ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 206 ตกแต่ง(กลาง)

ตอนที่ 206 ตกแต่ง(กลาง)

ไม่ต้อง​ลำบาก​อีกต่อไป​ ​เพราะอะไร​ถึง​ไม่ต้อง​ลำบาก​อีกต่อไป

สือ​อี​เหนียง​ตกใจ

“​สือ​อี​เหนียง​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เอ่ย​เรียกชื่อ​นาง​เบา​ๆ​ ​เขามอง​นาง​ด้วย​สายตา​ที่​เคร่งขรึม​ ​“​ข้า​อยาก​รับ​เลี้ยงเด็ก​คน​นั้น​!​”

เมื่อ​ครู่ฮู​หยิน​สอง​บอก​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยอมรับ​เฟิ​่ง​ชิง​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​ไท่ฮู​หยิน​ไม่ได้​มี​ปฏิกิริยา​อะไร​ ​สือ​อี​เหนียง​จึง​เตรียมใจ​เอาไว้​แล้ว​ ​ตอนนี้​ที่​ได้ยิน​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​เช่นนี้​ ​นาง​ก็​พยักหน้า​โดย​ไม่​คิด​อะไร

เหมือนกับ​ที่ฮู​หยิน​สอง​พูด​ ​เรื่อง​มาถึง​ขั้น​นี้​แล้ว​ ​ไม่มี​วิธี​ใด​ที่​ดี​ไป​กว่า​การยอ​มรับ​เด็ก​คน​นั้น​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ ​หาก​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยอมรับ​เฟิ​่ง​ชิง​ ​ต่อไป​ตน​ก็​ต้อง​เป็น​คนดู​แล​เขา​ ​เรื่อง​อื่น​ไม่กล้า​พูดถึง​ ​แต่​อย่างน้อย​นาง​ก็​รับรอง​ได้​ว่า​เฟิ​่ง​ชิง​จะ​กิน​อิ่ม​นอนหลับ​ ​เขา​จะ​ไม่ต้อง​ถูก​ตบ​ตี​โดย​ไม่มีเหตุผล​ ​สั่งสอน​เขา​เหมือน​ที่​สั่งสอน​สวี​ซื่อ​อวี​้​และ​จุน​เกอ

“​ข้า​ฟัง​ท่าน​โฮ​่ว​เจ้าค่ะ​!​”​ ​นาง​ยิ้ม​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋

ลิ่ง​อี๋​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​ด้วย​สายตา​ที่​ชื่นใจ

“​มา​!​”​ ​เขา​จับมือ​นาง​ไป​นั่ง​บน​เตียง​เตา​ ​“​เรื่อง​นี้​ ​เรา​มาป​รึก​ษา​กัน​ให้​ดี​”

ปรึกษา​?​ ​มี​อะไร​ต้อง​ปรึกษา​ ​แค่​ไม่​รับ​เป็น​บุตร​ใน​ชื่อ​ของ​นาง​ ​จะ​ทำ​อย่างไร​ก็ได้​!

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​นั่ง​บน​เตียง​เตา​กับ​เขา

“​ตั้งแต่​คน​ของ​สกุล​โอว​ถูก​แต่งตั้ง​เป็น​หวง​กุ้ย​เฟย​ ​ข้า​ก็​รู้สึก​หวาดระแวง​ ​ข้า​เตรียมการ​อะไร​บางอย่าง​เอาไว้​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​อย่าง​เคร่งขรึม​ ​ไม่ได้​พูด​กับ​นาง​เรื่อง​ของ​เฟิ​่ง​ชิง​ ​แต่กลับ​พูด​ความในใจ​ ​“​แต่​ข้า​แค่​คิดไม่ถึง​ว่า​อำนาจ​ของ​สกุล​โอว​จะ​ยิ่งใหญ่​ขนาด​นี้​ ​ทำ​อะไร​ก็​เฉียบขาด​เช่นนี้​ ​แล้วยัง​พูด​จริง​ลงมือทำ​จริง​ ​ไม่​เหลือ​ที่ว่าง​แม้แต่น้อย​ ​จะ​ว่า​ไป​แล้ว​ ​เรื่อง​ทั้งหมด​นี้​เป็นความ​ผิด​ของ​ข้า​ ​ไม่เพียงแต่​ประเมิน​คู่ต่อสู้​ต่ำ​เกินไป​ ​แล้วยัง​นั่ง​ดู​ท้องฟ้า​อยู่​ใน​บ่อน้ำ​ ​คิด​ว่า​ตัวเอง​เก่งกาจ​ ​หาก​ไม่มี​เรื่อง​เด็ก​คน​นี้​ ​หาก​สกุล​หวัง​ไม่​บังเอิญ​เข้ามา​ยุ่ง​ ​เกรง​ว่า​ตอนนี้​ข้า​ก็​คง​ยัง​ไม่รู้​ตัว​”​ ​เขา​ทบทวน​ตัวเอง​อย่างจริงจัง

“​ท่าน​โหว​…​”​ ​สือ​อี​เหนียง​อยาก​จะ​ปลอบใจ​เขา​ ​แต่กลับ​ถูก​สายตา​ของ​เขา​ขัดจังหวะ

“​ความผิด​เดิม​ ​ข้า​จะ​ทำผิด​ซ้ำสอง​ไม่ได้​”​ ​เขา​พูด​ด้วย​สายตา​ที่​เย็นชา​ ​“​ข้า​คิดดู​แล้ว​ ​ในเมื่อ​สกุล​โอว​เตรียมพร้อม​ไว้​อยู่​แล้ว​ ​แทนที่​เรา​จะ​คอย​ระวัง​ ​คอย​รับมือ​พวกเขา​ ​ไม่​สู้​หลีกเลี่ยง​ก่อน​ชั่วคราว​ดีกว่า​ ​เพื่อ​แสดง​ความอ่อนแอ​ ​สร้าง​โอกาส​ที่​ดี​ให้​กับ​สกุล​โอว​ ​หาวิ​ธี​ทำให้​พวกเขา​กระโจน​ออกมา​เอง​ ​เปิดโปง​ตัวเอง​ ​ถึงแม้ว่า​สกุล​โอว​จะ​ยอม​อดทน​อดกลั้น​ ​ทำให้​เรา​ไม่​บรรลุเป้าหมาย​นี้​ ​แต่​เรา​ก็​สามารถ​ทำให้​ฮ่องเต้​ทรง​เห็น​ว่า​สกุล​โอว​นั้น​หยิ่งยโส​โอหัง​”​ ​เขา​พูด​ช้าๆ​ ​ด้วย​สายตา​ที่​ลึกซึ้ง​ ​“​เรา​ต้อง​รู้​ว่า​ ​บางครั้ง​หาก​ทำ​มาก​ก็​จะ​ผิดพลาด​มาก​ ​ตอนนี้​เรา​ไม่ต้อง​ทำ​อะไร​ทั้งสิ้น​ ​อยู่​นิ่ง​ๆ​ ​ก็​พอ​”​ ​พูด​จบ​ ​เขา​ก็​หัวเราะ​เบา​ๆ​ ​“​สกุล​โอว​อยาก​ให้​เรา​ขาย​ขี้​หน้า​ไม่ใช่​หรือ​ ​เรา​ก็​แสดงละคร​ให้​ถึงที่สุด​ ​หญิง​นางรำ​ ​หญิง​คณิกา​ ​หญิง​ของ​หัวหน้า​ค่าย​ฝ่าย​ศัตรู​ ​ข้า​จะ​ยอมรับ​ทุกอย่าง​ ​ดู​ว่า​พวกเขา​จะ​ว่า​เช่นไร​อีก​”

ใช่​ ​คน​เท้าเปล่า​ไม่​กลัว​การ​ใส่​รองเท้า

ก้มหัว​คลุกฝุ่น​ขนาด​นี้​แล้ว​ ​หาก​ยิ่ง​ก้มหัว​ลง​อีก​ ​แล้ว​เจ้า​จะ​ทำ​อะไร​ข้า​ได้

“​ข้า​รู้​แล้ว​เจ้าค่ะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​รีบ​เห็นด้วย​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​แต่​แค่​รู้สึก​ว่า​มัน​ทำให้​ท่าน​โหว​ลำบากใจ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​มัน​เป็นความ​ผิด​ของ​ข้า​ ​ข้า​ไม่​ลำบากใจ​”​ ​พูด​เช่นนี้​แต่กลับ​ยิ้ม​มุม​ปาก​ ​เผย​ให้​เห็น​ความ​ทะเล้น​ของ​เขา

สือ​อี​เหนียง​เห็น​เช่นนี้​ก็​รู้สึก​ขบขัน​ ​นาง​จึง​พูด​ออก​ไป​อย่างใจ​กว้าง​ ​“​สำหรับ​เรื่อง​ของ​ตรอก​กง​เสียน​ ​ท่าน​โหว​ไม่ต้อง​เป็นห่วง​ ​ข้า​จะ​ไป​บอกกล่าว​เอง​เจ้าค่ะ​”​ ​นาง​พูด​ ​“​พี่ใหญ่​เป็น​คนมีเหตุผล​ ​เขา​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​คงจะ​เข้าใจ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ตกใจ​ ​พลัน​รู้สึก​อุ่นใจ​ขึ้น​มา​ ​จากนั้น​ก็​ตบมือ​สือ​อี​เหนียง​เบา​ๆ​ ​“​เจ้า​ไม่จำเป็น​ต้อง​ออกหน้า​แทน​ข้า​ ​ข้า​จะ​ไป​พูด​กับ​พ่อตา​เอง​”

“​เช่นนั้น​เรา​ก็​ไป​ด้วยกัน​เถิด​เจ้าค่ะ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ครุ่นคิด​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เพราะ​เรื่อง​ของ​เฟิ​่ง​ชิง​เรา​พูดตาม​ความจริง​ไม่ได้​ ​มี​ข้า​อยู่​ด้วย​ ​หาก​ท่าน​พ่อ​ไม่พอใจ​ ​ข้า​จะ​ได้​ช่วย​เกลี้ยกล่อม​เขา​”

มีสื​ออี​เหนียง​อยู่​ ​สกุล​หลัว​คงจะ​ไม่ว่า​อะไร​ ​แต่​เขา​ทำ​สิ่งใด​ล้วน​ไม่เคย​ให้​สตรี​ต้อง​ออกหน้า​รับ​แทน​ ​แต่​สือ​อี​เหนียง​นั้น​มี​เจตนา​ดี.​..​เขา​จึง​หยุดชะงัก​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​สีหน้า​ดู​ลังเลใจ

สือ​อี​เหนียง​เข้าใจ​เป็น​อย่างดี

คนที​่​มี​ความเป็นผู้นำ​ล้วนแต่​เป็น​เช่นนี้​ ​มีเรื่อง​อะไร​ก็​ชอบ​แบกรับ​ไว้​คนเดียว​ ​ถึงแม้ว่า​ผู้หญิง​จะ​มีชีวิต​ที่​สงบสุข​ ​แต่​ใน​ระยะยาว​นั้น​พวกเขา​สอง​คน​ก็​จะ​สื่อสาร​กันน้อย​ลง​ ​มัน​อาจจะ​ทำให้​พวกเขา​ห่างเหิน​กัน​มากขึ้น​ ​นาง​ไม่​คัดค้าน​การตัดสินใจ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​เพราะว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​เป็น​คน​หัว​โบราญ​ ​เขา​เข้าใจ​และ​ชำนาญ​กฎเกณฑ์​ของ​โลก​ใบ​นี้​มากกว่า​นาง​ ​แต่​นี่​ไม่ได้​หมายความว่า​นาง​จะ​ยอมจำนน​ต่อ​ใครก็ตาม​อย่างไร​้​เหตุผล​

“​ท่าน​โหว​ ​สามีภรรยา​ต้อง​รัก​และ​สามัคคี​กัน​”​ ​นาง​พูด​อย่าง​อ่อนโยน​ ​“​นี่​คือ​เรื่อง​ของ​สกุล​สวี​ ​เช่นนั้น​ก็​คือ​เรื่อง​ของ​เรา​สอง​คน​เจ้าค่ะ​”

“​ก็ได้​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ชอบ​คำพูด​ที่ว่า​ ​‘​สามีภรรยา​ต้อง​รัก​และ​สามัคคี​กัน​’​ ​เป็นอย่างมาก​ ​จึง​พูดว่า​ ​“​เรา​ไป​ด้วยกัน​!​”

“​จะ​รอช​้า​ไม่ได้​ ​ในเมื่อ​จะ​ยอมรับ​เขา​ ​ก็​ต้อง​ยอมรับ​ก่อน​ปีใหม่​ ​เด็ก​ยัง​ต้อง​มาบู​ชา​บรรพบุรุษ​ ​แทนที่จะ​ให้​คนอื่น​ไป​บอก​ท่าน​พ่อ​ ​ไม่​สู้​เรา​ไป​บอก​เขา​ล่วงหน้า​ดีกว่า​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​ ​“​เช่นนั้น​ ​ถือโอกาส​ช่วง​บ่าย​ไม่มี​เรื่อง​อื่นใด​ ​เรา​ไป​ตรอก​กง​เสียน​ดี​หรือไม่​เจ้า​คะ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​คิดไม่ถึง​ว่านาง​จะเด็ด​เดี่ยว​เช่นนี้​ ​พูดจริงทำจริง​ ​เขา​ตกใจ​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ก็ดี​เหมือนกัน​ ​สกุล​โอว​กดดัน​เรา​ขนาด​นั้น​ ​เรื่อง​นี้​จะ​ล่าช้า​ไม่ได้​”​ ​จากนั้น​ก็​พูด​อย่าง​เคร่งขรึม​ ​“​เจ้า​คิด​ว่า​เรา​จะ​เลี้ยงเด็ก​คน​นี้​ในนามของ​ใคร​ดี​”

เรื่อง​นี้​ ​เป็นเรื่อง​ใหญ่

หาก​เลี้ยง​ในนามของ​ฉิน​อี๋​เหนียง​ ​นาง​มีบุ​ตร​ชาย​แล้ว​คน​หนึ่ง​ ​หาก​มี​อีก​คน​ ​นาง​ก็​จะ​ได้​เป็น​อี๋​เหนียง​ที่​มีส​ถานะ​สูงส่ง​ที่สุด​อย่าง​ไม่ต้องสงสัย​ ​มีบุ​ตร​ชาย​คือ​การ​เพิ่ม​สมาชิก​ให้​สกุล​ ​มัน​คือ​การอุทิศ​ที่​ยิ่งใหญ่​ที่สุด​ให้​สกุล​ ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ก็​มีสกุล​เหวิน​ ​หาก​เลี้ยง​ไว้​ในนามของ​นาง​ ​ถึงแม้ว่า​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​จะ​ไม่ได้​คิด​อะไร​ ​แต่​เกรง​ว่า​สกุล​เหวิ​นคง​จะ​ไม่อยู่​นิ่ง​ ​สำหรับ​เฉียว​เหลียน​ฝัง​ ​นาง​ยัง​เด็ก​ ​ต่อไป​นาง​จะ​ต้อง​มีบุ​ตร​เป็น​ของ​ตัวเอง​ ​ด้าน​หนึ่ง​คือ​นาง​จะ​ยอม​หรือไม่​ ​อีก​ด้าน​หนึ่ง​คือ​ ​ตอนนี้​ตน​ไม่ได้​มี​ความขัดแย้ง​อะไร​กับ​นาง​มาก​นัก​ ​แต่​ก็​รับประกัน​ไม่ได้​ว่า​ต่อไป​จะ​ไม่มี​ ​ตีบุ​ตร​ของ​คนอื่น​ไม่รู้​สึก​สงสาร​ ​หาก​ถึง​ตอนนั้น​นาง​ใช้​เฟิ​่ง​ชิง​เป็น​เครื่องมือ​ ​เช่นนั้น​มัน​คงจะ​ทำให้​ตน​ปวดหัว​!

ความคิด​แล่น​เข้ามา​ใน​หัว​ ​สือ​อี​เหนียง​ตัดสินใจ​ที่จะ​ฟัง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก่อน​ ​จะ​ได้​ถือโอกาส​ดู​ว่า​อี๋​เหนียง​คนใด​ที่​เขา​ให้ความสำคัญ​มาก​ที่สุด

ต้อง​รู้​ว่า​ ​อี๋​เหนียง​ที่​มีบุ​ตร​ชาย​กับ​ไม่มี​บุตรชาย​นั้น​แตกต่าง​กัน​ราวกับ​ฟ้า​กับ​เหว

“​ท่าน​โหว​คิด​ว่า​…?​”​ ​สือ​อี​เหนียง​มองหน้า​สวี​ลิ่ง​อี๋​

รอ​รับฟัง​ความคิดเห็น​ของ​ตน​…​เช่นนั้น​ก็​หมายความว่า​ ​สือ​อี​เหนียง​คิด​ว่า​เลี้ยง​ในนามของ​อี๋​เหนียง​คน​ไหน​ก็​ไม่ดี

เขา​ครุ่นคิด​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เลี้ยง​ในนามของถ​งอี​๋​เหนียง​ดี​หรือไม่​”

สือ​อี​เหนียง​ตกใจ

ถ​งอี​๋​เหนียง​เสียชีวิต​ไป​แล้ว​…​หาก​เลี้ยง​ในนามของ​นาง​ ​ก็​เท่ากับ​ว่า​ให้​ตน​เป็น​คนดู​แล​เด็ก​คน​นี้

สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​อย่างจริงจัง​ ​“​ถึงแม้ว่า​ข้า​บอกว่า​จะ​ยอมรับ​เด็ก​คน​นี้​ ​แต่​ก็​ควร​หลอกตัวเอง​บ้าง​ ​บอก​กับ​คนอื่น​ว่าถ​งอี​๋​เหนียง​มา​เข้าฝัน​ข้า​ ​บอกว่า​เสียชีวิต​ไป​แล้ว​ไม่มี​คน​จุด​ธูปเทียน​ให้​ ​แล้ว​ข้า​ก็​ไป​เจอ​เด็ก​คน​นี้​ที่​วัด​พอดี​ ​จึง​พา​เขา​กลับมา​ด้วย​ ​เลี้ยง​เขา​ในนามของถ​งอี​๋​เหนียง​ ​เช่นนี้​ ​มีคำ​อธิบาย​ให้​คนนอก​ ​เจ้า​ก็​จะ​ได้​วางใจ​ ​แน่นอน​ว่านี​่​เป็นเรื่อง​ของ​ใน​จวน​ ​แต่​หาก​เจ้า​ไม่เห็นด้วย​ ​ก็​ทำตาม​ที่​เจ้า​ต้องการ​เถิด​”

สำหรับ​สือ​อี​เหนียง​แล้ว​ ​ไม่มี​วิธี​ไหน​ดี​ไป​กว่านี​้​อีกแล้ว

“​ท่าน​โหว​…​”​ ​นาง​มอง​ไป​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​แต่​ไม่รู้​ว่า​จะ​พูด​อะไร​

สือ​อี​เหนียง​ไม่เคย​คิด​เช่นนี้​มาก​่อน

การตัดสินใจ​เช่นนี้​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​อย่างน้อย​มัน​ก็​แสดงให้เห็น​ว่า​เขา​เคารพ​ตัวนาง

“​เอาล่ะ​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​ความ​ซาบซึ้ง​ใน​สายตา​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​เขา​ก็​อารมณ์ดี​ ​ยิ้ม​แล้ว​ลุกขึ้น​ ​“​เรา​ไป​บอก​ไท่ฮู​หยิน​ก่อน​ ​จากนั้น​ก็​ไป​ที่​ตรอก​กง​เสียน​ด้วยกัน​ ​แล้วยัง​ต้อง​ไป​บอก​ท่าน​โหว​ผู้เฒ่า​ที่​ตรอก​หง​เติง​ ​บอก​น้อง​ห้า​ให้​ชัดเจน​ ​เรา​จัดการ​เรื่อง​วุ่นวาย​นี้​ให้​เขา​ ​เขา​จะ​ได้​ไม่​คิด​ว่า​เรา​เลี้ยงเด็ก​อยู่​ใน​จวน​ให้​เขา​เห็น​ทุกวัน​ ​แล้วยัง​มี​ฟั่น​เหวย​กัง​ ​หวัง​ลี่​ ​ก็​ต้อง​เขียนจดหมาย​ให้​พวกเขา​…​วุ่นวาย​เสีย​จริง​!​”

เรื่อง​นี้​จัดการ​แล้ว​ไม่ใช่​หรือ​ ​ไม่จำเป็น​ต้อง​เขียนจดหมาย​ถึง​ฟั่น​เหวย​กัง​และ​หวัง​ลี่​กระมัง​ ​แล้ว​อีก​อย่าง​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ไม่​เหมือน​คนที​่​เจอ​ปัญหา​อะไร​แล้ว​บ่น​โอดครวญ​!

สือ​อี​เหนียง​แปลกใจ

“​หาก​เรา​ไม่​ทำ​อะไร​จริงๆ​ ​เช่นนั้น​มัน​คง​ไม่​ต่าง​อะไร​จาก​การ​หยุด​ข่าวลือ​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​ว่า​สือ​อี​เหนียง​สงสัย​ ​เขา​ยิ้ม​แล้ว​อธิบาย​ ​“​เจ้า​ลอง​คิดดู​ ​เกิดเรื่อง​แบบนี้​ขึ้น​แต่กลับ​ไม่มีใคร​ออกมา​แก้ต่าง​ให้​เรา​ ​มัน​ไม่​แปลก​ไป​หน่อย​หรือ​ ​บางที​หาก​ฮ่องเต้​ทรง​คิด​อย่าง​รอบคอบ​แล้ว​ ​เขา​อาจจะ​คิด​ว่า​ข้า​กำลัง​ถอยกลับ​ไป​ตั้งหลัก​ ​หาก​เกิด​อะไร​ขึ้น​อีก​ ​มัน​คงจะ​ยุ่งยาก​กว่า​เดิม​”​ ​พูด​จบ​ ​เขา​ก็​ถอนหายใจ​เบา​ๆ​ ​“​ดังนั้น​ต้อง​เขียนจดหมาย​ไป​ตำหนิ​พวกเขา​สักหน่อย​ ​ด้วย​มิตรภาพ​ของ​เรา​ ​พวกเขา​รู้​ว่า​ข้า​ถูก​บังคับ​ให้​ยอมรับ​เด็ก​คน​นี้​ ​พวกเขา​จะ​ต้อง​ช่วย​ข้า​แก้ต่าง​แน่นอน​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ ​พวกเขา​สอง​คน​ ​คน​หนึ่ง​เป็น​นักปราชญ์​ ​ส่วน​อีก​คน​หนึ่ง​เป็น​แม่ทัพ​ ​ล้วนแต่​มีหน้า​ที่​ที่​แตกต่าง​กัน​ ​ไม่ได้​ไปมาหาสู่​กัน​บ่อย​นัก​ ​แต่​หาก​ช่วย​แก้ต่าง​เหมือนกัน​ ​ฮ่องเต้​เห็น​แล้ว​จะ​ไม่​ทรง​สงสัย​ ​เช่นนี้​ถึง​จะ​ทำให้​ฮ่องเต้​คิด​ว่า​สกุล​สวี​จงรักภักดี​เหมือนเดิม​ ​ต่อไป​หาก​ใคร​ทำ​อะไร​สกุล​เรา​ ​ฮ่องเต้​ก็​จะ​ทรง​พิจารณา​ไตร่ตรอง​ด้วยตัวเอง​ได้​”

สือ​อี​เหนียง​เข้าใจ​ทันที

ถึงแม้ว่า​ฮ่องเต้​จะ​ไม่​วางใจ​สกุล​สวี​ ​ไม่​วางใจ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​แต่ว่า​สกุล​สวี​เป็น​สกุล​เดิม​ของ​ฮองเฮา​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เป็น​น้อง​ภรรยา​ของ​เขา​ ​เขา​สามารถ​ทำลาย​สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้​ ​แต่​คนอื่น​นั้น​จะ​ทำไม​่​ได้​ ​ยิ่งสกุล​โอว​ทำให้​สกุล​สวี​จนตรอก​มาก​แค่ไหน​ ​ตาชั่ง​ของ​ฮ่องเต้​ก็​ยิ่ง​จะ​เอนเอียง​มาทาง​สกุล​สวี​มาก​เท่านั้น​ ​ความลำบาก​ของ​สกุล​สวี​ก็​จะ​ลดลง

นาง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​นี่​ก็​คือ​สิ่ง​ที่​ท่าน​บอกว่า​ไม่ต้อง​ลำบาก​อีกต่อไป​หรือ​เจ้า​คะ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​พยักหน้า​ ​“​มี​แค่​วิธี​นี้​ ​ที่สามา​รถ​ทำให้​ฮ่องเต้​นั้น​อยู่​ข้าง​เรา​”​ ​จากนั้น​ก็​นึก​อะไร​บางอย่าง​ขึ้น​มา​ได้​แล้ว​พูด​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​เรื่อง​ดี​ๆ​ ​ไม่​แพร่​ออก​ไป​ข้างนอก​ ​แต่​เรื่อง​แย่​ๆ​ ​กลับ​แพร่กระจาย​ไป​ทั่ว​ ​ประเดี๋ยว​ก็​จะ​ปีใหม่​แล้ว​ ​ทุกคน​ล้วนแต่​ต้อง​ไปมาหาสู่​กัน​ ​ถึง​ตอนนั้น​พวกเขา​คงจะ​ถามถึง​เรื่อง​ของ​เฟิ​่ง​ชิง​ ​เจ้า​ก็​ต้องเต​รี​ยม​ใจ​เอาไว้​ด้วย​”

“​ท่าน​โหว​ไม่ต้อง​เป็นห่วง​เจ้า​คะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​ ​“​ข้า​จะ​รับมือ​อย่างระมัดระวัง​”​ ​จากนั้น​ก็​นึกถึง​เรื่อง​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​จะ​รีบ​ไป​สกุล​ซุน​ของ​ติ้ง​หนาน​โหว​ ​นาง​ก็​พูดว่า​ ​“​ท่าน​โหว​จะ​ไม่​บอก​เรื่อง​นี้​กับ​น้อง​สะใภ้​ห้า​หรือ​เจ้า​คะ​”

“​อืม​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พึมพำ​ ​“​ในเมื่อ​ข้า​ยอมรับ​แล้ว​ ​ก็​ไม่ต้อง​ทำให้​เรื่อง​วุ่นวาย​ไป​กว่านี​้​ ​ที่​ข้า​ไปหา​ท่าน​โหว​ผู้เฒ่า​ก็เพราะว่า​ไป​เล่าเรื่อง​นี้​ให้​เขา​ฟัง​ ​เขา​จะ​ได้​รู้เรื่อง​”

ดี​เหมือนกัน​ ​เด็กโต​ขึ้น​มา​จะ​ไม่ได้​เสียใจ​ ​ให้​เฟิ​่ง​ชิง​คิด​ว่า​ตัวเอง​เป็น​บุตร​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็ดี​เหมือนกัน

“​ฝั่ง​ของ​คุณชาย​ห้า​ ​ข้า​เกรง​ว่า​ท่าน​ต้อง​ไป​บอก​เขา​เจ้าค่ะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​กังวล​ว่า​จะ​พลาด​ตรงนี้

“​แน่นอน​อยู่​แล้ว​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ตอบรับ​ ​จู่ๆ​ ​ก็​มีสาว​ใช้​เข้ามา​รายงาน​ ​“ฮู​หยิน​สอง​มา​เจ้าค่ะ​!​”

พวกเขา​ทั้งสอง​ตกใจ

ตั้งแต่​พวกเขา​แต่งงาน​กัน​ ​นี่​เป็นครั้งแรก​ที่ฮู​หยิน​สอง​มาที​่​เรือน​ของ​พวกเขา​

สือ​อี​เหนียง​รีบ​พูดว่า​ ​“​รีบ​เชิญ​นาง​เข้ามา​”​ ​จากนั้น​ก็​บอก​สาวใช้​ไป​นำ​เสื้อคลุม​สีแดง​มาต​้อ​นรับฮู​หยิน​สอง

แต่ฮู​หยิน​สอง​ยืน​รอ​อยู่​ที่​ห้องโถง​ ​“​น้อง​สะใภ้​สี่​ไม่ต้อง​เกรงใจ​ ​ข้ามา​บอกลา​”

คำพูด​ของฮู​หยิน​สอง​ทำให้​สือ​อี​เหนียง​แปลกใจ​ ​“​วันนี้​เป็น​วันที่​ยี่สิบ​แปด​เดือน​สิบสอง​แล้ว​ ​ลม​หิมะ​ปีนี​้​ก็​ตกหนัก​ ​ ​พี่สะใภ้​สอง​ไม่อยู่​ขึ้นปีใหม่​ก่อน​แล้ว​ค่อย​กลับ​ไป​ซี​ซาน​หรือ​เจ้า​คะ​ ​ประเดี๋ยว​ข้า​ส่ง​คน​ไปรับ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​กลับมา​”

“​ข้า​แค่​เป็นห่วง​ท่าน​โหว​ ​จึง​รีบ​กลับมา​ดู​”​ ​นาง​ยิ้ม​ ​“​ตอนนี้​ได้​รู้​แล้ว​ว่า​ท่าน​โหว​มี​วิธี​รับมือ​อยู่​แล้ว​ ​ข้า​ก็​วางใจ​ ​น้อง​สะใภ้​สี่​ไม่ต้อง​เป็นห่วง​ ​รีบ​ออกเดินทาง​ ​ครึ่ง​วัน​ก็​ถึง​”

สือ​อี​เหนียง​ยัง​เกลี้ยกล่อม​นาง​อีกครั้ง​ ​แต่​สวี​ลิ่ง​อี๋​กลับ​พูดว่า​ ​“​ในเมื่อ​พี่สะใภ้​สอง​ตัดสินใจ​แล้ว​ ​เช่นนั้น​ข้า​ก็​ไม่​รั้ง​พี่สะใภ้​ไว้​แล้ว​ขอรับ​”​ ​แล้วยัง​บอก​ให้​สือ​อี​เหนียง​ไป​ส่ง​แขก​

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท