องค์หญิงฉังผิงมองหน้าท้องของนาง แม้ยังมองอันใดไม่ออกแต่อย่างไรอายุครรภ์ก็สี่เดือนแล้ว ถอนหายใจออกมา “ไม่รู้ว่าจวินเอ๋อร์จะได้กลับมาเมื่อใด อย่าได้รอจนลูกคลอดแล้วจึงกลับมาเดี๋ยวหลานจะไม่รู้จักเขา”
หนานกงมั่วยิ้ม เอ่ย “เสด็จแม่ไม่ต้องกังวลเพคะ อีกสองเดือนพวกเขาคงจะกลับมาแล้ว” ทุกๆ ปีทำสงครามหลายเดือน พวกเขาทนได้ แต่เป่ยหยวนไม่แน่ว่าจะทนได้
องค์หญิงฉังผิงส่ายศีรษะ “ข้าไม่สนใจเขาหรอก ลำบากแต่เจ้าและลูก” อู๋สยาตั้งครรภ์แล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบบุตรชายไม่ได้มาดูเลยสักนิด แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่ทำอันใดไม่ได้เมื่อครั้งที่นางตั้งท้องเองก็ไม่ได้เห็นหน้ากว่าหลายเดือน
“องค์หญิง จวิ้นจู่ ผู้ดูแลจวนเยี่ยนอ๋องขอเข้าพบเจ้าค่ะ” ด้านนอก เสียงสาวใช้รีบเข้ามารายงานดังขึ้น
องค์หญิงฉังผิงรู้สึกแปลกใจขึ้นมาเล็กน้อย เลิกคิ้วเอ่ย “จวนเยี่ยนอ๋องหรือ เวลานี้คนจวนเยี่ยนอ๋องมาทำอันใดกัน” อากาศวันนี้ไม่ดีนัก ด้านนอกลมพัดแรง ลมเย็นพัดปะทะใบหน้าอาจเจ็บได้
สาวใช้ส่ายหน้าไม่รู้ องค์หญิงฉังผิงจึงพยักหน้า เอ่ย “ให้เขาเข้ามา”
ไม่นาน ผู้ดูแลจวนเยี่ยนอ๋องก็เดินเข้ามา รีบหันไปแสดงความเคารพต่อองค์หญิงฉังผิงและหนานกงมั่ว พร้อมเอ่ย “ทูลองค์หญิง ท่านอ๋องเชิญจวิ้นจู่ไปที่จวนสักหน่อยพ่ะย่ะค่ะ”
“ว่าอันใดนะ ไม่ได้” องค์หญิงฉังผิงย่นคิ้ว เอ่ยเสียงหนัก “อากาศหนาวเพียงนี้ เกิดอู๋สยาตากอากาศหนาวจะทำเช่นไร ก่อนหน้านี้พี่สามป่วยหรือไม่อยู่จวนก็แล้วไป ยามนี้มีเรื่องใดพี่สามไม่อาจจัดการได้ด้วยตนเองเล่า” ลูกสะใภ้ของข้าเป็นผู้ดูแลจวนเยี่ยนอ๋องหรืออย่างไร องค์หญิงฉังผิงไม่พอใจต่อพี่สามของตนที่คอยบงการลูกสะใภ้ สตรีตั้งครรภ์ยังกล้ามาบงการ คนของพี่สามใช้การไม่ได้หรืออย่างไร
ผู้ดูแลลำบากใจ เอ่ยว่า “องค์หญิงอย่าทรงโกรธ ท่านอ๋องเรียกตัวกะทันหัน เกรงว่าคงมีเรื่องเร่งรีบจริงๆ ขอรับ ท่านอ๋องเองก้รู้ว่าตอนนี้จวิ้นจู่ไม่สะดวกนัก จึงสั่งให้กระหม่อมนำเกี้ยวมาด้วย ในเกี้ยวมีไฟ จวิ้นจู่ไม่หนาวแน่นอนขอรับ”
องค์หญิงฉังผิงกลอกตาอย่างอดไม่ได้ คิดว่าจวนของนางไม่มีเกี้ยวหรืออย่างไร
ผู้ดูแลเองก็มิได้ตอบโต้อันใด เพียงหันไปส่งสายตาขอร้องหนานกงมั่ว หนานกงมั่วเอ่ยถาม “ผู้ดูแล รู้หรือไม่ว่าเสด็จลุงมีเรื่องอันใด”
ผู้ดูแลยิ้มขมขื่น “ข้าน้อยเพียงมาถ่ายทอดวาจาของท่านอ๋อง ไหนเลยจะรู้เรื่องเหล่านี้ จวิ้นจู่ได้โปรดอภัยด้วยขอรับ”
หนานกงมั่วก้มหน้าลงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ช่วงนี้ก็ไม่พบว่าจะมีเรื่องอันใดที่ทำให้เยี่ยนอ๋องเรียกนางไปพบได้ หรือว่าเป็นเรื่องที่เขตชายแดนหรือ แต่หากเป็นเรื่องด่วนที่เขตชายแดนจริงๆ นางในตอนนี้ก็คงช่วยอันใดไม่ได้ ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ หนานกงมั่วจึงเอ่ย “เสด็จแม่ หม่อมฉันจะไปดูสักหน่อย ไม่แน่เสด็จลุงอาจมีเรื่องก็เป็นได้เพคะ”
องค์หญิงฉังผิงส่งเสียงหยัน เอ่ย “เจ้าช่างว่าง่ายนัก เกิดเขาผลักงานมาให้เจ้าจนเหนื่อยเกินไปจะทำเช่นไร”
ผู้ดูแลรีบยิ้มเข้าสู้ เอ่ย “องค์หญิงวางใจเป็นพอ คุณชายของจวิ้นจู่อย่างไรก็ต้องเรียกท่านอ๋องว่าเสด็จปู่เช่นกันมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องจะไม่ถนอมหลานได้อย่างไร มิกล้าให้จวิ้นจู่เหนื่อยเกินไปอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
หนานกงมั่วยิ้มหวาน เอ่ย “เสด็จแม่วางใจ หม่อมฉันไปเพียงชั่วครู่เดี๋ยวก็กลับมาเพคะ”
องค์หญิงฉังผิงทำอันใดไม่ได้ ทำได้เพียงสวมเสื้อผ้าให้หนานกงมั่วหนาๆ กวาดตามองตรวจดูอีกรอบก่อนที่จะปล่อยนางออกไป
หนานกงมั่วกระตุกมุมปากอย่างอดไม่ได้ แม้ศิษย์พี่บอกว่าช่วงนี้ไม่ให้นางใช้กำลังภายใน แต่ความสามารถในการต้านความหนาวของนางก็ยังดีกว่าสตรีทั่วไปอยู่มาก สวมมากมายเพียงนี้…ร้อนจริงๆ
เมื่อหนานกงมั่วเดินเข้าไปในห้องหนังสือจวนเยี่ยนอ๋อง ภายในห้องหนังสือพลันมีคนมากมาย ไม่เพียงหนานกงมั่วที่มองทุกคนด้วยความตกใจ คนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ในห้องหนังสือเองก็ตกใจกับสตรีสวมชุดหนาๆ ที่เพิ่งก้าวเข้ามาด้วยเช่นกัน หันหน้ากลับไปมองเยี่ยนอ๋องโดยพร้อมเพรียงกัน
เยี่ยนอ๋องกลับทำราวกับไม่เห็นอากัปกิริยาของทุกคน นั่งพิงหลังกับพนักเก้าอี้สีหน้าตึงเครียดไม่รู้กำลังคิดอันใดอยู่ หนานกงมั่วกวาดตามองเข้าไปด้านใน นอกจากคนที่ออกรบอยู่ที่เขตชายแดนและคนที่เยี่ยนอ๋องสั่งสังหารทั้งตระกูลแล้ว คนสนิทของเยี่ยนอ๋องเรียกได้ว่าทุกคนต่างก็อยู่ตรงนี้ หนานกงมั่วเองนับว่าเคยดูแลจวนเยี่ยนอ๋องอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง เคยพูดคุยกับคนเหล่านี้อยู่บ้าง พยักหน้าให้ทุกคนด้วยรอยยิ้ม เดินเข้าไปถวายพระพร “ถวายพระพรเสด็จลุงเพคะ”
เยี่ยนอ๋องเงยหน้าขึ้นมา “อู๋สยามาแล้วหรือ ลำบากเจ้าต้องมาที่นี่แล้ว มานั่งก่อนเถิด”
ตรงหน้าที่นั่งข้างเซียวเชียนชื่อนั้นว่างเอาไว้หนึ่งที่ เห็นชัดว่าเตรียมเอาไว้ให้หนานกงมั่ว เซียวเชียนชื่อหันมายิ้มให้นาง บอกใบ้ให้นางรีบมานั่ง หนานกงมั่วเอ่ยขอบคุณเยี่ยนอ๋อง เดินไปนั่งลงด้านข้างเซียวเชียนชื่อ แม้หนานกงมั่วจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น ทว่าเมื่อพินิจมองจากสีหน้าผู้คนที่นั่งอยู่ในห้องนี้พลันรู้แล้วว่าไม่ใช่เรื่องเล็กเป็นแน่
เยี่ยนอ๋องยื่นจดหมายในมือส่งให้องครักษ์ด้านข้าง เอ่ยกับหนานกงมั่ว “เจ้าลองอ่านดูก่อนเถิด”
หนานกงมั่วรับมาอ่าน หัวใจพลันหนักอึ้ง ในที่สุดเซียวเชียนเยี่ยก็ตัดสินใจลงมือกับผู้ปกครองเมืองแล้ว ความจริงการลดอำนาจผู้ปกครองเมืองสำหรับฮ่องเต้แล้วไม่มีอันใดไม่ถูกต้อง การเป็นฮ่องเต้ใครอยากให้ผู้ปกครองเมืองมาคุกคามอำนาจในมือของตน ไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นผู้ใดก็เหมือนกันทั้งนั้น ตอนนี้พวกเขาไม่อาจคิดทบทวนปัญหาในจุดยืนของเซียวเชียนเยี่ย จวนเยี่ยนอ๋องตอนนี้เป็นผู้ปกครองเมืองที่กำลังจะถูก ‘ลดอำนาจ’ ต่อให้เอ่ยเพียงหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่ว อย่างไรก็อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับจุดยืนของเซียวเชียนเยี่ย
เยี่ยนอ๋องหรือผู้ใต้บัญชาจวนเยี่ยนอ๋องแน่นอนว่าไม่อาจรับผลลัพธ์นี้ได้ เยี่ยนอ๋องวางกลยุทธมาตลอดยี่สิบกว่าปี เหล่าขุนนางใต้บังคับบัญชาแน่นอนว่าซื่อสัตย์ต่อเยี่ยนอ๋องมากกว่าฮ่องเต้ ยิ่งไปกว่านั้น หากเยี่ยนอ๋องถูกลดอำนาจ พวกเขาจะมีผลดีได้อย่างไร
แต่ว่าตอนนี้ หากเซียวเชียนเยี่ยคิดจะลงมือกับจวนเยี่ยนอ๋อง สถานการณ์ก็ไม่ดีกับจวนเยี่ยนอ๋องเช่นกัน กองทัพทหารนับแสนกำลังทำสงครามอยู่เขตชายแดน ไม่อาจเรียกมากะทันหันได้ เพียงแต่โอกาสที่เซียวเชียนเยี่ยจะลดอำนาจของเยี่ยนอ๋องก่อนใครนั้นมีน้อย อย่างไรเยี่ยนอ๋องยังทำสงครามอยู่กับเป่ยหยวนหากเซียวเชียนเยี่ยจะวางเพลิงเรือนหลังชื่อเสียงที่ถูกกระจายออกไปก็คงไม่ดีนัก หากปล่อยให้พวกเป่ยหยวนใช้โอกาสนี้บุกเข้ามา เช่นนั้นคงฉาวไปอีกหมื่นปี เมื่อคิดได้ดังนั้น หนานกงมั่วเองก็ไม่ได้ร้อนใจแต่อย่างใด
เยี่ยนอ๋องมองลงมายังทุกคน เอ่ยเสียงเข้ม “ฝ่าบาทมีราชโองการให้ลดอำนาจของผู้ปกครองเมือง ทุกคนมีความเห็นเช่นไร”
ทุกคนเงียบ จะบอกว่าให้ทำตามราชโองการไม่ได้อย่างแน่นอน แต่ใครจะกล้าเอ่ยต่อต้านเล่า ไม่ว่าโทษหรือรางวัลล้วนเรียกว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณ คิดจะต่อต้านเพราะฝ่าบาทลดอำนาจหรือ เช่นนั้นก็เป็นขุนนางใจกบฏแล้ว
อย่างไรจวนเยี่ยนอ๋องก็เป็นเพียงจวนผู้ปกครองเมือง เห็นชัดว่าขุนนางและขุนพลที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเยี่ยนอ๋องผู้เป็นชินอ๋องนั้นดูจะไม่สมดุลนัก ขุนพลไม่น้อย อีกทั้งแต่ละคนยังเก่งกาจ ขุนนาง…เห็นชัดว่าไม่เพียงพอ อย่างไรปัญญาชนที่อยู่ในมือเยี่ยนอ๋องคงมีเพียงผู้ดูแลจวนเยี่ยนอ๋องแล้ว หน้าที่การปกครองต่างๆ มีผู้ว่าการโยวโจวและหยาเหมินต่างๆ ทำหน้าที่รับผิดชอบ เจ้าเป็นเพียงผู้ปกครองเมืองจะมีคนมากความสามารถล้อมรอบกายมากมายคิดจะทำอันใด หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ เยี่ยนอ๋องไม่ต้องรอให้เซียวเชียนเยี่ยมาสืบทอดบัลลังก์ เขาคงถูกบิดาจัดการกับเขาก่อนแล้ว
ตอนนี้เยี่ยนอ๋องคิดอย่างไรหนานกงมั่วไม่กล้ารับรอง แต่เมื่ออดีตฮ่องเต้ยังอยู่บนบัลลังก์เยี่ยนอ๋องไม่มีความคิดในสิ่งที่ไม่สมควรอย่างแน่นอน ดังนั้นตอนนี้…ที่ปรึกษาของจวนเยี่ยนอ๋องที่ให้คำปรึกษานั้นยังขาดแคลน มิน่าเล่าเยี่ยนอ๋อ’ถึงได้ ‘ยักคิ้วหลิ่วตา’ กันกับไต้ซือเนี่ยนหย่วนคนจากแดนไกล