิ่วเต้ามากความสามารถ ทั้งยังเป็นคนใจดีชอบช่วยเหลือผู้อื่น ผู้คนในเมืองชิงซานจึงนับถือหลี่จิ่วเต้าเป็นอย่างยิ่ง
“ใช่แล้ว”
หลี่จิ่วเต้าแย้มยิ้มพลางพยักหน้ากล่าว “อากาศไม่เลว เหมาะกับการชมทิวทัศน์ทะเลสาบ”
“คุณชายนำของว่างไปท่านบนเรือด้วยขอรับ!”
“มีสุราแล้ว!”
“ฝีมือแต่งกลอนของคุณชายเป็นหนึ่งไม่เป็นสอง มาถึงแล้วต้องดื่มด่ำกับทิวทัศน์จะได้วาดภาพ เขียนบทกวีลงกระดาษได้”
เถ้าแก่ร้านค้ากระตือรือร้นมอบสิ่งของมากมายให้หลี่จิ่วเต้า สิ่งของพวกนี้เป็นสิ่งของที่พวกเขานำมาขายที่นี่
“ทุกท่านมีน้ำใจมากเกินไปแล้ว!”
หลี่จิ่วเต้ารีบปฏิเสธ
“คุณชายนั่งเรือข้า ข้าจะไปจัดที่นั่งให้คุณชาย!”
เถ้าแก่เช่าเรือริมทะเลสาบกล่าว
จากนั้นเขาก็รีบไปจัดการของบนเรือ
เถ้าแก่แต่ละร้านค้าเองก็รีบส่งสิ่งของลงเรือ
หลี่จิ่วเต้าเห็นว่าปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ เขาจึงหยิบเงินตำลึงออกมา ขอให้พวกเถ้าแก่รับมันเอาไว้
ตอนแรกพวกเถ้าแก่ยังไม่ยอมรับเงิน แต่เห็นเขายืนกรานพวกเถ้าแก่จึงได้แต่รับเงินเหล่านี้ไว้
จากนั้นหลี่จิ่วเต้าขึ้นเรือพร้อมหลิงอินกับเซี่ยเหยียน