เสียงกระทบกันของฉิ่ง น้ำตาลปั้นรูปเทพีสวรรค์สาดดอกไม้ หญิงสาวกำลังนั่งปิดหน้าร้องไห้อยู่ท่ามกลางชายชราขายน้ำตาลปั้นที่ถือช้อนไว้ในมือ คนเล่นกายกรรมถือฉิ่ง สีหน้าหวาดกลัวทำตัวไม่ถูก
สีหน้าของเยี่ยนเอ๋อและชุ่ยเอ๋อตกใจ อาเถียนไม่ตะลึงแม้แต่น้อย หากแต่สงสารอย่างประหลาด นางร้องไห้พร้อมกับคุณหนู
“คุณหนู” นางไม่ได้เกลี้ยกล่อม หากแต่เรียกขานด้วยเสียงสะอื้น
อาเถียนรีบพยักหน้า เร่งเร้าชายชราขายน้ำตาลปั้น ชายชราพยายามข่มมือที่สั่นเทาปั้นหญิงงามที่ลอยอยู่กลางอากาศออกมา
เฉินตันจูกินน้ำตาลปั้นพร้อมน้ำตา ชื่นชมลิงน้อยตีลังกาตลอดทั้งบ่าย
ค่ำคืนนี้ มีคนจำนวนมากถูกลิขิตให้นอนไม่หลับ วันรุ่งขึ้นในเวลาที่ฟ้าเพิ่งสว่าง อาเถียนที่ไม่ได้นอนทั้งคืนชะโงกหน้าเข้าไปในห้องของเฉินตันจู ก็เห็นเฉินตันจูนั่งอยู่ด้านหน้ากระจกแล้ว
“คุณหนู” อาเถียนรีบเดินเข้ามา “ข้าสางผมให้เจ้าค่ะ”
เฉินตันจูตอบรับ อาเถียนกำลังจะสางผม เยี่ยนเอ๋อวิ่งเข้ามาบอก “คุณหนู คุณหนูหลิวเวยมาเจ้าค่ะ”
มือที่ถือหวีของอาเถียนชะงัก ในสายตาของนาง เมื่อวานคุณหนูย่อมต้องทะเลาะกับคุณหนูหลิวเวย
อย่างแน่นอน น่าสงสารเสียจริง คุณหนูดีต่อคุณหนูหลิวเวยเช่นนี้ คุณหนูกลับมาเสียใจถึงเพียงนี้ ร้องไห้จนหัวใจของนางแทบจะสลาย
เฉินตันจูมองตนเองในกระจก สีหน้าผงะไปเล็กน้อย ถาม “นางมาคนเดียวหรือ”
เมื่อวานนางโกรธมาก โกรธจนแทบอยากจะให้ตระกูลฉางหายไป อีกทั้งยังมีหลิวจั่งกุ้ย เรื่องในอดีตชาติ ถึงแม้เขาไม่มีส่วนร่วม หากแต่รู้แล้วไม่พูด ยืนมองจางเหยาจากไปอย่างสิ้นหวัง นางไม่ชอบหลิวจั่งกุ้ยแล้ว ชาตินี้ ให้คนเหล่านั้นหายไปเถิด นางจะปกป้องจางเหยาเอง รักษาโรคของเขาให้หายดี ให้เขาไปเรียนหนังสือ ให้เขาเขียนตำรา ให้เขาโด่งดังมีชื่อเสียง…
เมื่อวานนางทิ้งไว้ประโยคเดียวพร้อมทั้งจากมาอย่างเด็ดขาด หลิวเวยย่อมต้องกลัวมาก ทั้งตระกูลฉางต้องหวาดกลัว ชื่อของเฉินตันจูแขวนไว้บนหัวของเขาอยู่ตลอดเวลา
เวลานี้หลิวเวยเดินทางมา เพราะถูกตระกูลฉางบีบบังคับหรือ หรือเป็นแพะรับบาปที่ถูกมัดมา?
เยี่ยนเอ๋อเห็นสถานการณ์ด้านนอกอาราม “คุณหนูหลิวเวยมาตัวคนเดียวเจ้าค่ะ ดูเหมือนแอบวิ่งหนีออกมา บนรองเท้าและกระโปรงต่างเปื้อนโคลน…”
ดูเหมือนเดินเท้ามา
ระยะทางจากตงเจียวถึงภูเขาดอกท้อไม่ใกล้นัก
เดินทางมาถึงตอนฟ้าสว่าง คงจะเริ่มเดินทางมาตอนกลางคืน ไม่มีรถม้า ตระกูลฉางย่อมไม่รู้อย่างแน่นอน
เด็กคนนี้…เฉินตันจูถอนหายใจ “ในเมื่อนางมาแล้วก็ให้นางเข้ามาเถิด”
เยี่ยนเอ๋อตอบรับก่อนจะวิ่งออกไป ไม่นานนักเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้น เฉินตันจูมองเห็นหลิวเวยเดินเข้ามาในห้องผ่านกระจก นางคลุมผ้ากันลม บนผ้านั้นเต็มไปด้วยดินโคลนและใบหญ้า ราวกับลากผ่านบ่อโคลนมา มองเข้าไปด้านในผ้าคลุม ด้านในสวมชุดกระโปรงที่ใส่ในจวน ราวกับลุกขึ้นจากเตียงแล้วออกจากจวนทันที
หลังจากนางเข้ามา ไม่พูดสิ่งใด ไม่กล้าเงยหน้า ยืนอยู่อย่างไร้จิตวิญญาณ
“พวกเจ้าออกไปก่อน” เฉินตันจูพูด
เยี่ยนเอ๋อและอาเถียนรีบถอยออกไป
เฉินตันจูหันมา ผมยาวถูกปล่อยลง มองหลิวเวย “ท่านต้องการพูดสิ่งใดกับข้า”
หลิวเวยเงยหน้า สีหน้าเหม่อลอย พึมพำ “ข้าไม่รู้”
เมื่อวานคนในตระกูลผลัดกันถาม ตำหนิ เกลี้ยมกล่อม พวกเขาต่างต้องการรู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น เหตุใดเฉินตันจูมาหานาง แต่จากไปอย่างโกรธเคืองอย่างกะทันหัน นางพูดสิ่งใดกับเฉินตันจูในสวนดอกไม้
นางไม่ตอบแม้แต่น้อย เพราะนางไม่รู้ต้องพูดอย่างไร
สุดท้ายนางแสร้งเป็นลม เมื่อตกดึกไร้ซึ่งผู้คน นางครุ่นคิด ครุ่นคิดถึงคำพูดนั้นของเฉินตันจู “ข้าไม่ต้องการให้ท่านเป็นคนชั่วร้าย” คำพูดนี้ นางเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ
แต่นางรู้ นางอาจนำเรื่องเดือดร้อนให้แก่ตระกูล รวมไปถึงตระกูลฉาง
นางไม่รู้ควรพูดอย่างไร ควรทำอย่างไร นางลุกขึ้นจากเตียงในตอนดึก หลบหลีกสาวรับใช้ วิ่งออกมาจากตระกูลฉาง เดินมาตลอดทั้งทาง…
นางเติบโตมาถึงเวลานี้นี่เป็นครั้งแรกที่เดินทางคนเดียว อีกทั้งยังเป็นเวลาที่ฟ้าไม่สว่าง ป่าที่อ้างว้าง ทางเล็ก นางไม่รู้ว่าตนเองเดินมาได้อย่างไร
เวลานี้นางเดินมาถึงหน้าของเฉินตันจูแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องทำอันใด
“หากเจ้าจะเกลียด ก็เกลียดข้าแค่คนเดียวเถิด” นางพึมพำ “อย่าโทษตระกูลของข้า เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะข้า ท่านพ่อของข้าหมั้นหมายให้ตอนที่ข้ากำเนิด ข้าเติบใหญ่แล้ว ข้าไม่ต้องการการหมั้นหมายนี้ คนในตระกูลรักข้า จึงต้องการถอนการหมั้นหมายนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ข้ามีความสุข ไม่ได้ต้องการทำร้ายคน”
นางพูดถึงตรงนี้ น้ำตาไหลรินลงมาบนใบหน้าซีดเผือด
นางเพียงแค่ต้องการมีความสุข ดังนั้นจึงเป็นเรื่องเลวร้ายอย่างมากหรือ
“พี่เวยเวย ท่านต้องการความสุขไม่ผิด” เฉินตันจูมองนาง “ท่านไม่ชอบการหมั้นหมายนี้ คนในตระกูลของท่านไม่ชอบการหมั้นหมายนี้ก็ไม่ผิด แต่พวกท่านทำร้ายคนไม่ได้”
หลิวเวยมองเฉินตันจู หญิงสาวผมยาวที่นั่งอยู่ตรงนั้น ใบหน้าเล็กขาวดุจดั่งหยกแกะสลัก
“พี่เวยเวย” นางพูด “คนผู้นั้น เขาไม่มีความผิด”
คำพูดของนางไม่ใช่การตำหนิ หากแต่เป็นการร้องขอ
หลิวเวยมองเฉินตันจู พึมพำ “ข้าไม่คิดทำร้ายเขา ข้าแค่ไม่ต้องการการหมั้นหมายนี้ ข้าไม่คิดทำร้ายผู้ใด”
รู้จักกันมานาน หญิงสาวนี้ไม่ใช่คนชั่วร้าย บอกได้เพียงผู้ใหญ่ในตระกูล โดยเฉพาะเหล่าฮูหยินตระกูลฉางนั้น วางตัวสูงส่ง ไม่เห็นจางเหยาเป็นคนแม้แต่น้อย…
“ในเมื่อไม่ต้องการการหมั้นหมายนี้ ก็บอกกับอีกฝ่ายให้กระจ่าง อีกฝ่ายย่อมไม่มีทางตามรังควาน” เฉินตันจูพูด “พี่เวยเวย อีกฝ่ายเป็นสหายของท่านพ่อท่าน ท่านไม่เชื่อในตัวของท่านพ่อท่านหรือ”
ท่านพ่อ หลิวเวยผงะ ท่านพ่อกำเนิดในตระกูลยากจน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับท่านยาย เขาไม่เคยรู้สึกต่ำต้อย แม้ถูกเหยียดหยามก็ไม่โกรธ อีกทั้งไม่เคยมีเจตนาประจบ
“ผู้ที่ทำให้ท่านพ่อของท่านยอมให้คำมั่นสัญญาด้วยความสุขของบุตรสาว ย่อมไม่ใช่ตระกูลไม่ดี” เฉินตันจูพูด “เขามาแล้ว พวกท่านพูดให้กระจ่าง แยกย้ายกัน หากเขารังควาน เขาก็คือคนชั่วร้าย เมื่อถึงเวลาพวกท่านตอบโต้ย่อมทำได้ แต่เวลานี้อีกฝ่ายยังไม่ได้ทำสิ่งใด พวกท่านก็คิดจะจัดการเขา คุณหนูเวยเวย การกระทำนี้ไม่ใข่การกระทำชั่วร้ายหรือ”
หลิวเวยก้มหน้าหลั่งน้ำตา “ข้าจะบอกคนในตระกูล ข้าจะห้ามพวกเขา ขอให้คุณหนูตันจู…ให้โอกาสพวกเราด้วย”
หญิงสาวสองมือปิดหน้าคุกเข่าลงบนพื้นอย่างช้าๆ
นางไม่พูดสิ่งใดกับคนในตระกูล นางไม่กล้าพูด คนในตระกูลต้องการทำร้ายจางเหยาช่างเป็นโทษที่ร้ายแรง แต่เพราะนางทำให้คนในตระกูลถูกทำร้าย นางจะทนรับได้อย่างไร
เฉินตันจูเดินขึ้นหน้าจับแขนนางเอาไว้ ความโกรธในเมื่อคืนสลายไปเมื่อเห็นหญิงสาวผู้นี้ร้องไห้อย่างเศร้าโศกและสิ้นหวัง
“พี่เวยเวย” นางพูด “ท่านตามข้ามา”
หลิวเวยเงยหน้าขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ยังไม่ทันตั้งตัว ก็ถูกเฉินตันจูดึงขึ้นมา จูงมือเดินออกไปด้านนอก
“จู๋หลิน จู๋หลิน” เฉินตันจูตะโกน “เตรียมรถ” นางหันกลับไปมองหลิวเวย “พี่เวยเวย ข้าจะพาท่านไปพบจางเหยา”
จางเหยา? สีหน้าของหลิวเวยตกตะลึง จางเหยาคือผู้ใด?
…
รถม้าเคลื่อนตัวมาจอดลงด้านนอกรั้ว จางเหยากำลังเลิกแขนเสื้อยืนหั่นผักอยู่ภายในลานสวนเสียงดัง
“จางเหยา” เฉินตันจูเปิดม่านรถขึ้น พลางลงรถพลางถาม “เจ้ากำลังทำอันใด”
จางเหยาตกใจ หญิงชราขายชาเคยเตือนเขา อย่าให้เฉินตันจูพบว่าเขาทำงานบ้าน มิฉะนั้นคุณหนูนี้จะรื้อโรงน้ำชาของนาง
“อา” เขาพูดอย่างราบเรียบ “ข้าอยากกินไก่ต้ม ไก่ในเรือนของท่านยายผอมเกินไป ข้าจะให้อาหารพวกมันก่อนนำมาต้มกิน”