อาเถียนถูกใช้ให้นั่งรถเดินทางไปตระกูลฉางแห่งตงเจียวอย่างเร่งรีบ เวลานี้ทางตระกูลฉางวุ่นวายอย่างไร อีกทั้งจะได้รับการปลอบประโลมอย่างไร เฉินตันจูไม่สนใจชั่วคราว
นางยืนอยู่ด้านนอกรั้ว หลิวเวยเดินทางกลับอารามก่อน เยี่ยนเอ๋อปรนนิบัตินางอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนทางจางเหยาก็กำลังวุ่นวายกับการเก็บสัมภาระ…อันที่จริงก็เป็นแค่ชั้นวางตำราทรุดโทรมใบหนึ่ง
เฉินตันจูพูดชั้นวางตำราทรุดโทรมใบนั้นที่วางเต็มไปด้วยตำรา…
“จางเหยา” นางเรียก
จางเหยาหันกลับมามอง
“เจ้าไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุดใหม่” เฉินตันจูพูด “อย่างไรก็เป็นการเดินทางไปพบพ่อตา”
จางเหยาหัวเราะ ก้มหน้ามองชุดของตนเอง “ชุดนี้เป็นชุดใหม่”
“ชุดนี้ไม่งาม” เฉินตันจูพูด “ไปเปลี่ยนอีกชุด ข้าจำได้ว่ามีชุดสีฟ้า…”
นางพูดพลางจะเดินเข้ามาช่วยเขาหา
จางเหยารีบบอกว่าจะหาเอง เฉินตันจูเรียกขานจู๋หลิน “เจ้าไปปรนนิบัติคุณชายจางอาบน้ำ”
จู๋หลินโกรธมาก
จางเหยารีบบอกว่าจะอาบเอง เขาถือเสื้อผ้าวิ่งเข้าห้องอาบน้ำปิดประตู
“จู๋หลิน นี่คือภารกิจใหญ่” เฉินตันจูพูดกับจู๋หลินด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้าไปหาจดหมายฉบับหนึ่งที่ซ่อนไว้บนตัวของจางเหยา จดหมายนั้นเขียนให้จี้จิ่วในกั๋วจื่อเจี้ยน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สิ่งที่จู๋หลินไม่เข้าใจมานานก็กระจ่างขึ้นในทันที ที่แท้ มโนธรรมที่เฉินตันจูตามหามาตลอด ไม่ใช่หลิวจั่งกุ้ย ไม่ใช่หลิวเวย และไม่ใช่จางเหยา หากแต่เป็นจดหมายฉบับนี้
จิตใจของเฉินตันจูช่างประหลาด ยากเกินที่จะคาดเดาเสียจริง
ไม่รู้จดหมายนี้เกี่ยวกับความลับอันใด เกี่ยวข้องกับราชสำนักหรือไม่ หรือเกี่ยวข้องกับเหล่าท่านอ๋อง
จู๋หลินเดินเข้าไป รื้อค้นเรือนของหญิงชราขายชาตั้งแต่ด้านในยันด้านนอก อีกทั้งเดินเข้าไปภายในห้องอย่างไม่สนใจเสียงร้องของจางเหยา แม้แต่จางเหยาที่กำลังอาบน้ำก็ถูกรื้อค้น
สุดท้ายค้นพบจดหมายฉบับหนึ่งมอบให้เฉินตันจู
“ซ่อนไว้ในตำราเล่มหนึ่งในชั้นวางของ” เขาพูดเสียงเบา
เฉินตันจูมองซองจดหมายที่เขียนว่าสวีลั่วจือ หลายวันนี้นางสืบมาได้ว่า จี้จิ่วแห่งกั๋วจื่อเจี้ยนคือผู้นี้
นางพยักหน้า เก็บจดหมายเอาไว้ ทางจางเหยาอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่เดินออกมาแล้ว
“คุณหนูตันจู” เขาถามอย่างซื่อๆ “ท่านว่าได้แล้วหรือไม่”
เฉินตันจูพินิจอย่างละเอียด พยักหน้าอย่างพึงพอใจ “คุณชายสง่างามไม่ธรรมดา”
สามารถไปพบพ่อตาของเขาได้อย่างสง่างามแล้ว
จางเหยาไม่ถ่อมตนเกรงกลัว เขายิ้มพร้อมคำนับ “ขอบคุณคำชมของคุณหนูตันจู”
จางเหยากับชั้นวางตำราของเขาหนึ่งคันรถ เฉินตันจูและหลิวเวยหนึ่งคันรถ คันหนึ่งหน้าคันหนึ่งหลังเคลื่อนตัวเข้าเมืองไป
จางเหยานั่งอยู่ในรถ เมื่อผ่านประตูเมืองเขามองออกไปด้วยความสงสัย สัมผัสกับการเข้าเมืองโดยไม่ต้องตรวจสอบ
เขามองนอกรถ คนนอกรถก็มองเขา
“คุณหนูตันจูมีรถเพิ่มหนึ่งคัน?”
“ดู รถคันด้านหลังมีชายหนุ่ม!”
“ชายผู้นี้คือใคร”
“ได้ยินว่าคุณหนูตันจูจับชายรูปงามคนหนึ่งไป เป็นเขาหรือไม่”
“รีบดู รีบดู”
ด้านนอกรถคึกคักขึ้นมา จางเหยารีบหดกลับเข้าภายในรถ ปิดม่านรถสนิท ก่อนจะเลิกคิ้ว ยื่นมือลูบหน้าของตนเอง อืม อันที่จริงเขาก็รูปงามเหมือนกัน…
รถม้าเคลื่อนตัวมาถึงจวนของหลิวเวย หลิวเวยให้บ่าวรับใช้ไปเรียกหลิวจั่งกุ้ยกลับมา ตัวเองรับรองเฉินตันจูและจางเหยาอยู่ในจวน
เมื่อได้ยินว่าบุตรสาวกลับมา อีกทั้งยังพาเฉินตันจูและชายหนุ่มแปลกหน้ามาอีกคน หลิวจั่งกุ้ยที่รักบุตรสาวสุดชีวิตรีบวิ่งกลับมา
“เวยเวย เกิดเรื่องใดขึ้น” เขาถามอย่างรีบร้อนเมื่อเดินเข้ามา “ท่านแม่เจ้าเล่า?”
เมื่อเห็นหลิวจั่งกุ้ยเดินเข้ามา จางเหยารีบลุกขึ้นยืน หลิวเวยเดินขึ้นหน้าจับแขนของบิดาเอาไว้
“ท่านพ่อ” นางไม่ตอบ หากแต่ดึงหลิวจั่งกุ้ยมาตรงหน้าของจางเหยา “ท่านนี้คือจางเหยา”
หลิวจั่งกุ้ยเดินเข้ามาก็พบชายหนุ่มอายุน้อยยืนอยู่ เพียงแต่เขาไม่ได้สนใจ เวลานี้ได้ยินคำพูดของบุตรสาวก็ผงะ สายตาจับจ้องไปยังใบหน้าของจางเหยา ใบหน้าของสหายเก่าที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ …
“จาง จาง…” เขาพึมพำเสียงแหบ สีหน้าเหม่อลอย “พี่ชิ่งจือ…”
ใบหน้าของจางเหยาไร้ซึ่งความเรียบเฉยก่อนหน้านี้ ขอบตาแดงก่ำ “ท่านลุงหลิว ท่านไม่เปลี่ยนจากที่ข้าเคยพบในตอนเด็กแม้แต่น้อย”
หลิวจั่งกุ้ยกอดเขาเอาไว้ “เจ้าถั่วน้อย เจ้าคือเจ้าถั่วน้อยหรือ” น้ำตาไหลรินลงมาดุจฝนตก
ชื่อเล่นของจางเหยาคือเจ้าถั่วน้อย? เฉินตันจูอดขำไม่ได้ เพียงแต่ภายในโถงแม้แต่หลิวเวยก็ร้องไห้ขึ้นมา นางอยู่ตรงนี้ช่างแปลกแยก
เฉินตันจูถอยออกมาอย่างแผ่วเบา
เจตนาของจางเหยาพูดอย่างกระจ่างต่อหน้าของหลิวเวยแล้ว อาการไอของจางเหยาก็แทบจะหายดีแล้ว ร่างกายไม่อ่อนแอเหมือนแต่ก่อนแล้ว เขายืนอยู่ตรงหน้าพ่อตาได้อย่างสง่างาม อีกทั้งจดหมายที่สำคัญกับชีวิตของจางเหยาอยู่ในมือของนางแล้ว
เฉินตันจูถือจดหมายเอาไว้ ถึงแม้ทำให้หลิวเวยรู้ความต้องการถอนหมั้นของจางเหยา อีกทั้งหลิวเวยรับรองไม่ให้คนในตระกูลทำร้ายจางเหยา แต่นางไม่เชื่อท่านยายตระกูลฉางนั้น เพื่อเป็นการป้องกัน จดหมายฉบับนี้นางจะรักษาเอาไว้ให้ก่อน
ต่อมาให้พวกเขาพบหน้ากันอย่างมีความสุข นางไม่รบกวนพวกเขาแล้ว
ในขณะที่เฉินตันจูเดินถึงนอกประตู หลิวเวยก็ตามออกมา
“คุณหนูตันจู…” นางเรียก บนใบหน้ามีคราบน้ำตา “เจ้าไปแล้วหรือ”
เฉินตันจูยิ้ม “เรื่องของข้าจบสิ้นแล้ว พวกเจ้าอยู่ด้วยกันดีๆ”
หลิวเวยจับมือของนาง หลั่งน้ำตาอีกครั้ง “ตันจู ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะทำเพื่อข้ามากมายเพียงนี้…”
อันที่จริงนางไม่ได้ทำสิ่งใดเพื่อหลิวเวย อีกทั้งไม่ใช่เพราะหลิวเวย เฉินตันจูยิ้ม “ท่านอย่าร้องไห้ ต่อจากนี้ไม่ต้องกังวล ต้องมีความสุข”
ไม่ต้องกังวลที่เฉินตันจูบอก หลิวเวยกระจ่าง เนื่องจากการหมั้นหมายตั้งแต่เด็กนี้ หลังจากนางเติบโตขึ้นมา ไม่รู้ต้องเสียน้ำตามากมายเพียงใด ไม่มีวันใดมีความสุขได้อย่างแท้จริง เวลานี้คุณหนูตันจูจัดการให้นางแล้ว
ตอนนั้นพี่อาอวิ้นแนะนำให้นางขอความช่วยเหลือจากคุณหนูตันจู แต่นางอายอีกทั้งไม่ต้องการรบกวนคุณหนูตันจู แต่ไม่คิดว่า แม้นางไม่พูดสิ่งใด แต่เฉินตันจูจัดการให้นางแล้ว
หลิวเวยมองหญิงสาวที่ยิ้มสดใสอย่างอ่อนหวานและน่าเอ็นดูตรงหน้า ยื่นมือกอดนางเอาไว้ “ตันจู ขอบใจเจ้า ขอบใจเจ้า”
เฉินตันจูถูกกอดอย่างกะทันหัน นางรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เฮ้อ หลิวเวยเข้าใจผิด คิดว่านางบังคับให้จางเหยาถอนหมั้นหรือ
“ไม่ใช่” นางลูบหลังของหลิวเวย อธิบายกับนาง “พี่เวยเวย จางเหยาเป็นคนต้องการถอนหมั้นเอง เขามีความจริงใจ ข้าไม่ได้ทำสิ่งใด”
จางเหยามีความจริงใจต่อคนตระกูลหลิว สิ่งที่นางต้องทำเพื่อจางเหยา ไม่ใช่การกำจัดตระกูลหลิว ไม่ใช่การข่มขู่ทำร้ายตระกูลหลิว หากแต่ต้องทำให้คนตระกูลหลิวปฏิบัติต่อจางเหยาดีขึ้น ไม่รังแกเขาระแวงเขายิ่งไม่ทำร้ายเขา รักษาความจริงใจที่จางเหยามอบให้ ไม่ทรยศต่อความจริงใจของจางเหยา
ดังนั้นนางจึงตั้งใจปฏิบัติดีต่อหลิวเวยและหลิวจั่งกุ้ย
นางทำสิ่งเหล่านี้ เพราะหวังว่าหลิวเวยสามารถมองเห็นการปฏิบัติและความจริงใจของจางเหยา อีกทั้งทำดีต่อจางเหยา
หลิวเวยไม่ฟังนางแม้แต่น้อย เพียงแค่ร้องไห้กอดนาง “ข้ารู้ ข้ารู้”
เฉินตันจูยิ้ม นางรู้เรื่องใดกัน เฮ้อ แต่ว่า เรื่องนี้คงอธิบายไม่ได้แล้ว อีกทั้งให้นางคิดว่าตนเองข่มขู่จางเหยาก็ดี
เมื่อมีคนชั่วร้ายอย่างนางอยู่ ไม่ต้องการให้คนในตระกูลของหลิวเวยเป็นคนร้าย คิดหาวิธีจัดการกับจางเหยาอีก
ตระกูลหลิวและเหล่าญาติของตระกูลหลิวสามารถทำดีกับจางเหยาอย่างไร้ความกังวล พวกเขารักกันกลมเกลียว จางเหยาสามารถอยู่ได้อย่างสง่างามและมีความสุข