ตอนที่ 161 เปิดทางให้หนีชั่วคราว ญาณเมืองเซียน!
“ฮ่า ๆ!”
“เมืองเซียนโบราณเปิดแล้ว!”
“เข้าเมืองเซียน แล้วคว้าเอาสมบัติเซียนออกมากันเถิด!”
“ไสหัวไปเสีย สมบัติเซียนเป็นของทั้งแปดสำนัก!”
“…”
หลังจากเมืองเซียนโบราณเปิดออก ผู้ฝึกยุทธ์กว่าล้านคนก็ต่างกลายเป็นลำแสง ตะเกียกตะกายพุ่งเข้าไปในเมืองเซียนโบราณ!
โดยเฉพาะสำนักปีศาจโบราณ สำนักโลกใต้พิภพ สำนักญาณเซียนและเหล่ากองกำลังชั้นหนึ่งสำนักอื่น ๆ ต่างต้องการที่จะเป็นผู้นำที่จะได้เข้าเมืองเซียนไปก่อน!
“น้องชายข้า ฆ่ามันเสีย!”
ในเวลานี้เอง อู๋ซื่อก็ร้องตะโกนออกมา!
ตึก!
อู๋เซียนเหรินก้าวออกมาด้านหน้าทันที นัยน์ตาเย็นชาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารอย่างชัดเจน!
“หนิงฝาน ถึงวันตายของเจ้าแล้ว! ส่วนสำนักเซียนกระบี่ของเจ้า ไว้ข้าค่อยทำลายทีหลัง!”
ตู้ม!
สิ้นเสียงนั้น อู๋เซียนเหรินก็ระเบิดพลังฝ่ามือเข้าใส่หนิงฝานทันที!
ด้วยพลังของหัตถ์นี้ ฟ้าดินก็คล้ายจะถล่มลงมา ฝ่ามือประทับอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งตรงไปยังหนิงฝานโดยมิมีสิ่งใดปิดกั้น
“ท่านเจ้าสำนัก ระวัง!”
เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว เหล่ายอดฝีมือแห่งสำนักเซียนกระบี่พลันร้องออกมาเสียงหลงในทันที!
“เหอะ!”
ผู้ใดจะล่วงรู้ว่าหนิงฝานแอบเตรียมตัวมาตั้งนานแล้ว!
ชิ้ง!
เขาชักกระบี่ออกมา และสับฟันกระบี่ไปยังฝ่ามือนั้นทันที!
ตู้ม!
ปราณกระบี่และฝ่ามือนั้นชนกันอย่างแรงในความว่างเปล่า พลันบังเกิดเสียงดังกึกก้อง และตามมาด้วยคลื่นพลังอันรุนแรงที่ไร้ที่สิ้นสุด!
ทันใดนั้น ปราณกระบี่ก็ระเบิดออก ฝ่ามือนั้นแตกสลาย แล้วทั้งสองสิ่งนี้ก็หายไปพร้อมกัน!
“หืม?!”
เมื่อเห็นว่าฝ่ามือของตนเองไม่สามารถฆ่าหนิงฝานได้ อู๋เซียนเหรินที่กำลังจะหมุนตัวเข้าไปในเมืองเซียนโบราณพลันหยุดฝีเท้าลงทันที!
เขาหันมามองหนิงฝาน แลอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วพร้อมพูดขึ้นว่า “ที่แท้เจ้าก็ไม่ใช่เทพสูงสุด แต่เป็นกึ่งเซียนก้าวที่หนึ่ง!”
“หึ ๆ ใช่แล้ว ตอนนี้ยังมีกระจิตกระใจฆ่าข้าอยู่หรือไม่?” หนิงฝานยิ้มยั่วยุ
“หึ! ต่อให้เจ้าเป็นกึ่งเซียนก้าวที่หนึ่งแล้วจะอย่างไร จะฆ่าเจ้าก็แค่ต้องเสียพลังเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อยเท่านั้น!”
อู๋เซียนเหรินยิ้มดูแคลน แล้วพลังทั่วทั้งร่างกายก็เริ่มเดือดพล่านอีกครั้ง!
“ใช่หรือ เช่นนั้นเจ้าก็ลองดู!”
หนิงฝานตวัดกระบี่ออก พลันเสียงแหลมคมดังแว่วเข้าหูเขา จากนั้นชายหนุ่มก็หยอกล้อว่า “ข้าเพียงแต่เกรงว่าเจ้าจะยังไม่ทันได้ฆ่าข้า สมบัติเซียนภายในเมืองเซียนโบราณก็ถูกผู้คนขโมยไปจนหมดเสียแล้ว!”
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว สีหน้าของอู๋เซียนเหรินก็พลันดูไม่ค่อยดีในทันที!
ในฐานะที่เป็นขอบเขตกึ่งเซียน เขารู้ดีถึงความยากลำบากในการปีนป่ายขึ้นมาเป็นกึ่งเซียน!
เว้นแต่ว่าจะมีพลังทำลายล้างอย่างแท้จริง เช่นนั้นสงครามระหว่างกึ่งเซียนย่อมต้องใช้เวลานานเป็นวันเป็นคืน!
แม้เขาจะเชื่อว่าตนเองสามารถฆ่าหนิงฝานได้ แต่เพราะเหตุนี้อาจทำให้เขาต้องล่าช้าไปหลายวัน เช่นนั้นเขาจะสามารถได้รับสมบัติเซียนได้อย่างไร!
“พี่สาวข้า! ยังมีเวลาอยู่อีกมาก!”
“ปล่อยมันไปก่อน รอจนเมืองเซียนโบราณหายไป ค่อยสังหารมันก็ยังไม่สาย!”
อู๋เซียนเหรินเปลี่ยนความคิดในทันที!
ภายในใจของเขา จะฆ่าหนิงฝานเมื่อใดหรือที่ไหนก็ย่อมได้ แต่โอกาสที่จะได้รับสมบัติเซียนกลับต้องรอเป็นหมื่นปีถึงจะได้สักครา!
“เช่นนั้น… ให้เป็นไปตามที่เจ้าว่า!”
สำหรับเรื่องนี้ แม้อู๋ซื่อจะไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ก็ทำได้เพียงต้องยอมรับ!
แล้วคนทั้งสองคนก็จ้องมองไปยังหนิงฝานด้วยความเย็นชา จากนั้นสำนักเซียนยุทธ์และสำนักเซียนวิถีสวรรค์ก็พาผู้คนของพวกเขาเข้าไปในเมืองเซียนโบราณ
เมื่อเหตุการณ์จบลง เหล่ายอดฝีมือของสำนักเซียนกระบี่ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ท่านเจ้าสำนัก ตอนนี้พวกเราจะทำเช่นไรดี?” คนในสำนักเซียนกระบี่ถามขึ้น
“ย่อมต้องเข้าไปในเมืองเซียน!” หนิงฝานตอบ
“แต่ว่า…”
พวกเขาต่างมีสีหน้าที่หนักใจ เห็นได้ชัดว่าสำนักเซียนยุทธ์และสำนักเซียนวิถีสวรรค์กำลังมุ่งเป้ามายังสำนักเซียนกระบี่ หากเข้าไปในเมืองเซียนโบราณ ก็ราวกับว่าโยนตัวเองเข้าไปในกับดัก!
“หึ ๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากัน ผู้ชนะย่อมเป็นจ้าว อีกอย่างมีข้าอยู่ย่อมไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรอก!”
หนิงฝานเอ่ยตอบอย่างไม่คิดมาก ก่อนจะนำผู้คนแห่งสำนักเซียนกระบี่เข้าไปในเมืองเซียนโบราณ!
พรึ่บ!
เมื่อแสงสว่างขึ้น เหล่าผู้คนก็เข้ามายังภายในเมืองเซียนโบราณแล้ว!
ภาพตรงหน้าคือ ถนนสายใหญ่ที่สามารถเข้าถึงได้จากทุกด้านราวกับไร้ขอบเขต!
อีกทั้งถนนทั้งสองข้างก็เต็มไปด้วยบ้านที่อยู่อาศัย ตำหนัก พระราชวัง และหอต่าง ๆ บนนั้นมีอักษรเต็มไปหมด กระทั่งส่องแสงเปล่งประกายระยิบตา!
“สมกับเป็นเมืองเซียนโบราณ ช่างกว้างใหญ่เสียจริง!”
มองดูรอบ ๆ ทุกสารทิศ หนิงฝานก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง!
ภายในเมืองเซียนโบราณนั้นยิ่งใหญ่มากกว่าการมองเข้ามาจากโลกภายนอกเสียอีก!
เทพยุทธ์กว่าล้านคนที่พึ่งเข้ามายังภายในเมือง แต่รอบตัวตอนนี้ นอกจากผู้คนของสำนักเซียนกระบี่แล้วนั้น กลับไม่พบเงาของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นแม้แต่คนเดียวเลย!
“ท่านเจ้าสำนัก นี่คือตำหนักใหญ่ ภายในมีสมบัติเซียนที่กำลังส่องแสงแวววาวอยู่!”
ในเวลานี้เอง พลันมีคนจากที่ไม่ไกลมากนักตะโกนขึ้นมา
หนิงฝานจึงก้าวเข้าไปดูทันที
นี่คือตำหนักใหญ่ที่ดูเก่าแก่ หากเปรียบเทียบกับห้องหรืออาคารรอบข้าง ตำหนักใหญ่หลังนี้ดูโออ่าและแปลกตายิ่งกว่า!
ด้านบนของประตูตำหนักนั้นมีป้ายโลหะเคลือบทองคำแขวนเอาไว้ อีกทั้งด้านบนยังมีตะขอเหล็กและถูกสลักอักขระตัวใหญ่ไว้ว่า ‘ตำหนักสวรรค์อธิษฐาน’!
หากมองผ่านจิตวิญญาณก็จะเห็นได้ว่า ภายในตำหนักใหญ่มีแสงจ้าทอประกายเลือนราง และปราณที่เดือดพล่านอยู่ภายในก็กระเพื่อมอยู่ตลอดเวลา!
ในเวลานี้ มีผู้อาวุโสคนหนึ่งต้องการจะเปิดประตูเข้าไป ทว่าประตูตำหนักกลับสว่างขึ้น แล้วพลังงานขนาดใหญ่ก็โจมตีจนทำให้เขาถูกผลักออกมา กระทั่งได้รับบาดเจ็บมิน้อย!
“อย่าอวดดี ตำหนักใหญ่แห่งนี้มีข้อห้ามอยู่!”
หนิงฝานเอ่ยปากเตือนพวกเขาทันที ก่อนที่ตนจะก้าวออกไปด้านหน้า!
เมื่อตรวจสอบดูอย่างละเอียด เขาก็เข้าใจได้ในทันที!
ข้อห้ามของตำหนักใหญ่นี้มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมากและไม่สามารถทำลายได้ หากไม่มีกึ่งเซียนหรือเทพสูงสุดสิบคนขึ้นไป!
เคร้ง!
ไม่รอช้า หนิงฝานชักกระบี่ออกมาและสับฟันออกไป พลันลำแสงสว่างวาบขึ้นก่อนจะหายไปในที่สุด และข้อห้ามนั้นก็ถูกทำลายลงในทันที!
เอี๊ยด!
พวกหนิงฝานช่วยกันเปิดประตูและเข้าไปในตำหนักใหญ่!
ภายในตำหนักกว้างใหญ่เป็นอย่างมาก ตรงกลางมีหม้อยาสามขาสองหูวางอยู่ และส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่ว!
อีกทั้งภายในนั้นยังมีเม็ดยากว่าสิบเม็ดที่ส่องแสงสว่างออกมาราวกับภูตตัวน้อย ๆ!
“อ๊ะ! เม็ดยาเซียน!”
เห็นเช่นนั้นแล้ว ผู้คนสำนักเซียนกระบี่ก็เข้าไปห้อมล้อมในทันที สายตาของทุกคนตาต่างร้อนผ่าวยิ่ง!
ทว่าหนิงฝานกลับส่ายหน้า “ไม่ใช่เม็ดยาเซียนของจริง เป็นเพียงเม็ดยากึ่งเซียน!”
“เม็ดยากึ่งเซียนก็น่าเกรงขามมากแล้ว!”
แม้ว่าจะเป็นเพียงเม็ดยากึ่งเซียน ทว่าคนสำนักเซียนกระบี่ต่างก็ตื่นเต้นมาก!
“เม็ดยากึ่งเซียนพวกนี้ไม่ค่อยมีประโยชน์กับข้ามากนัก ข้ามอบให้พวกเจ้า!”
หนิงฝานมอบเม็ดกึ่งเซียนทั้งสิบเม็ดนั้นให้กับผู้อาวุโสทั้งสิบคนของสำนักเซียนกระบี่
“ขอบคุณท่านเจ้าสำนัก!”
เหล่าผู้อาวุโสทั้งสิบดีใจมาก เพราะพวกเขายังเป็นแค่เทพสูงสุด หากได้ใช้เม็ดยากึ่งเซียนนี้แล้ว ก็อาจจะมีโอกาสพัฒนาไปถึงขั้นกึ่งเซียนได้อย่างสมบูรณ์ ต่อให้ไม่สามารถพัฒนาไปถึงได้ ก็สามารถเพิ่มอายุขัยและพลังได้เป็นอย่างมาก!
หลังจากนั้น หนิงฝานก็พาเหล่าคนสำนักเซียนกระบี่เดินสำรวจดูภายในตำหนักใหญ่ แล้วพวกเขาก็ค้นพบสมบัติเซียนอีกจำนวนหนึ่ง!
ทุกคนในสำนักเซียนกระบี่ต่างยิ้มแย้มอย่างมีความสุข!
และก่อนที่จะออกจากตำหนักใหญ่ไป หนิงฝานก็หยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน!
‘ใช่แล้ว ระบบ ลงชื่อเข้าใช้ในที่แห่งนี้!’
[ติ๊ง! ลงชื่อเข้าใช้เมืองเซียนโบราณสำเร็จ และได้รับญาณเมืองเซียน!]
ครืน!
หลังจากเสียงแจ้งเตือนของระบบจบลง แสงและเงาของเมืองก็ปรากฏขึ้นในพื้นที่ของระบบ!
‘ญาณเมืองเซียน? คือสิ่งใดกัน!’ หนิงฝานงุนงง และเขาก็รีบตรวจสอบดูอย่างรวดเร็ว!
[ญาณเมืองเซียน คือ อาวุธวิญญาณแห่งเมืองเซียนโบราณ หากผ่านการฝึกฝนจะสามารถควบคุมเมืองเซียนโบราณได้ทั้งหมด!]
‘หืม? นี่มัน!’
เมื่อเห็นระบบแนะนำขึ้น ภายในใจของหนิงฝานก็ตื่นตกใจ ก่อนจะดีใจเป็นอย่างมาก!
นี่ไม่ใช่ว่าขอเพียงเขาฝึกฝนญาณเมืองเซียน ทุก ๆ อย่างในเมืองนี้ก็จะตกอยู่ในการควบคุมของเขาหรือ!
แล้วนับจากนี้ ภายในเมืองแห่งนี้ก็จะไม่มีผู้ใดต่อกรกับเขาได้!
“ฮ่า ๆ!”
‘ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็มิต้องเสียแรงไปตามหาสมบัติเซียนแล้ว รอให้ฝึกฝนญาณเมืองเซียน ทุก ๆ อย่างก็จะตกเป็นของข้า!’
หนิงฝานเงยหน้าและหัวเราะออกมา ก่อนจะสั่งเหล่าผู้คนแห่งสำนักเซียนกระบี่ว่า “ทุกท่าน ข้าเพิ่งนึกขึ้นได้ พวกเจ้าไปปกป้องตำหนักใหญ่ด้านนอก หากข้าไม่อนุญาตห้ามให้ผู้ใดเข้ามาเด็ดขาด!”
“รับทราบ!”
สิ่งที่ท่านเจ้าสำนักนึกขึ้นมาได้นั้นย่อมสำคัญเป็นอย่างมาก เหล่าผู้คนแห่งสำนักเซียนกระบี่ไม่กล้าประมาท ต่างพากันปกป้องตำหนักใหญ่จากภายนอกทันที
หนิงฝานนั่งลงตรงที่นั่งภายในตำหนักใหญ่ แล้วเอาญาณเมืองเซียนที่อยู่ในพื้นที่ระบบออกมา!
พรึ่บ!
ทันทีที่ญาณเมืองเซียนออกมาได้ มันก็คล้ายจะหนีในทันที นี่เป็นญาณที่มีสติปัญญาเป็นของตนเอง!
“เป็นเพียงอาวุธวิญญาณเล็ก ๆ ยังคิดจะต่อต้าน ฝึกฝนเดี๋ยวนี้!”
เห็นเช่นนั้นแล้ว หนิงฝานก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
จากนั้นเขาก็เรียกใช้คัมภีร์เซียนธุลีสีชาดทันที และเริ่มหลอมรวมญาณเมืองเซียนโดยไม่รอช้า!