ลู่เจียวยิ้มมองนางกล่าวว่า “เขายังเป็นเด็กน้อย เจ้าอบรมดีๆ เติบใหญ่ก็รู้ความและกตัญญูเช่นกัน”
เฉียนเหนียงจื่อรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที ไปนั่งข้างลู่เจียวขอคำแนะนำในการอบรมสั่งสอนเด็ก
นางรู้ว่าตระกูลหันส่งบุตรชายสองคนไปเรียนที่บ้านตระกูลเซี่ย บอกว่าลู่เหนียงจื่อสร้างอะไรนะ เหมือนจะอนุบาลอะไรสักอย่าง เด็กน้อยสองคนไปได้ไม่นานก็กลายเป็นเด็กรู้ความอย่างมาก
เฉียนเหนียงจื่อแทบอยากจะส่งลูกไปให้นางอบรมสั่งสอนด้วย แต่บ้านพวกเขาไม่ได้สนิทกับบ้านเซี่ยขนาดนั้น ลู่เหนียงจื่อจะยอมรับหรือ
ลู่เจียวไม่ทันได้พูดอะไร หน้าประตูเรือนข้างก็มีเสียงคุยกันดังมา
ลู่เจียวหันไปมองก็พบว่ามีเหนียงจื่อมากันหลายคน คนที่นำมาเป็นหลี่อวี้เหยาที่เคยสาบานเป็นพี่น้องกับลู่เจียว คนที่ตามหลี่อวี้เหยามาด้วยก็คือจางปี้เยียนแห่งตระกูลจาง
ด้านหลังทั้งสองคนก็คือบรรดาภรรยาพ่อค้าอำเภอชิงเหอ จู้เป่าจูกับถานเสี่ยวยาสองคนก็ตามมาด้านหลังด้วย
จู้เป่าจูเห็นลู่เจียวก็ก้าวเข้ามาหาอย่างดีใจ
“พี่ลู่ พี่หลบเก่งจริงๆ ถึงกับหลบมาอยู่ตรงนี้ได้”
ลู่เจียวยังไม่ทันพูด จางปี้เยียนก็เอ่ยว่า “หลบเก่งจริง มาหลบตัวเงียบสงบอยู่ตรงนี้คนเดียว แต่นางหลบเก่ง พวกเราก็หาเก่งเช่นกัน”
นางกล่าวจบก็หัวเราะดัง ภรรยาพ่อค้าที่มีสถานะเหมือนนางด้านหลังหลายคนก็รับคำประสานเสียงกล่าวว่า “ลู่เหนียงจื่ออย่ารังเกียจว่าพวกเราเสียงดังนะ”
“ยากจะได้พบลู่เหนียงจื่อสักครั้ง พวกเรามาโดยไม่ได้รับเชิญแล้ว”
“ได้ยินว่าวิชาการแพทย์ลู่เหนียงจื่อไม่เลวอย่างมาก พวกเรามานี่ก็เพื่อจะขอขอคำแนะนำเรื่องสุขภาพกับลู่เหนียงจื่อสักหน่อย”
ลู่เจียวเห็นเหนียงจื่อเจ็ดแปดคนที่มาถึงก็แย่งกันพูดจา นางก็ไม่ได้หงุดหงิด เพียงยิ้มทักทายว่า “ข้ามาหลบเงียบๆ ที่ไหนกัน ข้ากลัวเจ้าหนูน้อยทั้งสี่บ้านข้าเสียงดังกระทบกับพวกเจ้า”
พอนางกล่าวจบ จางปี้เยียนก็โบกมือกล่าวว่า “เจ้าล้อเล่นแล้ว พวกเราได้ยินว่าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่บ้านเจ้ารู้ความและมีมารยาทที่สุด แต่แม้เจ้าคิดหลบก็หลบพวกเราไม่พ้น”
จางปี้เยียนพูดไปก็พาคนเดินมานั่งลงข้างลู่เจียว
หลี่อวี้เหยารีบไปนั่งอีกข้างของลู่เจียว จู้เป่าจูกับถานเสี่ยวยาทั้งสองคนมองซ้ายมองขวา สุดท้ายไปนั่งข้างหลี่อวี้เหยา เช่นนี้ทำเอาคนในห้องโถงแยกเป็นสองฝั่ง
แต่ยามนี้ทุกคนมีสีหน้ายิ้มแย้มคุยกับลู่เจียว บรรยากาศยามนี้เห็นได้ชัดว่าราวกับหมู่ดาวล้อมเดือน
ลู่เจียวย่อมรู้ว่าเพราะอะไร นางมองพวกจางปี้เยียนพูดคุยกันโดยไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร
หลี่อวี้เหยาเห็นภาพเช่นนี้ก็เข้าใจความคิดของตระกูลจางทันที ในใจแอบก่นด่า เจ้าคนไร้ยางอาย ก่อนหน้านี้ยังคิดทำร้ายเซี่ยซิ่วไฉกับเจียวเจียว พริบตาก็คิดมาเกาะพวกเขาแล้ว
หลี่อวี้เหยาครุ่นคิดแล้วก็หันหน้าไปดึงมือลู่เจียว ยิ้มกล่าวว่า “เจียวเจียว ขอโทษนะ ก่อนหน้านี้เจ้ากับเซี่ยซิ่วไฉหายตัวไป ข้าไม่อาจไปหาเจ้าที่ภูเขาเฮยเฟิงได้ โชคดีเจ้าไม่เป็นไร”
แม้ว่าหลี่อวี้เหยาไม่ได้ไปภูเขาเฮยเฟิง แต่ก็ให้หูซ่านตามนายอำเภอหูขึ้นเขาไปหาพวกนาง ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “พี่อวี้เหยา ลูกพี่เล็กขนาดนั้น ไหนเลยควรขึ้นเขาไปตามหาพวกเรา”
หลี่อวี้เหยาตบหลังมือลู่เจียวถอนหายใจกล่าวว่า “เจียวเจียวเป็นคนมีวาสนาใหญ่ คนที่คิดทำร้ายพวกเจ้าพวกนั้นก็ได้แต่วางแผนมานานแต่ไร้ประโยชน์ดังตะกร้าไผ่สานตักน้ำไม่ได้สักหยด แต่น่าเสียดายรองนายอำเภอหยางกับเผิงจู่ปู้ฆ่าตัวตาย ไม่เช่นนั้นอาจสืบไปถึงคนบงการตัวจริงที่ทำร้ายเจ้ากับเซี่ยซิ่วไฉก็ได้”
คำพูดหลี่อวี้เหยาทำเอาจางปี้เยียนและเหนียงจื่อข้างกายนางหลายคนมีสีหน้าย่ำแย่ หนึ่งในนั้นคิดจะพูดอะไร แต่กลับถูกจางปี้เยียนถลึงตาให้หยุด
สีหน้าจางปี้เยียนไม่แปรเปลี่ยน หันไปมองหลี่อวี้เหยากับลู่เจียวกล่าวว่า “วันมงคลใหญ่เช่นนี้ ไม่ควรพูดเรื่องไม่เป็นมงคล พวกเราพูดเรื่องมงคลกันเถอะ”
หลี่อวี้เหยารีบหันไปยิ้มให้จางปี้เยียน “จางเหนียงจื่อกล่าวได้ถูกต้อง มาพูดเรื่องมงคลกันเถอะ อย่าไปเอาเรื่องสกปรกพวกนั้นมาทำให้อารมณ์เสีย”
จางปี้เยียนแววตาหรี่ลงพลางถอนหายใจยาว นางไม่สนใจหลี่อวี้เหยาอีก แต่หันไปกล่าวกับลู่เจียวว่า “ลู่เหนียงจื่อถึงกับสาบานเป็นพี่น้องกับพี่หลี่ งั้นพรุ่งนี้พวกเราก็สาบานเป็นพี่น้องกันบ้างดีไหม”
กล่าวจบก็ทำท่าดีอกดีใจกับความคิดนี้ของตนเองอย่างมาก ยื่นมือไปคว้ามือลู่เจียวมามองพร้อมแสดงท่าทางจริงใจอย่างที่สุด กล่าวว่า “ลู่เหนียงจื่อ เจ้าว่าอย่างไร พวกเรามาสาบานเป็นพี่น้องกัน?”
ลู่เจียวไม่ทันได้พูดอะไร หลี่อวี้เหยารีบยิ้มแย่งคว้ามือลู่เจียวคืนมา จากนั้นก็นางยกมือโอบกอดลู่เจียวพร้อมกับมองจางปี้เยียน กล่าวอย่างเอาแต่ใจว่า “ไม่ได้ น้องสาวข้าไม่ให้ผู้อื่นแย่งไป”
แววตาลู่เจียวพลันส่องประกาย นางรู้ว่าหลี่อวี้เหยาหาทางออกให้นาง ดูท่าพี่สาวคนนี้รับไว้ไม่เสียเปล่า
ลู่เจียวยิ้มไม่ตอบ จางปี้เยียนไม่พอใจอย่างมาก หลี่อวี้เหยาหมายความว่าอย่างไร จงใจขัดขวางนางหรือ
แม้ว่าจางปี้เยียนไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา หลี่อวี้เหยาเป็นสะใภ้นายอำเภอ นางจะทำอย่างไรได้ คงไม่อาจชักสีหน้าเอาเรื่องนาง
ดังนั้นจางปี้เยียนจึงได้แต่ยิ้มมองหลี่อวี้เหยากล่าวว่า “พี่หลี่ ท่านสาบานของท่าน ข้าสาบานของข้า ไม่เกี่ยวข้องกัน ไยต้องขัดขวางไม่ให้ผู้อื่นสาบานเป็นพี่น้องกันด้วย”
หลี่อวี้เหยากล่าวอย่างเอาแต่ใจว่า “ไม่ได้ กว่าข้าจะรับนางมาเป็นน้องสาวได้ อย่างไรก็ไม่ยอมให้ผู้อื่นแย่งไปแน่”
จางปี้เยียนมองหลี่อวี้เหยาอย่างไม่พอใจ กล่าวว่า “นี่คือเรื่องของลู่เหนียงจื่อกระมัง พี่หลี่ พี่เอาแต่ใจเช่นนี้ไม่รู้สึกว่าเกินไปหน่อยหรือ”
จางปี้เยียนกล่าวจบก็มองไปยังลู่เจียว ลู่เจียวยิ้มตอบว่า “จางเหนียงจื่อ แล้วไปเถอะนะ หากข้าจะสาบานเป็นพี่น้องกับเจ้า เกรงว่าพี่สาวข้าคนนี้คงไม่รับปาก”
หลี่อวี้เหยารีบยิ้มลูบศีรษะลู่เจียว “นี่สิถึงจะถูกต้อง”
ยามนี้จางปี้เยียนมองออกว่าหลี่อวี้เหยากับลู่เจียวทั้งสองคนพูดเข้ากันมาก ในใจก็คั่งแค้นเดือดดาล ในฐานะคุณหนูใหญ่ตระกูลจาง และเป็นคุณหนูใหญ่ที่คนในตระกูลให้ความสำคัญ แต่ไรมาไม่เคยถูกใครกระทำเช่นนี้ ตอนนี้ถึงกับถูกผู้หญิงสองคนนี้รังแก จางปี้เยียนยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห รอยยิ้มบนใบหน้าพลันจางลง
นางมองลู่เจียวพร้อมทำสีหน้าเสียใจ กล่าวว่า “น่าเสียดายจริงๆ เดิมข้ายังคิดว่าหากได้สาบานเป็นพี่น้องกับลู่เหนียงจื่อ ก็จะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้ลู่เหนียงจื่อ ปรากฏลู่เหนียงจื่อถึงกับถูกคนจับจองไว้เช่นนี้”
จางปี้เยียนกล่าวจบก็มองไปยังลู่เจียวพลางสำทับอีกประโยคหนึ่งว่า “ของขวัญชิ้นใหญ่นี้เป็นของที่ลู่เหนียงจื่อคิดอยากได้มาตลอดด้วยนะ”
นางกล่าวจบก็ลุกขึ้นเดินออกไป ในเมื่อคนเขาไม่คิดเสียดายที่จะได้สาบานเป็นพี่น้องกับนาง ไยนางต้องทนอยู่ต่อ
ลู่เจียวหรี่ตาเล็กน้อยมองตามแผ่นหลังจางปี้เยียนพาคนออกไป ครุ่นคิดถึงของขวัญชิ้นใหญ่ที่นางกล่าวถึงก่อนหน้านี้
นางพลันเข้าใจในทันที ของขวัญชิ้นใหญ่นั้นหากไม่เหนือความคาดหมายก็คือเสิ่นซิ่ว
เห็นชัดว่าความหมายในวาจาจางปี้เยียนก็คือหากพวกนางสองคนสานสัมพันธ์กันได้ นางก็จะมอบเสิ่นซิ่วให้นางจัดการ ดังนั้นเสิ่นซิ่วอยู่ในมือจางปี้เยียนจริงๆ
ลู่เจียวกำลังตกในภวังค์ความคิด หลี่อวี้เหยาก็เขย่ามือลู่เจียว กล่าวเตือนว่า “เจียวเจียว วันหน้าเจ้าต้องอยู่ห่างๆ จางปี้เยียนหน่อย จางปี้เยียนไม่ได้ดูไร้พิษสงเหมือนที่แสดงออก ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินข่าวซุบซิบกันว่าจางปี้เยียนมีสถานะในตระกูลจางมาก ท่านปู่นางให้ความสำคัญกับนางมาก นางมีส่วนในการตัดสินใจเรื่องสำคัญในตระกูลจางหลายเรื่อง”