จางเหนียงจื่อหัวเราะ “ลู่เหนียงจื่อกับเซี่ยซิ่วไฉเป็นคนฉลาด พวกเจ้าไม่ได้โง่เง่าเหมือนรองนายอำเภอหยางกับเผิงจู่ปู้ ขอเพียงพวกเจ้าต้องการ ย่อมไม่ตกอยู่ในน้ำมือผู้อื่นอย่างเด็ดขาด”
ลู่เจียวหรี่ตามองจางปี้เยียน กล่าวน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ข้าจะไม่ทำเรื่องที่ทำร้ายชาวบ้านอย่างเด็ดขาด ดังนั้นเจ้าอย่าแม้แต่จะคิด”
นางกล่าวจบก็หันหลังจากไป
สีหน้าจางปี้เยียนย่ำแย่อย่างที่สุด นางเห็นลู่เจียวกำลังจะออกจากประตูไปก็ตวาดน้ำเสียงเยียบเย็นว่า “หยุดนะ”
ลู่เจียวชะงักฝีเท้าหันกลับมามองนาง เฝิงจือกับหร่วนจู๋เข้ามาประกบพร้อมปกป้องนาง
จางปี้เยียนก้าวเข้ามายืนตรงหน้าลู่เจียว กล่าวน้ำเสียงเข้มดุดันว่า “ลู่เหนียงจื่อ การดำรงตนนั้น จะให้ดีที่สุดก็ต้องเหลือทางให้ตนเองบ้าง อย่าได้ปล่อยให้ตนเองเดินไปสู่หนทางแห่งความตาย”
ลู่เจียวยิ้มมองจางปี้เยียน “จางเหนียงจื่อนี่น่าสนใจจริง ข้าไม่ร่วมวงแปดเปื้อนกับพวกเจ้าก็คือการไม่เหลือทางให้ตนเองงั้นหรือ”
ลู่เจียวกล่าวจบ ก็พลันมีสีหน้าเคร่งขรึม “เกิดเป็นคน ข้าก็ต้องดำรงตนเป็นคน ไม่อาจเป็นเดรัจฉานที่ทำร้ายชาวบ้าน ไม่สนใจความเป็นความตายของชาวบ้านได้”
นางกล่าวจบก็ผลักจางปี้เยียนออกพร้อมกับหันหลังเดินออกไปทันที
เฝิงจือกับหร่วนจู๋เดินตามลู่เจียวออกมา
จางปี้เยียนคิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ลู่เจียวถึงกับไม่ไว้หน้านางเช่นนี้ ยังด่านางต่อหน้าว่าเดรัจฉาน
ในฐานะคุณหนูใหญ่ตระกูลจาง แต่ไรมาจางปี้เยียนไม่เคยโดนเยาะเช่นนี้มาก่อน คิดถึงว่าระยะนี้นางต้องทนมามากมายเพียงใด เพียงเพื่อต้องการดึงลู่เจียวมาเป็นพวก นางก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว พลันปัดของข้างกายล้มระเนระนาด
ผู้ดูแลร้านไม่กล้าส่งเสียง จางปี้เยียนกวาดของระเนระนาดหมดแล้ว อารมณ์ก็ดีขึ้นมาเล็กน้อย นางจึงได้หัวเราะเย็นเยียบสบถออกมาว่า “ก็แค่หญิงบ้านนอกคนหนึ่ง นังคนไม่รู้จักดี รอให้สามีเจ้าทอดทิ้งเจ้าก่อนเถอะ ข้าจะดูซิว่าเจ้ายังจะเย่อหยิ่งอะไรได้อีก”
ลู่เจียวพาเฝิงจือกับหร่วนจู๋เดินออกมา ก็กล่าวกับคนงานหอยาเป่าเหอว่า “รบกวนช่วยกล่าวขอบคุณเจ้าของร้านพวกเจ้าหน่อย แต่ร้านนี้ข้าไม่อาจรับไว้ได้ ไว้ค่อยหาใหม่ก็แล้วกัน”
ลู่เจียวกล่าวจบก็หันหลังขึ้นรถม้า เฝิงจือกับหร่วนจู๋ตามขึ้นรถม้าตระกูลเซี่ย คนงานหอยาเป่าเหอกลับไปหอยาเป่าเหอรายงานเรื่องนี้กับจ้าวหลิงเฟิง
จ้าวหลิงเฟิงพอได้ฟัง ก็รู้ว่าตระกูลจางต้องการซื้อใจลู่เจียว แต่ถูกลู่เจียวปฏิเสธ
จ้าวหลิงเฟิงเลื่อมใสความเด็ดขาดนี้ของลู่เจียวมาก แต่พอคิดถึงว่าลู่เจียวล่วงเกินจางปี้เยียนคุณหนูใหญ่ตระกูลจาง วันหน้าเกรงว่านางคงต้องระวังตัวสักหน่อย แต่ตระกูลจางก็ไม่กล้าลงมือกับลู่เจียวเปิดเผย อย่างมากก็แอบวางแผนทำร้ายลับหลังเท่านั้น
ไว้เขาต้องเตือนลู่เจียวสักหน่อยแล้ว แต่พอคิดถึงความสามารถลู่เจียว เกรงว่านางน่าจะรู้นานแล้ว
ยามนี้บนรถม้าตระกูลเซี่ย เฝิงจือเองก็กำลังพูดเรื่องนี้กับลู่เจียวอย่างเป็นห่วง
“เหนียงจื่อ คุณหนูใหญ่ตระกูลจางย่อมต้องเกลียดชังท่านอย่างแน่นอน วันหน้าท่านต้องระวังตัวสักหน่อย”
หร่วนจู๋ยิ้มตาหยีชูมือขึ้น “ไม่กลัว หากนางกล้าทำร้ายเหนียงจื่อ ดูซิว่าข้าจะฟาดนางตายอย่างไร”
ลู่เจียวยิ้มมองหร่วนจู๋ เอ่ยเตือนว่า “วันหน้าข้าไม่ได้ให้เจ้าสังหารคน เจ้าก็ห้ามฟาดผู้ใดตาย รู้ไหม”
หร่วนจู๋จิตใจใสบริสุทธิ์ และไม่ค่อยเข้าใจกฎหมาย หากนางทำคนอื่นตายโดยไร้เหตุผล ตนเองก็ย่อมต้องเคราะห์ร้ายเช่นกัน
ลู่เจียวไม่อยากให้นางเสียเปรียบ
หร่วนจู๋รีบพยักหน้าอย่างว่านอนสอนง่าย “ข้าทราบแล้ว เหนียงจื่อ”
ลู่เจียวหันไปมองเป็นห่วงเฝิงจือ “ในเมื่อนางจับตาดูพวกเราหากเราไม่ยอมแปดเปื้อนไปกับนาง เกรงว่าช้าเร็วคงต้องเผชิญหน้ากัน”
เฝิงจือคิดแล้วก็รู้สึกมีเหตุผล พยักหน้ากล่าวว่า “เช่นนั้นวันหน้าพวกเราต้องระวังตัวกันสักหน่อย”
ตกค่ำ พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับมา ลู่เจียวก็เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง
สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นเย็นเยียบลงทันที กล่าวน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ตระกูลจางช่างน่ารังเกียจจริง ระยะนี้ให้ดีพวกเขาอย่าได้ทำอะไรพลการจะดีที่สุด หากพวกเราจับจุดอ่อนพวกเขาได้ ย่อมไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบคิดถึงว่าลู่เจียวปฏิเสธจางปี้เยียน เกรงว่าหญิงผู้นั้นน่าจะโกรธแค้นนาง เช่นนั้นวันหน้านางก็ต้องระวังตัวแล้ว
“วันหน้าเจ้าต้องระวังตัวหน่อย ไม่ว่าไปไหนก็ต้องพาหร่วนจู๋ไปด้วย ไม่เช่นนั้นก็ให้หร่วนไคติดตามเจ้าด้วย ข้าจึงจะวางใจได้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นห่วงไม่หยุด ลู่เจียวยิ้มพลางส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่เป็นไร แม้ตระกูลจางต้องการวางอุบายข้า ก็คงไม่กล้าลงมือเปิดเผยหรือต่อให้คิดวางอุบายลับหลัง ข้าก็ไม่กลัว”
ลู่เจียวกล่าวจบก็คิดถึงว่าจางปี้เยียนจะแก้แค้นนาง คิดไปถึงสถานการณ์อำเภอชิงเหอในตอนนี้ นายอำเภอหูเริ่มชักชวนพ่อค้าส่วนหนึ่งมาร่วมจัดตั้งสมาคมการค้าอำเภอชิงเหอ
ตอนนี้คนสี่ตระกูลใหญ่เข้าร่วมก็ไม่ดี ไม่เข้าร่วมก็ไม่ได้ เพราะหากเข้าร่วมก็ต้องลดราคาสินค้าที่พวกเขาทำให้สูงขึ้น พวกเขาทนรับเรื่องนี้ไม่ได้ แต่หากไม่ลดราคา ก็เกรงว่าจะโดนพวกนายอำเภอหูคิดบัญชีภายหลัง
ดังนั้นตอนนี้คนสี่ตระกูลใหญ่เท่ากับถูกคนจับลงย่างในกระทะร้อน ตอนนี้พวกเขาเริ่มร้อนใจ ต้องการรีบหาคนทำให้นายอำเภอหูล้มเลิกความคิดจัดตั้งสมาคมการค้าแล้ว
ดังนั้นพวกเขาย่อมคิดกล่อมเซี่ยอวิ๋นจิ่น ให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นช่วยพวกเขาล้มเลิกความคิดนี้ของนายอำเภอหู การจะดึงเซี่ยอวิ๋นจิ่นไปเป็นพวกและโจมตีนางให้สั่นคลอนได้ วิธีที่ดีที่สุดก็คือทำให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น ชอบผู้หญิงอื่นและทอดทิ้งนาง
ลู่เจียวครุ่นคิด พลันหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นสีหน้าประหลาดของนางก็อดถามอย่างห่วงใยไม่ได้ว่า “ทำไมหรือ”
ลู่เจียวยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “ข้ารู้สึกว่าตระกูลใหญ่ทั้งสี่ตอนนี้ยังคงคิดดึงเจ้าไปเป็นพวก ดึงเจ้าไปเป็นพวกและโจมตีข้าให้สั่นคลอนได้ วิธีที่ดีที่สุดก็คือ?”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเดิมก็เป็นคนฉลาด เขาคิดได้ทันที สีหน้าพลันอดเยียบเย็นลงไม่ได้ แต่พริบตาก็เงยหน้ามองไปยังลู่เจียว ถามอย่างตื่นเต้นว่า “เจียวเจียว เจ้าจะเป็นห่วงเรื่องนี้ไหม”
ความหมายของเขาก็คือหากมีผู้หญิงอื่นมาต้องตาเขา ลู่เจียวจะเป็นห่วงและหึงหวงบ้างไหม
ลู่เจียวแค่นเสียงฮึเยียบเย็นทันที “หากเจ้าไปต้องตาต้องใจผู้อื่น ก็บอกข้ามาตรงๆ ข้าจะเก็บของหลีกทางให้”
แต่กล่าวจบก็รู้สึกว่าวาจานี้ไม่ถูกต้อง จึงรีบแก้ว่า “บ้านเป็นของข้า เจ้าน่าจะต้องถูกข้าขับไล่ให้เก็บของออกไปมากกว่า”
สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นอมทุกข์ทันที ยื่นมือไปรั้งใบหน้าลู่เจียวให้หันมา พร้อมแสดงท่าทีว่า “เจียวเจียว ข้าไม่มีทางสนใจหญิงเหล่านั้น หากข้าสนใจ ก็คงไม่รอมาถึงตอนนี้ค่อยมาชอบเจ้า”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวถึงตรงนี้ก็ยังคงเห็นสีหน้านิ่งเฉยของลู่เจียว จึงแสดงท่าทีจริงจังต่ออีกว่า “หญิงเหล่านั้นก็แค่หน้าตางดงามสักหน่อยก็เท่านั้น เป็นได้แค่แจกันดอกไม้ประดับ ไหนเลยจะงดงามและมีความสามารถเหมือนเจียวเจียว จิตใจก็ดี ยังดีกับลูกๆ อีก ทั้งหมดของเจียวเจียวมีแต่ข้อดี ไม่มีข้อเสียเลยสักนิด”
ลู่เจียวถูกชมจนหน้าแดง มือไม้เก้กังไปหมด แม้ว่ารู้เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยชมเกินจริง แต่ได้ยินวาจาเหล่านี้แล้วก็ทำเอาดีใจอย่างที่สุด
นางเงยหน้ามองเซี่ยอวิ๋นจิ่นทันที “ข้ารู้สึกว่าพวกเขาต้องใช้วิธีการบางอย่างเพื่อดึงเจ้าไปเป็นพวก ข้าไปเรือนด้านหลังปรุงยาป้องกันตัวให้เจ้าสักสองสามอย่างดีกว่า”
ลู่เจียวกล่าวจบก็หันหลังจะไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบยื่นมือไปรั้งนางไว้ ถามอย่างกรุ้มกริ่มหัวใจว่า “วันนี้เจียวเจียวไม่ได้เจอข้าทั้งวัน คิดถึงข้าไหม ข้าคิดถึงเจ้ามาก”