บทที่ 207 คำอธิบายอย่างสมเหตุสมผล ผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนฝ่าเส้นทางสังสารวัฏ!
หลี่จิ่วเต้าออกจากเมืองชิงซาน มุ่งหน้าไปยังเนินเขาเขียว
“เอ๋ นั่นมันปุถุชนที่อยู่กับผู้อาวุโสมิใช่หรือ?”
ระหว่างทาง หญิงสาวเพริศพริ้งบุคลิกโดดเด่นนางหนึ่งเห็นหลี่จิ่วเต้าแล้ว พลันชะงักฝีเท้าในบัดดล
นางมิใช่ใครอื่น นางคือหยวนอี ธิดาสวรรค์แห่งตระกูลหยวน
“พอดีเลย ข้ากำลังจะไปหาเขาในเมือง!”
หยวนอีเอ่ยยิ้ม ๆ
เมื่อครั้งอยู่ที่ทะเลสาบชิงสุ่ย นางเห็นหลี่จิ่วเต้าอยู่กับผู้อาวุโสเซี่ยเหยียน ทั้งยังดูมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอีกด้วย
นางมิกล้าทะเล่อทะล่าเข้าไปรบกวนผู้อาวุโสเซี่ยเหยียน จึงคิดจะไปหาหลี่จิ่วเต้าในเมืองชิงซาน เริ่มสร้างสัมพันธ์ไมตรีกับหลี่จิ่วเต้าไว้ก่อน
และหลังจากนี้หากเป็นไปได้ นางหวังให้หลี่จิ่วเต้าช่วยแนะนำนางกับเซี่ยเหยียนเสียหน่อย
ผู้ที่เป็นถึงจักรพรรดิ หรืออาจเป็นถึงมหาจักรพรรดิ!
ผู้อาวุโสระดับนี้ นางไม่ต้องการพลาดโอกาสรู้จัก หากได้รับคำชี้แนะจากผู้อาวุโสระดับนี้ นางย่อมต้องได้ประโยชน์มหาศาลแน่นอน!
แต่จะให้นางเข้าไปหาผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนโดยตรงนั้นนางมิกล้า
ส่วนฐานะของหลี่จิ่วเต้า เซี่ยเหยียน และหลิงอิน นางสืบข่าวจนรู้แจ่มแจ้งหมดแล้ว
อันที่จริง นางรู้ตั้งแต่ยังไม่สืบข่าวด้วยซ้ำ
ชาวบ้านที่ทะเลสาบชิงสุ่ยรู้จักพวกหลี่จิ่วเต้ากันหมด นางไม่ต้องถามก็ได้รับรู้เรื่องราวของพวกหลี่จิ่วเต้า
หลี่จิ่วเต้าเป็นปุถุชนอย่างแท้จริง มีชื่อเสียงอย่างมากในเมืองชิงซาน จิตใจดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ซ้ำยังมีความสามารถหลากหลาย เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน และคนในเมืองชิงซานต่างก็ให้ความเคารพหลี่จิ่วเต้ากันทั้งนั้น
หลิงอินเองก็เป็นปุถุชนคนธรรมดา และอาศัยอยู่ในเมืองชิงซานเช่นกัน
ส่วนเรื่องราวของผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนคนนั้น ออกจะเกินความคาดหมายของหยวนอีอยู่หน่อย
ชาวบ้านที่ทะเลสาบชิงสุ่ยบอกว่าผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนเป็นลูกศิษย์สายตรงของสำนักไท่หัว เป็นคนโอบอ้อมอารี ไม่มีมาดแม้แต่น้อย เข้าออกเมืองชิงซานอยู่บ่อย ๆ มีสัมพันธ์อันดีกับหลี่จิ่วเต้า
“ศิษย์สายตรงหรือ!?”
หลังหยวนอีได้ยินเรื่องนี้ก็มึนงงไปหมด
จักรพรรดิผู้หนึ่ง มิหนำซ้ำยังอาจเป็นถึงมหาจักรพรรดิ จะยอมฝากตัวเป็นศิษย์ในสำนักเล็ก ๆ รับผู้อื่นเป็นอาจารย์หรือ?
เป็นไปได้เยี่ยงไร!
หลังจากนั้นนางได้สืบข่าวของสำนักไท่หัวมาบ้าง
การสืบสานของสำนักไท่หัวมิได้ยาวนานเท่าใด สืบทอดต่อกันมาเพียงพันกว่าปีเท่านั้น พลังหรือก็ธรรมดา ไม่ถือว่ากล้าแกร่ง
หากเปรียบเทียบกับทั้งเหยียนโจว สำนักไท่หัวเป็นได้เพียงสำนักระดับกลางเท่านั้น เพราะเหยียนโจวมีสำนักฝึกตนที่ยิ่งใหญ่กว่าสำนักไท่หัวอยู่มาก
และหากเป็นชิงโจวของพวกเขา สำนักไท่หัวก็เป็นเพียงสำนักเล็ก ๆ เท่านั้น…
นางไม่อาจเชื่อได้ลงจริง ๆ ว่าผู้อาวุโสระดับมหาจักรพรรดิจะเลือกเข้าร่วมสำนักกระจอกเช่นนี้!
หากสำนักไท่หัวมีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานยังพอว่า ทว่าสำนักไท่หัวที่มีการสืบสานมาเพียงพันปีเท่านั้นจะไปมีประวัติศาสตร์ยาวนานได้อย่างไร!
“หรือนี่คือผู้อาวุโสขอบเขตจักรพรรดิที่ฝ่าเส้นทางสังสารวัฏสำเร็จ!”
นางนึกถึงเส้นทางสังสารวัฏ
สิ่งมีชีวิตในยุคนี้ที่รู้จักเส้นทางสังสารวัฏมีไม่มาก
แต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่นาง
นางมาจากตระกูลหยวนอันทรงพลัง
ตระกูลหยวนคือตระกูลจักรพรรดิที่มีการสืบสานมาแต่ยุคโบราณ
ในส่วนของเส้นทางสังสารวัฏ นางไม่เพียงแต่รู้จัก ทว่ายังรู้เรื่องของมันมากด้วย
เพราะบรรพชนมากมายของนางก้าวสู่เส้นทางสังสารวัฏก่อนสิ้นอายุขัย
เหล่าบรรพชนในตระกูลล้วนสืบเสาะข่าวคราวของเส้นทางสังสารวัฏอย่างหนักก่อนฝ่าไปที่นั่น ข่าวคราวเกี่ยวกับเส้นทางสังสารวัฏจำนวนคณานับเหล่านั้นจึงตกทอดลงมาพร้อมการสืบสาน
ร่ำลือกันว่า หากฝ่าเส้นทางสังสารวัฏออกไปสำเร็จ จักได้รับชีวิตใหม่ ซ้ำยังมีความทรงจำของชาติก่อนดังเดิม และได้รับอายุขัยเพิ่มมาอีกชาติ เริ่มบำเพ็ญใหม่ตั้งแต่ต้น!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสำหรับยอดฝีมือที่ใกล้สิ้นอายุขัย อีกทั้งไม่อาจบรรลุขอบเขตต่อไปได้นั้น เรื่องนี้นับว่ายั่วยวนใจอย่างยิ่งยวด!
และเพราะข่าวลือเช่นนี้ ถึงได้มียอดฝีมือซึ่งใกล้สิ้นอายุขัยมากมายก้าวสู่เส้นทางสังสารวัฏ หวังจะได้รับชีวิตใหม่ สู้ให้ได้มาซึ่งอนาคตที่ไม่เคยมีมาก่อน!
ต่อมา เนื่องด้วยสิ่งแวดล้อมค่อย ๆ ย่ำแย่ลง ไม่อาจบ่มเพาะยอดฝีมือผู้ทรงพลังออกมาได้อีก ไม่เข้าเงื่อนไขของเส้นทางสังสารวัฏ เส้นทางสังสารวัฏถึงค่อย ๆ ถูกผู้คนลืมเลือน
หากสิ่งแวดล้อมไม่เปลี่ยนผัน ยอดฝีมือยังคงมีอยู่ถมเถ เส้นทางสังสารวัฏไม่มีทางถูกลืมเลือน และยังคงมียอดฝีมือจำนวนมากเลือกก้าวสู่เส้นทางสังสารวัฏ!
ถึงอย่างไรการบรรลุเป็นเซียนก็ดูเลือนรางเกินเอื้อม เส้นทางสังสารวัฏถือเป็นตัวเลือกสำรองของยอดฝีมือในโลกหล้า
ครานั้น หลังนางได้ล่วงรู้ถึงสถานการณ์ของผู้อาวุโสเซี่ยเหยียน นางก็นึกเชื่อมโยงได้ว่ามีโอกาสสูงที่ผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนเป็นผู้อาวุโสที่ฝ่าเส้นทางสังสารวัฏออกมาสำเร็จ!
ไม่อย่างนั้น ยากจะอธิบายว่าเหตุใดผู้อาวุโสระดับเซี่ยเหยียนถึงฝากตัวกับสำนักเล็ก ๆ อย่างสำนักไท่หัว นับถือผู้ฝึกตนกระจอก ๆ อย่างเจ้าสำนักไท่หัวเป็นอาจารย์
“ก่อนผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนฝากตัวเป็นศิษย์ ความทรงจำเมื่อชาติก่อนอาจยังไม่ฟื้นคืน หลังจากฝากตัวเป็นศิษย์แล้ว ความทรงจำเมื่อชาติก่อนถึงกลับคืนมา!”
เป็นอาจารย์หนึ่งวัน นับถือเป็นตลอดไป
ผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนมีคุณธรรม แม้นได้ความทรงจำกลับคืนแล้ว ก็ยังไม่ไปจากสำนักไท่หัว แต่เลือกที่จะอยู่กับสำนักไท่หัวต่อ!
คำอธิบายเช่นนี้นับว่าสมเหตุสมผลที่สุด!
‘เกรงว่าพวกหลี่จิ่วเต้าก็รู้จักกับผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนก่อนความทรงจำของนางกลับคืน ข้ายังได้ยินมาอีกว่าหลี่จิ่วเต้าเคยเข้าสอบคัดเลือกเป็นศิษย์ของสำนักไท่หัวด้วย ทว่าตกรอบตั้งแต่ด่านแรก ไม่มีพรสวรรค์ด้านฝึกตนแม้แต่น้อย!’
หยวนอีคิดในใจ
ปุถุชนธรรมดาไฉนเลยจะได้รู้จักมักจี่กับผู้อาวุโสระดับนั้น ซ้ำยังมีสัมพันธ์ดีงามต่อกันอีกด้วย
นางคิดว่าผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนรู้จักเขาก่อนความทรงจำกลับคืน
‘คิดจะฝึกตนโดยไร้พรสวรรค์เป็นเรื่องยากยิ่ง…’
หยวนอีกล่าวกับตัวเองในใจ
การฝึกตนนั้น ต้องพึ่งพาพรสวรรค์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิด หากไร้ซึ่งพรสวรรค์ ย่อมไม่อาจก้าวสู่เส้นทางฝึกตน
และหากต้องการให้ผู้ที่ไร้พรสวรรค์กลายเป็นผู้มีพรสวรรค์แล้วก้าวสู่เส้นทางฝึกตน เป็นเรื่องลำบากยากเข็ญอย่างไม่ต้องสงสัย ใช่ว่าทำกันได้ง่าย ๆ
หากง่ายปานนั้นจริง โลกนี้คงไม่แบ่งแยกระหว่างปุถุชนกับผู้ฝึกตน ทุกคนในโลกนี้ล้วนเป็นผู้ฝึกตนได้…
“คุณชาย!”
หยวนอีคลี่ยิ้ม หยุดความคิดในใจ และเดินเข้าไปหาหลี่จิ่วเต้า
ไม่ว่าอย่างไร นางก็ไม่อาจล่วงเกินอีกฝ่าย มิหนำซ้ำนางยังต้องรักษาสัมพันธ์กับหลี่จิ่วเต้าไว้ให้ดีด้วย!
ถึงอย่างไรชายหนุ่มก็สนิทสนมกับผู้อาวุโสเซี่ยเหยียน นางต้องการให้หลี่จิ่วเต้าช่วยแนะนำนางให้ผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนรู้จัก!
“เจ้าคือ?”
หลี่จิ่วเต้ามองเด็กสาวรูปโฉมงดงามตรงหน้าและประหลาดใจนิดหน่อย
เขาไม่รู้จักเด็กสาวรูปงามผู้นี้
“คุณชาย ท่านลืมไปแล้วหรือ”
หยวนอีคลี่ยิ้มสดใสดั่งบุปผา เอ่ยทวนความจำ “ทะเลสาบชิงสุ่ย ท่านกับ…คุณหนูเซี่ยเหยียนพายเรือชมทัศนียภาพ”
เดิมนางจะเรียกผู้อาวุโสเซี่ยเหยียน ทว่านางไม่กล้าเอ่ยคำว่าผู้อาวุโส อย่างไรหลี่จิ่วเต้าก็เป็นสหายของผู้อาวุโสเซี่ยเหยียน ขืนหลุดปากกับผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนไป นางได้โดนดีแน่!
“ทะเลสาบชิงสุ่ย?”
หลี่จิ่วเต้ามองหยวนอีอย่างพินิจ ในที่สุดก็นึกออก
“อ๋อ เจ้าเองหรอกหรือ เป็นอะไร มีธุระใดหรือ?”
เขาถามหยวนอีพลางยิ้ม