ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 213 ปีใหม่(ปลาย)

ตอนที่ 213 ปีใหม่(ปลาย)

“​ให้​คุณชาย​ห้า​ช่วย​งาน​?​”​ ​สือ​อี​เหนียง​วาง​เสื้อผ้า​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​เปลี่ยน​ลง​บน​เก้าอี้​ข้างๆ​ ​นาง​มอง​ไป​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​ด้วย​สีหน้า​ที่​ตกใจ​

สวี​ลิ่ง​อี๋​พยักหน้า​ ​“​นอกจาก​จะ​ให้​ฟั่น​เหวย​กัง​และ​หวัง​ลี่​ช่วย​กวน​น้ำ​ให้​เป็น​โคลน​แล้ว​ ​ข้า​ยัง​ให้​น้อง​ห้า​บอก​สหาย​ของ​เขา​ทำให้​มัน​วุ่นวาย​อีก​สักหน่อย​”

สือ​อี​เหนียง​หัวหมุน​อย่างรวดเร็ว​

ฟั่น​เหวย​กัง​และ​หวัง​ลี่​ล้วนแต่​เป็น​ขุนนาง​คนสำคัญ​ของ​ฮ่องเต้​ ​แล้วยัง​เป็น​สหาย​คนสนิท​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ให้​พวกเขา​เขียน​ฎีกา​ถวาย​แด่​องค์​ฮ่องเต้​ ​แต่​ไม่​สามารถ​บอกลา​ยละ​เอียด​ลึก​เกินไป​ ​ไม่เช่นนั้น​ ​จะ​ทำให้​ฮ่องเต้​ทรง​คิด​ว่า​พวกเขา​นั้น​รวมหัว​กันได​้

แต่​สวี​ลิ่ง​ควน​ไม่​เหมือนกัน​ ​หนึ่ง​คือ​ ​เขา​เป็น​น้องชาย​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​สอง​คือ​ ​ถึงแม้ว่า​สหาย​ของ​เขา​จะ​เป็น​คน​มี​การศึกษา​ ​โดยส่วนมาก​นั้น​ยัง​เป็น​บุตร​ของ​ผู้ลากมากดี​ ​ให้​พวกเขา​ทำให้​เรื่อง​มัน​วุ่นวาย​มากขึ้น​ ​ใน​สายตา​ของ​คนอื่น​จะ​ได้คิด​ว่า​สวี​ลิ่ง​ควน​กำลัง​เรียกร้อง​ความยุติธรรม​ให้​กับ​พี่ชาย​ของ​ตัวเอง​ ​ทำให้​เรื่อง​นี้​แพร่กระจาย​ออก​ไป​ ​เกรง​ว่า​ผล​ที่​ได้​คงจะ​ดีกว่า​ฟั่น​เหวย​กัง​และ​หวัง​ลี่​เป็น​ร้อย​เท่า

ตอนที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ประโยค​นี้​ ​เขา​รู้สึก​ไม่สบายใจ​เป็นอย่างมาก

เมื่อก่อน​เรื่อง​ของ​ครอบครัว​เขา​เป็น​คนรับ​ผิด​ชอบ​เอง​ทั้งหมด​ ​ถึงแม้ว่า​จะ​พิจารณา​ว่า​พี่​สาม​ ​สวี​ลิ่ง​หนิง​เป็น​คนซื่อ​สัตย์​ ​น้อง​ห้า​ ​สวี​ลิ่ง​ควน​อายุ​ยังน้อย​ ​ก็​ล้วนแต่​ไม่ใช่​คนที​่​เหมาะสม​ ​แต่​สาเหตุ​ที่​สำคัญ​ก็​คือ​เขา​คิด​ว่า​ในเมื่อ​ตัวเอง​ได้รับ​ตำแหน่ง​บรรดาศักดิ์​ ​ตน​ก็​ควร​เป็น​คนรับ​ผิด​ชอบ​ดูแล​ครอบครัว​ ​ดูแล​พี่ชาย​น้องชาย​ ​ดูแล​ญาติพี่น้อง​ ​แต่​แค่​คิดไม่ถึง​ว่า​ ​เรื่องราว​ต่างๆ​ ​ไม่ได้​เป็นไปตาม​ที่​ใจหวัง​ ​ตัวเอง​รับผิดชอบ​เอง​มาก​แค่ไหน​ ​ความสัมพันธ์​ของ​พี่น้อง​ก็​ยิ่ง​ห่างเหิน​มากขึ้น​เท่านั้น​ ​ไม่ต้อง​พูดถึง​สวี​ลิ่ง​หนิง​ที่​ไม่​ทำ​อะไร​เลย​ ​สวี​ลิ่ง​ควน​ก็​เอาแต่​ก่อเรื่อง​ ​เขา​ชก​หมัด​ด้วยมือ​สอง​ข้าง​ ​ถึงแม้ว่า​จะ​ชก​ได้​อย่าง​สะใจ​ ​แต่​ใน​ค่ำคืน​ที่​เงียบสงัด​ ​โดดเดี่ยวเดียวดาย​ ​เขา​ก็​มักจะ​รู้สึก​เหนื่อยล้า​และ​สับสน

ต่อมา​ได้รับ​คำตักเตือน​จาก​สือ​อี​เหนียง​ ​เรื่อง​แรก​คือ​ ​ถือโอกาส​เรื่อง​ข้าว​รา​เปิดอก​คุย​กับ​สวี​ลิ่ง​หนิง​ ​ทำลาย​ช่องว่าง​ที่​มองไม่เห็น​และ​จับ​ไม่ได้​ระหว่าง​พวกเขา​ ​แล้วยัง​ให้​ถือเอา​สวี​ลิ่ง​ควน​มา​เป็นเพื่อน​ร่วมงาน​ที่​คอย​ช่วยเหลือ​ทุกอย่าง​ ​ใช้​กลยุทธ์​พิชิต​ใจ​เหล่า​แม่ทัพ​ที่​ไม่ยอม​เชื่อฟัง​ใน​ช่วง​ที่เ​เคว​้น​ผิง​เหมียว​เกิด​ความวุ่นวาย​ ​คำพูด​ประโยค​เดียว​นั้น​ไม่เพียงแต่​ทำให้​เขา​รู้สึก​ละอายใจ​ ​แล้วยัง​ทำให้​เขา​ยอมรับผิด​ด้วยตัวเอง​ ​เป็นครั้งแรก​ที่​เขา​ทบทวน​คำพูด​และ​การกระทำ​ที่ผ่านมา​ของ​ตัวเอง​อย่างจริงใจ

ตอนนั้น​เขา​จิตใจ​สั่น​ไหว

สวี​ลิ่ง​ควน​เปลี่ยน​จาก​คนฉลาด​หลักแหลม​กลายเป็น​บุตร​ผู้ลากมากดี​ที่​รู้จัก​แต่​เที่ยวเล่น​ ​นอกจาก​การ​สั่งสอน​ที่​ไม่​เข้มงวด​แล้ว​ ​มัน​ยัง​เกี่ยวข้อง​กับ​การ​ที่​ไท่ฮู​หยิน​เอาแต่​ตามใจเขา​แต่​ไม่เคย​ตั้งใจ​สั่งสอน​เขา​อย่างจริงจัง​ ​หาก​หา​อะไร​ให้​เขา​ทำ​บ้าง​…

ความคิด​นี้​วาบ​ขึ้น​มา​ ​เขา​จึง​คิด​ว่า​จะ​ให้​สวี​ลิ่ง​ควน​ช่วย​เขา​ทำ​อะไร​สัก​อย่าง

เขา​พูด​เช่นนี้​ ​สวี​ลิ่ง​ควน​ก็​รีบ​ตบหน้า​อก​ตอบรับ​ทันที​ ​แล้วยัง​เสนอ​วิธี​แก้ปัญหา​ ​ใน​บรรดา​สหาย​ของ​เขา​ใคร​มีนิ​สัย​ใจร้อน​ ​เหมาะสม​ที่จะ​โต้เถียง​กับ​ผู้คน​ใน​ที่สาธารณะ​ที่​มี​ฝูง​คน​เยอะ​ๆ​ ​ใคร​กลัว​ว่า​โลก​จะ​ไม่​วุ่นวาย​ ​พูดถึง​คน​นั้นแล​้​วก​็​พูดถึง​คน​นี้​ ​ทำให้​เรื่อง​มัน​วุ่นวาย​มากขึ้น​ ​ใคร​ไม่สน​ใจ​เงินทอง​ ​ใคร​ที่​ตราบใด​มีเงิน​ ​เรื่อง​อะไร​พวกเขา​ก็​เต็มใจ​ทำ​…​กลายเป็น​เรื่อง​ที่​ชัดเจน​แจ่มแจ้ง​ ​ตระเตรียม​แผนการ​ ​พูด​อย่าง​เป็นเรื่องเป็นราว

เขา​ตกใจ​ ​คิดไม่ถึง​ว่า​สวี​ลิ่ง​ควน​จะ​รู้จัก​สหาย​ของ​ตัวเอง​มาก​ขนาด​นี้

“​ในเมื่อ​เจ้า​รู้​แล้ว​ ​ทำไม​ถึง​ยัง​คบค้าสมาคม​กับ​คน​พวก​นั้น​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่​วางท่า​ที​เป็น​พี่ชาย​ ​สวี​ลิ่ง​ควน​สัมผัส​ได้​ถึง​ความเป็นมิตร​ของ​เขา​ ​เขา​จึง​ตอบกลับ​มาตรง​ๆ​ ​“​ข้า​ไม่​คบ​กับ​พวกเขา​แล้ว​จะ​ไป​คบ​กับ​ใคร​ ​แล้ว​อีก​อย่าง​ ​ทุกคน​ก็​แค่​ไปเที่ยว​เล่น​ด้วยกัน​ ​ไม่ได้​คาดหวัง​ว่า​ใคร​จะ​จริงใจ​กับ​ใคร​!​”​ ​เขา​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​ไม่สน​ใจ​ ​แต่​สายตา​กลับ​มี​ร่องรอย​ของ​การ​เยาะเย้ย​ตัวเอง​

ทันทีทันใด​นั้น​ ​เขา​ก็​พูดไม่ออก

ความรู้สึกผิด​ใน​ใจ​กลับ​ไม่​หาย​ไป​เสียที

ถือโอกาส​ตอนที่​กลับมา​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​ ​จึง​เล่า​ให้​สือ​อี​เหนียง​ฟัง​ ​“​เมื่อก่อน​ข้า​เห็น​แค่​เขา​ชอบ​ไป​สำมะเลเทเมา​กับ​สหาย​ของ​เขา​ ​ใคร​จะ​รู้​ว่า​เขา​ก็​ไม่ได้​มีความสุข​…​”

“​ตอนนี้​ท่าน​โหว​รู้​แล้วก็​ไม่​สาย​เกินไป​เจ้าค่ะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​ช่วย​เขา​เปลี่ยนเสื้อ​คลุม​สีฟ้า​ที่​ตัด​ใหม่​ ​“​แล้ว​อีก​อย่าง​คุณชาย​ห้า​ก็​รู้ความ​ลำบาก​ของ​ท่าน​โหว​ ​ความลำบาก​ของ​สกุล​สวี​ ​ต่อไป​มีคุณ​ชาย​ห้า​คอย​ช่วยเหลือ​ท่าน​ ​ท่าน​ก็​จะ​ได้​กังวลใจ​น้อยลง​เจ้าค่ะ​”

“​ช่วย​งาน​ข้า​ ​ข้า​ไม่กล้า​คิด​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ถอนหายใจ​ ​“​ข้า​แค่​หวัง​ว่า​ต่อไป​เขา​จะ​ไม่​ก่อเรื่อง​ก็​พอใจ​แล้ว​”

เขา​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​เอือมระอา

สือ​อี​เหนียง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ยิ้ม​ ​ทำท่า​ลังเล​แล้ว​พูดว่า​ ​“​หาก​เป็น​เช่นนี้​ ​ทุกคน​คงจะ​บอกว่า​คุณชาย​ห้า​เป็น​คน​บุ่มบ่าม​ ​เป็น​คน​ไม่ได้เรื่อง​ ​เรา​ควร​บอก​ท่าน​ซุน​โหว​ผู้เฒ่า​ที่​ตรอก​หง​เติง​หรือไม่​เจ้า​คะ​…​”

ถึงแม้ว่า​นาง​จะ​เคย​เจอ​กับ​ท่าน​ซุน​โหว​ผู้เฒ่า​แค่​ครั้ง​เดียว​ ​แต่​นาง​มักจะ​รู้สึก​ว่า​ ​การ​ที่​เขา​สามารถ​เลี้ยงดู​บุตรสาว​อย่างฮู​หยิน​ห้า​ได้​ ​มัน​จะ​ต้อง​ไม่​ง่ายดาย​ขนาด​นั้น​แน่ๆ

“​ไม่จำเป็น​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​ ​“​เจ้า​อย่า​เห็น​ว่า​ท่าน​ซุน​โหว​ผู้เฒ่า​ท่าที​เป็นมิตร​ ​แต่​ใน​ใจ​ของ​เขา​รู้อยู่​แล้ว​ ​เจ้า​ต้อง​รู้​ว่า​ ​ไม่รู้​ว่า​ฮ่องเต้​คน​ก่อน​เข่นฆ่า​เหล่า​ขุนนาง​ไป​ตั้ง​กี่​คน​ ​แต่กลับ​ไม่เคย​แตะต้อง​เขา​เลย​แม้แต่น้อย​”

ดูเหมือนว่า​ ​ตัวเอง​จะ​คิด​ถูก​แล้ว

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พยักหน้า​ ​ช่วย​สวี​ลิ่ง​อี๋​จัด​เสื้อผ้า​แล้ว​ตอบกลับ​ ​“​ท่าน​โหว​คิดได้​รอบคอบ​มาก​เจ้าค่ะ​ ​ข้า​ขอ​แค่​ครอบครัว​ปลอดภัย​และ​สงบสุข​ ​มีกินมีใช้​ก็​พอใจ​แล้ว​เจ้าค่ะ​”

“​ปลอดภัย​และ​สงบสุข​ ​มีกินมีใช้​…​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​หัวเราะ​ ​“​นี่​ไม่ใช่​เรื่อง​ง่ายๆ​ ​หาก​เจ้า​อยาก​จะ​สงบสุข​ ​เจ้า​ก็​ต้อง​เจริญรุ่งเรือง​อยู่​ตลอด​ ​หาก​เจ้า​อยาก​จะ​มีกินมีใช้​ ​เจ้า​ก็​ต้อง​มั่งคั่ง​อยู่​ตลอด​…​”​ ​เขา​พูด​ด้วย​ท่าที​ทอดถอนใจ

สือ​อี​เหนียง​ตกใจ

นาง​ก็​แค่​หาเรื่อง​พูด​ ​คิดไม่ถึง​ว่า​จะ​ทำให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​เช่นนี้​

ความเจริญรุ่งเรือง​ที่​เขา​พูด​หมายถึง​อำนาจ​ ​ความมั่งคั่ง​ที่​เขา​พูด​หมายถึง​เงินทอง​ใช่​หรือไม่

ลอง​คิดดู​แล้ว​ ​มัน​ก็​เป็น​เช่นนั้น​จริงๆ

ไร้​ซึ่ง​อำนาจ​ใคร​เล่า​จะ​มองเห็น​หัว​ ​ใน​สังคม​ที่​มีคำ​กล่าว​ที่ว่า​ ​‘​นายอำเภอ​ล้มละลาย​ ​แม้แต่​ขุนนาง​น้อย​ระดับ​เจ็ด​ก็​ยัง​สามารถ​หา​ข้ออ้าง​กล่าวหา​ว่า​เขา​ก่อ​กบฏ​ได้​’​ ​ไม่มี​เงินทอง​ ​ถึงแม้ว่า​จะ​เป็น​ขุนนาง​ระดับ​สาม​ใน​ราชสำนัก​ก็​อยู่​ได้​ด้วย​เงินเดือน​เหล่านั้น​ ​แต่​หาก​ไม่​โลภมาก​จะ​มีกินมีใช้​ได้​เช่นไร​ ​หาก​โลภมาก​ก็​จะ​กลายเป็น​คน​ไม่มี​ศีลธรรม​ ​ต่ำช้า​ ​ทำให้​ผู้คน​ดูถูก​เหยียดหยาม​ ​หาก​วันหนึ่ง​เกิดเรื่อง​อะไร​ขึ้น​มา​ ​ก็​จะ​ไร้​ซึ่ง​อำนาจ

ไม่รู้​ว่า​มี​คน​ตั้ง​กี่​คนที​่​ไล่ตาม​ความเจริญรุ่งเรือง​และ​ความมั่งคั่ง​ ​จะ​ว่า​ไป​แล้ว​…​พวกเขา​ก็​แค่​อยาก​จะ​มีชีวิต​ที่​สุขสบาย​ ​มั่นคง​และ​ปลอดภัย​ ​แต่​เดิน​ไป​เรื่อยๆ​ ​ก็​จะ​ลืม​ความตั้งใจ​เดิม​ ​ลืม​ลำดับความสำคัญ​ ​กลายเป็น​ทาส​ของ​ความเจริญรุ่งเรือง​และ​ความมั่งคั่ง​ ​หลงลืม​ไป​ว่าการ​ที่​ไล่ตาม​สิ่งของ​นอกกาย​พวก​นี้​เพียง​เพราะว่า​อยาก​ให้​ตัวเอง​มีชีวิต​ที่​มีความสุข​มากขึ้น​…

เช่นเดียวกับ​ตน​ ​พยายาม​ทำให้​ตัวเอง​ได้รับ​ความไว้วางใจ​จาก​ไท่ฮู​หยิน​ ​พยายาม​อยาก​จะ​เป็น​คนที​่​สวี​ลิ่ง​อี๋​รัก​และ​เคารพ​ ​แต่​เป้าหมาย​สุดท้าย​ก็​แค่​อยาก​จะ​ใช้ชีวิต​ที่​สุขสบาย​ ​แต่ก่อน​หน้า​นี้​ ​ตน​ต้อง​มีคุณ​สมบัติ​ที่สามา​รถ​มีชีวิต​ที่​สุขสบาย​เสียก่อน

คิด​เช่นนี้​ ​สถานการณ์​ของ​ตัวเอง​ก็​คล้ายคลึง​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋

สวี​ลิ่ง​อี๋​อยาก​ให้​สกุล​สวี​เป็น​สกุล​ที่​มั่งคั่ง​และ​สุขสบาย​ ​อย่าง​แรก​เขา​ต้อง​มีคุณ​สมบัติ​นั้น​ก่อน

หาก​สกุล​ใด​ไม่มี​คนที​่​มี​ความสามารถ​ ​ไม่ว่า​จะ​เป็น​ฮ่องเต้​ ​หรือ​สกุล​เหล่า​ขุนนาง​ ​ต่าง​ก็​ไม่มีใคร​มองเห็น​หัว​พวกเขา​ ​ถึงขั้น​เกิดเรื่อง​อัน​ใด​ขึ้น​ ​สกุล​นั้น​ก็​จะ​ถูก​กำจัด​ทิ้ง​เป็น​สกุล​แรก​ ​แต่​หาก​สกุล​ใด​มีท​่าน​โหว​ ​มี​ขุนนาง​ใน​ราชสำนัก​ ​ฮ่องเต้​ก็​หวาดกลัว​ว่า​พวก​นั้น​จะ​แอบ​ควบคุม​ราชสำนัก​ ​สกุล​ขุนนาง​ก็​กลัว​ว่า​หาก​มีอำนาจ​มากเกินไป​ ​ก็​จะ​มี​คน​มา​แย่งชิง​ผลประโยชน์​ของ​ตนเอง​…​ควรจะ​จัดการ​เรื่อง​นี้​เช่นไร​ ​นี่​คือ​เรื่องสำคัญ​ที่สุด​ใน​ตอนนี้​ของ​สกุล​สวี

แต่​หวัง​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​จะ​คว้า​โอกาส​นี้​เอาไว้​ ​หา​จุด​สมดุล​ให้​เจอ​ ​ทำให้​สกุล​สวี​ได้​หยัดยืน​อย่างมั่นคง​

นาง​ครุ่นคิด​ ​จากนั้น​ก็​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ข้า​ไม่​ค่อย​มีประสบการณ์​ ​ไม่​รอบรู้​เท่า​ท่าน​โหว​เจ้าค่ะ​”

“​ไม่ใช่​อย่างนั้น​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ยิ้ม​แล้ว​จัด​เสื้อผ้า​ของ​ตัวเอง​ ​“​เจ้า​เป็น​คน​อ่อนโยน​ ​ถกเถียง​กับ​คนอื่น​ไม่เก่ง​ ​จึง​ไม่เคย​คิดถึง​เรื่อง​พวก​นี้​”

สือ​อี​เหนียง​ตกใจ

นาง​แค่​คิด​ว่า​ ​เรื่อง​บาง​เรื่อง​จะ​รีบร้อน​ไม่ได้​ ​ทำไม​ถึง​ทำให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​คิด​ว่านาง​เป็น​คน​อ่อนโยน​…

สือ​อี​เหนียง​ยัง​ไม่ทัน​ได้คิด​ต่อ​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​เปลี่ยน​เรื่อง​ ​“​เรียบร้อย​แล้ว​หรือยัง​ ​หาก​เรียบร้อย​แล้วก็​ไป​ที่​เรือน​ท่าน​แม่​กัน​เถิด​”​ ​พูด​จบ​ก็​หันหลัง​เดิน​ออก​ไป

นาง​รีบ​ตอบรับ​แล้ว​เดินตาม​ออก​ไป

เห็น​ว่า​อี๋​เหนียง​ทั้ง​สาม​คน​มากั​นครบ​แล้ว​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​สวม​เสื้อคลุม​แล้ว​บอก​ให้​หู่​พั่ว​อุ้ม​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​จากนั้น​ก็​พากัน​ไป​ที่​เรือน​ของ​ไท่ฮู​หยิน

ครั้งนี้​พวกเขา​มาถึง​ก่อนเวลา​ ​ไท่ฮู​หยิน​กำลัง​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​อยู่

จุน​เกอ​รอ​อยู่​ที่​ห้องโถง​แล้ว​ ​เขา​คำนับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​สือ​อี​เหนียง​ ​แต่​สายตา​กลับ​จ้องมอง​ไป​ที่​สวี​ซื่อ​เจี​้ย

สือ​อี​เหนียง​รู้​ว่า​เขา​กลัว​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​อยาก​จะ​เล่น​กับ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​แต่​กลัว​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​จะ​ไม่พอใจ​ ​นาง​จึง​ชวน​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไป​นั่ง​ที่​ห้อง​ทาง​ทิศตะวันออก​ ​“​เรา​ไปรอ​คุณชาย​สาม​และ​คนอื่นๆ​ ​ที่นั่น​เถิด​เจ้าค่ะ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​ว่า​ใน​ห้อง​มี​แค่​มีส​ตรี​และ​เด็ก​ๆ​ ​เขา​ก็​รู้สึก​เบื่อ​ ​จึง​ไปรอ​ที่​ห้อง​ปีก​ทาง​ทิศตะวันออก

จุน​เกอ​วิ่ง​ไปหา​หู่​พั่ว​ ​“​เจี​้ย​เกอ​เอ๋อร​์​ ​เร็ว​ ​ข้ามี​ของ​ให้​เจ้า​”​ ​เขา​พูด​ด้วย​สายตา​ที่​พอใจ

แต่​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยก​ลับ​ไม่​มอง​จุน​เกอ​เลย​แม้แต่น้อย​

จุน​เกอ​ผิดหวัง​ ​มอง​ไป​ที่​สือ​อี​เหนียง​ ​ราวกับ​กำลัง​ถาม​ว่า​ ​เหตุใด​เขา​ถึง​ไม่​เล่น​กับ​ตน​

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พาส​วี​ซื่อ​เจี​้ย​ไปหา​จุน​เกอ​ ​จากนั้น​ก็​พูด​อย่าง​อ่อนโยน​ ​“​นี่​คือ​พี่​สี่​ของ​เจ้า​ ​ต่อไป​เจ้า​ต้อง​เรียก​เขา​ว่า​พี่​สี่​”​

สวี​ซื่อ​เจี​้​ยลัง​เลอ​ยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​เรียก​เบา​ๆ​ ​ว่า​ ​“​พี่​สี่​”​

ถึงแม้ว่า​เสียง​จะ​เบา​แต่​มัน​ไพเราะ​เป็นอย่างมาก

จุน​เกอ​ตกใจ​ ​เขา​เงยหน้า​ขึ้น​พูด​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​เสียง​ของ​น้อง​ห้า​ไพเราะ​กว่านก​แก้ว​อีก​ขอรับ​”

สือ​อี​เหนียง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ยิ้ม​อย่าง​ขมขื่น​ ​โชคดี​ที่​จุน​เกอ​ชื่นชม​เขา​จริงๆ​ ​ไม่ได้​แฝง​นัย​อะไร​ ​เขา​หยิบ​ห่อ​กระดาษ​น้ำมัน​เล็ก​ๆ​ ​ออกมา​จาก​แขน​เสื้อ​แล้ว​พูดว่า​ ​“​หาก​เจ้า​เรียก​ข้าว​่า​พี่​สี่​ ​ข้า​จะ​นำ​ขนม​วัว​ซือ​ถัง​ที่​ทำ​จาก​น้ำ​กุหลาบ​ให้​เจ้า​”​ ​พูด​จบ​ก็​แกะ​ห่อ​กระดาษ​น้ำมัน​ ​เผย​ให้​เห็น​ขนม​วัว​ซือ​ถัง​ที่​แวววาว​ราวกับ​คริสตัล​สีแดง​ดอกกุหลาบ

ไม่ต้อง​พูดถึง​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ที่​อายุ​ยังน้อย​ ​แม้แต่​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​และ​เฉียว​อี๋​เหนียง​ก็​มองดู​ด้วย​ความอยากรู้​อยาก​เห็น​ ​มี​แต่​ฉิน​อี๋​เหนียง​ที่​มองออก​ไป​ข้างนอก​แล้ว​พึมพำ​ ​“​ทำไม​คุณชาย​น้อย​สอง​ถึง​ยัง​ไม่​มา​”​

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ถูก​ขนม​ซื้อ​ไป​แล้ว​จริงๆ​ ​เขามอง​ไป​ที่​ขนม​นั้นแล​้ว​เอ่ย​เรียก​จุน​เกอ​ว่า​ ​“​พี่​สี่​”​ ​อย่างรวดเร็ว

จุน​เกอ​ยิ้ม​หน้าบาน​ ​แล้ว​หยิบ​ขนม​ออกมา​ให้​สวี​ซื่อ​เจี​้ย

ใคร​จะ​รู้​ว่า​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ไม่พอใจ​ ​ยัด​ขนม​เข้าไป​ใน​ปาก​แล้ว​ยื่นมือ​ออกมา​ขอ​จุน​เกอ​อีก

จุน​เกอ​เห็น​เช่นนี้​ก็​หยิบ​ออกมา​ให้​เขา​อีก

สวี​ซื่อ​เจี​้​ยกำ​มัน​ไว้​ใน​มือ​อย่าง​แน่นหนา​ ​จากนั้น​ก็​ยื่นมือ​อีก​ข้าง​ออก​ไป

จุน​เกอ​ลังเล​ ​ก่อนที่จะ​หยิบ​ขนม​ออกมา​หนึ่ง​ห่อ​แล้ว​ครุ่นคิด​ ​หยิบ​ออกมา​อีก​สอง​สาม​ห่อ​ ​จากนั้น​ก็​เอา​ที่​เหลือ​ให้​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ทั้งหมด

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​รีบ​เก็บ​ขนม​ไว้​ใน​อ้อมแขน​ของ​ตัวเอง​อย่างรวดเร็ว

ทุกคน​ใน​ห้อง​ต่าง​พากัน​หัวเราะ​พวกเขา

จุน​เกอ​ก็​หัวเราะ​อย่าง​มีความสุข​ ​เขา​จับมือ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ข้า​ยัง​มี​ขนม​กุ้ยฮ​วา​ ​ทาง​พระราชวัง​มอบให้​มา​”​ ​พูด​จบ​ก็​จะ​พาส​วี​ซื่อ​เจี​้ย​ไป​ที่​เรือน​ของ​ตัวเอง​

ท่าน​ป้า​ที่อยู่​ข้างๆ​ ​รีบ​ห้าม​เอาไว้​ ​“​คุณชาย​น้อย​ของ​บ่าว​ ​ประเดี๋ยว​ก็​จะ​ทานอาหาร​ส่งท้าย​ปี​เก่า​แล้ว​ ​จะ​ปล่อย​ให้​ไท่ฮู​หยิน​รอ​ไม่ได้​นะ​เจ้า​คะ​ ​รอ​ให้ทาน​อาหาร​เสร็จ​แล้ว​ ​ท่าน​ค่อย​ไปหา​ขนม​กุ้ยฮ​วามา​ให้​คุณชาย​น้อย​ห้า​ก็​ไม่​สาย​เจ้าค่ะ​”

ขณะที่​เขา​พูด​ ​คุณชาย​สาม​และฮู​หยิน​สาม​ก็​เห็น​สวี​ซื่อ​ฉิน​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​และ​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​เข้ามา

ฉิน​อี๋​เหนียง​ที่​ยืน​อยู่​ข้างหลัง​สือ​อี​เหนียง​ถอน​หาย​ด้วย​ความ​โล่งอก

วันนี้​เป็น​วัน​ส่งท้าย​ปี​เก่า​ ​ทุกคน​ต้อง​มาทา​นอา​หาร​ส่งท้าย​ปี​เก่า​ด้วยกัน​ ​จะ​มาสาย​ไม่ได้​ ​มิฉะนั้น​ ​จะ​ทำให้​ผู้อาวุโส​ไม่​ประทับใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท