เวลาที่แสงแดดสาดส่องเข้ามาในอาราม เฉินตันจูเขียนบันทึกบทหนึ่งเสร็จสิ้น กำลังอ่านทบทวนด้วยรอยยิ้ม
“คุณหนู” อาเถียนชะโงกหน้ามาจากนอกหน้าต่าง ถามด้วยรอยยิ้ม “เขียนเสร็จแล้วหรือ ส่งไปให้คุณชายจางหรือไม่เจ้าคะ”
เฉินตันจูนำกระดาษที่เขียนบรรยายอย่างละเอียดว่าอาการของจางเหยาต้องกินยาอย่างไร หลังจากกินยามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร อาการจะดีขึ้นเวลาไหน มาเป่าให้แห้งอย่างแผ่วเบา
“ข้าไม่ไปแล้ว” นางพูด “ให้เยี่ยนเอ๋อไปเถิด ส่งไปตอนส่งข้าว”
อาเถียนตกตะลึงเล็กน้อย “คุณหนูไม่ไปหาคุณชายจาง?”
เฉินตันจูยกมือทำท่าจะแปะกระดาษเข้าที่หน้าอาเถียน อาเถียนหลบออกไปด้วยเสียงหัวเราะ ใช้สองมือรับมา
หลังจากตามหาจางเหยาจนพบ นางก็ไม่รีบร้อนแล้ว สิ่งที่นางต้องทำไม่ใช่การไปหาจางเหยาทุกวัน หากแต่สามารถเห็นเขาได้อย่างยาวนาน
เมื่ออดีตชาติ หลังจากจางเหยาจากไป นางหลับไม่ลงในเวลากลางคืน นางมักจะระลึกถึงตอนที่พบเจอเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่มีเรื่องใดระลึกถึงได้ นอกจากอาการของเขา รักษาอย่างไรให้เขาหายเร็วยิ่งขึ้น นางครุ่นคิดทั้งวันทั้งคืนเขียนออกมาเป็นบันทึกมากมาย เดิมทีคิดว่าไม่อาจนำมาใช้ได้อีก
ดังนั้นครั้งนี้จางเหยาสามารถรักษาอาการไอให้หายเร็วขึ้นกว่าชาติก่อน ไม่ต้องรอสองเดือน
เมื่อรักษาโรคให้หายแล้ว ร่างกายแข็งแรงแล้ว เขาสามารถไปพบพ่อตาของเขาได้อย่างสง่างาม
เรื่องของจางเหยาจัดการเรียบร้อย ต่อมานางต้องไปลองเชิงที่ตระกูลหลิวแทนเขา
เฉินตันจูเรียกจู๋หลินเตรียมรถ พาอาเถียนเดินทางมาหุยชุนถังภายในเมือง
เมื่อเห็นนางมาถึง ไต้ฟูและเด็กในร้านของหุยชุนถังตื่นตระหนกอย่างมาก อีกทั้งมีคนป่วยหลายคนใช้แขนเสื้อบังหน้าเอาไว้…ประหลาด
หลิวจั่งกุ้ยยังดี เขาเชิญเฉินตันจูเข้าไปด้านหลังอย่างเก้อเขิน
“คุณหนูตันจูมาหาเวยเวยหรือ” เขาถาม ก่อนจะพูดอย่างเสียใจ “เวยเวยและท่านแม่ของนางยังอยู่ในจวนของท่านยาย”
ตอนที่หลิวเวยเดินทางไปจวนของท่านยาย ยังให้สาวรับใช้ส่งข่าวให้นาง อีกทั้งบอกว่าสามารถมาหานางได้ที่ตระกูลฉางในตงเจียว
หลายวันนี้เฉินตันจูมัวแต่ดูแลจางเหยา ปะทะกับโจวเสวียน ไปมาหาสู่กับองค์ชายสาม จึงไม่ได้มาหาหลิวเวย เฉินตันจูคำนวณดู เวลาที่อยู่ในตระกูลฉางไม่น้อยแล้ว
มองดูใบหน้าผอมแห้งของหลิวจั่งกุ้ย เฉินตันจูครุ่นคิด เอ่ยถาม “หลิวจั่งกุ้ย พวกท่านทะเลาะกันหรือ”
หลิวเวยบอกกับเขาว่าไปจวนของท่านยาย เพราะกังวลเรื่องที่เกิดขึ้นกับองค์หญิงในงานเลี้ยง ดังนั้นนางและท่านแม่ไปอยู่สักสองวันให้พวกเขาวางใจ
แต่ไม่ควรไปนานเพียงนี้ ทิ้งหลิวจั่งกุ้ยไว้ในจวนโดดเดี่ยวเดียวดาย…แต่ก่อนอาจเป็นเช่นนี้บ่อยครั้ง แต่ก่อนหน้านี้หลิวเวยมาเยี่ยมเยือนที่ภูเขาดอกท้อ คำพูดของนางล้วนแสดงออกถึงความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับบิดา
เรื่องในตระกูล อีกทั้งเกี่ยวข้องกับเรื่องงานแต่งของบุตรสาว เดิมทีหลิวจั่งกุ้ยไม่อยากพูด แต่เวลานี้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าคือหญิงสาว อีกทั้งนางยังมีนามว่าเฉินตันจู…
ท่าทางในเวลานี้อ่อนโยนน่าเอ็นดู ผู้ใดจะรู้ว่าคำพูดไหนจะไม่ถูกใจนางขึ้นมา ทำให้นางขุ่นเคือง
“ไม่ถือว่าทะเลาะกัน” หลิวจั่งกุ้ยลังเลเล็กน้อย พูดเสียงเบา “เพราะว่ามีเรื่องบางเรื่อง ข้าทำไม่ดี
เวยเวยนางไม่พอใจมากนัก เป็นความผิดของข้า”
เพราะว่าจางเหยา เฉินตันจูสามารถเดาได้ “หลิวจั่งกุ้ยอย่ากังวล ข้ากับท่านพ่อของข้าไม่พอใจกันและกันในบางเรื่อง แต่พวกข้าต่างไม่โทษอีกฝ่าย”
พวกเขาเป็นตระกูลเล็ก ไม่ถึงขั้นเป็นเรื่องขัดแย้งระหว่างเหล่าท่านอ๋องและฮ่องเต้เหมือนเฉินเลี่ยหู่กับเฉินตันจู การปลอบของหญิงสาวคนนี้พิเศษยิ่งนัก หลิวจั่งกุ้ยรีบยิ้ม “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เรื่องเล็ก เมื่อรอคนผู้นั้นมา พวกข้าพูดให้กระจ่างก็พอแล้ว”
เฉินตันจูเงี่ยหูขึ้นมาทันที “คนผู้นั้น? ผู้ใดกัน? ใครหรือ”
ถามรัวจนทำให้หลิวจั่งกุ้ยผงะ “ไม่ ไม่มีอะไร แค่บุตรของสหายเก่า เดินทางมาเยือน อีกทั้งยังมีเรื่องเก่าต้องจัดการ จัดการแล้วจะดีขึ้น”
เฉินตันจูหยุดไว้อย่างเหมาะสม ไม่ได้ไล่ถาม เพียงแต่ถามอย่างห่วงใย “แก้ไขได้หรือ”
หลิวจั่งกุ้ยพยักหน้า “ได้ ได้ เพียงแค่เขามา พวกเรานั่งพูดคุยกันดีๆ ย่อมจัดการได้”
เฉินตันจูยืนขึ้น “หลิวจั่งกุ้ยไม่ต้องการให้ข้าช่วย ข้าจะไปหาคุณหนูเวยเวย ทำให้นางอารมณ์ดี”
หลิวจั่งกุ้ยยังตั้งสติกลับมาไม่ได้เฉินตันจูเดินออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็วแล้ว นางเรียกขานอาเถียน “พวกเราไปหาของกินของเล่น…ต้องการจำนวนมาก…ระยะนี้คณะแสดงใดในเมืองดี...มีหลายคณะ? พามาให้หมด…”
หลิวจั่งกุ้ยยืนซับเหงื่ออยู่ด้านนอกประตู นางต้องการลักพาตัวคนทั้งตรอกไปทำให้ลูกสาวเขาอารมณ์ดีหรือ
เฉินตันจูย่อมไม่ได้ลักพาตัวคนทั้งตรอกไปตระกูลฉาง เพียงแค่ลัก…ไม่ใช่ พาอาจารย์และศิษย์ที่ทำขนมน้ำตาลสองคน คนที่เล่นกายกรรมอยู่บนถนนหนึ่งคน เดินทางไปยังตระกูลฉางอย่างดีใจ
เมื่อเห็นรถของนาง คนเฝ้าประตูของตระกูลฉางจำไม่ได้ในเวลาหนึ่ง จากนั้นมองเห็นน้ำตาลปั้น ลิง และคนที่ลงมาจากรถทั้งสองคัน ยิ่งฉงนมากขึ้น…
“ข้าคือเฉินตันจู” เฉินตันจูลงจากรถ พูดด้วยรอยยิ้ม “มาหาคุณหนูเวยเวย”
ทันใดนั้น รายงานเข้าไปด้านในด้วยความตื่นตระหนก นายท่านใหญ่ตระกูลฉางออกมาต้อนรับด้วยตนเอง ไม่ทันได้เรียนนายหญิงใหญ่ตระกูลฉาง
เฉินตันจูแสดงเจตนาการมาของตนเอง ให้นายท่านใหญ่ตระกูลฉางไม่ต้องกังวล
นายท่านใหญ่ตระกูลฉางโล่งใจ ต้องการนำเฉินตันจูไปหาเวยเวยที่จวนด้านหลังด้วยตนเอง แต่ถูกเฉินตันจูห้ามเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม
“นายท่านใหญ่ ท่านช่วยสาวใช้ของข้าจัดการคนที่พามา อีกสักพักข้าและคุณหนูเวยเวย รวมทั้งเหล่าคุณหนูในตระกูลของท่านเล่นด้วยกัน” นางพูด
นายท่านใหญ่ตระกูลฉางตอบรับในทันที ให้พ่อบ้านพาเฉินตันจูไปด้านหลังจวน ส่วนตัวเองพาคนขายขนมน้ำตาลและคนเล่นกายกรรมไปพักพร้อมกับสาวรับใช้…
จวนทางด้านหลังยังไม่รู้ว่าเฉินตันจูเดินทางมา เหล่าสาวรับใช้ผงะเล็กน้อย เมื่อพบพ่อบ้านพาคุณหนูท่านหนึ่งเดินเข้ามา เฉินตันจูเรียกขานพวกนาง “คุณหนูเวยเวยอยู่ที่ใด”
วันนั้นมีแขกเดินทางมามาก ไม่ใช่สาวรับใช้ของตระกูลฉางทุกคนจะมีโอกาสปรนนิบัติต่อหน้าแขก สาวรับใช้นี้ไม่รู้จักนาง เมื่อได้ยินจึงตอบ “ก่อนหน้านี้ข้าพบคุณหนูเวยเวยอยู่กับคุณหนูอาอวิ้นที่ริมบ่อปลาในสวนดอกไม้เจ้าค่ะ”
เฉินตันจูจึงให้นางนำทาง ก่อนจะพูดกับพ่อบ้าน “ไม่ต้องรบกวนเหล่าฮูหยิน ข้าเป็นคนรุ่นหลัง อย่าทำให้ท่านกังวลใจ ข้าจะไปพบท่านพร้อมคุณหนูเวยเวย”
พ่อบ้านไม่บอกได้อย่างไร เขาให้สาวรับใช้รีบพาเฉินตันจูไป เมื่อเห็นหญิงสาวเดินจากไป เขาซับเหงื่อเล็กน้อย ไม่รบกวน? เข้าประตูจวนของผู้อื่นอย่างไม่รบกวนยิ่งร้ายกาจ
เฉินตันจูสามารถไม่รบกวนเหล่าฮูหยินได้ แต่พ่อบ้านทำไม่ได้ เขารีบไปพบเหล่าฮูหยิน อย่างน้อยให้เหล่าฮูหยินเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเข้าพบของเฉินตันจู
สวนดอกไม้ขนาดเล็กนี้เตรียมไว้เพื่อเหล่าคุณหนูโดยเฉพาะ พื้นที่ไม่ใหญ่นัก เฉินตันจูเข้าไปก็พบเห็นหญิงสาวสองคนนั่งอยู่บริเวณภูเขาปลอมทางนั้น
เฉินตันจูหยุดยั้งการเรียกขานเสียงดังของหญิงสาว “ข้าเข้าไปเอง”
หญิงสาวเห็นคุณหนูท่านนี้เดินอ้อมไปด้านหลังภูเขาจำลองริมบ่อน้ำแบบเงียบๆ รู้ว่านางต้องการทำให้คุณหนูทั้งสองตกใจ เมื่อเห็นเป็นการเล่นสนุกทั่วไปของเหล่าหญิงสาว นางจึงจากไปอย่างเงียบๆ ถึงแม้ไม่รู้คุณหนูนี้คือผู้ใด แต่ดูจากท่าทางของพ่อบ้านก็รู้ได้ว่าไม่อาจทำให้ขุ่นเคือง
เฉินตันจูเดินมาถึงด้านหลังของภูเขาจำลองอย่างไร้เสียง สามารถมองเห็นใบหน้าของหลิวเวยและ
อาอวิ้นได้จากช่องว่าง หลิวเวยมองผิวน้ำ ในมือถือเบ็ดตกปลา แต่สีหน้าเหม่อลอย…
“อ้า กินเหยื่อแล้ว กินเหยื่อแล้ว” อาอวิ้นตะโกนอยู่ด้านข้าง
หลิวเวยดึงสติกลับมายกเบ็ดตกปลาขึ้น แต่สายไป เบ็ดตกปลาว่างเปล่า
แต่นางไม่เสียใจอะไร โยนเบ็ดตกปลาลงบ่อน้ำด้วยสีหน้าเหม่อลอยเหมือนเดิม
“เวยเวยเจ้าดีใจหน่อย ท่านยายพูดกับท่านแม่เจ้าแล้ว ท่านพ่อเจ้าก็รับปาก ย่อมต้องถอนหมั้นแน่” อาอวิ้นปลอบ
หลิวเวยถอนหายใจ “หากข้าไม่ได้ยินจางเหยาบอกว่าถอนหมั้นด้วยตนเองหนึ่งวัน ข้าก็กังวลอยู่หนึ่งวัน”
อาอวิ้นลูบหัวไหล่ของนาง “เจ้าวางใจ ย่อมต้องทำให้เจ้าคลายความกังวล ถึงแม้เขาจะไม่พูด แต่ขอแค่เขาหายตัวไปก็พอ”
เฉินตันจูที่ยืนอยู่หลังภูเขาจำลองกำลังจะเอ่ยปากทำให้อีกฝ่ายตกใจหุบปากลง ดวงตาที่มีรอยยิ้มในเดิมทีเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง
หายตัวไป?