ตอนที่ 216 มีครอบครัวหนึ่งมาขอบคุณ
ในวันที่สองหลังจากที่หลินม่ายเข้ารับการรักษาตัวในวอร์ดทั่วไป นายกเทศมนตรีเมืองซื่อเหม่ยพร้อมด้วยผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคน นักข่าวจากสถานีโทรทัศน์ประจำจังหวัด ต่งเค่อเฉียงและเลขาธิการพรรคของหมู่บ้านหยางหลิวก็มาที่โรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมหลินม่าย
ในเวลานั้นโจวฉายอวิ๋นเพิ่งส่งอาหารกลางวันให้หลินม่าย ขณะที่ผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามา
คนหนึ่งเดินเข้ามาถามว่า “ใครคือสหายหลินม่าย?”
ต่งเค่อเฉียงเห็นหลินม่ายแล้วก็ชี้ไปที่เธอพลางพูดว่า “หล่อนนั่นไง”
ตากล้องของสถานีโทรทัศน์ประจำมณฑลเล็งกล้องไปที่หลินม่ายทันที
ส่วนนายกเทศมนตรีก้าวไปข้างหน้าจับมือหลินม่ายแล้วเขย่า
“ไอหยา สหายเสี่ยวหลิน โชคดีมากที่คุณซื้อกระสอบทรายสนับสนุนหมู่บ้านอวี้ไต้และหมู่บ้านหยางหลิวในการต่อสู้กับน้ำท่วม ไม่อย่างนั้นก็ไม่อยากคิดถึงผลที่ตามมาเลย คุณคือวีรสตรีผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ!”
หลินม่ายพูดอย่างถ่อมตัว “ที่ไหนกันล่ะคะ”
ตงเค่อเฉียงถามด้วยความสงสัย “ทำไมคุณถึงเข้าโรงพยาบาลล่ะ?”
แม้โจวฉายอวิ๋นจะไม่ค่อยเห็นโลก และไม่ได้กล้าหาญมากนัก แต่หล่อนก็มีความสามารถมากในช่วงเวลาวิกฤต
หล่อนรีบพูดอย่างกล้าหาญ “หลังช่วยพวกคุณต่อสู้กับน้ำท่วมและป้องกันภัยพิบัติ หล่อนบังเอิญติดเชื้อในกระแสเลือดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดเลยต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และเมื่อสองวันก่อนนี้ม่ายจื่อก็ต้องรับการรักษาในห้องผู้ป่วยหนักน่ะค่ะ!”
เมื่อนายกเทศมนตรีได้ยินเช่นนี้ เขาก็จับมือของหลินม่ายอีกครั้ง และเกือบจะโยนเธอขึ้น
“สหายที่ดี คุณเป็นสหายที่ดีจริงๆ!”
นายกเทศมนตรีชื่นชมมาก และตบหน้าอกของเขาเพื่อสัญญาว่า “เราจะไม่ปล่อยให้วีรสตรีต้องลำบากยากเข็ญ เราจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้!”
หลินม่ายไม่ปฏิเสธแต่กล่าวรับอย่างถ่อมตัว
หลังจากนายกเทศมนตรีได้กล่าวแสดงความเสียใจด้วยวาจาเสร็จสิ้น เขาก็ได้มอบใบรับรองวีรสตรีด้านต่อต้านอุทกภัยให้กับหลินม่ายและเงินพิเศษห้าร้อยหยวน
แค่เธอไม่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง ไม่ว่าจะได้เงินพิเศษนี้หรือไม่เธอก็ไม่สนใจ
หลินม่ายบริจาคเงินห้าร้อยหยวนให้กับหมู่บ้านอวี้ไต้และหมู่บ้านหยางหลิวต่อหน้านักข่าวสถานีโทรทัศน์ประจำมณฑล
แม้จะเผชิญกับภัยพิบัติอย่างฉิวเฉียด แต่ทั้งสองหมู่บ้านก็รอดมาได้
อย่างไรก็ตามผลผลิตการเกษตรของสองหมู่บ้านก็ถูกน้ำท่วมเสียหายทั้งหมด ทำให้เกษตรกรได้รับความเสียหายอย่างหนัก
หลินม่ายบริจาคเงินพิเศษเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในสองหมู่บ้านที่ประสบปัญหา
นายกเทศมนตรีกล่าวชมเชยอีกครั้ง
ต่งเค่อเฉียงและเลขาธิการพรรคแห่งหมู่บ้านหยางหลิวต้องการจ่ายเงินค่ากระสอบทรายให้หลินม่าย
เธอช่วยเหลือพวกเขาในยามวิกฤต พวกเขาไม่สามารถปล่อยให้เธอทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจได้
แต่หลินม่ายไม่รับ
เธอซื้อกระสอบทรายเหล่านั้นด้วยเงินเพียงหนึ่งหรือสองร้อยหยวน ซึ่งตอนนี้ไม่มีค่าอะไรสำหรับเธอแล้ว
จะดีกว่าไหมหากต้องเสียเงินหนึ่งหรือสองร้อยหยวนเพื่อให้ได้ชื่อเสียงที่ดี
วันรุ่งขึ้น วีรกรรมของหลินม่ายก็ได้ลงพาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น
หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นกล่าวถึงวีรกรรมของเธอว่า “สู้ตายไม่เสียดายชีพ ราวกับเป็นสายเลือดซวนหยวน”
ทันใดนั้นเสียงแซ่ซ้องต่างๆ ก็มาจากทุกทิศทุกทาง
เป็นต้นว่า หลินม่ายผู้มีเลือดนักสู้
ฟางจั๋วหรานเห็นข่าวนี้แล้วก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกปากเล็กน้อย จ้องมองรูปผู้หญิงตัวเล็กๆ ในหนังสือพิมพ์เป็นเวลานาน
ยิ่งอ่านก็ยิ่งดูดี และยิ่งชอบ ในที่สุดก็เก็บหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นไว้
หลังจากเป็นแบบนี้อยู่สองสามวัน หลินม่ายก็ออกจากโรงพยาบาลในที่สุด
ฝนยังคงตกอยู่ ตั้งแผงขายของไม่ได้ หลินม่ายจึงวางแผนที่จะพักผ่อนที่บ้านอีกสองวัน
วันมะรืนนี้เป็นวันสุดท้ายของเดือนมิถุนายน
หลังจากเข้าร่วมการสอบประจำเดือนของโรงเรียน เธอไปโรงพยาบาลประชาชนที่เธอเกิดเพื่อตรวจสอบว่าเธอเป็นลูกสาวของซุนกุ้ยเซียงและคู่สมรสหรือไม่
เธอหวังว่าจะพบข้อพิสูจน์ว่าตนไม่ใช่ลูกสาวของพวกเขา
ไม่เพียงเพื่อตัดขาดจากพวกเขาให้หมดสิ้นเท่านั้น แต่เพื่อหาคำอธิบายสำหรับชีวิตที่น่าสังเวชของเธอด้วย
หากซุนกุ้ยเซียงและคู่สมรสไม่ใช่พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอ ไม่ว่าพวกเขาจะเลวร้ายกับเธอแค่ไหน เธอก็จะยอมรับ
ท้ายที่สุด หากไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ก็คงจะดีหากพวกเขายินดีรับเธอเข้ามา แล้วพวกเขาจะปฏิบัติดีกับเธอทำไม?
แต่ถ้าเป็นพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอ เธอคงรับไม่ได้จริงๆที่พวกเขาโหดร้ายกับเธอมาก
หลังจากออกจากโรงพยาบาลและกลับบ้าน หลินม่ายก็เร่งทำข้อสอบแข่งกับเวลา
เธอไม่ได้ทำข้อสอบมาหลายวันแล้ว และมีงานค้างเยอะมาก
ก่อนทำข้อสอบเสร็จ โจวฉายอวิ๋นก็พาฟางเว่ยตั่งกับภรรยาและฟางถิงขึ้นไปชั้นบน
และถือโอกาสอุ้มโต้วโต้วซึ่งกำลังวาดรูปอยู่ข้างๆ ลงไปชั้นล่าง เพื่อให้พวกเขาคุยกันได้สะดวก
หลินม่ายเก็บเอกสารการทดสอบทั้งหมดอย่างรวดเร็ว เธอไม่ต้องการให้หยางรั่วหลานเห็นและถามคำถาม โดยไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากขี้เกียจตอบ
หลินม่ายลุกขึ้นพลางเชิญให้พวกเขานั่งลง และถามตามมารยาท “ฟางถิงไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?”
ฟางถิงไม่มีท่าทางหยิ่งผยองเหมือนเมื่อก่อนแล้ว หล่อนหน้าแดง “ไม่เป็นไรแล้ว ขอบคุณเธอมากนะ ขอบคุณจริงๆ!”
หลินม่ายโบกมือและพูดอย่างเป็นทางการ “ด้วยความยินดี ตราบใดที่เธอแก้ไขข้อผิดพลาดได้ ในอนาคตเธอจงมีชีวิตอยู่เพื่อคุณลุงฟางกับคุณป้าฟางซะนะ”
ครอบครัวสามคนของฟางเว่ยตั่งไม่ได้มามือเปล่า พวกเขามาพร้อมกับสิ่งของต่างๆ ในถุงเล็กถุงใหญ่กองพะเนินอยู่บนโต๊ะกาแฟราวกับเนินเขา
หยางรั่วหลานยิ้มให้เธอและพูดว่า “ทันทีที่ถิงถิงได้รับการปล่อยตัว เราควรจะมาขอบคุณเธอ แต่ตอนนั้นเธออยู่ในโรงพยาบาล แถมยังมีบรรดาผู้นำแสดงความเสียใจกับเธอ หรือไม่ก็นักข่าวสัมภาษณ์เธออยู่ ดังนั้นจึงไม่สะดวกที่เราจะไป นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันเพิ่งมาวันนี้ และฉันหวังว่าเธอจะไม่ตำหนิฉัน”
หลินม่ายเห็นแล้วก็เอ่ยอย่างไม่ถือสา “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรค่ะ”
หยางรั่วหลานยิ้มและพูดว่า “สมควรแล้ว สมควรแล้ว ของขวัญเหล่านี้ไม่ใช่เครื่องบรรณาการ แต่เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ฉันหวังว่าเธอจะรับมันนะ”
หลินม่ายยอมรับของเหล่านี้ไว้หลังเอ่ยคำพูดสุภาพสองสามคำ และรออย่างตื่นเต้นเพื่อให้พวกเขาชำระเงินส่วนที่เหลืออีกหนึ่งหมื่นหยวนตามที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้
นั่นต่างหากที่เป็นประเด็นหลัก ส่วนของขวัญเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในความสนใจ
หยางรั่วหลานหยิบซองธนบัตรหนาเป็นปึกออกมาจากตัวและส่งให้หลินม่าย “มีเงินหนึ่งหมื่นหยวนอยู่ในนั้น เธอลองนับดูดีๆ นะ”
หลินม่ายนับเงินต่อหน้าพวกเขาจริงๆ
ถ้าไม่นับตอนนี้ หากพบว่าเงินขาดในภายหลังคงจับมือใครดมไม่ได้ และตัวเองก็ต้องทุกข์ใจจนพูดอะไรไม่ออก
เมื่อจำนวนเงินไม่มีปัญหา หลินม่ายจึงส่งใบเสร็จรับเงินที่หยางรั่วหลานและสามีเขียนคืนให้พวกเขา
ครอบครัวสามคนของหยางรั่วหลานแสดงความขอบคุณเป็นเวลานานก่อนที่จะจากไป
หลังครอบครัวของฟางถิงเดินออกไป โจวฉายอวิ๋นก็พาโต้วโต้วขึ้นไปชั้นบน
และไปดูของขวัญจากครอบครัวของฟางเว่ยตั่ง “ฉันดูหน่อยว่าพวกเขาให้อะไรเธอบ้าง”
โต้วโต้วก็มาดูด้วย
ลำไย เห็ดหูหนูขาว นมผง นมมอลต์…
นอกจากนี้ยังมีเกาเล่อเกา*และกั่วเจิน**ซึ่งหายากในยุคนี้
โจวฉายอวิ๋นคำนวณคร่าวๆ ว่าของขวัญเหล่านี้มีค่ามากกว่าหนึ่งร้อยหยวน จากนั้นก็พูดด้วยความพึงพอใจ “ครอบครัวของฟางถิงค่อนข้างมีมโนธรรม พวกเขาซื้อของมาไม่น้อยเลย”
ความคิดของหล่อนช่างผิวเผิน หลินม่ายช่วยฟางถิงออกจากคุก ครอบครัวของพวกเขาควรขอบคุณหลินม่ายอยู่แล้ว
ถ้าหล่อนรู้ว่าครอบครัวของฟางถิงคืนเงินสองหมื่นหยวนเพื่อขอบคุณหลินม่าย หล่อนคงมีความสุขมากกว่านี้
แต่หลินม่ายไม่คิดที่จะบอกโจวฉายอวิ๋นเรื่องนี้ เพราะคิดว่าไม่จำเป็นต้องบอกให้หล่อนรู้ทุกอย่าง
หลินม่ายเริ่มแบ่งของเหล่านั้น แยกไว้ว่าอันไหนสงวนไว้สำหรับคุณปู่คุณย่าฟาง และอันไหนสำหรับโต้วโต้ว
โต้วโต้วมีความสุขมากเมื่อได้รับเกาเล่อเกาหนึ่งกระป๋องและกั่วเจินหนึ่งกระป๋อง
หล่อนยื่นนิ้วไปสะกิดต้นขาของหลินม่ายแล้วมองเธออย่างกระตือรือร้น “แม่คะ หนูอยากลองกินเกาเล่อเกากับกั่วเจิน”
หลินม่ายลูบศีรษะเล็กๆ ของหล่อน “ลองดูสิถ้าลูกไม่กลัวร้อน”
เครื่องดื่มทั้งสองชนิดนี้ต้องใช้น้ำเดือดในการชง ในวันที่อากาศร้อน การดื่มเพียงแก้วเดียวก็จะทำให้เหงื่อไหลซึมทั่วร่างกาย
โจวฉายอวิ๋นชงเกาเล่อเกาให้เด็กน้อยก่อน
กลิ่นช็อกโกแลตเข้มข้นอบอวลไปทั่วห้องนั่งเล่นเล็กๆ แม้แต่โจวฉายอวิ๋นก็ยังสูดดมและบอกว่ามันหอม นับประสาอะไรกับโต้วโต้วที่หิวจนต้องกลืนน้ำลาย
แต่เมื่อโจวฉายอวิ๋นยื่นเกาเล่อเกาที่ชงไว้ให้หล่อน หล่อนก็ไม่รีบร้อนที่จะดื่มมัน และยืนกรานที่จะให้หลินม่ายจิบก่อน
หลินม่ายไม่ชอบช็อกโกแลตและไม่อยากดื่ม แต่เธอทนคำอ้อนวอนของเด็กน้อยไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงต้องจิบสักหน่อย
เด็กน้อยให้โจวฉายอวิ๋นลองชิม
หลังจากที่โจวฉายอวิ๋นชิมมันแล้ว โต้วโต้วก็ดื่มมันอย่างมีความสุข
หลังจากดื่มเสร็จ ก็พูดกับหลินม่าย “แม่คะ เกาเล่อเกาอร่อยจริงๆ”
หลินม่ายยิ้มและพูดว่า “ถ้าเพิ่มนมผงเข้าไปมันจะอร่อยขึ้นอีก”
โจวฉายอวิ๋นชงกั่วเจินอีกแก้วให้โต้วโต้ว กลิ่นหอมของส้มสดเป็นที่พอใจมาก
หลินม่ายชอบดื่มกั่วเจินเช่นกัน เธอให้โต้วโต้วชิมก่อน แล้วเธอจึงดื่มสองสามอึก
โจวฉายอวิ๋นมองไปที่โต้วโต้วด้วยรอยยิ้มแป้นบนใบหน้า “เด็กคนนี้ช่างกตัญญูจนทำให้คนหลงรักจริงๆ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
* 高乐高 หรือ Cola Cao ชื่อเครื่องดื่มโกโก้สำเร็จรูปผสมนม มอลต์สกัด และเมล็ดโคล่ายี่ห้อดังจากสเปนในตอนนั้น
**果珍 หรือ Tang ชื่อยี่ห้อผงน้ำส้มเข้มข้นสำเร็จรูปจากอเมริกา
สารจากผู้แปล
ม่ายจื่อดังใหญ่แล้ว หลังจากนี้ก็อย่าให้ใครมารังแกวีรสตรีประจำมณฑลนะ
ไหหม่า(海馬)