“ขอรับ”
คืนนั้น กองทัพทหารสองหมื่นนายออกเดินทางในช่องทางลับ กระทั่งวิ่งออกไปยังทุ่งหญ้ากว้างใหญ่นอกด่าน อีกด้าน ชายหนึ่งคนกำลังควบม้าฝ่าลมหนาวมุ่งหน้าออกนอกด่านไปตัวคนเดียว
“เว่ยจวินมั่วไปแล้วหรือ”
ในกระโจมของเซี่ยลี่ เซี่ยลี่นั่งอยู่ประจำตำแหน่งเอ่ยถามเสียงเข้ม ตรงกลางของกระโจมมีนายทหารชั้นสูงยืนอยู่ นายทหารชั้นสูงมองเซี่ยลี่ จากนั้นมองไปที่ผู้ใต้ที่นั่งถัดจากเซี่ยลี่ คนที่อยู่ในชุดทหารธรรมดา แต่นายทหารหนุ่มกลับมองเห็นเนื้อผ้าชั้นดีปักเลื่อมทองโผล่พ้นออกมาจากชุดผ้าหยาบนั่น นั่นคือ…
“รายงานท่านแม่ทัพ แม่ทัพเว่ยออกเดินทางแล้วขอรับ”
“ลิ่นฉังเฟิงและเจี่ยนชิวหยางเล่า” เซี่ยลี่เอ่ยถาม ไม่เอ่ยไม่ได้ว่ารอบตัวเว่ยจวินมั่วนั้นเป็นศูนย์รวมของยอดฝีมือ อีกทั้งกองทัพต้าเซี่ยยังเป็นพื้นที่ที่นับความดีความชอบตามจำนวนศีรษะ มีเว่ยจวินมั่วอยู่แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าแย่งความดีความชอบของผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา ดังนั้นในระยะเวลาหนึ่งเดือนกว่าๆ นายทหารน้อยใหญ่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเว่ยจวินมั่วต่างพากันล่าศีรษะเลื่อนขั้นกันเป็นว่าเล่น ผู้ที่มีความโดดเด่นหนึ่งในนั้นคือลิ่นฉังเฟิงและเจี่ยนชิวหยาง สองคนนี้ แม้จะติดตามเว่ยจวินมั่วมาจากจินหลิง ความดีความชอบในกองทัพเริ่มต้นจากศูนย์ แต่เพียงไม่นานก็สามารถเลื่อนขั้นเป็นผู้บังคับการกองพันแล้ว หากมิใช่เพราะถูกเซี่ยลี่และผู้ที่เป็นนายทหารชั้นสูงกดเอาไว้ คงเตะนายทหารชั้นสูงพวกนั้นออกแล้วทำหน้าที่นั้นเองไปแล้ว
นายทหารชั้นสูงพยักหน้า “ไปหมดแล้วขอรับ ผู้ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพเว่ย...เหลือเฝ้ากระโจมเพียงไม่กี่คนขอรับ”
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงนั่นเอ่ยขึ้น “แม่ทัพเซี่ย คนเหล่านั้นควร…” นายทหารชั้นสูงพบว่าเสียงของคนผู้นี้แหลมเสียดหูยิ่งนัก จากนั้นมองไปยังใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาของเขาหัวใจพลันกระตุก พลันรู้ฐานะของผู้มาใหม่บ้าง จากนั้นเงยหน้ามองไปยังเซี่ยลี่ ดวงตามีแววสับสนอยู่ในนั้นหลายส่วน
เซี่ยลี่เบนหน้าหลบสายตาของผู้ใต้บังคับบัญชา เอ่ยเสียงเข้มขัดวาจาของคนผู้นั้น “ไม่จำเป็น เพียงไม่กี่คนไม่อาจสร้างเรื่องใหญ่โตได้”
“แม่ทัพเซี่ย” ชายวัยกลางคนเสียงดังขึ้น เอ่ย “เว่ยจวินมั่วเจ้าเล่ห์เพทุบาย ไม่ควรนิ่งนอนใจ”
ปัง! มือขวาของเซี่ยลี่ตบลงบนโต๊ะอย่างแรง ชายผู้นั้นยังเอ่ยไม่ทันจบพลันถูกขัดจนคอแข็งขึ้นมา ได้ยินเพียงน้ำเสียงเย้ยหยีนของเซี่ยลี่เอ่ย “นี่คือกองทัพ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในการตัดสินใจของข้า แม่ทัพเว่ยรับคำสั่งนำทัพออกไปแล้ว ทหารเพียงไม่กี่นาย จะนับประสาอันใด ข้าเซี่ยลี่มิได้ไม่เอาไหนถึงขั้นต้องกลัวทหารอารักขาเพียงไม่กี่คน”
ใบหน้าของชายวัยกลางคนบิดเบี้ยว เซี่ยลี่ไม่กลัว นั่นจะบอกว่าเขากลัวอย่างนั้นหรือ กัดฟันเอ่ย “ท่านแม่ทัพปรีชาสามารถ คนเหล่านั้นมิใช่ทหารอารักขาอันใด เท่าที่รู้ คนเหล่านี้ล้วนเป็นอดีตมือสังหารวังจื่อเซียวทั้งนั้น หรือว่าท่านแม่ทัพจะคิดว่าเยี่ยนอ๋องนั้นวางใจส่งหลานชายเข้ามาอยู่ในกองทัพของท่านจริงอย่างนั้นหรือ เกรงว่าไม่รู้เมื่อไร ชีวิตของท่านจะต้องตายอยู่ในมือของทหารอารักขาเหล่านั้น”
เซี่ยลี่เอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างไม่พอใจ เอ่ยเสียงเรียบ “หากเป็นเช่นนั้น ชะตาชีวิตของข้าคงมีเพียงเท่านั้นแล้ว ถือว่าชดใช้แก่ทหารที่ต้องออกนอกด่านเหล่านั้นเถิด” ฮ่องเต้ต้องการสังหารเว่ยจวินมั่วเขาไม่ขัด ต่อให้เป็นวิธีน่ารังเกียจเพียงใดเขาก็ไม่สน การเป็นข้าราชบริพารก็ต้องทำเพื่อฮ่องเต้ใช่มิใช่หรือ แต่ว่า การเป็นแม่ทัพ เพื่อคนคนเดียวต้องส่งนายทหารใต้บังคับบัญชาของตนไปตายกว่าสองหมื่นคน…เซี่ยลี่มองสองมือที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยสายตาว่างเปล่า เขาสมควรเป็นแม่ทัพจริงหรือ
เซี่ยลี่ไม่ยอม ชายวัยกลางคนผู้นั้นจึงต้องหุบปากลง เอ่ยเสียงเย็น “หวังว่าแม่ทัพเซี่ยจะไม่เสียใจภายหลังต่อการตัดสินใจในวันนี้”
“นี่เป็นเรื่องของข้า ฝ่าบาทให้เจ้ามาถ่ายทอดคำสั่งเท่านั้น มิได้ให้เจ้ามาชี้มือสั่งข้า” เซี่ยลี่เอ่ยเสียงเย็น
ชายวัยกลางคนลุกขึ้นทันที เอ่ยด้วยวาจามาดร้าย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านแม่ทัพก็ทำตามใจท่านเถิด” เอ่ยจบ พลันสะบัดแขนเสื้อเดินออกไปทันที
เซี่ยลี่โบกปัดมือด้วยความเหนื่อยล้า เอ่ย “เจ้าก็ออกไปเถิด เรื่องคืนนี้…อย่าได้เอ่ยกับคนนอก”
นายทหารหนุ่มอึกอัก ในที่สุดจึงถอนหายใจเบาๆ ยกมือประสานเอ่ย “ลาท่านแม่ทัพ”
ในกระโจมใหญ่ เหลือเพียงเซี่ยลี่ที่นั่งมองตะเกียงเพียงลำพัง เนิ่นนานก่อนจะทอดถอนหายใจออกมา
นอกด่านกำแพงลมหนาวพัดผ่านในยามเดือนสิบ หิมะโปรยปรายยามค่ำคืน ความหนาวเหน็บปะทะผิวกายแทงลึกลงไปถึงกระดูก พื้นที่ลาดเอียงแห่งหนึ่งในเขตทุ่งหญ้าถูกจับจองเป็นค่อยพักชั่วคราวอันเงียบสงบ ค่ายทหารที่ไม่มีการจุดไฟแม้เพียงนิดเงียบสงัดราวกับตายไปแล้ว ลิ่นฉังเฟิงยืนอยู่นอกกระโจมใหญ่ เงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าที่มืดมิด “อากาศนับวันยิ่งหนาวขึ้น อากาศนอกด่านกำแพงนี้ช่างเป็นอากาศที่คนยากจะทานทนได้ หากไม่ใช่เพราะติดตามเว่ยจวินมั่ว ยามนี้คุณชายอย่างข้าอาจกำลังร่ำสุรามีความสุขอยู่ในโยวโจว กอดซ้ายโอบขวาถึงจะถูก เจ้าบ้าเว่ยจวินมั่ว…พวกเรารออยู่ที่นี่ตัวเขากลับไปท่องเที่ยว”
เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นด้านหลัง เจี่ยนชิวหยางเดินออกมาจากด้านใน ยิ้มพลางเอ่ย “คุณชายฉังเฟิงกำลังบ่นอยู่คนเดียวอีกแล้วหรือ คุณชายออกเดินทางคนเดียว เกรงว่าคงอันตรายกว่าพวกเรากระมัง”
พวกเขาออกเดินทางจากด่านกำแพงมาเจ็ดวันได้ ทำตามคำสั่งของคุณชายเลี่ยงต่อการปะทะกับทหารเป่ยหยวน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องระมัดระวังอยู่ให้ห่างค่ายของทหารเป่ยหยวน ไปทางทิศตะวันตก ปะทะกับทหารเป่ยหยวนที่เฝ้าประจำการอยู่ตามทุ่งหญ้าบ้าง โชคดีที่ยามนี้ทหารทั้งหมดดูเหมือนกำลังต่อสู้กับกองทัพโยวโจวอยู่ที่เขตชายแดน เหลืออยู่ในเขตทุ่งหญ้าไม่มาก ขอเพียงพวกเขาไม่กล้าหาญไปข่มขู่พวกเป่ยหยวน กองทัพเป่ยหยวนก็ไม่คิดจะหันมาต่อสู้กับพวกเขา มิเช่นนั้นการทำลายล้างกองทัพคงกลายเป็นจุดจบทางเดียวของพวกเขา
ฟังคำของเขา ลิ่นฉังเฟิงทำได้เพียงถอนหายใจ เอ่ย “เจ้าว่า ตอนนี้เว่ยจวินมั่วไปอยู่ที่ใดแล้ว”
เจี่ยนชิวหยางเอ่ย “คุณชายทำการใด ข้าน้อยไหนเลยจะคาดเดาได้”
ลิ่นฉังเฟิงย่นจมูก หันกลับมามองสำรวจเจี่ยนชิวหยางเล็กน้อย เอ่ย “ไม่รู้หรือ รู้จักกันมานานเพียงนี้ ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าเจ้าจะมีความคิดลึกซึ้งเพียงนี้”
“คุณชายฉังเฟิงชมเกินไปแล้วขอรับ” เจี่ยนชิวหยางเอ่ย
“ไม่ เพราะเจ้าถ่อมตัว”
ทั้งสองเงียบไปชั่วครู่ มองสบตากันและยิ้มออกมาโดยไม่อาจควบคุมได้
ลิ่นฉังเฟิงมองไกลออกไปในความมืดมิด ลอบถอนหายใจอยู่ในใจ เว่ยจวินมั่ว เจ้าอย่าได้เอาชีวิตของเจ้าไปทิ้งเสียเล่า แม้แต่บุตรชายยังไม่ได้เจอคงน่าสงสาร คุณชายอย่างข้าคงจะร้องไห้ให้เจ้า
คุณชายเว่ยที่ถูกคุณชายฉังเฟิงรำพันถึงอยู่นั้นกำลังถูกกลุ่มคนล้อมเอาไว้ คุณชายเว่ยกวาดตามองคนที่ถืออาวุธจ้องเขม็งมายังตน หันไปมองชายร่างกำยำนั่งอยู่บนที่นั่งด้านบน ชายผู้นั้นเองก็มองสำรวจเว่ยจวินมั่ว เห็นเขายังคงนิ่งทั้งๆ ที่ถูกล้อมเอาไว้ราวกับคนเหล่านั้นเป็นเพียงท่อนไม้ ดวงตาฉายแววสนอกสนใจขึ้นมา ส่งสัญญาณให้คนเบื้องล่างระวังตัว
“ท่านเป็นใคร บุกเข้ามาในเผ่าวั่วตั๋วหลี่ของข้า”
เว่ยจวินมั่วเอ่ย “รองผู้บัญชาการกองกำลังเมืองโยวโจวเว่ยจวินมั่ว”
“อ้อ” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว เห็นชัดว่าประหลาดใจต่อตัวตนของเว่ยจวินมั่ว “ที่แท้ก็เป็นแม่ทัพเว่ย ไม่รู้ว่า…ท่านแม่ทัพมาครั้งนี้ เพื่อการใดหรือ” เขาพอรู้จักกองทัพของต้าเซี่ยอยู่บ้าง ชายหนุ่มตรงหน้าอายุยังน้อยมากได้เป็นถึงรองผู้บัญชาการ นับว่าน่าตกใจ
เว่ยจวินมั่วเอ่ย “ต้องการทำข้อตกลงกับท่าน”