องค์ชายสามเดินทางผ่านมาจริง หลังจากมอบโฉนดจวนให้แล้ว จึงนั่งรถเดินทางต่อไปยังวัดถิงอวิ๋น
อาเถียนพลิกโฉนดไปมาอย่างดีใจ “จวนหลังนี้ข้ารู้ เป็นจวนอีกแห่งของตระกูลเหลียงเซ่าฝู่ ห่างจากจวนของพวกเราไม่ไกล ถึงแม้จะเล็กไปบ้าง แต่ประณีตมาก” ก่อนจะบ่นพึมพำอย่างไม่พอใจ “จวนของผู้ใดก็เทียบของตระกูลพวกเราไม่ได้”
ไม่ว่าอย่างไร มีคนห่วงใยคุณหนู อีกทั้งยังมอบจวนให้คุณหนู อีกทั้งยังเป็นองค์ชาย…อาเถียนหัวเราะขึ้น “คุณหนู คนดีได้รับผลตอบแทนที่ดี”
เฉินตันจูพยักหน้า “ใช่ คนดีได้รับผลตอบแทนที่ดี”
จู๋หลินที่อยู่บนหลังคาอดกลอกตาขาวไม่ได้ คิดอย่างไรใช้ประโยคคนดีได้รับผลตอบแทนที่ดีมาบรรยายตัวเอง
“รักษาองค์ชายสามหายดี ก็ไม่ต้องกลัวโจวเสวียนนั้นอีกแล้ว” อาเถียนกำมือกัดฟัน
เฉินตันจูตอบรับ “ข้าจะพยายาม” ให้อาเถียนเก็บโฉนดเอาไว้ มองขึ้นบนฟ้า “กลางวันแล้ว” นางเดินออกมาเรียกขานอิงกู “สำรับเรียบร้อยหรือไม่”
อิงกูตอบรับอยู่ในห้องครัว “จะรีบจัดให้คุณหนูบัดนี้เจ้าค่ะ”
“ไม่ได้จัดเตรียมให้ข้า” เฉินตันจูพูด “สำรับของคุณชายจางเสร็จแล้วหรือไม่”
อาหารของจางเหยาเป็นเรื่องใหญ่ที่สำคัญที่สุด ถูกเฉินตันจูกำชับอยู่ข้างหูทุกวัน อิงกูอยากลืมก็ลืมไม่ลง รีบตอบว่าเสร็จแล้ว
“ใส่กล่องเถิด ข้าส่งไปเอง” เฉินตันจูพูด “นำของข้าใส่กล่องด้วย ข้ากินทางนั้นด้วยกัน ไม่ต้องรีบร้อน”
อิงกูส่งเสียงร้องสองที เหลือบมองอาเถียน อาเถียนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว เอาเถิด คุณหนูอยากทำสิ่งใดก็ทำ
มองดูอาเถียนหิ้วกล่องอาหาร เฉินตันจูเดินออกจากอารามอย่างมีความสุข อิงกูอดบ่นกับสาวรับใช้อีกคนไม่ได้ “ถึงแม้จะใช้อีกฝ่ายทดลองยา แต่การปฏิบัตินี้ดีเกินไปหรือไม่”
จู๋หลินที่กระโดดติดตามอยู่ท่ามกลางป่าไม้ มองดูหญิงสาวที่หัวเราะตลอดทาง ขมวดคิ้ว เฉินตันจูนี้ไม่ยิ้มอย่างจริงใจเช่นนี้เมื่อเผชิญหน้ากับองค์ชายสาม
นักเรียนที่ชื่อจางเหยานี้ นำตัวมาเพื่อทดลองยาให้องค์ชายสามเท่านั้นจริงหรือ
ภายในรั้ว จางเหยาสวมชุดสง่างาม กำลังถือชามดื่มยาลงไป มองมือข้างหนึ่งที่ยื่นผลไม้เชื่อมมาไว้ตรงหน้า เขาไม่ปฏิเสธแม้แต่น้อย ยื่นมือมารับไป
“ยาดีขมปาก” เขาพูด ก่อนจะกินผลไม้เชื่อมลงไป
เฉินตันจูพูด “กินอีกสามครั้ง ยานี้ก็ไม่ต้องกินแล้ว”
สีหน้าจริงจังของจางเหยาหวั่นไหวเล็กน้อย “สามครั้งก็หยุดได้แล้วหรือ ไม่ปิดบังคุณหนู หลังจากดื่มยานี้แล้ว กลางคืนข้าสามารถหลับสนิทถึงฟ้าสว่าง”
สรรพคุณของยาดียิ่งนัก
เวลานี้เขารู้สึกว่า บางทีคุณหนูตันจูท่านนี้ไม่ใช่นำเขามาทดลองยามั่ว
เฉินตันจูส่ายหัว พูดกับเขา “แต่ยานี้ไม่อาจกินนานเกินไปได้ ตอนกลางคืนหลับสนิทเพื่อให้ร่างกายเจ้าไปพักผ่อน ยาที่จะใช้ต่อมาถึงจะมีผลดี โรคของเจ้าจึงจะรักษาให้หายอย่างสมบูรณ์ โรคนี้ต้องรักษาทีละน้อย มิฉะนั้นอีกสองสามปีจะกำเริบขึ้นมา เจ้าลองคิดดูต่อมาอีกหลายปีเจ้าใช้ชีวิตยากลำบากเพียงนั้นก็ไม่…”
พูดอย่างไหลลื่นเกินไป นางเผลอหลุดปากออกมา จึงรีบหยุดชะงักลง
จางเหยาฟังอย่างเหม่อลอย ไม่มีปฏิกิริยาใด
เฉินตันจูโบกมือ “คุณชายจาง?”
จางเหยาตอบรับ
“เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ” เฉินตันจูถาม
จางเหยาแสดงสีหน้าเสียใจ “ก่อนหน้านี้ฟัง แต่เนื่องจากฟังอย่างตั้งใจเกินไป ตอนหลังเหม่อลอยจึงไม่ได้ยิน รบกวนคุณหนูตันจูพูดอีกครั้ง ข้าจดเอาไว้”
ไม่ได้ยินก็ดี เฉินตันจูยิ้ม “ไม่ต้อง ข้าเขียนให้ท่านแล้ว ท่านไม่ต้องเปลืองแรงในการจำสิ่งที่ไร้ประโยชน์เหล่านี้ ทำเรื่องของตนเองก็พอ”
จางเหยามองหญิงสาวตรงหน้า เอ่ย “อันที่จริงข้าไม่มีเรื่องใดต้องทำ”
เดิมทีเฉินตันจูต้องการพูดว่าท่านทำในเรื่องที่ท่านชอบ อ่านตำรา เขียนบันทึกจัดการน้ำ แต่เมื่อคิดว่าหากพูดเช่นนี้จะทำให้จางเหยาตกใจ เพราะเวลานี้ถึงแม้ท่าทางของจางเหยาเชื่อฟังต่อนางอย่างมาก แต่อันที่จริงเขาปิดปากสนิท ไม่เปิดเผยเรื่องของตนเองแม้แต่น้อย
“กินข้าวเถิด” นางชี้กล่องอาหาร “หากไม่กินจะเย็นแล้ว”
อาเถียนรีบนำโต๊ะใหญ่…จัดเตรียมอาหาร…วันที่สองหลังจากเฉินตันจูกำชับให้เปลี่ยนโต๊ะ อาเถียนก็ให้จู๋หลินแบกโต๊ะสองตัวกลับมาจากในเมือง ตัวหนึ่งให้จางเหยาเป็นโต๊ะตำรา อีกตัวใช้สำหรับทานอาหาร
เฉินตันจูและจางเหยานั่งตรงข้ามกัน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เฉินตันจูนั่งลงกินอาหาร แต่จางเหยาราวกับไม่ตกใจ เมื่อได้ยินเฉินตันจูแสร้งอธิบายว่าตนเองหิวแล้ว อยากลิ้มลองนั้น เขาก็ไม่สนใจถ้วยชามและตะเกียบสองชุดที่นางจัดเตรียมไว้แล้ว อีกทั้งยังพยักหน้า “คุณหนูตันจูกำลังเติบโต ไม่อาจอดข้าวได้ กินมากเสียหน่อย จะได้ตัวสูง”
เฉินตันจูพยักหน้าอย่างดีใจ ก่อนจะมองรูปร่างของจางเหยา ครุ่นคิด ส่ายหัวอย่างเศร้าใจ “ช่างเถิด ข้าสูงขึ้นไม่ได้แล้ว คงได้แค่นี้แล้ว”
จางเหยาถือตะเกียบอย่างทำตัวไม่ถูก “เช่นนั้น ร่างกายแข็งแรง”
เฉินตันจูหัวเราะออกมา “ขอบคุณคำอวยพรของคุณชาย” ก้มหน้ากินอาหารอย่างเชื่อฟัง
จางเหยาเริ่มกินทางฝั่งของตนเองอย่างช้าๆ
โต๊ะอาหารหนึ่งตัว กล่องอาหารสองกล่อง เงียบสงบ
เฉินตันจูรู้สึกเศร้าขึ้นมาอย่างกะทันหัน ชาตินั้น นางไม่เคยได้กินอาหารกับจางเหยาเช่นนี้ อีกทั้งนางไม่มีอาหารอร่อยให้เขากิน
“สิ่งนี้คือขนมขึ้นชื่อของเมืองอู๋” นางชี้ลงบนจานเล็กในกล่องอาหาร “ข้าชอบมาก”
จางเหยาตอบรับ คีบขึ้นมากิน พยักหน้า “อร่อย”
เฉินตันจูชี้ไปที่ชามน้ำแกง “น้ำแกงนี้ทำให้ท่านโดยเฉพาะ ใส่สมุนไพรลงไป ทำให้กระเพาะของท่านสบาย”
จางเหยากล่าวขอบคุณ “คุณหนูตันจูมีใจแล้ว” ยกชามน้ำแกงขึ้นมาดื่ม
เฉินตันจูมองเขา ยิ้มขึ้นมา “วันนี้ข้าดีใจมาก มีคนเป็นห่วงข้า มอบจวนหลังหนึ่งให้ข้า”
จางเหยาแสดงสีหน้าดีใจ “ยินดี ยินดี สิ่งที่ได้รับยากที่สุดคือความเป็นห่วงจากผู้อื่น”
เขาอยู่ต่อหน้านางมักจะทำตัวเหมาะสม ไม่ร้อนรนไม่เกรงกลัว เชื่อฟังอย่างมาก เฉินตันจูยิ้ม เลิกคิ้วขึ้น “คุณชายจาง เจ้ามีเรื่องต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่”
จางเหยากล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ “คุณหนูตันจูรักษาโรคให้ข้า ก็คือช่วยเหลือข้าอย่างมากแล้ว”
เฉินตันจูยิ้ม ดังนั้นชาตินี้เขาไม่มีทางพูดประโยคเสียดสี แต่ก็เป็นความจริงที่เปิดเผยนั้นอีก ท่านจะช่วยอันใดได้ ท่านไม่ใช่ผู้ใดทั้งนั้น
ถึงแม้เขาจะปฏิบัติต่อนางไม่เหมือนเมื่ออดีตชาติ แต่เฉินตันจูไม่เสียใจ เพียงแค่เขามีชีวิตอยู่ดี ไม่ลำบาก สำเร็จลุล่วงในสิ่งที่คิด มีความสุข ไร้ซึ่งความกังวล…เขาจะมองนางอย่างไร ไม่สำคัญ
เฉินตันจูยิ้มอย่างอ่อนโยน “ข้ากินอิ่มแล้ว คุณชายกินช้าๆ ยากินอย่างไร ข้าเขียนไว้แล้ว ให้อาเถียนส่งมาให้เจ้า”
จางเหยาตอบรับ ลุกขึ้นยืนส่ง มองหญิงสาวเดินจากไปอย่างสง่างามพร้อมสาวรับใช้
เขายืนอยู่ด้านนอกรั้ว สีหน้าฉงน ขมวดคิ้วครุ่นคิด การกระทำของคุณหนูตันจูที่มีต่อเขาแปลกประหลาด แต่ท่าทางของนางกลับเปิดเผย หากสนทนากัน ยิ้มก่อนพูด แต่ละคำมีความพอดี ไม่บีบบังคับคน…หรือว่าคุณหนูเฉินตันจูอันที่จริงไม่ได้โหดเหี้ยม รังแกผู้อ่อนแอ เกรงกลัวผู้แข็งแกร่งเหมือนดั่งคำร่ำลือ หากแต่เป็นผู้ที่มีจิตใจเมตตาดุจพระโพธิสัตว์ เมื่อนางเดินผ่านริมแม่น้ำ เห็นคุณชายผู้โดดเดี่ยว รูปลักษณ์ไม่ธรรมดากระแอมไอไม่หยุด เกิดความสงสารภายในใจ จึงต้องการรักษาโรคให้เขา ให้เสื้อผ้าใหม่แก่เขา ดูแลกินดื่มอย่างดี หวังเพียงเพื่อช่วยชีวิตคน…
จางเหยายืนครุ่นคิดอยู่ด้านนอกรั้ว เมื่อเห็นมีคนในหมู่บ้านเดินมา คิดว่าคนด้านนอกไม่รู้จักเฉินตันจูจึงเข้าใจผิด แต่คนในหมู่บ้านเหล่านี้อยู่ภายใต้ภูเขาดอกท้อ คุ้นเคยเป็นอย่างดี…
“พี่น้องท่านนี้” จางเหยากวักมือเรียก “ท่านกินข้าวแล้วหรือไม่ ก่อนหน้านี้คุณหนูตันจูเดินทางมา ให้…”
เขายังพูดไม่ทันจบ ชาวบ้านที่เดินเข้าใกล้ได้ยินชื่อของคุณหนูตันจู สีหน้าเปลี่ยนไปราวกับเห็นผี เขาหันหลังวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว ทำให้สุนัขและไก่ที่อยู่ในเรือนทั้งสองฝั่งทั้งเห่าทั้งบินหนี
เอาเถิด เขาคิดมากไป จางเหยากระแอมไอทีหนึ่ง