การตำหนิของฮ่องเต้มีผลอย่างมาก ระยะเวลาต่อมาโจวเสวียนไม่ได้เดินทางมาหาเรื่องเฉินตันจูอีก
เฉินตันจูโกรธเคืองอย่างมาก เรียกจู๋หลินมาบ่น “ทั้งที่ฝ่าบาทสามารถขังโจวเสวียนเอาไว้ให้เร็วได้ แต่ดันกลับทนดูข้าถูกรังแก”
จู๋หลินเพียงแค่ถาม “คำพูดนี้ให้ข้าเขียนให้ท่านแม่ทัพหรือ”
ดวงตาเฉินตันจูแดงก่ำขึ้นมาทันที “หากท่านแม่ทัพอยู่ โจวเสวียนไม่กล้ารังแกข้าเช่นนี้แน่…เจ้าเขียนเรื่องที่ข้าถูกรังแกให้ท่านแม่ทัพหรือไม่ บอกท่านแม่ทัพว่าข้าโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งเพียงใด ระลึกถึงเขาเพียงใดหรือไม่”
จู๋หลินพยักหน้า “เขียนแล้ว”
“จากนั้น?” เฉินตันจูรีบถาม “ท่านแม่ทัพตอบกลับหรือไม่”
“ตอบแล้ว ท่านแม่ทัพบอก ข้ารู้แล้ว”
เมื่อได้ยินว่าเป็นสามคำนี้เหมือนเดิม เฉินตันจูผิดหวังอย่างมาก “จู๋หลิน ตอนที่เจ้าเขียนจดหมายเจ้าต้องเขียนให้ได้อารมณ์ อย่าเหมือนเวลาพูด ซื่อตรงพูดน้อย เช่นนี้ ครั้งหน้าเจ้าเขียนจดหมาย ข้าจะช่วยเจ้าคิดก่อน”
จู๋หลินหันหลังเดินจากไป
“ข้าไม่ดูเรื่องความลับของเจ้ากับท่านแม่ทัพ” เฉินตันจูพูดตามอยู่ด้านหลัง
อาเถียนวิ่งเข้ามาจากด้านนอก “คุณหนู คุณหนู องค์ชายสามมาเจ้าค่ะ”
เฉินตันจูประหลาดใจ สองครั้งก่อนองค์ชายสามล้วนส่งคนมารับยา ครั้งนี้เขาเดินทางมาเอง? นางรีบเดินออกไปรับ
องค์ชายสามสวมชุดแขนกว้างสวมรองเท้าไม้เดินอยู่บนทางขึ้นเขา ได้ยินเสียงดีใจดังขึ้นจากด้านบน “องค์ชาย ท่านมาได้อย่างไร”
องค์ชายสามเงยหน้า มองหญิงสาวที่ยืนอยู่ท่ามกลางป่าไม้ ท่าทางร้องไห้อย่างเศร้าโศกที่พบใน
วัดถิงอวิ๋นครั้งก่อนหมดไป ใบหน้ากลมเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตาสดใส ฟันขาว งดงามน่าเอ็นดู
เขาอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ “ข้าผ่านมาทางนี้ จึงมาดูเจ้า”
ผ่านมา? เฉินตันจูเม้มปากยิ้ม “องค์ชายไปวัดถิงอวิ๋นหรือเพคะ”
วัดถิงอวิ๋นและอารามดอกท้ออยู่คนละทิศ ทางที่ผ่านนี้ไกลกันยิ่งนัก
“เพียงแค่จุดหมายไม่เปลี่ยน ระหว่างทางผ่านที่ใดย่อมเป็นไปตามใจ” องค์ชายสามพูดด้วยรอยยิ้ม
เฉินตันจูชื่นชมกับคำพูดนี้ด้วยรอยยิ้ม “องค์ชายจดจำพระธรรมได้อย่างดี”
องค์ชายสามเดินมาข้างตัวนางทีละก้าว ยิ้ม ก่อนจะหันไปกระแอมไอเสียงเบาสองที
“องค์ชายรีบเข้ามาเถิด” เฉินตันจูพูด “หม่อมฉันอยากดูอาการของท่าน เพียงแต่เข้าพระราชวังไม่ได้”
เข้าพระราชวังไม่ได้หรือ ได้ยินว่านางไม่แม้แต่จะทูล เมื่อเห็นโจวเสวียนเดินเข้าไป จึงเดินตามเข้าไปอย่างเปิดเผย…องค์ชายสามพูดด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาทกักบริเวณโจวเสวียนแล้ว ก่อนพิธีสถาปนาท่านโหวไม่อนุญาตให้เขาออกจากวัง เจ้าวางใจได้”
เฉินตันจูขุ่นเคือง “หม่อมฉันไม่กลัวเขา สิ่งเดียวที่เขาควรจะดีใจคือเขาเกิดเป็นชาย หากเขาเกิดเป็นหญิง หม่อมฉันคงสั่งสอนเขาจนไม่กล้าออกจากจวนอีก”
สั่งสอนของนางหมายถึงตีหรือ องค์ชายสามตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมา
เฉินตันจูถอนหายใจเสียงเบา ภายในดวงตาเศร้าโศกเยาะเย้ยตนเอง “หม่อมฉันเป็นหญิงร่างกายอ่อนแอกำลังน้อยนิด สู้เขาไม่ได้ มิฉะนั้น หม่อมฉันยอมเป็นคนที่ถูกลงโทษกักบริเวณ”
ย่อมไม่ยอมเป็นคนที่ถูกสงสาร
องค์ชายสามพยักหน้า “เจ้าพูดถูก เฉินตันจูเป็นคนเช่นนี้”
เฉินตันจูยิ้มให้เขา
องค์ชายสามพูดต่อ “ดังนั้นข้ารู้ว่าสิ่งที่พวกเขาพูดไม่ถูก เจ้าตามหาคนป่วยอาการไอทั้งเมืองไม่ได้ต้องการเกาะเกี่ยวข้า หากแต่ต้องการรักษาโรคให้ข้าเท่านั้น”
เรื่องนี้ สิ่งที่องค์ชายสามคิดด้านหน้าล้วนถูก ด้านหลังไม่ถูก เฉินตันจูคิดในใจ หากพูดต่อหน้าว่าข้าไม่ได้ทำเพื่อท่าน คงจะเสียมารยาทอย่างมาก อย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นองค์ชาย อีกทั้งนางต้องการรักษาโรคให้องค์ชายสามจริง
เฉินตันจูไม่ใช่คนดีที่ไร้ตำหนิแต่อย่างใด องค์ชายสามนางย่อมต้องคิดเกาะเกี่ยว
“องค์ชาย เข้ามานั่งก่อนเพคะ” เฉินตันจูเร่งเร้า “หม่อมฉันจับชีพจรให้ท่านก่อน”
องค์ชายสามถูกเฉินตันจูเชิญเข้าห้องที่ตั้งใจตกแต่งเป็นห้องรักษา หลังจากดูอาการแล้ว เฉินตันจูจึงได้ยินข่าวลับภายในพระราชวังเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย…
“นางในที่วางยาปลิดชีพตัวเอง” องค์ชายสามพูด “นางในนี้เสด็จแม่ของข้าพามาจากในจวน เป็นคนที่เชื่อใจที่สุด ไม่รู้ว่าถูกคนซื้อตัวได้อย่างไร”
ฮ่องเต้รักใคร่บุตรของตนเอง แต่ด้วยเหตุนี้จึงก่อให้เกิดความโหดร้ายในวังหลัง
ดังนั้นฮ่องเต้มีโอรสหกคน สองคนในนั้นล้วนมีร่างกายอ่อนแอ องค์ชายสามมีคนวางยาพิษ แล้วองค์ชายหก? ถึงแม้จะบอกว่าร่างกายอ่อนแอแต่กำเนิด แต่บางทีอาจเป็นฝีมือของคนก็เป็นได้
อีกทั้ง…เฉินตันจูสายตากังวล กดเสียงต่ำ “องค์ชาย หากพูดเช่นนี้ คนที่ทำร้ายอาจมีโอกาสยังอยู่ภายในพระราชวัง”
หลบอยู่ในที่มืดที่ท่านไม่รู้ กำลังเตรียมการ รอคอยเวลา…
ชาตินั้นไม่รู้ว่าองค์ชายสามอยู่อย่างปลอดภัยหรือไม่
องค์ชายสามมองใบหน้าที่เข้าใกล้ของเฉินตันจูเพราะต้องการพูดเรื่องลับในพระราชวัง ผิวพรรณขาวเนียนละเอียด ดวงตากลมโต เวลานี้เต็มไปด้วยความกังวลและระแวง เขาอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ถึงแม้เรื่องเหล่านี้ไม่ควรพูด แต่เขาไม่อาจทนดูนางกังวลเรื่องของเขาได้
“อันดับแรก ถึงแม้ข้าจะมีชีวิตรอด แต่ร่างกายเสียหาย กลายเป็นคนพิการ หากเป็นคนพิการย่อมไม่ใช่อันตราย คนผู้นั้นย่อมไม่จ้องทำร้ายข้าอีก” เขาพูดเสียงเบา
เฉินตันจูส่ายหัวทันที “องค์ชายไม่เข้าใจ หากคนผู้นั้นทำร้ายท่านอีกไม่ใช่เพราะท่านเป็นองค์ชาย หากแต่ท่านในฐานะผู้ได้รับบาดเจ็บไม่ได้ตายไป การมีอยู่ของท่านยังคงมีผลกระทบต่อคนผู้นั้น องค์ชาย ท่านอย่าวางใจเด็ดขาด”
พูดพลางขมวดคิ้ว
“คนข้างตัวท่านต้องเชื่อถือได้อย่างมาก ของกินของใช้ ดีที่สุดคือต้องมีคนรู้เรื่องยาปรนนิบัติ”
องค์ชายสามมองสีหน้ากังวลของนาง ก่อนจะยิ้มขึ้นอีกครั้ง
“เจ้าอย่ากังวล” เขาพูด ลังเลเล็กน้อย กดเสียงต่ำ “ข้า…รู้ว่าศัตรูของข้าคือผู้ใด”
เฉินตันจูตกตะลึงในทันที นางนั่งกลับทีเดิม สีหน้าเก้อเขิน เก้อเขินที่ตนเองคิดมากไป องค์ชายสามเป็นองค์ชายที่ได้รับความลำบากมาก่อน ผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในพระราชวังไม่มีผู้อ่อนแอที่แท้จริง อีกทั้งนางยังเก้อเขินที่ตนเองพูดมากไป นางรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้หรือไม่
ในเมื่อองค์ชายสามรู้ศัตรูของตนเอง แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ใดในพระราชวังได้รับการลงโทษ เห็นได้ชัดว่าหลายปีนี้องค์ชายสามเองก็กำลังอดทน รอเวลา…
เรื่องนี้เป็นความลับขององค์ชายสาม ไม่เพียงเป็นความลับของเรื่องนี้ รวมไปถึงตัวตนของเขา นิสัยของเขา จิตใจของเขา…ความลับนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่อาจให้คนรู้ได้
“เช่นนั้น เช่นนั้นก็ดี” นางแค่นยิ้มออกมา ทำท่าทางดีใจ “หม่อมฉันวางใจแล้ว อันที่จริงหม่อมฉันแค่พูดไปเรื่อย ไม่รู้เรื่องใด รักษาโรคได้เท่านั้น”
ทำให้นางกลัวเสียแล้ว องค์ชายสามยิ้ม เขาไม่ได้ต้องการข่มขู่นางจริงๆ คำพูดก่อนหน้านั้นอันที่จริงก็ไม่ควรพูดออกมา แต่…นาทีนั้น เขาอยากพูด
ถึงแม้จะพูดออกมาก็ไม่เป็นไร
“คุณหนูตันจูรักษาโรคให้ข้า ดู ดม ถาม จับไม่อาจขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้” เขาพูด “สิ่งที่ข้าคิดในใจ คุณหนูตันจูกระจ่าง ย่อมสามารถรักษาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น”
อันที่จริงเรื่องนี้ไม่เข้าใจย่อมได้ เฉินตันจูคิดในใจ ครุ่นคิดอีกครั้ง รู้ว่าองค์ชายสามไม่ได้เป็นคนอ่อนโยนเหมือนดั่งภายนอกก็ไม่สำคัญ นางก็รู้ว่าโจวเสวียนภายในภายนอกไม่เหมือนกันไม่ใช่หรือ
นางไม่ต้องเกรงกลัวเรื่องนี้
เหล่าองค์ชายในราชวงศ์มีผู้ใดสะอาดดุจดั่งน้ำใสกัน
ต่อจากนี้องค์รัชทายาทจะสังหารองค์ชายหก พี่น้องฆ่ากันเอง จึ๊ๆๆ
ความหวาดกลัวและความตระหนกของเฉินตันจูสลายไป พูด “คนป่วยที่เปิดเผยอย่างองค์ชายสาม หม่อมฉันย่อมต้องรักษาให้หาย”
องค์ชายสามยิ้ม หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา “ดังนั้น ข้าผ่านมาในครั้งนี้เพื่อจ่ายค่ารักษา”
เฉินตันจูรับมาอย่างประหลาดใจ “สิ่งใดกัน ไม่ใช่เงิน?” พูดหยอกล้อ ก่อนจะพบว่าคือโฉนดของจวนหลังหนึ่ง เสียงของนางชะงัก “…เงินมากมายเพียงนี้หรือ”
เวลานี้สิ่งที่แพงที่สุดในเมืองย่อมเป็นจวน
นางมองไปยังองค์ชายสาม องค์ชายสามไม่อาจห้ามโจวเสวียนไม่ให้แย่งชิงจวนของนางไป ดังนั้นจึงมอบจวนอีกหลังให้นางหรือ
เฉินตันจูรู้สึกซาบซึ้ง นางมีบุญวาสนาเพียงใดที่ทำให้องค์ชายสามปฏิบัติเช่นนี้ได้
“คุณหนูตันจูพูดเข้า” องค์ชายสามหัวเราะ “เจ้ารักษาโรคให้ข้า บอกแล้วว่าเป็นค่ารักษา คุณหนูตันจูรักษาโรคต้องจ่ายด้วยสมบัติของทั้งตระกูล ของข้ายังถือว่าน้อย”
ถึงแม้บางเรื่องขององค์ชายสามจะเหนือความคาดหมายของนาง แต่องค์ชายสามเหมือนดั่งที่นางรู้เมื่ออดีตชาติ จริงใจต่อผู้ที่รักษาโรคให้เขา เวลานี้ยังไม่รักษาเขาให้หายดีก็ได้การปฏิบัติดีเช่นนี้
เฉินตันจูเก็บโฉนดเอาไว้ พยักหน้าอย่างแน่วแน่ “หม่อมฉันจะรักษาองค์ชายอย่างสุดความสามารถ ต้องรักษาองค์ชายให้หายดี ไม่ให้องค์ชายต้องทนทุกข์กับโรคร้ายอีก”
อืม หากไม่ได้จริงๆ นางจะคิดหาวิธีหลอกแม่ทัพหน้ากากเหล็ก ให้เขาช่วยตามหาหญิงสาวเมืองฉีคนนั้น แย่งสูตรลับในการรักษามา อย่างไรก็ตาม องค์ชายสามผู้เป็นที่พึ่งพาดีเช่นนี้ นางต้องจับเอาไว้ให้มั่น