รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 206 ขจัดความเป็นมาร ข้ากลายเป็นเซียนในวิถีธรรมะแล้ว!

บทที่ 206 ขจัดความเป็นมาร ข้ากลายเป็นเซียนในวิถีธรรมะแล้ว!

บทที่ 206 ขจัดความเป็นมาร ข้ากลายเป็นเซียนในวิถีธรรมะแล้ว!

ชิงโจว

ดินแดนเผ่าอสูรโลหิตอัสนี

รัตติกาลโรยตัวลงมา ดินแดนแห่งนี้ยิ่งดูน่ากลัวขึ้นไปอีก เมื่อลมหนาวน่าพิศวงพัดผ่าน พลันทำให้ชวนขนลุกไปทั้งตัว!

“ตระกูลหยวนบัดซบนั่น! ทำให้เผ่าเราต้องเสียเรื่อง!”

หัวหน้าเผ่าอสูรโลหิตอัสนีหัวฟัดหัวเหวี่ยง ลมปราณสยดสยองโถมทับออกมา ตาสองข้างเปล่งประกายน่ากลัว ก่อนจะบังเกิดเสียงดังตู้ม ภูเขาลูกใหญ่ไกล ๆ ลูกหนึ่งถูกระเบิดเป็นผุยผง!

ยอดฝีมือเผ่าปีศาจอื่นกลับมาส่งข่าวบอกเขาว่าแผนการล้มเหลว ยอดฝีมือเผ่าอสูรโลหิตอัสนีที่มุ่งหน้าไล่ตามดาบมารอมตะสิ้นชีพลงทั้งหมด

“ดูเหมือนว่าพวกตระกูลจักรพรรดิอย่างตระกูลหยวนจะยังไม่ได้ดาบมารอมตะไป…”

ยอดฝีมือเผ่าปีศาจตนหนึ่งกล่าว

เขามาจากเผ่ายักษา เผ่าของเขามีสถานการณ์ไม่ต่างจากเผ่าอสูรโลหิตอัสนีเท่าใด

ทั้งสองเผ่าอยู่ร่วมแนวรบเดียวกันตั้งแต่ยุคโบราณ ต่อมาก็โชคดีรอดมาได้ทั้งคู่ มีการสืบสานมาจวบจนปัจจุบัน

“เหตุใดจึงพูดเช่นนี้”

หัวหน้าเผ่าอสูรโลหิตอัสนีระงับโทสะในใจ หันไปถามยอดฝีมือเผ่ายักษา

“พวกเขายังไม่ไปจากเหยียนโจวกันเลย!”

ยอดฝีมือเผ่ายักษาบอก “ตามปกติ หลังจากพวกเขาได้ดาบมารอมตะไปแล้ว ย่อมไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นั่นต่อ แต่พวกเขามิได้ไปไหน และยังอยู่ที่เหยียนโจว”

หัวหน้าเผ่าอสูรโลหิตอัสนีหรี่ตา

ยอดฝีมือเผ่ายักษาพูดถูก

หากพวกตระกูลจักรพรรดิอย่างตระกูลหยวนได้ดาบมารจักรพรรดิไปแล้วจริง ๆ ย่อมต้องเดินทางกลับชิงโจวในทันที แล้วหาวิธีผนึกดาบมารอมตะอีกครั้ง

ทว่าตระกูลจักรพรรดิอย่างพวกตระกูลหยวนกลับมิได้เดินทางกลับ ซ้ำยังอยู่ที่เหยียนโจว บ่งบอกว่ามีเงื่อนงำอย่างไม่ต้องสงสัย หรือบางทีพวกตระกูลจักรพรรดิอย่างตระกูลหยวนยังทำไม่สำเร็จ!

“ข้าจักไปด้วยตัวเอง!”

หัวหน้าเผ่าอสูรโลหิตอัสนียิ้มเย็น ตัดสินใจเดินทางไปเหยียนโจวด้วยตัวเอง

ในเมื่อพวกตระกูลจักรพรรดิอย่างตระกูลหยวนยังทำไม่สำเร็จ เช่นนั้นก็หมายความว่าพวกเขายังมีโอกาส!

ดาบมารอมตะนั้นสำคัญยิ่งยวด เกี่ยวพันถึงอนาคตของเผ่าอสูรโลหิตอัสนีอย่างพวกเขา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องไปเสี่ยงดูสักครา!

รุ่งเช้า แสงอาทิตย์ทาบทับระยิบระยับ ราวกับเศษทองคำที่สาดส่องลงมายังพื้นดิน ประดุจคลุมอาภรณ์สีทองแก่สรรพสิ่งบนธรณี

“นอนหลับสบายจริง!”

หลี่จิ่วเต้าบิดขี้เกียจอย่างสบายตัว ก่อนจะเดินออกมาอยู่นอกห้อง ดื่มด่ำกับแสงอาทิตย์ยามเช้าอันดีงาม

บุ๋ง ๆๆ

ภายในโอ่งน้ำ เหล่าปลาน้อยปลาใหญ่แย่งกันกระโจน ราวกับต้องการเอาใจหลี่จิ่วเต้า

หลี่จิ่วเต้ามิได้ใส่ใจเท่าใด ปลาในโอ่งน้ำเป็นเช่นนี้เกือบทุกวัน แต่ละตัวเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา กระโดดโลดเต้นอยู่ในน้ำไม่หยุด

“โอ๊ะ จำผิดไปหรือเปล่านะ เมื่อวานข้าจำได้ว่าวางดาบเล่มนั้นไว้มุมนี้นี่ ไยบัดนี้จึงไปอยู่ตรงกลางลานได้”

หลี่จิ่วเต้าสับสนนิดหน่อย

ทว่าเขาไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะบางทีเขาอาจจำผิดเอง

“หลอมแล้วไปทำเป็นจอบดีกว่า!”

หลี่จิ่วเต้าเดินเข้าไปด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม ก่อนจะหยิบดาบขึ้นจากพื้น

“ท่านเซียน! โปรดฟังข้าอธิบาย ท่านปล่อยข้าไปสักครั้งเถิด!”

ดาบมารอมตะร่ำไห้ร้องบอก

อนิจจา เขาในตอนนี้นอกจากจะไม่เหลือพลังแล้ว ยังบาดเจ็บหนักกว่าก่อนหน้า ไม่ว่าตะโกนอย่างไรก็ไม่มีเสียงเปล่งออกมา

หัวใจเขาเย็นวาบ ด้วยฝีมือของท่านเซียน หนนี้เขาคง…จบเห่แล้ว!

หลี่จิ่วเต้านำดาบเล่มนี้เข้าไปในห้องปีกอีกด้าน

ภายในนี้มีอุปกรณ์ตีเหล็กอย่างเตาหลอม กล่องเป่าลม ค้อนใหญ่ คานเหล็ก คีมเหล็ก

ปกติแล้วเขาหล่อประดิษฐ์เครื่องใช้ต่าง ๆ ในห้องนี้

อุปกรณ์ตีเหล็กเหล่านี้ล้วนเป็นของรางวัลจากระบบ หลังทักษะประดิษฐ์ของเขาถึงระดับสูงสุด ใช้ถนัดมือเป็นอย่างยิ่ง

“จบแล้ว จบแล้ว!”

หลังดาบมารอมตะได้เห็นอุปกรณ์ตีเหล็กเหล่านี้ วิญญาณของเขาก็หมดอาลัยตายอยากทันที

ของทุกชิ้นในห้องนี้ล้วนสูงส่งมิมีสิ่งใดทัดเทียม มีจังหวะแห่งเต๋าอันน่าทึ่งไหลเวียน ขอบเขตสูงเกินหยั่ง!

ดาบมารอมตะกลัวแทบแย่ เมื่ออยู่เบื้องหน้ายอดศาสตราเช่นนี้ มันช่างต่ำต้อยเหลือเกิน!

หลี่จิ่วเต้าวางดาบไว้ด้านหนึ่ง ก่อนจะเริ่มก่อไฟ การตีเหล็กต้องใช้อุณหภูมิสูงมาก และจำต้องเผาไฟให้ดาบแดงก่ำ แล้วถึงเริ่มการตีได้ ตีจนกว่าจะได้ลักษณะที่เขาต้องการ

เปลวไฟลุกเป็นประกาย หลี่จิ่วเต้าใช้กล่องเป่าลมทวีความแรงของไฟ ไม่นานไฟก็ลุกโชติช่วงขึ้นมา

รอจนเปลวเพลิงรุนแรงพอแล้ว หลี่จิ่วเต้าใช้คีมเหล็กคีบดาบขึ้นมา แล้วนำดาบเข้าไปในเตา

“อย่านะ!”

ระหว่างถูกส่งเข้าไปในเตา ดาบมารอมตะต่อต้านอย่างยิ่ง เปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วงทำเขาผวา น่าเสียดาย เขาไม่เหลือกำลังแม้แต่น้อย ทั้งยังโดนคีมเหล็บคีบไว้อย่างแน่นหนา กระดิกไม่ได้เลย!

เขาถูกส่งเข้าไปในเตาหลอมแล้ว!

เปลวไฟที่กำลังแผดเผาอย่างรุนแรงน่ากลัวเป็นที่สุด เขาถูกเผาจนแดงก่ำในเสี้ยววินาที!

แม้ว่าเขาไม่เหลือพลังติดตัว แต่ลำพังความทนทานของตัวดาบ ต่อให้มีระดับจักรพรรดิรุมโจมตีเขาหลายต่อหลายคนก็ทำอะไรเขาไม่ได้!

ทว่าท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกไหม้อยู่นี้ เขาอ่อนแอจนไม่อาจต้านทานสิ่งใดได้ ทนรับการแผดเผาเช่นนี้ไม่ได้เลย!

เขาถูกเผาจนร้องจ้า วิญญาณและตัวดาบของเขาผสานเป็นหนึ่ง เปลวเพลิงที่แผดเผาตัวดาบอยู่เท่ากับแผดเผาวิญญาณเขาไปด้วย!

“ฮืออ ปล่อยข้าไปตายเถิด!”

เขาร้องโหยหวนไม่หยุด เจ็บปวดเหลือแสน ยามนี้เขารวดร้าวจนแทบมีชีวิตต่อไปไม่ไหว อยากจะตายไปเสียบัดนี้!

เผาไปได้ระยะหนึ่ง หลี่จิ่วเต้าก็นำดาบออกมา มือข้างหนึ่งของเขาหวดค้อนเหล็ก ทุบตัวดาบไม่หยุด

ดาบถูกแผดเผาจนแดงจ้าไปทั้งเล่ม เวลานี้กำลังเป็นช่วงที่ต้องตีเปลี่ยนรูปร่าง

เห็นหลี่จิ่วเต้าท่าทางสุภาพอ่อนโยนอย่างนั้น ดูเหมือนบัณฑิตผู้บอบบางอย่างนี้ ทว่ายามตีเหล็กฝีมือไม่แย่เลยทีเดียว ซ้ำยังมีกำลังวังชามหาศาล

ค้อนใหญ่หนักกว่าสองร้อยโล คนธรรมดายกแทบไม่ขึ้นด้วยซ้ำ หลี่จิ่วเต้ากลับหวดได้สบาย ๆ โดยไม่ยากเย็นแม้แต่น้อย

เมื่อครั้งฝึกฝนทักษะประดิษฐ์ หลี่จิ่วเต้าต้องทนลำบากลำบนอย่างมาก สมรรถภาพร่างกายเขาโดดเด่นกว่าผู้อื่นแน่นอน เรียกได้ว่าทะลุขีดจำกัดของปุถุชน

อนิจจา แม้นทะลุขีดจำกัดของปุถุชนแล้ว ก็ยังห่างไกลจากผู้ฝึกตนอยู่มากโข

ผู้ฝึกตนอยู่เหนือขีดจำกัดของปุถุชนไปแล้ว…

ตึง ตึง ตึง!

ค้อนแล้วค้อนเล่า แม่นยำเต็มกำลัง ตัวดาบค่อย ๆ เปลี่ยนรูปร่างไป เริ่มมองไม่เห็นเค้าความเป็นดาบแล้ว!

“ข้า… ข้ากำลังจะตายแล้ว!”

ดาบมารอมตะคร่ำครวญไม่หยุด ทุกครั้งที่ค้อนทุบลงมา วิญญาณของเขาจักได้รับบาดเจ็บสาหัส ราวกับโดนทุบจนใกล้ระเบิด!

นอกจากนี้ ที่เขาตื่นตระหนกยิ่งกว่านั้นคือ เขารู้สึกว่าคล้อยตามการทุบลงมาแต่ละที บางอย่างในตัวเขากำลังรั่วไหลหายไป!

“ข้ายังเป็นตัวข้าอยู่หรือเปล่า!?”

เขาตกใจมาก รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังวิวัฒนา พลังมุ่งร้ายในตัวเขากำลังสลายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับเขาได้กลายเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ และมีความบริสุทธิ์สูงส่งไหลเวียนอยู่ทั่วร่าง!

หลี่จิ่วเต้าทุบตีต่อไป จนเริ่มมีเค้าจอบขึ้นมา

ท้ายที่สุด เขาก็ตีเป็นจอบสำเร็จ!

“ไม่เลว”

หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้มด้วยความพอใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไปหาไม้ชั้นดีมาทำเป็นด้ามไม้จักเป็นอันเสร็จสมบูรณ์”

ด้ามไม้ก็คือท่อนไม้

ในบ้านของเขาไม่มีท่อนไม้ จึงต้องไปเลือกไม้ชั้นดีบนเนินเขาเขียวมาทำเป็นด้าม

หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็ออกจากลานเล็กโดยนำเครื่องมือตัดไม้ไปด้วย พร้อมมุ่งหน้าขึ้นเนินเขาเขียว

อีกด้านหนึ่ง ดาบมารอมตะวิวัฒนาครั้งใหญ่อย่างแท้จริง ทั้งตัวเปล่งประกายไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ ไม่เหลือพลังมุ่งร้ายแม้แต่น้อย

“นับแต่นี้ต่อไป ข้ามิใช่ดาบมารอมตะอีกแล้ว ข้าคือจอบเซียน!”

เสียงของเขาดังออกไป เปี่ยมไปด้วยความทรงธรรม ปราศจากความเป็นมาร!

ท่านเซียนลงมือขจัดความเป็นมารของเขา ชะล้างดวงวิญญาณของเขา และทำลายความชั่วร้ายทั้งปวง!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท