ไม่รู้ว่าคุณหนูตันจูจะเชื่อคำพูดนี้หรือไม่ แต่อย่างไรต้องมีคำพูดตอบกลับ
จางเหยาคิดในใจ คุณหนูตันจูราวกับสามารถรับฟังคำพูดของเขา
ในขณะที่เขากำลังคาดเดา เขาพบว่าคุณหนูตันจูวันนี้ไม่ได้ฟังสิ่งที่เขาพูด หากแต่พยุง…หญิงสาวคนหนึ่งลงมาจากในรถ
เอ๊ะ?
จางเหยามองหญิงสาวนี้ นางคลุมผ้ากันลม ท่าทางอ่อนแอ สีหน้าซีดเผือด…ดูเหมือนจะป่วย
สายตาของจางเหยาเบนไปยังเฉินตันจู อืม ดูเหมือนคุณหนูตันจูก็ป่วยเช่นเดียวกัน
“คุณหนูตันจูมาแล้วหรือ” ดังนั้นเขาจึงคำนับด้วยมือที่ถือมีด พร้อมทั้งเบี่ยงเบนประเด็นการให้อาหารไก่ ถามขึ้น “ท่านกินอาหารเช้าแล้วหรือไม่”
เฉินตันจูไม่สนใจเขา มองไปยังหลิวเวยที่อยู่ข้างตัว หลิวเวยลงจากรถด้วยความงุนงง เมื่อได้ยินเฉินตันจูเรียกขานจางเหยา นางตกใจจนตั้งสติกลับมา มองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังรั้วอย่างเหลือเชื่อ
ชายหนุ่มสวมชุดยาวสะอาดสะอ้าน เข็มขัดมัดเอาไว้ที่เอวอย่างเป็นระเบียบ ผมของเขาสางอย่างเรียบร้อย ท่าทางอ่อนโยน ถึงแม้ในมือถือมีดไว้ แต่ท่าทางการคำนับของเขาประณีตอย่างมาก
คนผู้นี้คือจางเหยา? คือจางเหยาคนนั้นหรือ?
“จางเหยา?” นางถาม “จางชิ่งจือเป็นผู้ใดกับเจ้า”
จางเหยาผงะ เงยหน้ามองหญิงสาวนี้อีกครั้ง “เป็นท่านพ่อของข้า”
หลิวเวยจับหน้าอกเอาไว้ หอบหายใจพูดไม่ออก เดิมทีนางเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก เวลานี้ยิ่งยืนไม่อยู่ เฉินตันจูจับแขนของนางเอาไว้
“จางเหยา หาที่นั่งให้พวกข้า” เฉินตันจูพูด พยุงหลิวเวยเดินเข้ามา
จางเหยาถือมีดตอบรับ หันหลังไปจะยกเก้าอี้ถึงได้พบว่าในมือยังถือมีดเอาไว้ เขาวางมีดลงอย่างรวดเร็ว หยิบเก้าอี้เตี้ยสองตัวในห้องขึ้นมา เมื่อเห็นหญิงสาวในผ้าคลุมกำลังจะเป็นลม เขาครุ่นคิดก่อนจะวางเก้าอี้เตี้ยลง ยกเก้าอี้เอนออกไป
เฉินตันจูพยุงหลิวเวยนั่งลง
จางเหยาส่งแก้วน้ำชาเข้าไปให้อย่างทันเวลา
เฉินตันจูให้หลิวเวยดื่ม หลิวเวยดื่มเข้าไปหลายอึก สงบลมหายใจ นางชำเลืองมองจางเหยาหนึ่งที ก่อนจะเบนหน้าออก จับมือของเฉินตันจู เสียงสั่น “เขา เขา…”
“จางเหยา เจ้าก็นั่งลง” เฉินตันจูพูด
จางเหยาตอบรับ นั่งลงบนเก้าอี้เหล็กที่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว จ้องมองมาโดยตรง
“พี่เวยเวย เขาคือจางเหยา” เฉินตันจูพูดกับหลิวเวย “หนึ่งเดือนก่อน ข้าพบกับเขา”
หลิวเวยมึนงง “เจ้ารู้ได้อย่างไร” แต่เมื่อครุ่นคิดอีกครั้ง เฉินตันจูเก่งกาจเพียงนี้ ไม่ว่าเรื่องใดย่อมสืบได้ รู้ก็ไม่แปลก ก่อนจะนึกถึงคำพูดเล่นๆ ของอาอวิ้น ให้คุณหนูตันจูออกหน้าจัดการจางเหยา…
เวลานี้ คุณหนูตันจูจับ ไม่ใช่ หาจางเหยานี้เจอก่อนจริงๆ
ไม่ใช่ จางเหยามาเมืองหลวงตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อนแล้ว?
ท่านพ่อบอกว่า บนจดหมายจางเหยาบอกว่าอีกสักพักจึงเดินทางมา ท่านพ่อคำนวณไว้ เร็วที่สุดคือปีหน้า
อืม บางทีคุณหนูตันจูจับจางเหยามาจากด้านนอกเพื่อนาง...คุณหนูตันจูทำเพื่อนางเช่นนี้ ภายในหัวของหลิวเวยมึนงง น้ำตาคลอเบ้า พูดสิ่งใดไม่ออก อีกทั้งไม่ต้องถามไม่ต้องพูด
เฉินตันจูไม่คิดว่าหลิวเวยจะคิดมากมายในระยะเวลาอันสั้นนี้ ไม่ต้องให้นางอธิบายแม้แต่น้อย นางมองไปทางจางเหยา “คุณชายจาง ท่านนี้คือบุตรสาวของหลิวจั่งกุ้ยแห่งหุยชุนถัง ท่านรู้ว่านางคือผู้ใดใช่หรือไม่”
เมื่อหญิงสาวผู้นี้พูดชื่อท่านพ่อของเขาออกมา จางเหยาก็พอคาดเดาได้แล้ว เวลานี้ได้รับการพิสูจน์ เขาไม่ได้ตกตะลึงแต่อย่างใด หากแต่ยังกระจ่างใจมากยิ่งขึ้น ในที่สุดก็คลายความสงสัย ที่แท้เฉินตันจูจับเขามาไม่ได้เพื่อทดลองยา หากแต่…แค่ต้องการจับเขา
เฉินตันจูในคำร่ำลือเหิมเกริมอย่างมาก รังแกหญิงข่มเหงชาย เดิมทีเขาคิดว่าเมืองหลวงไม่มีผู้ใดเล่นกับนาง ที่แท้นางก็มีสหาย อีกทั้งยังเป็นตระกูลหลิวคุณหนูแห่งหุยชุนถัง
อืม จากนั้นคุณหนูหลิวที่ไม่ชอบไม่ยอมรับการหมั้นในครั้งนี้บ่นกับสหาย คุณหนูเฉินตันจูจึงจับเขามาเพื่อช่วยสหาย…
หลังจากจับมาแล้ว ไม่ข่มขู่ให้ถอนหมั้น ก็ปรนนิบัติเพื่อเกลี้ยกล่อมให้ถอนหมั้น…
จางเหยาลุกขึ้น พูด “ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของตระกูลท่านลุงหลิว จางเหยาทักทายน้องสาว” เขาคำนับอีกครั้ง
เฉินตันจูพยุงหลิวเวยลุกขึ้น คำนับเขาตอบ
“พวกเจ้าร่างกายล้วนไม่ดี” เฉินตันจูผายมือทั้งสองข้าง “นั่งลงพูดเถิด”
ทั้งสองคนนั่งลง แต่ไม่มีผู้ใดพูดขึ้น…พบกันโดยบังเอิญ ไม่มีเรื่องใดต้องพูด
จางเหยามองเล้าเป็ดไก่ตรงข้าม หลิวเวยมองหัวเข่าของตนเอง
“ข้าพูดเอง” เฉินตันจูพูด “ถึงแม้พวกเจ้าพบหน้ากันครั้งแรก แต่รู้จักอีกฝ่ายเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องแนะนำอีก”
นางมองจางเหยา
“คุณชายจาง เจ้าพูดมา ครานี้เจ้ามาพบหลิวจั่งกุ้ยที่เมืองหลวงเพื่อการใด”
คำพูดนี้ไม่อ้อมค้อมแต่อย่างใด หลิวเวยอดดึงแขนเสื้อของเฉินตันจูเบาๆ ไม่ได้
จางเหยาไม่อ้อมค้อม พูดอย่างเปิดเผย “หลายปีก่อนข้าพลัดถิ่นไปที่อื่น ขาดการติดต่อกับตระกูลของท่านลุงหลิว ท่านพ่อกำชับข้าก่อนจากไป ให้ข้าตามหาท่านลุงหลิว เพื่อถอนหมั้นที่ตกลงในตอนนั้น”
ถอนหมั้น? หลิวเวยเงยหน้ามองจางเหยาอย่างเหลือเชื่อ…จริงหรือเท็จ?
สีหน้าของเฉินตันจูแสดงออกถึงความภาคภูมิใจ ดูเถิด นี่คือจางเหยา บุรุษผู้เปิดเผย เวยเวย ความระแวงและหวาดกลัวของพวกเจ้าล้วนไม่มีความจำเป็น พวกเจ้าหลอกตัวเองทั้งนั้น
“คุณชายจาง หลิวจั่งกุ้ยรอคอยการมาถึงของเจ้าทุกวัน” เฉินตันจูพูด “ในเมื่อเจ้าเดินทางมาถึงเมืองหลวงแล้ว เหตุใดจึงปิดบังเขา ไม่ไปหาเขา”
จางเหยายิ้มอย่างละอาย “ข้าไม่กล้าปิดบัง ท่านลุงหลิวเขียนถึงความระลึกและความห่วงใยที่มีต่อข้าในจดหมาย ข้าไม่อยากเสียมารยาท ไม่อยากให้ท่านลุงหลิวกังวล ยิ่งไม่อยากให้ท่านสงสารหรือละอายต่อข้า จึงอยากรอให้ร่างกายหายดี ค่อยไปพบเขา”
ท่านพ่อระลึกถึง อีกทั้งยังละอายอย่างมากต่อบุตรของสหายคนนี้จริงๆ โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าบิดาของจางเหยาจากไป จางเหยาอยู่ตัวคนเดียวอย่างยากลำบาก หลิวจั่งกุ้ยที่ไม่เคยปะทะกับท่านยายมาก่อนวิ่งไปถอนหมั้นที่ท่านยายคุยไว้ให้นาง
ดังนั้นหลิวเวยและมารดาจึงเป็นกังวลเสมอ ถึงแม้หลิวจั่งกุ้ยบอกว่าจะคุยเรื่องถอนหมั้นกับจางเหยา แต่เมื่อถึงเวลาหาพบเห็นท่าทางน่าสงสารของจางเหยา หากอีกฝ่ายร้องขอขึ้นมาด้วย หลิวจั่งกุ้ยต้องกลับคำเป็นแน่
ไม่คิดว่า จางเหยาไม่เพียงแต่ไม่ทำตัวน่าสงสาร อีกทั้งเพื่อหลีกเลี่ยงความสงสารของหลิวจั่งกุ้ย แม้จะเดินทางมาถึงเมืองหลวงก็ไม่ไปพบ ในที่สุดหลิวเวยมองไปยังเขาอย่างละเอียด
ใช่หรือไม่ เขาเป็นบุรุษที่ดีเพียงใด เฉินตันจูสังเกตเห็นสายตาของหลิวเวย ตะโกนภายในใจ
“คุณชายจางช่างมีความเป็นบุรุษ” นางตะโกนออกมา พูดกับจางเหยาอย่างจริงจัง “แต่หลิวจั่งกุ้ยไม่คิดว่าเรื่องหมั้นหมายของพวกเจ้าเป็นเรื่องล้อเล่น เขาจำสัญญาได้เสมอ จนกระทั่งเวลานี้คุณหนูเวยเวยยังคงไม่ได้หมั้นหมายกับผู้อื่น”
หลิวเวยก้มหน้าลง
จางเหยารีบลุกขึ้นคำนับอีกครั้ง “เป็นความผิดของพวกข้า ควรจะจัดการเรื่องนี้ให้เร็ว ทำให้คุณหนูเสียเวลาหลายปีเช่นนี้”
หลิวเวยก้มหน้าไม่พูด
“หลิวจั่งกุ้ยก็เป็นบุรุษ” เฉินตันจูพูด “เวลานี้เจ้าเข้าเมืองหลวงมา หลิวจั่งกุ้ยได้พบกับเจ้าด้วยตนเองจึงจะสบายใจ”
นางมองจางเหยา พยักหน้าอย่างภูมิใจและเมตตา
“ในเมื่อวันนี้คุณหนูเวยเวยมาแล้ว วันไหนไม่สู้วันนี้ เจ้าตามคุณหนูเวยเวยกลับจวนวันนี้เถิด”
อา เช่นนี้หรือ ได้ ได้ หลิวเวยและจางเหยาพยักหน้าอย่างงุนงง คุณหนูตันจูพูดอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น
เฉินตันจูว่องไวอย่างมาก สมองของนางหมุนอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่เตรียมรถม้าส่งหลิวเวยและจางเหยากลับจวนในเมือง อีกทั้งยังไม่ลืมตระกูลฉางที่วุ่นวายในเวลานี้ นางให้องครักษ์คนหนึ่งเคลื่อนรถพาอาเถียนไปตระกูลฉาง
“อธิบายกับเหล่าฮูหยินและท่านแม่ของเวยเวย บอกพวกนางว่าเมื่อวานข้าทะเลาะกับเวยเวยเรื่องเล็กน้อย เวยเวยวิ่งมาอธิบายกับข้าแต่เช้า พวกเราคืนดีกันแล้ว ขอให้พวกนางไม่ต้องกังวล อา อีกอย่าง บอกพวกนาง เรื่องนี้เป็นความผิดของข้า ข้าส่งเวยเวยกลับจวนก่อน จากนั้นจะไปขอโทษเหล่าฮูหยิน” เฉินตันจูกำชับอาเถียนอย่างละเอียด ในเมื่อเป็นการขอโทษ นางจึงเรียกขานเยี่ยนเอ๋อ “เตรียมของขวัญ สมุนไพรต่างๆ ใส่เป็นลัง ดูว่ามีสิ่งใดอีก…”
หลิวเวยหัวเราะจับนางเอาไว้ “ไม่ต้อง เจ้าทำเช่นนี้จะทำให้ท่านยายข้ากลัว ไม่ต้องเตรียมสิ่งใด ไม่ต้องบอกว่าเป็นความผิดของเจ้า แค่บอกว่าพวกเราทะเลาะกันเท่านั้นก็พอ”
เฉินตันจูลังเล “เช่นนี้หรือ ไม่เสียมารยาทหรือ ส่งของขวัญสักชิ้นดีกว่า”
จางเหยายืนมองอยู่ด้านข้าง ภายในใจอุทาน ผู้ใดจะเชื่อว่าเฉินตันจูเป็นเฉินตันจูเช่นนี้ ทำทุกอย่างเพื่อช่วยสหาย…
โชคดีที่เขามาถอนหมั้น มิฉะนั้น เฉินตันจูคงเสียบมีดลงบนตัวเขาแล้ว!