ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 2 เล่ม 3 ตอนที่ 5-12

ภาค 2 เล่ม 3 ตอนที่ 5-12

“คุณอีอูยอนนี่ดีเนอะ ได้ใช้ห้องพักรับรองห้องเดียวกับคนรักด้วย”

เกิดเสียงหัวเราะขึ้นท่ามกลางคนพวกนั้น

“ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งเดท ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยนะครับเนี่ย”

“ฮ่าๆ นั่นสิครับ”

แม้จะเห็นด้วย แต่อินซอบก็เหงื่อตก

เนื่องจากห้องพักรับรองที่เตรียมไว้ไม่พอสำหรับหนึ่งคนต่อห้อง พวกนักแสดงจึงจำเป็นต้องใช้ห้องละสองคน แล้วแชยอนซอก็อยู่ในการถ่ายแบบวันนี้ด้วย ดังนั้นอีอูยอนและแชยอนซอจึงได้ใช้ห้องพักรับรองห้องเดียวกันไปโดยปริยาย

นี่เป็นครั้งแรกที่อินซอบได้เห็นแชยอนซอบใกล้ขนาดนี้ เธอเป็นคนดังในหมู่คนดังจริงๆ ทั้งน้ำเสียง ลักษณะการพูด แววตา และท่าทางล้วนแต่เปี่ยมไปด้วยความน่ารัก แค่คนทั้งคู่อยู่ร่วมกันในภาพเดียวก็กลายเป็นภาพวาดแล้ว ราวกับเป็นผลงานที่เทพเจ้าสร้างขึ้นเพื่อกันและกัน อินซอบมองภาพของตนที่สะท้อนอยู่ในกระจกก่อนจะก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกถึงความอับอายที่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเธอ

เรื่องที่น่าเศร้ายิ่งกว่าอะไรก็คืออีอูยอนไม่แม้แต่จะส่งสายตาหาตนด้วยซ้ำ สุดท้ายอินซอบก็ออกมาจากห้องพักรับรองหลังจากที่บอกว่าจะไปดูสถานการณ์การถ่ายทำ

“คุณจองแจมินถ่ายเสร็จแล้ว ซอชินอาคงจะได้ถ่ายแล้วล่ะ”

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

ผู้จัดการส่วนตัวของจองแจมินรีบออกไป เนื่องจากความยืดหยุ่นในการถ่ายทำ ระยะเวลาในการถ่ายภาพเดี่ยวจึงนานกว่าก่อนหน้านี้ขึ้นเรื่อยๆ

“แล้วคุณไม่ต้องเข้าไปดูเหรอครับ ไม่ใช่ว่าปล่อยหนุ่มหล่อสาวสวยอยู่ด้วยกันตามลำพังในห้องพักรับรองนานไปแล้วเหรอ”

“เอ่อ คือ…ผมจะเข้าไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”

การล้อเล่นที่ชวนให้หงุดหงิดใจทำให้อินซอบที่หน้าแดงก้มหัวและออกไปจากตรงนี้

แม้จะไม่ได้ทิ้งให้พวกเขาอยู่กันตามลำพังเพราะมีโคดี้ของแชยอนซออยู่ แต่นี่ก็ได้เวลาที่เขาจะต้องเข้าไปแล้ว

อินซอบเคาะประตูอย่างระวังและรอการตอบรับอยู่หน้าห้องพักรับรอง แม้เขาจะรอมาสักพักแล้ว แต่ก็ไม่มีคำตอบรับกลับมา อินซอบเคาะประตูอีกสองสามครั้ง แต่ก็มีเพียงความเงียบที่เงียบเชียบเท่านั้นที่ตอบเขากลับมา

“ผมชเวอินซอบจะเข้าไปแล้วนะครับ”

อินซอบจงใจพูดเสียงดังก่อนจะเปิดประตู

แต่เขาไม่เห็นทั้งอีอูยอน ทั้งแชยอนซอ หรือแม้แต่โคดี้ของเธออยู่ข้างในเลย อินซอบคิดว่าตัวเองเข้าห้องผิดหรือเปล่า และมองไปรอบๆ

“สักครู่นะคะ”

ตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงของแชยอนซอมาจากด้านในของฉากกั้น อินซอบรีบตอบกลับไปอย่างตื่นตระหนก

“ขอโทษครับ ผมนึกว่าไม่มีใครอยู่ จะ จะออกไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้ว”

แชยอซอที่ใส่เสื้อผ้าที่ถูกเตรียมไว้เสร็จแล้วเดินออกมาจากฉากกั้น เดรสของเอลี ซาบที่มีเครื่องประดับปักอยู่บนผ้าชีฟองสีกรมท่าจนแน่นมองดูเหมือนดวงดาวที่พริ้วไหวทุกครั้งที่เธอขยับ เดรสที่มีราคาหลายสิบล้านวอนต่อหนึ่งชุดช่วยขับรูปร่างของหญิงสาวได้เป็นอย่างดี

“เป็นไงคะ พอจะใช้ได้ไหม”

ไม่ใช่แค่พอใช้ได้ แต่สวยจนแสบตาเลยต่างหาก อินซอบพยักหน้าอย่างยากลำบาก แค่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เขาก็หายใจไม่ออก เพราะความอับอายที่ตีตื้นขึ้นมาแล้ว

“…คุณอีอูยอนไปไหนเหรอครับ”

“เห็นบอกว่าจะออกไปสูบบุหรี่น่ะค่ะ”

อินซอบทำสีหน้าไม่ดีอยู่แวบหนึ่ง อีอูยอนไม่เคยสูบบุหรี่ในระหว่างที่ถ่ายงาน วันนี้เขาต้องอารมณ์ไม่ดีมากแน่ๆ

“คุณมาได้ถูกจังหวะมากเลยค่ะ โคดี้ของฉันออกไปทำธุระสักครู่หนึ่งพอดี”

หญิงสาวหันหลังก่อนจะพูดต่อ

“ฉันเอื้อมมือไปไม่ถึงเพราะเดรสน่ะค่ะ”

หลังที่โผล่ออกมาอย่างชัดเจนเพราะซิปที่รูดได้ไม่สุดทำให้อินซอบต้องหันหน้าหนีด้วยความตื่นตระหนก

“ผมจะไปเรียกคนอื่นมาให้ครับ”

“ช่วยเอามันขึ้นให้เท่านั้นเองค่ะ ไม่ต้องเรียกคนอื่นให้ยุ่งยากหรอก รบกวนทีนะคะ”

ท่าทีที่ยิ้มกว้างพร้อมกับพูดทำให้อินซอบไม่กล้าที่จะปฏิเสธเป็นครั้งที่สอง อินซอบพยายามที่จะไม่มองให้ได้มากที่สุด และเดินไปหยุดอยู่ข้างตัวของแชยอนซอ

“ติดกระดุมตรงให้ก็พอค่ะ”

“…ครับ”

นี่คือป่าที่อยู่ลึกเข้าไปในหุบเขา[1] ปมที่เล็กทำให้กระดุมไม่สามารถเข้าไปได้ง่ายๆ และลื่นหลุดจากมือของเขาอยู่หลายครั้ง

“ขอโทษครับ”

คำขอโทษของอินซอบทำให้แชยอซอหัวเราะ

“ไม่เป็นไรค่ะ ค่อยๆ ติดนะคะ”

อินซอบติดกระดุมด้วยมือที่สั่นเทา

“วันนี้คุณอีอูยอนอารมณ์ไม่ดีเหรอคะ”

“ครับ?”

คำถามที่ไม่คาดคิดทำให้อินซอบถามกลับด้วยความตกใจ

“บรรยากาศมันต่างไปจากที่เจอกันคราวก่อนนิดหน่อยน่ะค่ะ”

“…พวกคุณเคยเจอกันเหรอครับ”

แชยอนซอหันหน้ามา รอยยิ้มแหย่เล่นติดอยู่ในดวงตาของเธอ

“ห้ามไปตอบแบบนี้ที่ไหนนะคะ”

“เอ่อ ขอโทษครับ”

ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้อีอูยอนกับแชยอนซอก็อยู่ในสถานะที่กำลังคบกันอยู่ แม้เขาจะขอโทษให้กับความผิดพลาดของตัวเอง แต่ส่วนหนึ่งในจิตใจของเขากลับปฏิเสธไม่ได้

เขาอยากถามว่าทั้งสองคนเคยไปเจอกันที่ไหน และเมื่อไร แต่เขาห้ามทำแบบนั้นเด็ดขาด และไม่สามารถทำแบบนั้นได้ด้วย

…ตอนนี้เขาต้องทำแบบนั้น และต่อไปในอนาคตด้วย

“วันนี้คุณอีอูยอนไม่ค่อยพูดเป็นพิเศษน่ะค่ะ”

หญิงสาวหันหน้ามาอีกครั้ง

“…ดูเหมือนสภาพร่างกายจะไม่ค่อยดีเท่าไรน่ะครับ”

“เป็นห่วงจัง”

เธอพึมพำเหมือนพูดคนเดียว เป็นคำพูดที่ไม่สำคัญอะไร เป็นคำพูดที่พูดออกมาราวกับจะปล่อยให้มันผ่านไป

แต่อินซอบอ่านไมตรีจิตที่มีต่ออีกฝ่ายในคำพูดนั้นออก

อินซอบกลั้นหายใจ เพราะความรู้สึกที่ตีตื้นขึ้นมาจนถึงคอในชั่วพริบตา

อิจฉา

เป็นความรู้สึกที่เขารู้สึกจนหน้ามืด และนี่คือครั้งแรก ความรู้สึกที่เหมือนกับมีสัมผัสที่รุนแรงมาข่วนหัวใจของเขาไปทำให้อินซอบทำตัวไม่ถูก

แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเห็นผู้หญิงที่แสดงไมตรีให้เขาในตอนที่อยู่ข้างๆ อีอูยอนมาก่อน คนที่ไม่ใช่แค่หยิบยื่นไมตรีอย่างแอบๆ แต่หยิบยื่นไมตรีให้อย่างตรงไปตรงมาก็มีอยู่หลายคน แม้จะเป็นการโกหก ถ้าจะบอกว่าหัวใจของเขาไม่ส่งเสียงร้องในทุกครั้งที่เป็นแบบนั้น แต่อย่างน้อยก็ไม่เคยรู้สึกถึงความอิจฉาที่รุนแรงเหมือนกับตอนนี้มาก่อน

“…?”

แชยอนซอหันกลับมามองด้วยสีหน้าสงสัย วินาทีที่สบตากับเธอ อินซอบก็ได้รู้ถึงเหตุผลของความรู้สึกที่เปิดเผยที่ตนรู้สึก

มีความระแวงเจืออยู่ในนั้น ความรู้สึกที่มีสิ่งแปลกปลอมปะปนอยู่สั่นไหวหัวใจของเขาอย่างรุนแรง

“ขอโทษครับ”

อินซอบพึมพำคำขอโทษที่ไม่รู้ว่าพูดให้ใคร และยกมือตัวเองไปวางไว้ตรงซิปอีกครั้ง แค่รูดซิปขึ้นก็จบแล้ว ในตอนนั้นเองประตูก็ถูกเปิดออก และอีอูยอนก็เดินเข้ามา

“กำลังทำอะไรกันอยู่เหรอครับ”

นี่คือเสียงของอีอูยอนที่เขาได้ยินเป็นครั้งแรกของวัน

“คะ คุณแชยอนซอขอให้ช่วย ผมก็เลย…”

แม้จะพูดความจริง แต่อินซอบกลับรู้สึกเหมือนกำลังพูดคำแก้ตัวที่ไม่มีน้ำหนัก อีอูยอนปิดประตู เสียงดัง ปัง ทำให้หัวใจของเขาเต้นตึกตัก

อีอูยอนจ้องมองเขาด้วยหน้าตาน่ากลัว อินซอบตื่นตระหนกเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำผิด เขาคิดแค่ว่าอยากจะออกไปจากตรงนี้ เพราะความกระดากที่ไม่รู้ที่มาที่ไป

เพราะอย่างนั้นเขาจึงขยับมือโดยไม่ได้สังเกตสถานการณ์

“อ๊ะ!”

แชยอนซอกรีดร้อง ตอนนั้นเองอินซอบถึงได้รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป

“จะ เจ็บนะ”

เธอหันกลับมามองพร้อมกับนิ่วหน้า ผิวที่โดนซิปกินห้อเลือด

“ขอโทษครับ ผมจะ…”

อินซอบจะรีบรูดซิปลง แต่มือที่ยื่นมาจากด้านหลังกลับแย่งมัน และลากลงราวกับจะโยนทิ้ง การขยับมือที่เหมือนดึงเอาของสกปรกออกทำให้อินซอบแข็งค้างอยู่กับที่

อีอูยอนจ้องมองอินซอบด้วยดวงตาที่แสดงออกถึงความโกรธเป็นอย่างมาก

“ทำตัวแปลกๆ หลายครั้งแล้วนะครับ”

อินซอบหน้าแดง เพราะความอับอายและความรู้สึกผิด

แม้จะไม่ใช่เรื่องที่จงใจทำ แต่เขาก็ไม่สามารถแก้ตัวได้ เพราะความรู้สึกน่าขยะแขยงที่เขามีจนถึงเมื่อกี้

“อย่าดุเขานักเลยค่ะ เขาคงจะพลาดแหละค่ะ อ้าว โซฮี มาพอดีเลย ช่วยดูนี่ให้หน่อยสิ”

โคดี้ของแชยอนซอที่เดินเข้ามารีบวิ่งเข้ามาควบคุมสถานการณ์

“ตายจริง พี่คะ น่าจะเจ็บมากเลยนะเนี่ย

“เลือดออกเหรอ”

แชยอนซอเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“เลือดไม่ออกหรอกค่ะ แต่คงจะต้องทายานะคะ”

โคดี้เอายาทาและปลาสเตอร์ออกมาจากกระเป๋าถือ

“ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ ครับ”

อินซอบเอ่ยขอโทษต่อๆ กัน ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ยังดูไม่พอ เพราะเขาทำให้ร่างกายของนักแสดงที่กำลังจะถ่ายแบบเป็นแผล ซึ่งเป็นความผิดพลาดที่เลวร้ายที่สุด

“ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงก็เป็นส่วนที่ถูกปิดไว้อยู่แล้ว โดนปิดไว้ใช่ไหม”

หญิงสาวมองโคดี้พลางเอ่ยถาม

“ค่ะ ถึงจะโดนปิดไว้อยู่แล้วแต่…”

โคดี้มองอินซอบด้วยสายตาไม่น่ารัก อินซอบก้มหัวให้อีกครั้ง

“ขอโทษครับ หากมีอะไรที่จำเป็น ผมจะ…”

ตอนนั้นเองสตาฟก็เคาะประตูและตะโกนเข้ามา

“คุณแชยอนซอเตรียมตัวค่ะ”

“แล้วเหรอคะ เขาบอกว่าเวลาถ่ายงานเนี่ยต้องทำให้เต็มที่ไม่งั้นก็กลับบ้านไป ดูท่าจะเป็นความจริงนะ”

แชยอนซอมองกระจกและจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เธอแตะไหล่ของอินซอบที่ยังตัวสั่นและไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะพูดต่อ

“ไม่เป็นไรนะคะ ไว้ฉันจะไปเรียกร้องจากคนรักเอง”

แชยอนซอหยิบตาให้ดูอย่างขี้เล่น และเดินออกจากห้องพักรับรองไปพร้อมกับโคดี้ อินซอบทำอะไรไม่ถูกและมองประตูที่ถูกปิดลง เขาหันหน้าไปเพราะรู้สึกถึงสายตาที่มองมา

อีอูยอนที่ไร้สีหน้ากำลังมองอินซอบอยู่

“ขอโทษครับ”

อินซอบรู้ว่าตนทำให้ใครเสียหน้า

“ผมจะจัดการขอโทษให้เรียบร้อยเพื่อไม่ให้มีเรื่องกวนใจคุณอีอูยอนครับ”

“คุณ”

อีอูยอนไม่ยอมพูดต่อ เจ้าตัวกัดริมฝีปากล่างและผ่อนลมหายใจอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ใช้สายตาดุดันมองหน้าตน และการต่อว่าที่อยู่ในความเงียบนั้นก็ทำให้อินซอบตัวสั่นระริก เขารู้สึกเหมือนหัวใจของเขาแข็งจนเป็นน้ำแข็งเพราะความเยือกเย็นนั้น

อีอูยอนพึมพำคำที่เขาไม่เข้าใจ และกำข้อมือของอินซอบไว้

“ครับ? อึ่ก…”

แรงจับราวกับจะหักข้อมือทำให้อินซอบร้องออกมา

“ถ้าคุณอินซอบชอบผมน้อยลงสักหน่อย หรือใจกว้างน้อยลงอีกนิด มันก็น่าจะจบลงตั้งแต่วันนั้นแล้ว อันที่จริงคุณควรจะเอากล่องเค้กไปแล้วไม่กลับมาเลยด้วยซ้ำ”

แล้วอินซอบก็ได้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ฮาวายตอนนั้น แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ทำไมจู่ๆ ถึงเป็นแบบนี้ล่ะ

“ผมคิดว่าคุณอาจจะไม่กลับมาก็ได้ในขณะที่รอ ผมรู้ว่าผมจะต้องไม่ทำแบบนั้นอีก แต่เมื่อวาน…เหอะ โธ่เว้ย”

อีอูยอนพูดคำพูดที่ฟังดูไม่มีเหตุผลและเอามือข้างหนึ่งขึ้นมากุมหน้าผากของตัวเอง

“คุณอูยอน…เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

อินซอบมองเห็นสีหน้าซีดเผือดของอีอูยอน มีเหงื่อเกาะอยู่ตามหน้าผากของอีกฝ่าย

“รู้สึกไม่ดีตรงไหนหรือเปล่าครับ”

อินซอบถามอีอูยอนอีกครั้ง เขารู้สึกอับอายในตัวเองเหลือเกินที่คิดว่าอีกฝ่ายคงจะแค่อารมณ์ไม่ดี และมองข้ามไป ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าวันนี้สภาพร่างกายของอีกฝ่ายไม่ดีนัก

อินซอบรู้สึกเหมือนจะร้องไห้ เพราะความเป็นห่วงที่มีต่ออีอูยอน แต่ก็ต้องกลั้นไว้ ตัวเขาเองยังขาดคุณสมบัติหลายด้านในการเป็นผู้จัดการส่วนตัว

“ขอโทษครับ ผมควรจะต้องตรวจสอบสภาพร่างกายของคุณอีอูยอนก่อนแท้ๆ”

พวกเขาสบตากัน ตอนนั้นเองอีอูยอนถึงได้หายใจเบาๆ เหมือนคนที่เพิ่งรู้อะไรบางอย่าง และรีบปล่อยมือของอินซอบ ปฏิกิริยาของอีกฝ่ายทำให้อินซอบกลัว

“ป่วยมากเลยเหรอครับ”

“…”

อีอูยอนไม่ตอบและจ้องมองอินซอบนิ่งๆ จากนั้นก็หลับตาสักพักก่อนจะลืมตาขึ้น แล้วไปหยิบยาจากกระเป๋าและกลืนลงไปโดยไม่มีน้ำ

“ผมจะไปขอโทษและอธิบายกับทีมถ่ายทำ แล้วเราก็ไปโรงพยาบาล…”

อีอูยอนคว้าแขนของอินซอบไว้อีกครั้ง ด้วยวิธีที่ต่างไปจากเมื่อสักครู่นี้อย่างสิ้นเชิง อีอูยอนสัมผัสข้อมือของอินซอบด้วยสัมผัสที่เหมือนกับแตะต้องงานฝีมือที่ทำจากแก้วที่อาจจะแตกได้

“ผมไม่เคยรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปมาก่อนในชีวิตเลยครับ”

“…”

“ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว จนกระทั่งมาเจอคุณอินซอบ”

อีอูยอนค่อยๆ สังเกตรอยที่อยู่บนข้อมือของอินซอบราวกับจะปรับลมหายใจให้เป็นปกติ เขาเห็นการถอนหายใจรางๆ ในดวงตาเรียวยาวของอีอูยอน

“อย่าทำดีมากเกินไปเลยครับ เพราะคุณประเมินผมสูงไป และทำให้ผมอยากกัดเหมือนเป็นหมา”

และประตูห้องพักรับรองก็ถูกเปิดออกก่อนที่จะทันได้ถามอีกฝ่ายว่ามันหมายความว่าอย่างไรกันแน่

“คุณอีอูยอน เตรียมตัวเลยค่ะ เดี๋ยวจะต้องเริ่มถ่ายแบบแล้ว”

อีอูยอนปล่อยมืออินซอบ

“เดี๋ยวมานะครับ”

แล้วอีอูยอนก็เดินออกจากห้องพักรับรองไปทั้งๆ แบบนั้น ตอนนั้นเองเขาถึงได้รู้สึกถึงความเจ็บแปลบที่ข้อมือ

บอกว่าไม่อยากรู้สึกเสียใจที่ทำลงไป แล้วก็อย่าทำดีงั้นเหรอ แล้วมันหมายความว่าอะไรกันล่ะ

อินซอบลูบข้อมือที่ยังมีรอย และครุ่นคิดเกี่ยวกับคำพูดของอีอูยอนอยู่สักพัก แต่สิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขามีแค่สายตาของอีอูยอนที่ดึงเขาออกมาจากแชยอนซอเท่านั้น

‘ประเมินสูงไป’

และความละอายที่รุนแรงกว่าเมื่อสักครู่นี้หลายเท่าก็พุ่งขึ้นมา


[1] ป่าที่อยู่ลึกเข้าไปในหุบเขา เป็นการเปรียบเทียบเหมือนกันเป็นระยะทางที่ยาวไกล

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท