ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 2 เล่ม 3 ตอนที่ 5-2

ภาค 2 เล่ม 3 ตอนที่ 5-2

อีอูยอนสบตากับอินซอบ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ขยับเขยื้อน กาแฟไหลลงมาตามคางและหยดลงบนเสื้อ ตอนนั้นเองอินซอบถึงได้สติ เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าและเช็ดหน้าให้อีอูยอน

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ อย่าอยู่อย่างนี้เลยครับ ไปห้องน้ำ…!”

อีอูยอนเชยคางของอินซอบ และหันหน้าอีกฝ่ายไปมา

“โดนตบเหรอครับ”

เสียงทุ้มต่ำทำให้หัวใจของเขาเต้นรัว อินซอบรีบส่ายหน้า นี่มันเหมือนกับสถานการณ์ในตอนนั้น ไม่สิ รุนแรงกว่าด้วย

“ไม่ครับ ไม่ได้โดนตบครับ ผมไม่เป็นไร…”

หลังมือของชายหนุ่มสัมผัสกับแก้มของอินซอบ อินซอบกลั้นหายใจ เขารู้สึกว่ามือที่เจือกลิ่นกาแฟหอมหวานนั้นเย็นเป็นพิเศษ

“เหมือนจะโดนตบนะ”

สายตาของอีอูยอนมองไปที่คังยองโม คังยองโมจ้องมองอีอูยอนด้วยสีหน้าตะลึงจนพูดไม่ออก

“เห็นแล้วต้องทำยังไงล่ะ ลำดับสูงต่ำไม่ต้องมีมันแล้วหรือไง เห็นรุ่นพี่แล้วแท้ๆ แต่ไม่ทักทายเหรอ”

“สวัสดีครับ”

เขาแสดงความเป็นศัตรูที่รุนแรงต่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ คังยองโมสบถและปาแก้วที่อยู่ในมือทิ้ง

“ฉันไม่สงบสุขก็เพราะแก แกทำอะไรกันแน่ อีชอลฮวานถึงได้…”

“ตบไปกี่ครั้งเหรอครับ”

คังยองโมยังพูดไม่ทันจบ อีอูยอนก็เอ่ยถามขึ้นเสียก่อน สายตาของอีอูยอนจดจ้องอยู่ที่คังยองโมราวกับตอกหมุด

“ว่าไงนะ”

“ตบไปกี่ครั้งเหรอครับ น่าจะเจ็บนะ”

ตอนนั้นเองคังยองโมถึงได้รู้ว่าอีอูยอนไม่ได้พูดกับตน แต่กำลังพูดกับอินซอบอยู่ ใบหน้าของคังยองโมบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ

“ถ้าตบไปสองสามครั้งแล้วจะทำไมล่ะ จะแอบตามมาข้างหลังแล้วใช้อิฐฟาดหรือไง”

ใบหน้าของชเวอินซอบซีดเผือด ที่นี่เป็นที่ที่คำพูดแพร่ไปได้เร็วมาก ยิ่งเป็นข่าวลือที่เร้าใจยิ่งแพร่ไปได้เร็วโดยไม่สนว่ามันเป็นความจริงหรือไม่ …ยิ่งไปกว่านั้นคือนี่ไม่ใช่ข่าวลือที่ไร้สาระ แต่เป็นความจริง ถ้าทำได้ เขาอยากจะปิดปากคังยองโมและลากออกไปข้างนอก

แต่ในความเป็นจริงอีอูยอนกลับมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าสบายๆ เท่านั้น

“หาอะไรอยู่”

“หาว่ามีของที่ใช้แทนอิฐได้ไหมอยู่ครับ”

อีอูยอนย้อนคำพูดของคังยองโมเป็นครั้งแรก คนที่ส่งเสียงโหวกเหวกเมื่อสักครู่นี้เงียบลง และนึกสงสัยในหูของตัวเอง นี่ไม่ใช่คำที่ควรจะออกมาจากปากของอีอูยอนที่มีมารยาทและอ่อนโยนเลย

อินซอบแทบจะเป็นลม เขาลืมไปเลยว่าเขาควรปิดปากอีอูยอนก่อน ไม่ใช่คังยองโม

“ว่าแต่ทำไมรุ่นพี่ถึงคิดแบบนั้นเหรอครับ”

“คิดอะไร”

“ก็คิดว่าผมเอาอิฐฟาดรุ่นพี่ไงครับ คนร้ายถูกจับไปแล้วไม่ใช่เหรอ”

“แล้วทำไมไอ้คนชนชาติโชซอนที่ไม่เคยรู้จักกันต้องมาฟาดหัวฉันโดยไม่มีเหตุผลด้วยล่ะ ยิ่งไปกว่านั้นทำไมพวกมันถึงต้องไปสารภาพผิดอย่างกะทันหันด้วย ไม่ว่าจะคิดยังไงก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่ดี”

“งั้นถ้ามีเหตุผลก็ตีได้เหรอครับ”

อีอูยอนทำแววตาเหมือนเด็กที่กำลังถามในเรื่องที่ตัวเองสงสัย แต่ความไร้เดียงสาและใสซื่อบริสุทธิ์ที่แสดงออกมาโดยไม่มีจุดประสงค์อะไรนั้นกลับให้ความรู้สึกน่ากลัว

“ไอ้นี่ มันใช่เวลามาพูดเรื่องนั้น…ช่างเถอะ ที่ฉันจะพูดก็คือนายไปพูดอะไรกับผู้อำนวยการอีชอลฮวาน”

“ผมไม่ได้พูดอะไรเลยครับ”

“แล้วทำไมเขาถึงมีคำสั่งให้ละครที่กำลังออกอากาศอยู่ตอนนี้จบก่อนกำหนดล่ะ!”

อีอูยอนเอียงคอด้วยความสงสัย กาแฟยังคงหยดลงมาจากศีรษะ

“ละครถูกตัดจบก่อนกำหนดเหรอ น่าเสียดายนะครับ เป็นผลงานที่ดีแท้ๆ”

เขาทำสีหน้าราวกับเสียดายจริงๆ ก่อนจะถามต่อ

“แล้วทำไมถึงคิดว่าผมทำล่ะครับ”

เป็นคำถามเดียวกับเมื่อสักครู่นี้

“นายต้องวางแผนอะไรสักอย่างแน่นอนอยู่แล้วล่ะ ผู้อำนวยการอีชอลฮวานถึงได้ตัดสินใจแบบนั้น!”

คอของคังยองโมมีเส้นเลือดขึ้น ใบหน้าของเขาซูบอย่างเห็นได้ชัดกว่าก่อนหน้านี้ มีข่าวล่ามาว่าละครและภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขาร่วมแสดงไม่ประสบความสำเร็จ และเขาตั้งอกตั้งใจกับผลงานคราวนี้ที่กำลังถ่ายทำอยู่เป็นพิเศษ เขาลำบากลดน้ำหนักไปประมาณสิบกิโลกรัมเพื่อให้เข้ากับบท

แต่เรทติ้งก็ยังต่ำสุดทุกวัน วงการวิทยุและโทรทัศน์หัวเราะและร้องไห้ให้กับเรตติ้ง แม้การอวสานก่อนกำหนดจะสร้างบาดแผลให้โปรดิวเซอร์และคนเขียนบท แต่สำหรับนักแสดงนำแล้วนี่เป็นความอัปยศที่ไม่สามารถลบล้างได้ และสำหรับนักแสดงที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงอย่างคังยองโมแล้ว นี่เป็นตัวเลขที่เขาไม่สามารถก้าวผ่านไปได้โดยเด็ดขาด

“ผมทำไมเหรอครับ ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะครับ”

อีอูยอนยิ้มพลางเอ่ยคำถามที่ไม่ต่างอะไรกับก่อนหน้านี้กลับไป อินซอบขนลุกซู่ เขารู้สึกเหมือนมีเครื่องจักรที่เสียแล้วมาวางไว้ตรงหน้า

“แม่งเอ๊ย แกกำลังเล่นแง่อะไรอยู่กันแน่ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ ถ้าไม่ใช่แกแล้วจะเป็นใคร อย่าแกล้งทำเป็นคนดีไปหน่อยเลย นึกว่าฉันไม่รู้เหรอว่าข้างในของแกมันดำมืด ฉันอยู่ในวงการนี้มาสิบห้าปีแล้วนะ คนอย่างแกน่ะ แค่เห็นก็รู้แล้ว เมื่อวานแกไปหาแชยอนซอมานี่ ไปเล่นลิ้นอะไรมาหรือเปล่าล่ะ”

พาดหัวข่าวที่บอกว่าอีอูยอนไปเยี่ยมคนรักมีติดอยู่ทุกหนทุกแห่ง จึงไม่มีทางที่คังยองโมจะไม่รู้

“เพราะแบบนั้น รุ่นพี่ก็เลยจะบอกว่าผมเป็นคนเอาอิฐฟาดหัวรุ่นพี่ แล้วก็ทำให้ละครจบก่อนกำหนดด้วยใช่ไหมครับ”

“ใช่!”

อีอูยอนร้องอ๋อก่อนจะพยักหน้าช้าๆ และถามต่อว่า ‘แล้วทำไมเหรอครับ’ คังยองโมทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาวิ่งเข้ามากระชากคอเสื้อของอีอูยอน

“เพราะฉันอดทนมาตลอด…!”

“คราวหน้าผมจะก่อเรื่องอะไรเหรอครับ”

“ทำไมถึงมาถามเรื่องนั้นกับฉัน! ไอ้บ้าเอ๊ย”

“ก็รุ่นพี่บอกว่าแค่เห็นก็รู้แล้วนี่ครับ เพราะงั้นถึงได้มาหาผมไม่ใช่เหรอ ถึงจะไม่มีหลักฐานว่าผมเป็นคนทำก็เถอะ”

อีอูยอนเผยยิ้มที่ดูมีศีลธรรม เป็นรอยยิ้มที่มีกลิ่นกาแฟลอยออกมาจริงๆ คังยองโมถูกทำให้พูดไม่ออกได้แต่ขยับปากขึ้นลง และจ้องตาไม่กะพริบ

“คุณมาถึงที่นี่เพียงเพราะคิดว่าผมทำโดยไม่มีหลักฐาน และตบคนของผมไม่ใช่เหรอครับ”

คำว่าคนของผมทำเอาอินซอบขนหัวลุก คังยองโมสงสัยในความสัมพันธ์ของตนกับอีอูยอนอยู่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรเขาจะต้องรีบจบสถานการณ์นี้

“ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ เพราะฉะนั้นทั้งสองคน…”

“แกไม่เกี่ยว ไอ้โง่นี่คอยสอดอยู่เรื่อยเลย!”

คังยองโมผลักอินซอบออกไปก่อนจะตะโกนหยาบคาย เหอะ อีอูยอนหัวเราะขึ้นจมูกสั้นๆ เมื่อเห็นว่าเส้นเอ็นที่ข้อมือของอีกฝ่ายปูดขึ้นมา อินซอบจึงรีบเกาะอีอูยอนเอาไว้

“อย่านะครับ”

หยดน้ำตาคลออยู่ที่ดวงตากลมโตของอินซอบ

“อย่าทำแบบนั้นนะครับ ขอร้องล่ะ”

อีอูยอนจ้องอินซอบนิ่งๆ และปัดมือของคังยองโมที่จับคอเสื้อของตัวเองออกเบาๆ

“แก ตามฉันมาเดี๋ยวนี้”

คังยองโมส่งเสียงฮึดฮัดและออกไปจากออฟฟิศ อินซอบขวางหน้าอีอูยอนที่กำลังจะตามออกไปไว้

“ผมจะออกไปคุยเองครับ คุณอูยอน…”

อีอูยอนเดินผ่านอินซอบไปโดยไม่ตอบอะไร

“ว้าว เคยได้ยินแต่ข่าวลือที่ว่าคังยองโมเป็นอันธพาล นี่มันเหนือกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย”

“เหมือนจะบ้าไปแล้วล่ะค่ะ ทำไมถึงได้มาพาลเรื่องที่ละครจบก่อนกำหนดเพราะเรตติ้งต่ำกับคุณอีอูยอนล่ะ”

“ทำตัวหยาบคายเพราะอิจฉาน่ะสิ ว่าแต่คุณอีอูยอนทำแบบนั้นได้ยังไงนะ เหมือนพวกนักบุญเลย เป็นฉัน ฉันไม่ปล่อยไว้เฉยๆ แน่”

ตอนนั้นเองหลายๆ คนถึงได้เริ่มพูดคำพูดที่กลั้นเอาไว้ออกมา

“คุณอินซอบเป็นอะไรหรือเปล่าคะ กรรมการผู้จัดการไม่รับโทรศัพท์เลย หัวหน้าทีมชาก็เหมือนกัน ต้องโทรศัพท์หาตำรวจไหมคะ”

ผู้ช่วยโจทำตัวไม่ถูกและเอ่ยถามอินซอบโดยที่ยังถือโทรศัพท์ไว้ในมือ

“ผมไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องโทรศัพท์หาตำรวจนะครับ แล้วก็ช่วยติดต่อกรรมการผู้จัดการให้ที”

อินซอบรีบไล่ตามหลังอีอูยอนออกไป

“คุณอีอูยอน”

อินซอบคว้าชายเสื้อของอีอูยอนและดึงเขาไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มี

“อย่านะครับ”

“อย่าอะไรครับ”

“คุณกำลังโมโหอยู่นะครับ”

หลายๆ คนชื่นชมในท่าทีสุขุมของอีอูยอน แต่อินซอบรู้ดีถึงความโกรธที่เย็นยะเยือกซึ่งติดอยู่ในตาของอีอูยอน

“ผมดูเป็นแบบนั้นเหรอครับ”

อีอูยอนยิ้มก่อนจะเอ่ยถาม แต่ตาของเขาไม่ได้ยิ้มไปด้วยเลยแม้แต่น้อย

“ทำอะไรอยู่! ไม่รีบมาอีก”

คังยองโมตะโกนใส่อีอูยอน อีอูยอนหันหน้าไปหาคังยองโมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และเดินไปหา

อีอูยอนหยิบคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋าสตางค์ และแตะที่เซนเซอร์ของลิฟต์ กรรมการผู้จัดการใส่ใจกับที่จอดรถเป็นพิเศษระหว่างที่ย้ายตึกของบริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์มาที่ตึกใหม่ เจ้าตัวซึ่งเป็นคนบ้ารถอย่างจริงจังใช้ชั้นใต้ดินชั้นสามทั้งหมดเป็นที่จอดรถส่วนตัวของตัวเอง การจะไปที่ชั้นใต้ดินชั้นสามได้จะต้องมีคีย์การ์ด และไม่ว่าจะเป็นการ์ดเปิดประตูลิฟต์ หรือการกดชั้นก็จำเป็นต้องมีคีย์การ์ดทั้งหมด ดังนั้นนี่จึงเป็นที่นับว่าเป็นห้องลับที่สมบูรณ์แบบสำหรับคนที่มีคีย์การ์ด

แน่นอนว่าอีอูยอนก็เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่มีคีย์การ์ด

ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิด คังยองโมก็เดินเข้าไปก่อน อีอูยอนผลักอินซอบที่กำลังจะเดินตามเข้ามาออกไปเบาๆ

“ผมขอคุยกับรุ่นพี่สักครู่นะครับ แล้วจะกลับขึ้นมา”

“ผมจะไปด้วยครับ”

อินซอบกำชายแขนเสื้อของอีอูยอนไว้อย่างดื้อรั้น

“คุณอินซอบ”

อีอูยอนขู่อินซอบด้วยเสียงทุ้มต่ำ อินซอบส่ายหน้าพลางหลุบตามองด้านล่าง

“ถ้าผมทนไม่ได้ เมื่อกี้ผมไม่ทนหรอกนะครับ”

“…”

อินซอบกำมือที่จับแขนเสื้อไว้แน่น ราวกับว่าถ้าปล่อยมือนี้ไป เขาจะทำอีอูยอนหลุดมือไปตลอดกาล

“แต่ถ้าไอ้นั่นมันแตะต้องคุณอินซอบอีกแค่ครั้งเดียวผมคงทนไม่ได้แล้วล่ะครับ”

อีอูยอนแกะมือของอินซอบออกทีละนิ้วก่อนจะก้มหน้า และกระซิบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

“เพราะฉะนั้นคุณอินซอบรอตรงนี้นะครับ เดี๋ยวผมกลับมา”

เขาแกะนิ้วนิ้วสุดท้ายออกก่อนจะดันออกไปราวกับโยน อีอูยอนยิ้ม เขาเห็นดวงตาที่กำลังจะร้องไห้ของอินซอบผ่านช่องของประตูลิฟต์ที่ค่อยๆ ปิดลง อีอูยอนสบตากับอีกฝ่ายจนถึงวินาทีสุดท้าย และหันกายกลับมาเมื่อประตูลิฟต์ปิดสนิท

“ให้ตายเถอะ ช่างมีความซื่อสัตย์ยอดเยี่ยมจริงๆ เลยนะ ถึงได้เดินตามหลังมาติดๆ ขนาดนั้น ไม่สิ จริงๆ แล้วเขาเป็นรักข้างเดียวของอีอูยอนหรือเปล่า ตอนนั้นนายถึงได้ฟาดฉันจากทางด้านหลังไม่ใช่หรือไง”

คังยองโมหัวเราะคิกคัก และหยิบบุหรี่จากในกระเป๋าออกมาจุด อีอูยอนแตะคีย์การ์ดไว้แล้วกดปุ่มชั้นสาม จากนั้นลิฟต์ก็เริ่มเคลื่อนตัว

“คิดว่าคนที่ตีรุ่นพี่จากด้านหลังในวันนั้นคือผมจริงๆ เหรอครับ”

“ถ้าไม่ใช่นายแล้วจะเป็นใครล่ะ”

โอ้ อีอูยอนร้องก่อนจะก้มหน้าลง เขาหยุดคิดไปสักพักและค่อยๆ เงยหน้าขึ้น

อีอูยอนจ้องคังยองโมอย่างนิ่งเงียบด้วยสายตาราวกับเป็นเด็กชายผู้ใสซื่อที่ไม่เคยทำเรื่องแย่ๆ มาก่อนในชีวิต

“แล้วคนที่เชื่อแบบนั้นจริงๆ อยากจะอยู่ตามลำพังกับผมเหรอครับ”

อีอูยอนยิ้มโชว์ฟันขาวที่เรียงตัวเป็นระเบียบพร้อมกับก้าวเข้าไปหาคังยองโม

***

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท