ตอนที่ 957 พ่ายแพ้
ก่อนหน้านี้ ซ่งอิงอยากให้ฟ่านโยวจากไปโดยไม่ต้องทรมาน จึงไม่ได้ห้ามลั่วเจินพาเขาจบชีวิตไปด้วยกัน
แต่ฟ่านโยวไม่เห็นค่าเอง เช่นนั้นก็จะโทษว่านางใจร้ายไม่ได้
เห็นว่าพลังเทพของผู้นี้หายไปในชั่วพริบตา ซ่งอิงจึงลากเขาเข้าไปยังโลกปีศาจแล้วขังเอาไว้
จากนั้นมองเทพระดับเสินจวินที่งุนงงอยู่ในสงครามแล้วลงมืออย่างรวดเร็ว จัดการศึกครานี้ให้เสร็จสิ้นในทันที
ฝั่งปีศาจไม่เสียหายมากมายแต่อย่างใด
ช่วงที่ผ่านมานี้ พวกเขาเตรียมตัวเพื่อศึกนี้มาโดยตลอด อีกทั้งซ่งอิงยังฝึกสอนด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์การต่อสู้ หรือค่ายกล ล้วนผ่านการแนะนำจากนางทั้งสิ้น
เกรงว่าโลกเทพก็ไม่เคยคิดเช่นกันว่านางจะหนีรอดจากเหล็กหมาดทะลวงฟ้าออกมาได้ หากนางที่เป็นจักรพรรดิปีศาจตายไปอีกครั้ง โลกปีศาจก็จะกลายเป็นมังกรไร้หัว ไม่จำเป็นต้องทำศึกอีกต่อไป แต่ตอนนี้…
ทุกอย่างที่คิดไว้สลายหายไปหมด
โลกปีศาจชนะ
ซ่งอิงกระตุกมุมปาก สั่งการให้ปีศาจสลายตัว
เหล็กหมาดทะลวงฟ้านี้เป็นอาวุธที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว ใช้ของที่อยู่ในมือของฟ่านโยวไปแล้ว นางยังมีอีกอันหนึ่งในมือ ซึ่งเดิมทีคิดว่าหากจักรพรรดิสวรรค์มา…
แต่ตอนนี้คิดๆ ดู อีกฝ่ายเป็นถึงจักรพรรดิสวรรค์เชียวนะ แต่ไม่ให้เกียรติต่อสู้กับนาง อีกทั้งต้องอยู่แต่ในโลกเทพตลอดไม่ออกมาเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของโลกเทพเป็นแน่ ถึงแม้นางอยากลงมือก็ไม่มีโอกาสเช่นกัน
เพียงแต่ว่ากับจักรพรรดิสวรรค์ผู้นี้ นางไม่ใช่ว่าเคียดแค้นจงเกลียดจงชังถึงขีดสุดเช่นกัน จึงไม่จำเป็นต้องฆ่าเขาก็ได้
เรื่องโลกปีศาจเมื่อตอนนั้นเป็นฝีมือของจักรพรรดิสวรรค์องค์ก่อน
อีกทั้งตอนนี้…ถึงแม้ใช้เหล็กหมาดทะลวงฟ้าเช่นกัน แต่นี่ก็เป็นศึกสงครามที่มีการตกลงกันไว้ก่อนแล้ว ตราบใดที่มีโอกาสเอาชนะได้ จะใช้อะไรก็ได้ทั้งนั้น ซ่งอิงไม่ได้คัดค้านอันใด
“เวลานี้โลกเทพของพวกเจ้าความสามารถสู้ไม่ได้ ต่อไปหากพบเผ่าพันธุ์ปีศาจของข้า ทางที่ดีที่สุดต้องก้มหัวให้และปฏิบัติต่อพวกข้าอย่างสุภาพ หากมีใครกล้าดูถูกเผ่าพันธุ์ปีศาจ ข้าจะทำให้เขารู้สึกว่าตายเสียยังดีกว่ามีชีวิตอยู่! ฟ่านโยว ก็คือตัวอย่าง!” ซ่งอิงกล่าว
ตอนที่ฟ่านโยวถูกโจมตี เขากลับคืนสู่สภาพเดิม ดังนั้นทางฝั่งเทพจึงรู้แล้วว่าชีมู่ผู้นั้นเป็นตัวปลอม
ในตอนนี้ สีหน้าเทพเซียนที่เหลือเหล่านั้นเต็มไปด้วยความสุดจะทนอย่างถึงที่สุด
เทพระดับเสินจวินผู้นำทัพตนก็ไม่ได้ตาย เพียงแต่อับอายมาก และพลังเทพทั้งตัวของเขาถึงกับหมดเกลี้ยงไปแล้ว
ทำได้เพียงกลับไปอย่างอัปยศอดสู
ข่าวคราวการพ่ายแพ้ของโลกเทพถูกแพร่กลับไปในทันที
ทั้งโลกเทพเต็มไปด้วยความโกลาหล
จักรพรรดิสวรรค์สีหน้าขรึม ดูเย็นชาราวกับน้ำแข็ง
“มีเหล็กหมาดทะลวงฟ้าก็ไร้ประโยชน์หรือ!” จักรพรรดิสวรรค์โกรธเกรี้ยวมาก “ตอนนี้โลกปีศาจยิ่งใหญ่ทรงพลัง ทุกท่านคิดว่าอย่างไร”
“องค์จักรพรรดิพะย่ะค่ะ ในเมื่อเรื่องศึกครั้งนี้ได้ตกลงกันไว้แล้ว เช่นนั้นตอนนี้เราแพ้แล้วก็ไม่ควรไปก่อกวนพวกเขาต่อไป ไม่อย่างนั้น…จะไม่สงผลดีอันใดต่อโลกเทพของเราพะย่ะค่ะ ตามความเห็นของกระหม่อม ตอนนี้…ควรให้เผ่าพันธุ์เทพเตรียมตัวเอาไว้ให้ดี ให้บำเพ็ญเพียรเข้าไว้ ต่อไปหากเผ่าพันธุ์ปีศาจทำเรื่องที่ไม่ควร เราก็ค่อยทวงความยุติธรรมพะย่ะค่ะ”
บัดนี้ทางฝั่งเผ่าพันธุ์ปีศาจซื่อสัตย์แล้ว และไม่ได้ทำร้ายใครโดยไร้เหตุผล จึงไม่สะดวกที่จะลงมือทำอะไรพวกเขาแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้ที่เผ่าพันธุ์ปีศาจจับตัวเซียน หรือท้าทำศึกใหญ่ก็ดี ล้วนมีเหตุผลอันสมควรทั้งนั้น
แต่โลกเทพของพวกเขากลับไม่มี
ระยะนี้เป็นเพราะเรื่องที่ฟ่านโยวทรยศจักรพรรดิปีศาจในยุคก่อน ทางด้านโลกเทพนี้ก็มีเทพเซียนไม่น้อยที่รู้สึกว่าโลกเทพเป็นฝ่ายผิด หากยังดึงดันต่อไป บรรดาเทพเซียนคงจิตใจไม่สงบเป็นแน่
จักรพรรดิสวรรค์กลับยังอยากต่อสู้อีก แต่ก็ต้องจำใจยอมรับว่าเทพเซียนผู้นั้นกล่าวได้ถูกต้อง
อีกทั้งฟ่านโยวถูกจับตัวไป ทว่าชางเวยก็ยังอยู่นี่
เหล็กหมาดทะลวงฟ้า จักรพรรดิปีศาจก็ทำได้เช่นกัน อีกทั้งวัตถุดิบเหล่านั้นก็เติบโตอยู่ในโลกปีศาจ เทพเซียนอะไรเล่าจะต้านทานสิ่งนี้ได้
จักรพรรดิสวรรค์อึดอัดใจ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็หวังว่าทั้งสองเผ่าพันธุ์…จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้ดีๆ ให้เทพชีมู่เป็นทูตเชื่อมสัมพันธ์ทั้งสองเผ่าพันธุ์ มุ่งหน้าไปพูดคุยหารือกับจักรพรรดิปีศาจก็แล้วกัน”
ชีมู่หัวเราะเยาะฮ่าๆ ออกมา
“องค์จักรพรรดิ ช่วงนี้กระหม่อมรู้สึกเหนื่อยล้า คงทำหน้าที่ไม่ไหว และระยะนี้ตั้งใจว่าจะนำลูกศิษย์ปิดขุนเขาบำเพ็ญเพียร คงไม่ได้ออกไปไหนสักพัก เรื่องเหล่านี้ ท่านทรงมอบหมายให้ผู้อื่นเถิดพะย่ะค่ะ!”
ตอนที่ 958 เกี่ยวบ้าเกี่ยวบออะไรกับเจ้า
ในใจชีมู่หงุดหงิดอย่างยิ่ง
เดิมทีศึกใหญ่วันนั้นเขาต้องไป ใครจะรู้ว่ากลับถูกจักรพรรดิสวรรค์เรียกตัวมาหา กล่าวถึงเรื่องงานเลี้ยงที่ไม่ได้สลักสำคัญอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งเขาออกจากทางด้านจักรพรรดิสวรรค์นี้ไป สงครามก็จบลงแล้ว!
เขาต้องไปถามจึงได้รู้ว่าฟ่านโยวแปลงร่างเป็นเขาเพื่อทำให้จักรพรรดิปีศาจสับสน
เหอะ เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ยังไม่บอกกล่าวเขาแม้แต่คำเดียว!
บัดนี้พอสู้แพ้แล้วกลับนึกถึงเขาขึ้นมา มิหนำซ้ำยังมีหน้าให้เขาไปเป็นทำหน้าที่เป็นทูตที่ว่านี้อีก!
หากจักรพรรดิปีศาจเข้าใจว่าเขาสมรู้ร่วมคิดกับฟ่านโยว เช่นนั้นด้วยความนึกคิดจิตใจของจักรพรรดิปีศาจ เขาจะยังใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้อยู่อีกหรือ!
เทพชีมู่โกรธเกรี้ยวมาก ในตำหนักเทพ เทพเซียนตนอื่นพากันเงียบกริบ รู้อยู่ในใจว่าบัดนี้ชีมู่ถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรมแล้วจริงๆ
จักรพรรดิสวรรค์เองก็จนปัญญาเช่นกัน
ได้แต่มองดูชีมู่สะบัดแขนเสื้อเดินออกไป
ไม่นานนักก็มีข่าวคราวแพร่งพรายมาอีกครั้งว่าเทพชีมู่ย้ายภูเขาเซียนออกไปแล้ว ไปยังสถานที่ที่เงียบสงบและห่างไกล!
และในเวลานี้ ทางด้านโลกปีศาจ ฟ่านโยวถูกรายล้อมไปด้วยปีศาจ
“จอมโง่เขลา ไม่นึกเลยว่าตอนนี้จะน่าเกลียดปานนี้ เจ้าดูชางเวยสิ บัดนี้สง่างามและเก่งกาจ พอมามองดูเจ้า อย่างกับหมาหลงทาง จนมุมและไร้ประโยชน์…” สืออิ๋งมองคนที่ตัวแข็งทื่ออยู่กับพื้นอย่างดูถูก จากนั้นเตะเขาไปเต็มๆ หนึ่งที
นี่มันตัวอะไร!
ตอนแรกหากไม่ใช่เพราะจักรพรรดิปีศาจเห็นเขาร่าเริงสดใสและหล่อเหลา คนอย่างเขาหรือจะมีความสัมพันธ์แม้แต่น้อยกับโลกปีศาจได้ คนอย่างเขาแม้แต่ประตูทางเข้าโลกปีศาจก็ไม่มีทางหาเจอด้วยซ้ำ!
ฟ่านโยวสัมผัสถึงพลังเทพที่หายไปจากตัว ใบหน้าแข็งทื่อ รู้สึกถึงหัวใจที่พังทลาย
เขาเป็นร่างเทพ แม้ไม่มีพลังเทพก็ยังคงมีชีวิตอยู่ได้อีกยาวนาน
แต่ไม่มีพลังเทพแล้ว เขาก็ไม่ใช่เทพระดับเสินจวินที่สูงส่งและน่านับถืออีกต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ยังอยู่ที่โลกปีศาจอีกด้วย!
ฉื่อเหยียนมองฟ่านโยวอย่างเย็นชา ในใจเกิดความสะใจเล็กน้อย
ตอนแรกเมื่อได้ข่าวว่าลั่วเจินพาฟ่านโยวตายไปด้วยกัน จริงๆ แล้วในใจเขาค่อนข้างผิดหวัง อย่างไรเสีย ฟ่านโยวก็ย่ำยีศักดิ์ศรีของเขามาหลายปีนัก แต่อีกฝ่ายกลับไม่ต้องทรมานอะไรก็ตายจากไปเสียแล้ว ทำให้เขาไม่ได้ระบายความแค้น
แต่ในตอนนี้ เมื่อได้เห็นสภาพน่าสังเวชของฟ่านโยว ในใจของเขาก็สงบลงทันที
ซ่งอิงนั่งอยู่ มองไปยังฟ่านโยวด้านล่าง ยิ้มตาหยีกล่าวว่า “เจ้ายังฉลาดเฉลียวดีนี่ ข้าเกือบจะถูกเจ้าหลอกเสียแล้ว”
โชคดีที่การแยกร่างนี้ฝึกฝนกันไม่ได้ง่ายๆ โดยเฉพาะร่างแยกที่มีพลังความสามารถยิ่งทวีความยากเข้าไปใหญ่ มิฉะนั้นนางคงจับตัวคนผู้นี้ไม่ได้
ในแววตาฟ่านโยวฉายความอับอายเล็กน้อย เขาแสยะยิ้มเยาะ “ตอนนี้ข้าถูกเจ้าจับไว้แล้ว ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว อยากจะฆ่าจะแกงก็ตามใจเจ้าเถิด”
“เจ้าหยิ่งทระนงไม่น้อยนี่” ซ่งอิงยิ้มหยัน “เพียงแต่ว่าข้าไม่ใช่จู๋อิ๋งในตอนแรกนั่นแล้ว บัดนี้ในมุมมองข้า ลักษณะโอหังอย่างเจ้านี้ดูโง่เง่าเป็นพิเศษ หากเจ้าหยิ่งทระนงจริง คงฆ่าตัวตายไปนานแล้ว ยังต้องรอให้ข้าออกปากอีกหรือ”
ถึงแม้ไม่มีพลังเทพแล้ว แต่หากเทพเซียนอยากตาย ใครจะไปขวางได้!
แม้ว่าไม่มีพลังเทพ แต่ก็ระเบิดตัวเองตายได้เช่นเดียวกับลั่วเจิน เพียงแค่ไม่มีพลังทำลายและสังหารแล้วก็เท่านั้น
ตอนนี้เขายังอยู่ดีตรงนี้ จะเห็นได้ว่ายังไม่อยากตาย
ฟ่านโยวเผยสีหน้าตระหนกลนลาน
“เจ้าไม่นึกถึงมิตรภาพเมื่อคราวนั้นเลยสักนิดจริงๆ หรือ ตอนนั้นเราทั้งสามกินดื่มและเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ด้วยกัน อีกทั้งยังเคยไปที่ทะเลชางเซิงเพื่อดูวิญญาณใต้ทะเลอีกด้วย ในตอนนั้น เห็นๆ อยู่ว่าเจ้าปฏิบัติกับข้าแตกต่างออกไป แต่เหตุใดจึงไม่อาจเอาชนะสิทธิ์ที่อยู่ในมือเจ้าได้เล่า” ฟ่านโยวเอ่ยปากอีกครั้ง
ซ่งอิงได้ยินถ้อยคำดังกล่าว ถึงกับตกใจในความไร้ยางอายของเขา
“สิทธิ์ของข้าแล้วมันเกี่ยวบ้าเกี่ยวบออะไรกับเจ้าด้วย” ซ่งอิงอดกลั้นไม่อยู่ชั่วขณะ จึงระเบิดถ้อยคำหยาบคายออกมาทันควัน