ลู่เจียวส่ายหน้า “แม่กับท่านพ่อตัดสินใจกันแล้ว ตอนนี้ยังคงเรียนตามที่แม่วางแผนไว้ รอพวกเจ้าหกขวบ ค่อยเริ่มเรียนสี่คัมภีร์ห้าตำรา ถึงตอนนั้นพวกเจ้าก็ต้องตั้งใจเรียนหนังสือแล้ว แต่ตอนนี้เป็นเวลาเล่นของพวกเจ้า ดังนั้นก็เล่นกันให้มากๆ”
ลู่เจียวกล่าวจบ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ดีใจกันขึ้นมาทันที ต้าเป่ารีบกล่าวว่า “ท่านแม่ ท่านวางใจ แม้เริ่มเรียนตอนหกขวบ ข้าก็จะเรียนได้ดี แย่งชิงตำแหน่งจอหงวนมาให้ท่านแม่ได้เป็นฮูหยินบรรดาศักดิ์ตราตั้ง”
ลู่เจียวยิ้มอย่างเบิกบาน กำลังคิดเอ่ยชมต้าเป่าสักหน่อย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับกล่าวน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนักว่า “บรรดาศักดิ์ตราตั้งท่านแม่เจ้า พ่อจะเป็นคนนำมาให้นางเอง วันหน้าเจ้าไปนำมาให้ภรรยาเจ้าก็แล้วกัน”
ต้าเป่าหัวเราะฮาลั่น
เอ้อร์เป่ารีบกล่าวว่า “วันหน้าข้าจะนำตำแหน่งฮูหยินแม่ทัพมาให้ภรรยาข้า”
ซานเป่ากับซื่อเป่าหันไปยิ้มหยอกเอ้อร์เป่าทันที “เจ้าหน้าไม่อาย ตัวแค่นี้คิดจะมีภรรยาแล้ว”
“ใช่ เอ้อร์เป่าหน้าไม่อาย”
ซื่อเป่ายกมือปัดจมูกตนเองแสดงท่าทางหยอกล้อเอ้อร์เป่า
เอ้อร์เป่ายืดอกแค่นเสียงฮึในลำคอ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวหัวเราะไปพร้อมกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ใบหน้ามีแต่รอยยิ้มเบิกบาน
แต่สุดท้ายเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็กำชับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ “เรื่องที่พวกเจ้าเพียงผ่านตาก็ไม่ลืมอย่าได้บอกผู้อื่น รู้ไหม”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็รับปากทันทีอย่างไม่ทันได้คิดอะไรมาก “ทราบแล้ว ท่านพ่อ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองเด็กสี่คนที่ทั้งหน้าตาดีและเชื่อฟัง ในใจก็อดดีใจไม่ได้ เข้าไปอุ้มเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ทีละคน
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เห็นว่าคืนนี้ท่านพ่ออารมณ์ดีมากเช่นนี้ ทุกคนก็ดีใจหอมแก้มเซี่ยอวิ๋นจิ่นคนละที
ลู่เจียวเองก็เข้าไปอุ้มเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ “เอาละ รีบเข้านอนได้แล้ว พรุ่งนี้ยังต้องเรียนอีก”
“ขอรับ ทราบแล้วท่านแม่”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เข้านอนอย่างว่าง่าย เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวห่มผ้าห่มบางให้พวกเขาแล้วก็ค่อยเดินออกไป
ลู่เจียวเห็นว่าดึกแล้วจึงออกจากห้อง เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังก็เดินตามไปห้องนางเช่นกัน
ลู่เจียวเดินถึงหน้าประตูห้องก็พบว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นเดินตามนางมา จึงได้เอ่ยถามเอย่างแปลกใจว่า “เจ้าทำไมไม่ไปนอน มาตามข้าทำไม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองลู่เจียว กล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “พอรู้ว่าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไม่ธรรมดา ข้าก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ อยากจะคุยกับเจียวเจียว คืนนี้พวกเรามาจับเข่าคุยกันทั้งคืนดีไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเพิ่งกล่าวจบ ลู่เจียวก็หันหลังเดินเข้าห้องปิดประตูรวดเร็ว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยืนอยู่หน้าประตู ยังไม่ทันตั้งสติได้ แต่พอได้สติก็พบว่านางปิดประตูเข้าห้องไปแล้ว
เขาอดส่งเสียงเรียกอยู่นอกประตูไม่ได้ “เจียวเจียว”
ลู่เจียวเปิดประตูออกมาอย่างไม่พอใจ “รีบไสหัวกลับไปนอน อย่าให้ข้าต้องโยนเจ้าออกไป”
ยามนี้คนบางคนเริ่มตั้งสติได้แล้ว คืนนี้คงล้มเหลว เขาได้แต่กลับไปนอนที่เรือนด้านหน้า
แต่ก่อนไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นยืนกล่าวอยู่นอกประตูด้วยน้ำเสียงจริงใจอย่างมาก “เจียวเจียว ข้าอยากจะคุยกับเจ้าจริงๆ ไม่ได้คิดอยู่ค้างคืนแต่อย่างใด”
ลู่เจียวไม่สนใจเขา ตอนนี้นางนับว่าได้รู้แล้วว่าเจ้าหมอนี่ได้คืบเอาศอก ดังนั้นไม่มีทางให้เขาได้ก้าวเข้ามาอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้น นางคาดว่าทุกวันพอตกค่ำเขาก็จะมานอนเตียงของนาง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นคนในห้องไม่สนใจเขา รู้ว่าคืนนี้ลู่เจียวไม่สนใจเขาแล้ว ก็ได้แต่ลูบศีรษะลูบจมูกแก้เก้อหันหลังเดินออกไปทันที
วันรุ่งขึ้น เซี่ยอวิ๋นจิ่นตื่นเช้ามาก็ไปสำนักศึกษาประจำอำเภออ่านตำรา ลู่เจียวตื่นนอนมา กินข้าวกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เสร็จก็เริ่มปรุงยา
หากไม่เหนือความคาดหมาย ตระกูลจางผิดหวังจากนางไป ย่อมต้องหันไปลงแรงกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น
หากเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่สนใจพวกเขา ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจคิดอุบายร้าย การวางยาเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยที่สุด
ดังนั้นนางต้องปรุงยาป้องกันให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น เช่นจะยาแก้ยาปลุกกำหนัด ยาถอนพิษ ยาแก้อาการขาดสติ สรุปว่าลู่เจียวปรุงยาทีเดียวหลายชนิด
นอกจากปรุงยา นางยังเขียนสูตรทำสบู่หอมอีกหลายสูตร
การทำสบู่ต้องใช้โซดาไฟ[1] วิธีการผลิตโซดาไฟ มีสองแบบคือการทำปฏิกิริยาให้ตกตะกอนกับกระบวนการผ่านกระแสไฟฟ้า แต่ไม่ว่าแบบใด ด้วยวิทยาการในตอนนี้ล้วนไม่อาจผลิตโซดาไฟออกมาได้ ลู่เจียวตัดสินใจใช้เกลือโซเดียมคลอไรด์ธรรมดาที่สามารถละลายน้ำได้มาทำสบู่หอม
ตอนนี้เกลือโซเดียมคลอไรด์ธรรมชาติได้มาจากการระเหิดของน้ำในทะเล ส่วนเศษซากสาหร่ายทะเล ก็นำมาสกัดเป็นโซเดียมคาร์บอเนตบริสุทธิ์ได้ นอกจากนี้ยังขี้เถ้าของพืชมาสกัดเป็นโปแตสเซียมคาร์บอเนตได้ด้วย
สรุปคือเกลือโซเดียมคลอไรด์สกัดได้ไม่ยาก ลู่เจียวเขียนวิธีการสกัดเกลือโซเดียมคลอไรด์และวิธีการทำสบู่หอมออกมา
ยามนี้เย็นค่ำแล้ว
เสียงใสเริงร่าของเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ดังมาจากข้างนอก “ท่านแม่ยังทำงานไม่เสร็จอีกหรือ”
“ท่านแม่หิวไหม กินอาหารเย็นได้แล้ว”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่วิ่งเข้ามาในห้องไปล้อมหน้าล้อมหลังลู่เจียว
“ท่านแม่ยุ่งอะไรอยู่ ยุ่งมาทั้งวันไม่ออกจากห้องเลย”
“ตอนเที่ยงท่านแม่ก็กินไปไม่เท่าไร ตอนเย็นต้องกินให้มากอีกหน่อย”
ซื่อเป่าทำท่าทางเหมือนผู้ใหญ่ ยกมือไปลูบศีรษะลู่เจียว “ท่านแม่ผอมไปแล้ว”
ลู่เจียวพอได้ฟังว่าผอม ก็มองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่อย่างดีใจขึ้นมาทันที “แม่ผอมลงอีกแล้วหรือ”
ก่อนหน้านี้ตอนอ้วน จะทำให้ผอมนั้นง่าย แต่พอผอมถึงระดับหนึ่งแล้วก็ยากจะผอมลงได้อีก
ลู่เจียวต้องการให้ผอมลงอีกเจ็ดแปดชั่ง แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับไม่เห็นด้วย นางมีเนื้อหนังเช่นนี้น่ารักน่ามองมาก ดังนั้นไม่เห็นด้วยที่นางจะลดน้ำหนักต่อ
เจ้าหมอนี่ไม่เพียงแต่ไม่เห็นด้วยกับนาง ทุกครั้งที่กินข้าวก็ยังชอบคีบอาหารที่นางชอบใส่ชามนาง ทำให้นางลดน้ำหนักไม่ลง
ตอนนี้ได้ยินบุตรชายว่านางผอมแล้ว ลู่เจียวก็จ้องมองบุตรชายตนเองอย่างนึกสนใจขึ้นมา พลางถามว่า “แม่ผอมแล้วจริงหรือ”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่พากันจ้องมองนาง สุดท้ายก็แน่ใจว่าท่านแม่ผอมลงแล้วจริงๆ และผอมลงอย่างมากด้วย
ต้าเป่ายกมือไปดึงลู่เจียวกำชับว่า “ท่านแม่ผอมลงจริงๆ วันหน้าต้องกินข้าวให้มากขึ้นอีกหนึ่งชามถึงจะสวย”
เอ้อร์เป่าพยักหน้าเต็มแรง “ใช่แล้ว ท่านแม่อ้วนๆ ขาวๆ จึงน่ามอง”
ซานเป่ารีบถลึงตาใส่เอ้อร์เป่า “ท่านแม่ไม่ชอบให้ผู้อื่นว่านางอ้วน”
ซื่อเป่ารีบชมว่า “ใช่ แม้ท่านแม่อ้วน พวกเจ้าก็ควรว่าท่านแม่ผอมลง แต่ท่านแม่ก็ผอมลงมากจริงๆ นะ”
ลู่เจียวได้ฟังเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็แทบอยากจะร้องไห้ มองเด็กๆ กล่าวว่า “เอาละ พวกเราไปกินอาหารเย็นกันได้แล้ว”
ลู่เจียวลุกขึ้นขยับตัวบิดไปมาสักครู่ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็แย่งกันดึงมือนางไปกินข้าว
แม่ลูกเพิ่งจะลงนั่ง ลู่กุ้ยก็ก้าวเข้าประตูมา
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เห็นลู่กุ้ยก็ดีใจส่งเสียงทักทาย “น้าเล็ก รีบมากินข้าวกัน”
ลู่กุ้ยยิ้มกล่าวว่า “น้ากินด้านหน้ามาแล้ว พวกเจ้ากินกันเถอะ”
เขากล่าวจบมองไปยังลู่เจียว “พี่เขยให้หลินตงกลับมารายงานพี่เจียวว่า คืนนี้หลี่เหวินปินเชิญเขาไปกินข้าว เขาไม่กลับมากินอาหารเย็น ให้พวกพี่กินกันไปได้เลย”
[1] โซดาไฟมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า โซเดียมไฮดรอกไซด์ เป็นสารตั้งต้นของสารประกอบที่ใช้ในอุตสาหกรรมหลายอย่าง เช่น ผลิตสบู่ ผงซักฟอก เป็นต้น