ลู่เจียวรอบคอบกับเรื่องระหว่างชายหญิงอย่างมาก เพราะว่านางก็คือเครื่องสังเวยความไม่รักกันของบิดามารดานาง นางคือลูกที่ถูกทอดทิ้ง นางไม่อยากถูกคนทอดทิ้งอีกครั้ง
อาจกล่าวได้ว่า นางรู้สึกขลาดกลัวในเรื่องของความสัมพันธ์ เรื่องนี้ต้องการผู้ชายมาสร้างความกล้าหาญให้กับนาง การกระทำเร่งร้อนใจของเซี่ยอวิ๋นจิ่นทำให้นางรู้สึกไม่มั่นคง
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็มองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่น กล่าวตามตรงว่า “เซี่ยอวิ๋นจิ่น ข้าเคยเล่าเรื่องบิดามารดาของข้าให้เจ้าฟังแล้วกระมัง เรื่องของพวกเขาทำให้ข้ากลัวอย่างมากว่า ข้าจะเป็นผู้เคราะห์ร้ายอีกครั้ง ข้ากลัวว่าตอนนี้พวกเราอยู่ด้วยกันแล้ว แต่สุดท้ายเราสองคนต้องแยกจากกัน หากเป็นเช่นนั้น ข้าอาจจะไม่เชื่อใจผู้ชายไม่เชื่อในความสัมพันธ์อีกตลอดชีวิต”
“แต่ระยะนี้การกระทำอย่างร้อนใจของเจ้าทำให้ข้ารู้สึกไม่มั่นคง มักรู้สึกว่าทุกอย่างเร็วเกินไป เร็วจนรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องจริง ทำให้ข้าสงสัยว่าพวกเราเหมาะที่จะอยู่ร่วมกันจริงหรือ ข้าชอบความสัมพันธ์แบบสายน้ำไหล ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่ว่าพอข้าเพิ่งจะเห็นด้วยที่จะให้โอกาสเจ้า จากนั้นก็พวกเราทั้งสองคนก็รีบร้อนที่จะอยู่ร่วมกัน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็คิดถึงเรื่องบิดามารดานางหย่ากันและทอดทิ้งนาง แม้ว่านางเล่าด้วยท่าทีสงบนิ่ง แต่เขารู้ว่าย่อมต้องมีอีกหลายเรื่องที่นางไม่ได้เล่าออกมา นางเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่เห็นนางถูกบิดามารดาทอดทิ้งพวกนั้นบางทีอาจฉวยโอกาสรังแกนาง ดังนั้นแต่ไรมา นางจึงได้ค่อนข้างเห็นใจสตรีและคนอ่อนแอ แต่จัดการกับผู้ชายค่อนข้างเด็ดขาด
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพลันรู้สึกว่าที่ตนเองทำไปก่อนหน้านี้รีบร้อนเกินไปจริงๆ เขาควรจะให้ความมั่นใจกับนางก่อน ให้นางเชื่อว่าบนโลกนี้ยังมีผู้ชายที่ดี นางก็จะยอมรับเขา ทั้งสองคนก็ย่อมสามารถอยู่ร่วมกันได้
“เจียวเจียว วันหน้าไม่ทำเช่นนี้อีกแล้ว ระยะนี้ข้าเร่งร้อนใจเกินไปจริงๆ วันหน้าข้าจะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบก็ไม่คิดคุยเรื่องนี้อีก แต่เปลี่ยนไปเรื่องอื่นแทน
“ตระกูลจางลงมือกับข้าแล้วจริงๆ”
พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยขึ้น ลู่เจียวก็หันมาสนใจเรื่องนี้ทันที นางถามเซี่ยอวิ๋นจิ่นทันทีว่า “พวกเขาทำอะไรเจ้าหรือ”
“วันนี้หลี่เหวินปินเชิญพวกเราไปกินข้าวที่ร้านอาหาร พวกเราไปถึงหน้าประตูร้านก็เห็นคุณหนูตระกูลเฉาผู้หนึ่ง”
พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นเล่า ลู่เจียวก็เข้าใจทันที นางมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ถามขึ้นว่า “คุณหนูตระกูลเฉาคงต้องสวยมากกระมัง”
ไม่เช่นนั้นอีกฝ่ายคงไม่ลงมือด้วยวิธีนี้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบหาทางเอาตัวรอดทันที เขาหันไปมองลู่เจียวกล่าวว่า “ข้าไม่ได้มองมาก ดังนั้นไม่ทันได้สังเกต”
ลู่เจียวแค่นเสียงฮึถามเซี่ยอวิ๋นจิ่น “คุณหนูตระกูลเฉาคนไหน”
แม้ว่าลู่เจียวเพิ่งมาอำเภอชิงเหอ แต่ก็ร่วมงานเลี้ยงไปสองสามครั้ง กอปรกับจู้เป่าจูก่อนหน้านี้ก็เคยเล่าให้นางฟังมาบ้าง ดังนั้นนางก็พอจะเข้าใจบรรดาตัวละครในอำเภอชิงเหออยู่บ้าง นางรู้ว่าตระกูลเฉามีคุณหนูหลายคน
ไม่พูดถึงผู้อื่น เอาแค่นายท่านเฉาสามที่ทำร้ายเหลียงจื่อเหวินก็มีบุตรสาวหลายคน ในนั้นมีสองสามคนแต่งงานแล้ว เหมือนว่ายังเหลืออีกสองสามคน กอปรกับบ้านพี่น้องคนอื่นๆ ในตระกูลเฉาเองก็มีบุตรสาว ดังนั้นตระกูลเฉามีบุตรสาวไม่น้อย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็หลุบตาลงมองนางทันที “คุณหนูเจ็ดตระกูลเฉา เฉาชิงเหลียน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเพิ่งกล่าวจบ ลู่เจียวก็จ้องมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น
“ตระกูลเฉานี่ลงทุนนะ ข้าได้ยินว่าคุณหนูชิงเหลียนเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของอำเภอชิงเหอ ท่านแม่นางเคยเป็นบุปผาอันดับหนึ่งในสำนักคณิกาแห่งหนิงโจว ให้กำเนิดบุตรสาวสองคนก็งามอย่างมาก โดยเฉพาะบุตรสาวคนโต เรียกได้ว่าถอดแบบมาจากมารดานาง”
“เพราะเกิดมาหน้าตางดงามมาก ปกติคุณหนูเจ็ดตระกูลเฉาผู้นี้จึงไม่ค่อยได้ออกนอกบ้าน ได้ยินว่าพอนางออกมาก็จะมีผู้คนออกันแน่นขนัดทั่วท้องถนน”
ลู่เจียวกล่าวจบ ในใจก็อดปวดปลาบขึ้นมาไม่ได้ นางหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น “เจ้าเพิ่งบอกว่าเจ้าไม่ได้สังเกต เจ้าจะไม่สังเกตสาวงามเช่นคุณหนูเจ็ดตระกูลเฉาเลยหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบอธิบาย “นางสวมหมวกสานคลุมผ้าแพรโปร่ง ดังนั้นข้าจึงไม่เห็น”
เขาย่อมไม่มีทางบอกว่า ตอนหญิงผู้นั้นทักทายกับหลี่เหวินปิน แอบเปิดผ้าคลุมหมวกสานขึ้น แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้สนใจสตรีผู้นั้นมากนัก ทว่าคนข้างกายเขาหลายคนพอเห็นนางก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปในทันที
ลู่เจียวหรี่ตามองเซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยอวิ๋นจิ่นทนสายตากดดันนางไม่ไหว รีบสารภาพโดยดีว่า “ตอนนางทักทายกับหลี่เหวินปิน นางเปิดหมวกขึ้น แต่ข้าไม่ได้มองมากจริงๆ นะ ในใจข้าคิดถึงแต่เจ้าตลอดเวลา ข้าย่อมรักษาระยะห่างกับหญิงผู้นั้น ดังนั้นพอนางเปิดหมวกออก ข้าก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ค่อยเหมาะ จึงได้เบนสายตาหลบด้วยตนเอง”
ลู่เจียวเห็นเขาพูดด้วยท่าทางจริงจังก็หัวเราะดังขึ้น “ความจริงดูสักหน่อยก็ไม่เห็นเป็นอันใด ผู้ชายชอบมองสาวงามเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ใช่ความผิดร้ายแรงอันใดนี่”
นางยังชอบมองหนุ่มหล่อหน้ามนเลย แน่นอนว่าวาจานี้นางไม่มีทางบอกเซี่ยอวิ๋นจิ่น
แม้ว่าลู่เจียวกล่าวเช่นนี้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับไม่กล้ารับคำ กลัวว่าตอบไม่ดีทำให้นางโมโห แล้วนางจะเรียกคืนโอกาสที่มอบให้เขาอีก เช่นนั้นก็เรียกได้ว่าสูญเสียใหญ่ยิ่ง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดถึงเป้าหมายของตระกูลจางกับตระกูลเฉาแล้วสีหน้าก็เย็นเยียบอย่างมาก
“อย่าว่าแต่นางงดงาม แม้นางเป็นนางฟ้า ข้าก็ไม่เหลียวมองพวกนาง เห็นชัดว่าพวกนางมองว่าข้าเป็นพวกเสือผู้หญิง หรือเห็นว่าข้าเป็นคนที่ไม่แยกแยะดีชั่วเพราะผู้หญิงกัน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบก็หันมาส่งยิ้มตาหยีมองลู่เจียว “แน่นอนว่าหากคนผู้นั้นเป็นเจียวเจียว ไม่แน่ว่าข้าอาจจะติดเบ็ดจริงๆ”
ลู่เจียวค้อนขวับใส่เขา แต่เพราะคำพูดของเขาทำให้นางเบิกบานใจไม่น้อย
นางมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกำชับว่า “ตระกูลเฉาไม่ธรรมดา เจ้าต้องระวังตัวหน่อย”
โดยเฉพาะเฉาชิงเหลียน เป็นถึงบุตรสาวนายท่านเฉาสาม นายท่านเฉาสามเป็นคนโหดเหี้ยม ไม่เช่นนั้นก่อนหน้านี้จะทำเอาเหลียงจื่อเหวินพิการหรือ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้า ลู่เจียวหรี่ตากล่าวว่า “กล่าวตามตรง เมื่อก่อนข้าเคยรู้สึกว่าหลี่เหวินปินผู้นี้ไม่เลว แต่ตอนนี้ดูท่า คนผู้นี้น่าจะไม่ใช่คนดี เขาเป็นเขยตระกูลจาง ไม่รู้หรือว่าตระกูลเฉาเป็นคนเช่นไร”
ลู่เจียวกล่าวจบ ก็คิดถึงคนที่ทำร้ายเซี่ยอวิ๋นจิ่นก่อนหน้านี้ อดถามขึ้นไม่ได้ว่า “เจ้าว่าคนที่ทำร้ายเจ้าจะเป็นหลี่เหวินปินไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ข้าไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งกับเขา อยู่ดีๆ เขาจะมาทำร้ายข้าทำไมกัน แต่ไรมาคนที่ข้าสงสัยก็คือเจิ้งจื้อซิ่ง เพราะในสำนักศึกษา รัศมีข้าข่มเจิ้งจื้อซิ่งมาตลอด หากไม่มีข้า เจิ้งจื้อซิ่งก็จะเป็นคนที่น่าสนใจที่สุดในสำนักศึกษาชิงเหอแล้ว หากเขาวางแผนทำร้ายข้าก็พอมีเหตุผล แต่ไม่มีเหตุผลที่หลี่เหวินปินจะทำร้ายข้า”
ลู่เจียวคิดอยู่ครู่หนึ่งก็แน่ใจในเหตุผลนี้ คงไม่มีผู้ใดทำร้ายเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างไร้เหตุผล
“อย่างไร เจ้าก็ระวังตัวหน่อย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้า ลู่เจียวเห็นว่าดึกแล้ว ก็เร่งให้เขารีบกลับไปพักผ่อนที่เรือนด้านหน้า
ครั้งนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่กล้าเล่นลูกไม้อีก ลุกขึ้นไปนอนเรือนด้านหน้าอย่างว่าง่าย
ลู่เจียวสั่งให้เฝิงจือไปบอกฮวาเสิ่นให้ต้มน้ำแกงแก้เมาส่งไปเรือนด้านหน้า
เฝิงจือรับคำออกไป ลู่เจียวก็ขึ้นเตียงนอก ก่อนนอนคิดถึงเรื่องที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นเล่าให้นางฟัง ก็ทำเอานางนอนไม่หลับ เรื่องนี้เกรงว่าไม่จบง่ายๆ จากนี้ไปย่อมต้องมีลูกไม้ตามมาอีกมากมายเป็นแน่