ตอนที่ 739 กองกำลังเสริมจากสวรรค์ (1)
ชายผู้นั้นหัวเราะหยัน “ข้าไม่ทำข้อตกลงกับคนต้าเซี่ย คนต้าเซี่ยต่างเจ้าเล่ห์เพทุบาย ไว้ใจไม่ได้”
เว่ยจวินมั่วไม่ใส่ใจ การเป็นหัวหน้าเผ่าได้ คนตรงหน้าเองก็เจ้าเล่ห์ไม่น้อย ยิ่งไม่อาจเอ่ยถึงความเชื่อใจได้มากกว่าเขาเสียอีก
ชายผู้นั้นโบกไม้โบกมือ เอ่ย “แม้ข้าจะไม่ทำข้อตกลงกับท่าน แต่ก็ไม่อยากทำให้ฮ่องเต้ต้าเซี่ยต้องขุ่นเคือง ดังนั้น ท่านไปเสียเถิด”
เว่ยจวินมั่วเงยหน้า เอ่ยเสียงเรียบ “ท่านรอให้เป่ยหยวนและต้าเซี่ยสูญเสียทั้งสองฝ่ายใช่หรือไม่”
ชายผู้นั้นชะงัก ใบหน้าพลันมีไอสังหารวาดผ่าน ทว่าไม่นานกลับหัวเราะเสียงดังขึ้นมา “ฮ่าๆ ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังเอ่ยสิ่งใด ท่านอย่าลืมเสียเล่า ว่าเผ่าวั่วตั๋วหลี่ของข้าก็เป็นคนเป่ยหยวน”
เว่ยจวินมั่วราวกับไม่ได้ยินคำกล่าวของเขา เพียงเอ่ยต่อ “ข้ากลัวว่าท่านคงรอไม่ถึงวันนั้นแล้ว การเคลื่อนไหวของราชสำนักเป่ยหยวนในยามนี้ ข้าว่าท่านเองก็เข้าใจเป็นอย่างดี ฮ่องเต้เป่ยหยวน คงส่งคนมาประกาศนิรโทษแก่กบฏแล้วใช่หรือไม่ ช่วงนี้ต้าเซี่ยไม่มีเวลาว่างต่อสู้กับเป่ยหยวน ท่านว่า…เป่ยหยวนจะโจมตีเขตชายแดนต้าเซี่ยก่อน หรือวกกลับมาจัดการกับท่านก่อน”
นับแต่อดีตชนเผ่านอกด่านกำแพงอยากเข้ายึดด้านในด่าน ต่างต้องจัดการกับชนเผ่าที่ไม่เชื่อฟังตนเองในเขตของตนก่อน
ชายผู้นั้นเงียบไปนาน ก่อนเอ่ยถาม “ท่านอยากตกลงอันใด”
เว่ยจวินมั่วกวาดตามองคนที่อยู่รอบตนเอง ชายผู้นั้นลังเลเล็กน้อย ชายหนุ่มผู้นี้สามารถบุกเข้ามา อีกทั้งยามนี้ยังบุกเข้ามาในกระโจมของตนด้วยตัวคนเดียวได้ เห็นชัดว่าไม่อาจดูถูกวรยุทธ์ของเขา ราวกับเข้าใจความกังวลของเขา มุมปากของเว่ยจวินมั่วเผยยิ้มเย็นออกมา กระบี่ในมือตวัดจนเกิดประกายน่าตกใจ ในตอนที่ทุกคนกำลังตื่นตะลึงจึงพุ่งตัวผ่านกลุ่มองครักษ์เหล่านั้นไปปรากฏตัวอยู่ด้านข้างของชายผู้นั้น ชายผู้นั้นตกใจ กำลังเตรียมชักดาบ มือเพิ่งแตะด้ามดาบเบาๆ พลันถูกกระบี่อ่อนตีลงมา ทั่วทั้งมือพลันขยับไม่ได้ มือใหญ่เย็นเฉียบกุมเข้าที่ลำคอของเขาโดยไร้เสียง
องครักษ์คุ้มกันเหล่านั้นต่างพากันตกใจไม่น้อย สายตาที่มองไปยังชายสวมอาภรณ์สีครามตรงหน้าเจือความหวาดกลัวขึ้นมา คนตรงหน้านี้ใช่คนหรือไม่ เป็นปีศาจที่ออกมาจากป่าลึกหรือ
เว่ยจวินมั่วมองต่ำ สายตาเรียบนิ่งมองคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ “ตอนนี้ เจ้าคิดว่าคนพวกนี้ยังมีประโยชน์อยู่หรือไม่”
“สังหารข้า ท่านก็หนีไม่รอด” ชายผู้นั้นมองเว่ยจวินมั่วอย่างสงบ เอ่ยขึ้นเสียงหนัก อีกฝ่ายตั้งใจมาทำข้อตกลงกับเขา แน่นอนว่าไม่มีทางสังหารเขาง่ายๆ ดังนั้นจึงไม่กังวลต่อชีวิตของตนมากนัก
“เช่นนั้นแล้วอย่างไร” เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ
เช่นนั้นแล้วอย่างไรอย่างนั้นหรือ
ชายผู้นั้นเกร็งลำคอ จ้องเขม็งไปยังชายที่ปรากฏตัวขึ้นมากะทันหัน สุดท้ายได้แต่ยอมแพ้อย่างจนปัญญา อีกฝ่ายไม่กลัวแม้แต่ความตาย เขาจะทำอันใดได้อีกเล่า มีประโยคของชาวจงหยวนเคยเอ่ยไว้ได้ดี คนธรรมดากลัวคนไม่รู้ความ คนไม่รู้ความกลัวคนไม่กลัวตาย
ถอนหายใจอย่างจนใจ ชายผู้นั้นโบกปัดมือให้กับลูกน้อง ผู้ใต้บัญชาเหล่านั้นจ้องเว่ยจวินมั่วเขม็งแม้ไม่วางใจ แต่อย่างไรคำสั่งก็ไม่อาจต่อต้าน ทำได้เพียงถอยออกไปโดยไม่ยินยอม ก่อนไปยังไม่ลืมจ้องเว่ยจวินมั่วด้วยแววตาอาฆาตมาดร้าย เตือนเขาอย่าได้ทำอันใดไม่ยั้งคิด
ไม่นาน กระโจมใหญ่เหลือเพียงสองคน ชายผู้นั้นเลื่อนมือออกจากด้ามดาบ “ตอนนี้คุยกันดีๆ ได้แล้วใช่หรือไม่”
เว่ยจวินมั่วคลายมือออกจากคอของชายผู้นั้น เขากระแอมไอสองครั้งจากนั้นใช้มือลูบลำคอของตนเบาๆ การเป็นหัวหน้าเผ่า ถูกคนบีบคอข่มขู่ย่อมมิใช่ประสบการณ์ที่ดีนัก จ้องมองเว่ยจวินมั่วที่เคลื่อนตัวเองลงไปอยู่ด้านล่างด้วยตนเอง เอ่ย “เอาล่ะ ตอนนี้ข้ายอมรับแล้วว่าเจ้ามีคุณสมบัติทำข้อตกลงกับข้า ว่ามาเถิด เจ้าต้องการสิ่งใด”
เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ร่วมมือกับเผ่าหว่าชื่อ ตัดเส้นทางหนีของกองทัพเป่ยหยวน”
กระโจมใหญ่ตกอยู่ในความเงียบงัน เนิ่นนานกว่าจะได้สติกลับคืนมา สองตาจ้องมองชายตรงหน้าที่คล้ายกับสัตว์ร้าย “ท่านกำลังล้อเล่นหรือ ท่านจะให้ข้า…ช่วยท่านตัดเส้นทางหนีของกองทัพทหารเป่ยหยวนหรือ เรื่องอันใดต้องช่วยเล่า”
เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “นอกจากท่านอยากถูกราชสำนักกดขี่ไม่อาจโงหัวขึ้นมาได้ตลอดชีวิต หลายครั้งมานี้เป่ยหยวนรบกับโยวโจว ท่านมิได้เข้าร่วม ท่านคิดว่า…ฮ่องเต้เป่ยหยวนจะมาคิดบัญชีกับท่านย้อนหลังหรือไม่”
ภาษาจงหยวนของเขาไม่ดีนัก แม้ไม่เข้าใจความหมายของคิดบัญชีย้อนหลังมากนักแต่ก็ไม่ได้มีปัญหาต่อสิ่งที่เว่ยจวินมั่วจะสื่อ เห็นชัดว่าเว่ยจวินมั่วเองก็ไม่ใช่คนที่มีทักษะการเจรจาที่เยี่ยมยอดมากนัก ดังนั้นเมื่อเอ่ยจบทั่วทั้งกระโจมพลันเข้าสู่ความเงียบ
เนิ่นนาน ก่อนจะได้ยินชายผู้นั้นเอ่ยถาม “ช่วยท่านแล้ว จะมีประโยชน์ใดต่อข้า”
เว่ยจวินมั่วเอ่ย “หากเราสามารถเอาชนะกองทัพเป่ยหยวนได้ เยี่ยนอ๋องสามารถขอบรรดาศักดิ์ต่อราชสำนักเพื่อท่าน ถึงตอนนั้น ท่านก็จะหลุดพ้นจากราชสำนักเป่ยหยวนได้อย่างชอบธรรม”
ชายผู้นั้นสามารถขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าได้ เห็นชัดว่าไม่ได้โง่เขลา หัวเราะหยัน “ท่านคิดว่าข้าโง่หรือ รับบรรดาศักดิ์จากต้าเซี่ย ถึงตอนนั้นข้าคงถูกโจมตีจากทุกชนเผ่าในเขตทุ่งหญ้าน่ะสิ”
“หรือท่านคิดว่า…พวกท่านยังมีโอกาสกลับเข้าไปในด่านอีกหรือ” เว่ยจวินมั่วเอ่ยอย่างเมินเฉย
ชายผู้นั้นโกรธ แม้ว่าคนตรงหน้าจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่มีท่าทีหยิ่งยโสหรือเย้ยหยัน แต่เมื่อฟังแล้วให้ความรู้สึกราวกับไม่ใส่ใจ ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาอย่างเห็นได้ชัด และไม่คิดว่าพวกเขาจะข่มขู่อันใดได้ ชายผู้นั้นโกรธทว่ายิ้มออกมา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไยท่านต้องมาทำข้อตกลงกับข้าเล่า”
“สะดวก” เว่ยจวินมั่วเอ่ย “ท่านไม่ตกลง ข้าก็ไปหาคนอื่นได้ ต้องมีคนที่ยินดีรับการสนับสนุนจากต้าเซี่ย”
“สนับสนุนหรือ” ความจริง หากได้รับการสนับสนุนจากต้าเซี่ยก็จะสามารถผงาดขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วกระทั่งสามารถยึดราชสำนักเป่ยหยวนรวมพื้นที่เขตทุ่งหญ้าเข้าด้วยกัน ก่อนหน้านี้ไม่มีใครยอมรับเพราะชาวเป่ยหยวนและชาวจงหยวนนั้นมีความแค้นฝังลึก แต่ยามนี้เป่ยหยวนถอยออกมาจากจงหยวนยี่สิบกว่าปีแล้ว ต้องมีคนใจเต้นอย่างแน่นอน อีกทั้งต้องมีชนเผ่าที่ไม่เคยเข้าไปบุกจงหยวนและไม่มีความโกรธแค้นกับชาวจงหยวน ไยคนตรงหน้าต้องมาหาเขาตัวเขาเองก็พอจะรู้อยู่บ้าง ก็ไม่ใช่เพราะเผ่าของพวกเขายังไม่เคยก้าวเข้าไปเหยียบจงหยวนหรอกหรือ
เว่ยจวินมั่วมองเขา “ท่านไตร่ตรองดูได้ เพียงแต่…ข้ามีเวลาไม่มาก”
เอ่ยจบ เว่ยจวินมั่วพลันหมุนตัวหันหลังเตรียมเดินออกไป ชายผู้นั้นรีบเอ่ยถาม “ท่านจะไปที่ใด”
เว่ยจวินมั่วหันกลับมา มองเขาทว่าไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ชายผู้นั้นรีบเอ่ย “ท่านจะไปหา…” รอบข้างใกล้ๆ เขามีสองชนเผ่าที่ไม่ค่อยลงรอยกับราชสำนักเป่ยหยวนเช่นกัน ชายตรงหน้ากล่าวไม่ผิด เขาไม่จำเป็นต้องเลือกตน
“ท่านให้ข้าลองไตร่ตรองดูก่อน”
เว่ยจวินมั่วพยักหน้า แหวกม่านกั้นประตูเดินออกไป
เขตชายแดน ค่ายกองกำลังรักษาการณ์โยวโจว
ในฤดูนี้หาได้ยากที่แม่ทัพใหญ่ของเยี่ยนอ๋องจะได้มารวมตัวกัน ในกระโจมใหญ่ของเฉินอวี้ เซวียเจินและจูหงต่างก็นั่งอยู่โดยพร้อมเพรียง สีหน้าตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามไม่เอ่ยวาจา นายทหารชั้นสูงผู้ใต้บังคับบัญชาเองก็ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใด แม้แต่เตาไฟใหญ่ในกระโจมยังไม่อาจลดความเยือกเย็นของบรรยากาศในกระโจมใหญ่ลงได้
เนิ่นนาน จึงได้ยินเสียงถอนหายใจของเซวียเจิน เอ่ย “ตอนนี้จะทำเช่นไร เรื่องนี้ต้องรายงานท่านอ๋องหรือไม่”