ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 217 อวยพรตรุษจีน(ต้น)

ตอนที่ 217 อวยพรตรุษจีน(ต้น)

ปินจ​วี​๋​ที่อยู่​ข้างๆ​ ​รีบ​อธิบาย​ ​“ฮู​หยิน​ ​คุณชาย​น้อย​ห้า​ได้ยิน​ว่า​ท่าน​กลับมา​แล้วจึง​อยาก​จะ​มา​พบ​ท่าน​ ​พวก​บ่าว​จะ​ห้าม​ก็​ห้าม​ไม่อยู่​เจ้าค่ะ​…​”

เหตุผล​หลัก​ก็​คือ​เป็น​เพราะ​ตอนนี้​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เป็นคุณ​ชายน้อย​แล้วจึง​ไม่​อาจ​ห้าม​ได้​กระมัง

สือ​อี​เหนียง​มอง​มือ​ของ​เขา​ที่​กำ​แน่น​แล้ว​ถาม​เสียง​เบา​ว่า​ ​“​เจี​้ย​เกอ​ ​เจ้า​อยาก​ให้​ข้า​ทาน​ขนม​หรือ​ ​เจ้า​เอา​ขนม​ที่​จุน​เกอ​มอบให้​เจ้า​มา​ให้​ข้า​ทาน​ใช่​หรือไม่​”

เขา​ซุกหัว​ลง​ใน​อ้อมกอด​ของ​ปินจ​วี​๋​แล้ว​เงียบ​ไป

สือ​อี​เหนียง​ใจอ่อน​ ​นาง​ถอนหายใจ​เบา​ๆ​

การ​ปฏิเสธ​ตาม​สัญชาติ​ญาณ​ของ​นาง​คง​ทำให้​เด็ก​คน​นี้​เสียใจ​กระมัง

สือ​อี​เหนียง​ลุกขึ้น​ ​ลูบ​หัว​ของ​เขา​แล้ว​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​อ่อนโยน​ ​“​เจี​้ย​เกอ​ ​เจ้า​จะ​ให้​ข้า​ทาน​ขนม​ใช่​หรือไม่​”

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เงยหน้า​ขึ้น​ ​มอง​สือ​อี​เหนียง​อย่าง​ไม่แน่ใจ

สือ​อี​เหนียง​มอง​เขา​ด้วย​รอยยิ้ม​สดใส

ทั้งสอง​มองหน้า​กัน​อย่าง​เงียบๆ​

ปินจ​วี​๋​พูด​อย่าง​ไม่สบายใจ​ว่า​ ​“ฮู​หยิน​ ​หลังจากที่​ท่าน​ไป​คุณชาย​น้อย​สี่​ก็​จะ​สอน​คุณชาย​น้อย​ห้า​เตะ​ลูกขนไก่​ ​แต่​คุณชาย​น้อย​ห้า​ไม่ยอม​อยาก​จะ​กลับ​เรือน​อย่าง​เดียว​ ​คุณชาย​น้อย​สี่​จึง​เอา​ขนม​มะม่วงหิมพานต์​มา​เกลี้ยกล่อม​คุณชาย​น้อย​ห้า​แต่​ก็​ไม่สำเร็จ​บ่าว​จึง​ต้อง​พา​คุณชาย​น้อย​ห้า​กลับมา​ ​แต่​เขา​ก็​ไม่ยอม​เข้า​เรือน​ ​กอด​เสา​ประตู​ไม่ยอม​ไป​ไหน​ ​พวก​บ่าว​ไม่รู้​จะ​ทำ​อย่างไร​จึง​ทำได้​เพียง​ยืน​เป็นเพื่อน​คุณชาย​น้อย​ห้า​ ​เมื่อถึง​เวลา​ทานข้าว​เขา​ก็​ยัง​ไม่ยอม​ปล่อยมือ​ ​บ่าว​กับ​ตง​ชิง​ไม่เพียงแต่​ผลัดกัน​เกลี้ยกล่อม​เท่านั้น​ ​ซ้ำ​ยัง​นำ​น้ำแกง​เนื้อ​แพะ​ของ​ป้า​อู๋​ที่อยู่​โรง​ครัว​มา​เกลี้ยกล่อม​ให้​เขา​เข้าไป​ทานข้าว​ใน​เรือน​…​กว่า​จะ​เกลี้ยกล่อม​ให้​คุณชาย​น้อย​ห้า​เข้าไป​ใน​เรือน​ได้​นั้น​ไม่​ง่าย​เลย​ ​ไม่รู้​ว่า​ใคร​พูด​ออกมา​ว่าฮู​หยิน​กลับมา​แล้ว​ ​เขา​ก็​กระโดด​ลงมา​จาก​เก้าอี้​แล้ว​วิ่ง​มาที​่​ห้อง​ของ​ท่าน​เจ้าค่ะ​”​ ​ขณะที่​พูดเสี​ยง​ของ​นาง​ก็​ค่อยๆ​ ​เบา​ลง​ ​“​ก่อนหน้านี้​พวก​บ่าว​ก็​ไม่เข้าใจ​ว่า​เหตุใด​คุณชาย​น้อย​ห้า​จึง​กำมือ​แน่น​ไม่ยอม​ปล่อยมือ​…​คิดไม่ถึง​ว่า​เขา​จะ​กำ​ขนม​ไว้​ใน​มือ​”

สีหน้า​ของ​สือ​อี​เหนียง​ค่อยๆ​ ​สงบนิ่ง​ ​นาง​พูด​อีกครั้ง​ว่า​ ​“​เจี​้ย​เกอ​ ​ขนม​ที่​จุน​เกอ​ให้​อร่อย​หรือไม่​”

เขา​พยักหน้า​แล้วก็​ส่าย​หัว​ ​จากนั้น​เขา​ก็​ค่อยๆ​ ​แบมือ​ออกมา

เนื่องจากว่า​เขา​กำ​มัน​ไว้​นาน​เกินไป​ ​ขนม​สี​กุหลาบ​ที่​ละลาย​แล้ว​ได้​ปรากฏ​อยู่​ต่อหน้า​สือ​อี​เหนียง​อีกครั้ง

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​หยิบ​ขนมจาก​ฝ่ามือ​ของ​เขา

อาจจะ​เป็น​เพราะ​โดน​เหงื่อ​ใน​มือ​ ​พอ​เขา​เข้า​ปาก​จึง​มีรส​เค็ม​เล็กน้อย

“อื​้ม​!​”​ ​มุม​ปากของ​นาง​ยกขึ้น​เล็กน้อย​ ​รอยยิ้ม​ของ​นาง​ปรากฏ​ให้​เห็น​ใน​แววตา​ ​“​ขนม​นี่​หวาน​มาก​จริงๆ​”

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ยิ้ม​ด้วย​ความดีใจ​ ​ดวงตา​หงส์​งดงาม​ราวกับ​ดวงดาว​ใน​ยาม​เย็น​ช่วง​ฤดูร้อน​ ​เปล่งประกาย​อย่าง​มีความสุข

สือ​อี​เหนียง​กำชับ​ปินจ​วี​๋​ว่า​ ​“​ช่วย​เขา​ล้างมือ​ให้​สะอาด​ ​แล้ว​หา​ขนม​ของ​เขา​ทั้งหมด​ให้​เจอ​ ​เดี๋ยว​เขา​จะ​เอา​ไป​ซ่อน​ไว้​บน​เตียง​หรือ​ใต้​หมอน​จน​ละลาย​”​ ​คิดไปคิดมา​ก็​รู้สึก​ว่า​ไม่เหมาะสม​จึง​พูดเส​ริม​ว่า​ ​“​หาก​ล่อง​เล็ก​ๆ​ ​ให้​เขา​ใส่​ของ​ ​ให้​เขา​ฝึกนิสัย​เก็บของ​ไว้​ใน​กล่อง​”

ปินจ​วี​๋​รีบ​พยักหน้า​ตอบรับ

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​ลูบ​ศีรษะ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​“​จำไว้​ว่า​คราวหน้า​หาก​จะ​ทำ​อะไร​จะ​ต้อง​บอก​ข้า​ก่อน​”​ ​จากนั้น​ก็​มอง​เขา​ด้วย​ความจริงใจ​เพื่อ​ดู​ว่า​เขา​มี​ปฏิกิริยา​อย่างไร

สวี​ซื่อ​เจี​้​ยพ​ยัก​หน้า​ ​จู่ๆ​ ​ก็​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​ขนมหวาน​”

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​กว้าง​ ​“​เจี​้ย​เกอ​ของ​พวกเรา​ว่านอนสอนง่าย​จริงๆ​ ​ต่อไปนี้​ก็​ให้​พูด​กับ​ข้า​เช่นนี้​ ​เข้าใจ​แล้ว​ใช่​หรือไม่​”

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ยิ้ม​พลาง​พยักหน้า

สือ​อี​เหนียง​ถาม​ปินจ​วี​๋​ว่า​ ​“​เขา​ทานข้าว​แล้ว​หรือยัง​”

ปินจ​วี​๋​ท่าทาง​ลำบากใจ​ ​“​ทาน​เกี๊ยว​ไป​สอง​ชิ้น​เจ้าค่ะ​”

ก็​เท่ากับ​ว่ายัง​ไม่ได้​ทาน​…

สือ​อี​เหนียง​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​แล้ว​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​คุณชาย​น้อย​ใหญ่​กับ​คุณชาย​น้อย​สอง​ยัง​เล่น​อยู่​ที่​เรือน​ไท่ฮู​หยิน​หรือไม่​”

ตอนที่​พวกเขา​เข้า​วัง​ไป​ถวายพระพร​ได้​มอบหมาย​ให้​ป้า​ตู้​เป็น​คนดู​แล​เด็ก​ๆ​

ปินจ​วี​๋​พยักหน้า​ ​“​ตอนที่​บ่าว​กลับมา​ ​คุณชาย​น้อย​ทั้งหลาย​กำลัง​นอนหลับ​อยู่​ใน​ห้อง​คุณชาย​น้อย​สี่​เจ้าค่ะ​”

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูด​กับ​สวี​ซื่อ​เจี้ยว​่า​ ​“​เจ้า​อยาก​ไป​กับ​ข้า​หรือไม่​”

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​รีบ​พยักหน้า

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เมื่อ​ครู่​ข้า​กำชับ​เจ้า​ไว้​ว่า​อย่างไร​ ​หาก​เจ้า​จะ​ทำ​อะไร​ให้​พูด​ออกมา​ ​เข้าใจ​แล้ว​ใช่​หรือไม่​”

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​รีบ​พูด​ขึ้น​มาทัน​ที​ ​“​ข้า​ไป​ด้วย​ขอรับ​”

“​ดีมาก​ ​เช่นนั้น​เจ้า​ต้อง​ทาน​เกี๊ยว​ที่​ปินจ​วี​๋​ป้อน​ก่อน​แล้ว​ข้า​ถึง​จะ​พา​เจ้า​ไป​”

เมื่อ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ได้​ฟัง​ก็​ผลัก​ปินจ​วี​๋​ออก​แล้ว​วิ่ง​ออก​ไป​ทันที

“​คุณชาย​น้อย​ห้า​เจ้า​คะ​!​”​ ​ปินจ​วี​๋​รีบ​ทรงตัว​ ​หันไป​พูด​กับ​สือ​อี​เหนียง​อย่าง​รีบร้อน​ ​“​บ่าว​จะ​ตาม​ไปดู​เจ้าค่ะ​”​ ​แล้ว​รีบ​ตาม​ออก​ไป

หู่​พั่ว​ที่อยู่​ข้างๆ​ ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ท่าน​จะ​พา​คุณชาย​น้อย​ห้า​ไป​ด้วย​จริงๆ​ ​หรือ​เจ้า​คะ​ ​บ่าว​เกรง​ว่า​จะ​มี​คน​มา​อวยพร​ตรุษจีน​ให้ท่าน​”

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ให้​สาวใช้​น้อย​บอก​ให้​เขา​ไป​เตะ​ลูกขนไก่​ที่​ห้อง​ด้านใน​ก็​พอแล้ว​”

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ไม่ใช่​เด็ก​ที่​ติด​คนอื่น​ ​ขอ​เพียงแค่​สือ​อี​เหนียง​อยู่​ใน​ที่​ที่​เขามอง​เห็น​เขา​ก็​จะ​สบายใจ​ ​หาก​สือ​อี​เหนียง​ต้อนรับ​แขก​อยู่​ที่​ห้อง​ตะวันออก​ก็​ให้​สาวใช้​น้อย​พา​เขา​ไป​เล่น​ที่​ห้อง​ตะวันตก​ ​เขา​ไม่มีทาง​งอแง​แน่นอน

จาก​การ​สังเกต​หลาย​วัน​มานี​้​ ​หู่​พั่ว​รู้​นิสัย​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยอยู​่​ไม่น้อย​ ​ได้ยิน​สือ​อี​เหนียง​พูด​เช่นนี้​ก็​ไม่ได้​มี​การโต​้​แย้ง​ ​ช่วย​สือ​อี​เหนียง​เปลี่ยนเป็น​เสื้อกั๊ก​ยาว​ผ้าแพร​สีชมพู​ ​และ​กระโปรง​ยาว​ปัก​ลวดลาย​สีเขียว​เข้ม​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่​ใส่​ชุดลำลอง​ได้​เดิน​เข้ามา​ ​“​เรียบร้อย​แล้ว​หรือยัง​”

ดวงตา​เขา​เป็นประกาย

ผ้าแพร​สีชมพู​ทำให้​ใบหน้า​ของ​นาง​งดงาม​ราว​ดอก​ท้อ

“​เรียบร้อย​แล้ว​เจ้าค่ะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​ลุกขึ้น​ ​“​แต่​ปินจ​วี​๋​กำลัง​ป้อน​ข้าว​ให้​เจี​้ย​เกอ​อยู่​ ​พวกเรา​รอก​่อน​เถิด​เจ้าค่ะ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ขมวดคิ้ว​เล็กน้อย​ ​“​นี่​มัน​กี่​โมง​กี่​ยาม​แล้ว​เหตุใด​ยัง​ทานข้าว​อยู่​อีก​ ​ต่อไป​ต้อง​สอน​ให้​เขา​รู้จัก​กฎเกณฑ์​ใน​เรือน​”

“​เขา​พึ่ง​จะ​มา​อยู่​ใน​จวน​ได้​ไม่นาน​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ต้อง​ค่อยๆ​ ​เป็น​ค่อยๆ​ ​ไป​เจ้าค่ะ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่ได้​พูด​อะไร​อีก​ ​นั่งลง​บน​เตียง​เตา​ริม​หน้าต่าง

“​วันนี้​โรง​ครัว​ของ​เรา​ก็​ทำ​เกี๊ยว​เช่นกัน​ ​ให้​ข้า​ยก​มา​ให้ท่าน​โหว​ทาน​รองท้อง​ดี​หรือไม่​”

“​ไม่ต้อง​หรอก​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ปฏิเสธ​โดย​ไม่​คิด

สือ​อี​เหนียง​นึกถึง​อาหาร​สาม​มื้อ​ต่อ​วัน​ของ​เขา​ ​เขา​ไม่​แตะ​ขนม​และ​ผลไม้​มื้อ​ดึก​แม้แต่​นิดเดียว​ ​จึง​ทำได้​เพียง​นั่งลง​เป็นเพื่อน​เขา

“​ตอนบ่าย​พวกเรา​ไป​สกุล​เจียง​กัน​เถิด​”​ ​จู่ๆ​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​พูด​ขึ้น​มา​ ​“​เดี๋ยว​จะ​ต้อง​ไป​แต่ง​ลูกสะใภ้​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​การ​แต่งงาน​ครั้งนี้​ถูก​หมั้น​หมาย​โดย​นายท่าน​ใหญ่​สกุล​เจียง​คน​ก่อน​กับ​เจียง​ไป่​ ​เจียง​ซง​ไม่ได้​รู้สึก​ยินดี​มาก​นัก​ ​ดังนั้น​ครอบครัว​ของ​เรา​ต้อง​แสดง​ความจริงใจ​ให้​มากขึ้น​จึง​จะ​ถูก​”

หาก​มี​ของไหว้​ติดไม้ติดมือ​ไป​เยอะ​แน่นอน​ว่าย​่​อม​ไม่​ถูก​ตำหนิ​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ด้วย​สถานะ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​คนอื่น​ก็​จะ​รู้สึก​ว่า​เขา​เป็น​คน​อ่อนน้อม​ถ่อมตน

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​ ​“​หลาย​วันก่อน​ข้า​ดู​สมุดบัญชี​ ​ญาติพี่น้อง​ไปมาหาสู่​กัน​เช่นนี้​ใช้​เงิน​ใน​ส่วน​นี้​ไป​แค่​ห้าสิบ​ตำลึง​…​”

“​แค่​ห้าสิบ​ตำลึง​หรือ​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​อย่าง​ไม่​ลังเล​ว่า​ ​“​ข้า​จะ​ให้​ผู้ดูแล​จ้าว​เลือก​ภาพวาด​จาก​คลัง​ส่ง​ไป​ให้​อีก​สอง​สาม​ภาพ​”

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​ตอบรับ​ ​นาง​หยิบ​ป้าย​ที่​ไท่ฮู​หยิน​ให้​มา​แล้ว​ให้​หู่​พั่ว​นำ​ไป​ขอ​รูปภาพ​จาก​คลัง

สาวใช้​น้อย​เข้ามา​รายงาน​ ​“​คุณชาย​น้อย​ห้ามา​แล้ว​เจ้าค่ะ​”

“​ให้​เข้ามา​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​ ​ปินจ​วี​๋​อุ้ม​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เดิน​เข้ามา

เมื่อ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เห็น​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​อยู่​ด้วย​ดวงตา​ก็​เป็นประกาย​ขึ้น​มาทัน​ที

ปินจ​วี​๋​พา​เขา​มาคำ​นับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​เขา​ยืน​มอง​สวี​ลิ่ง​อี๋​อยู่​ที่​เดิม​ไม่​ขยับ​ไป​ไหน​ ​ไม่มี​ความคล่องแคล่ว​เหมือนปกติ​ ​ดู​เหม่อลอย​เล็กน้อย

สือ​อี​เหนียง​เห็น​แล้วก็​รู้สึก​ขบขัน​ ​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​เจ้า​ทาน​เร็ว​ขนาด​นี้​เลย​หรือ​”

เพราะ​มีส​วีลิ​่​งอี​๋​อยู่​ ​ปินจ​วี​๋​จึง​แสดงท่าที​นอบน้อม​เป็นอย่างมาก​ ​“​ทาน​เกี๊ยว​ไป​เก้า​ลูก​แล้ว​เจ้าค่ะ​”

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​ ​มอง​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​แล้ว​เอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​ว่า​ ​“​เจี​้ย​เกอ​เก่ง​มาก​”

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ยิ้ม​ด้วย​ความดีใจ

แต่​สวี​ลิ่ง​อี๋​กลับ​ขมวดคิ้ว​ ​“​เหตุใด​เด็ก​คน​นี้​จึง​ไม่พูดไม่จา​”

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เห็น​ดังนั้น​จึง​รีบ​ถอยหลัง​ไป​สอง​ก้าว​ ​ใบหน้า​เล็ก​ของ​เขา​ดู​ตึงเครียด

สือ​อี​เหนียง​อด​ยิ้ม​ไม่ได้​ ​นาง​เข้าไป​อุ้ม​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​“​พวกเรา​ไปหา​ไท่ฮู​หยิน​กัน​เถิด​”

“​เขา​เดิน​เอง​ไม่​เป็น​หรือ​อย่างไร​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ลุกขึ้น​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ให้​ปินจ​วี​๋​อุ้ม​เถิด​ ​หาก​เจ้า​อุ้ม​ระวัง​จะ​หลุดมือ​เอา​”

การ​ที่​อุ้ม​เด็ก​สาม​ขวบ​นั้น​รู้สึก​ลำบาก​จริงๆ​ ​สือ​อี​เหนียง​จึง​ให้​ปินจ​วี​๋​เป็น​คน​อุ้ม​ตามที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​บอก​ ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เดิน​ไป​ที่​เรือน​ไท่ฮู​หยิน​ต้อง​ใช้เวลา​สอง​ถ้วย​น้ำชา​ ​เจี​้ย​เกอ​ยัง​เล็ก​เกินไป​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​แค่​พูด​ไป​เรื่อยเปื่อย

เขา​ไม่มี​ประสบการณ์​ใน​การ​พูดคุย​กับ​เด็ก

ครั้งแรก​ที่​เขา​ได้​เป็น​พ่อ​คน​ก็​ตอนที่​เขา​ไปรั​บรา​ชการ​ ​ลูก​นั้น​ยังอยู่​ใน​ท้อง​ ​พอก​ลับ​มา​ลูก​ก็​วิ่งเล่น​ได้​แล้ว​ ​พอ​มี​จุน​เกอ​เขา​ก็​ย้าย​ไป​อยู่​ที่​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​ ​จากนั้น​ก็​ไป​ออกรบ​…

ส่วน​สือ​อี​เหนียง​กำลัง​คิดถึง​เรื่อง​ไป​เยี่ยม​สกุล​เจียง

ใน​วัน​ตรุษจีน​พึ่ง​จะ​กลับมา​จาก​วัง​ ​แต่​สิ่ง​แรก​ที่​ต้อง​ทำ​ก็​คือ​ไป​เยี่ยม​สกุล​เจียง

ดูเหมือนว่า​เขา​ไม่เพียงแต่​ตัดสินใจ​ที่จะ​ทำให้​การ​หมั้น​หมาย​ใน​ครั้งนี้​เสร็จสิ้น​เท่านั้น​ ​แต่​ยัง​ให้ความสำคัญ​กับ​เรื่อง​นี้​มาก​อีกด้วย

นาง​พลัน​นึกถึง​เรื่อง​ที่อยู่​ใน​ใจ​ของ​ตัวเอง​มา​เสมอ​ ​นั่น​ก็​คือ​การ​เลือก​อาจารย์​ให้​จุน​เกอ

“​ท่าน​โหว​ ​ครั้งก่อน​พี่สะใภ้​สอง​บอกว่า​ฉิน​เกอ​กับ​อวี​้​เกอ​มีวิชา​ความรู้​ที่​ดีมาก​ ​อยาก​จะ​เชิญ​อาจารย์​มาสอน​โดยเฉพาะ​ไม่ใช่​หรือ​เจ้า​คะ​ ​สกุล​เจียง​มีสำ​นักศึกษา​อยู่​ที่​บ้านเกิด​ ​เหตุใด​ท่าน​ไม่​ขอให้​สกุล​เจียง​ช่วย​แนะนำ​อาจารย์​ให้​สัก​ท่าน​…​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ส่ายหน้า​เบา​ๆ​ ​ ​“​อย่างไร​เสีย​ทั้งสอง​สกุล​ก็​ยัง​ไม่ได้​นับ​ญาติ​กัน​อย่างเป็นทางการ​”​ ​หยุด​ไป​ครู่หนึ่ง​แล้ว​พูด​ต่อว่า​ ​“​ยิ่งไปกว่านั้น​สำนัก​ศึกษา​ของ​สกุล​เจียง​ให้ความสำคัญ​กับ​บทเรียน​แปด​บท​มากกว่า​บทกวีนิพนธ์​ ​ข้า​คิด​ว่า​เรื่อง​นี้​ช่างมัน​เถิด​”

สือ​อี​เหนียง​นึกถึง​ตอนที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​เคย​กล่าว​ไว้​ว่า​ท่าน​โหว​คน​ก่อนที่​ล่วงลับ​ไป​แล้วก็​เคย​ขัดขวาง​คุณชาย​สาม​จาก​การ​เข้าร่วม​การ​สอบ

สือ​อี​เหนียง​นึกถึง​ตอนที่​ตัวเอง​อยู่​ใน​จวน​สกุล​หลัว​ ​ไม่ว่า​จะ​เป็น​นายท่าน​ใหญ่​หรือ​นาย​หญิง​ใหญ่​ ​ต่าง​ก็​กำชับ​ให้​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​และ​หลัว​เจิ​้น​เซิง​เรียน​บทเรียน​แปด​บท​เพื่อ​เข้าร่วม​การ​สอบ​เข้า​รับราชการ​ ​แล้วยัง​บอกอี​กว่า​บทกวีนิพนธ์​ล้วน​เป็น​วิชา​ที่​ไร้สาระ​ ​แต่​ความคิด​ของ​สกุล​สวี​กลับ​ตรงกันข้าม​ ​ไม่​ส่งเสริม​ให้​บุตรชาย​เข้าร่วม​การ​สอบ​ ​อย่า​ลืม​ว่า​ตอนที่​ราชวงศ์​โจว​ประกาศรับ​ข้าราชการ​ทหาร​ ​มี​เพียง​คนที​่​เกิด​ใน​ตระกูล​ขุนนาง​ที่​ประพฤติดี​ถึง​จะ​ได้​เข้าร่วม​ ​ที่​เหลือ​ต่าง​ถูก​มองว่า​เป็น​จิ้งจอก​เจ้าเล่ห์​ ​ไม่มี​สิทธิ์​ได้รับ​โอกาส​นี้​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​มีทั​้​งบุ​ตร​ชาย​ของ​อนุภรรยา​และ​บุตรชาย​ของ​ภรรยา​เอก​ ​แต่​ตำแหน่ง​หย่ง​ผิง​โหวก​ลับ​มี​เพียง​ตำแหน่ง​เดียว​ ​วิธี​ที่​ดีที​่​สุด​ใน​การ​ลด​ความขัดแย้ง​เหล่านี้​คือ​การ​ส่งเสริม​ให้​ลูก​ๆ​ ​พึ่งพา​ตัวเอง​ ​ในท้ายที่สุด​การแข่งขัน​ของ​อำนาจ​ก็​คือ​การแข่งขัน​ของ​สิทธิ​ใน​การดำรงชีวิต​ ​ถ้า​ลูก​ๆ​ ​มี​ความสามารถ​ใน​การอยู่รอด​ ​ความโลภ​ใน​ตำแหน่ง​ก็​จะ​มีน​้อ​ยก​ว่า​เด็ก​ที่​ไม่​สามารถ​ดูแลตัวเอง​ได้

สือ​อี​เหนียง​หวัง​ว่า​สวี​ซื่อ​อวี​้​และ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​จะ​พึ่งพา​ตัวเอง​ได้​…

“​ความคิด​ของ​ท่าน​โหว​ช่าง​แปลก​จริงๆ​”​ ​นาง​ลอง​ที่จะ​พูดคุย​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​ข้า​เคย​ได้ยิน​แต่​คน​อยาก​จะ​สอน​บุตรหลาน​ให้​ตั้งใจ​ศึกษา​บทเรียน​แปด​บท​ ​ไม่เคย​ได้ยิน​ว่า​สกุล​ไหน​ที่​ไป​เชิญ​อาจารย์​มา​แต่กลับ​ไม่​ชอบ​อาจารย์​ที่​สอน​บทเรียน​แปด​บท​”

สือ​อี​เหนียง​เป็น​บุตรสาว​ของ​สกุล​หลัว​ ​เติบโต​ใน​เรือน​ใน​ ​ดังนั้น​มุมมอง​ที่กล่าวมา​เหล่านี้​ย่อม​เป็นความ​เห็น​ของ​สกุล​หลัว

สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​พวกเรา​กับ​สกุล​หลัว​แตกต่าง​กัน​”

สือ​อี​เหนียง​ประหลาดใจ​เล็กน้อย​

หมายความว่า​สกุล​สวี​เป็น​ตระกูล​ขุนนาง​ที่​สืบทอด​ตำแหน่ง​กัน​มา​อย่างนั้น​หรือ​

สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​ความ​สับสน​ใน​แววตา​ของ​สือ​อี​เหนียง​จึง​อด​ยิ้ม​ไม่ได้

ไม่ว่า​สือ​อี​เหนียง​จะ​ฉลาด​แค่ไหน​แต่​นาง​ก็​ยัง​ขาด​ความรู้​ไป​บ้าง

“​หลังจากที่​ได้​เข้า​รับราชการ​แล้ว​ ​สกุล​คนธรรมดา​ทั่วไป​ก็​ไม่มีใคร​ที่จะ​ไม่​ใช้​ตำแหน่ง​มา​เชิดชู​ตระกูล​ ​เมื่อ​เข้า​รับราชการ​แล้วก็​จะ​มีส​หาย​ร่วม​ชาติ​ ​มีส​หาย​ร่วม​ตำแหน่ง​ ​มีที​่​หลบภัย​ ​แต่​สกุล​ขุนนาง​ของ​เรา​นั้น​แตกต่าง​กัน​ ​ได้รับ​คำสั่ง​ให้​จงรักภักดี​ต่อ​ฝ่า​บาท​ ​ความรุ่งโรจน์​และ​ความมั่งคั่ง​ขึ้นอยู่กับ​ฮ่องเต้​เพียง​คนเดียว​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​อย่าง​อ้อมค้อม​ว่า​ ​“​พวกเรา​จะ​โลภมาก​จน​ทำผิด​กฎ​ของ​เรือน​ไม่ได้​”

สือ​อี​เหนียง​พิจารณา​คำพูด​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​อยู่​ครู่หนึ่ง​กว่า​จะเข้า​ใจ

สกุล​หลัว​มี​เพียง​การ​เข้า​รับ​ตำแหน่ง​จาก​การ​สอบ​เข้า​จึง​จะ​ทำให้​ตระกูล​เจริญรุ่งเรือง​ ​ดังนั้น​จึง​ต้อง​ศึกษา​บทเรียน​แปด​บท​ให้​ดี​ ​แต่​คน​อย่าง​สกุล​สวี​ขอ​เพียงแค่​รับใช้​ฮ่องเต้​ให้​ดี​ก็​พอแล้ว​ ​การผ่า​นค​วาม​ยากลำบาก​มาสิบ​ปี​ ​เมื่อ​ผ่าน​มา​ได้​แล้วก็​จะ​ได้รับ​การ​ดูแล​จาก​ผู้อาวุโส​ที่​มีประสบการณ์​เช่นเดียวกัน​ ​แต่​ก็​ไม่​สามารถ​สอบผ่าน​เข้า​รับราชการ​ได้​ ​ประการ​แรก​คือ​ไม่ได้​รับ​การยอ​มรับ​จาก​ขุนนาง​ที่​เข้ามา​โดย​ผ่าน​การ​สอบ​ ​สอง​คือ​ไม่มี​เส้นสาย​ใน​แวดวง​นี้​ ​สิ่ง​ที่​ต้อง​ทำต่อ​ไป​และ​ทำได้​ดี​คือ​การ​พึ่งพา​ฮ่องเต้​อย่าง​เดียว​เท่านั้น

ดังนั้น​หาก​คน​สกุล​หลัว​ต้องการ​ให้​สกุล​มีหน้ามีตา​ก็​ต้อง​อาศัย​การ​สอบ​จอ​หงวน​ ​ส่วน​สกุล​สวี​หาก​ต้องการ​ให้​มีหน้ามีตา​ก็​ต้อง​อาศัย​คำชมเชย​จาก​ฮ่องเต้​เพราะว่า​ไม่มีทาง​ออก​ทาง​อื่น​ ​ดังนั้น​จึง​ต้อง​เรียนรู้​สิ่ง​ที่​แตกต่าง​จาก​ผู้อื่น

นี่​คง​เป็น​วิธี​ที่​ฮ่องเต้​ทำให้​เหล่า​บรรดา​ขุนนาง​เท่าเทียมกัน​กระมัง

นาง​พูดไม่ออก​อยู่​ชั่วขณะหนึ่ง

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท