เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ชะงักกึกมองจ้าวหลิงเฟิง เขามองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ด้วยท่าทางจริงจัง “พี่อวี้หลัวไม่รู้ความเหมือนพวกเจ้า พวกเจ้าต้องคอยช่วยนางหน่อย ลุงเชื่อว่าหากพวกเจ้ายอมช่วยพี่อวี้หลัว นางจะต้องกลายเป็นเด็กดีได้อย่างแน่นอน”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เห็นท่าทางจริงใจของจ้าวหลิงเฟิงที่ขอให้พวกเขาช่วยแล้วก็ปฏิเสธไม่เด็กๆ สบตากันแล้วก็พยักหน้า
“ขอรับ ท่านลุงจ้าว”
จ้าวหลิงเฟิงรีบกล่าวขอบคุณทันที “ขอบคุณพวกเจ้าแล้ว อีกสองสามวันท่านลุงมีเวลาจะพาพวกเจ้าไปเลี้ยงของอร่อย”
“ไม่ต้องขอรับ ท่านลุงจ้าว”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เดินออกไปอย่างเบิกบานใจ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังจ้องใส่จ้าวหลิงเฟิงอย่างไม่พอใจ “เจ้าหน้าไม่อายจริง ถึงกับลดตัวเกลี้ยกล่อมแบบนี้กับเด็กน้อย”
หากจ้าวหลิงเฟิงท่าทีแข็งกร้าว เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ย่อมปฏิเสธที่จะช่วยจ้าวอวี้หลัว
แต่เจ้าหมอนี้กลับใช้ไม่อ่อน เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ตอนนี้นับวันก็ยิ่งเหมือนลู่เจียว ยอมลงให้ไม้อ่อน ไม่ยอมลงให้ไม้แข็ง แม้สีหน้าเย็นเยียบแต่ในใจอบอุ่นงดงาม จ้าวหลิงเฟิงแสดงท่าทีเช่นนี้ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ย่อมต้องโดนลูกไม้นี้ของเขาไหม
จ้าวหลิงเฟิงยิ้มถอนหายใจ “มีบุตรสาวที่น่าเป็นห่วง จะให้ข้าทำเช่นไรได้ ขอเพียงแค่ยอมสละหน้าตาแก่ๆ นี่สักครั้ง ไหนเลยจะเหมือนอวิ๋นจิ่นที่มีลูกน่ารักน่าชังสี่คน ทั้งรู้ความและฉลาดเฉลียว เรื่องนี้นับว่าเก่งเกินหลายคนใต้หล้านี้แล้ว”
จ้าวหลิงเฟิงพูดจนดูจริงใจยิ่ง พอได้ยินเขาชมเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ทำเอาเซี่ยอวิ๋นจิ่นเบิกบานใจตาม
ลู่เจียวไร้วาจาจะกล่าว มองจ้าวหลิงเฟิงที มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นที เซี่ยอวิ๋นจิ่นเจ้าเองก็โดนลูกไม้นี้ใช่ไหม
ลู่เจียวหันไปมองจ้าวหลิงเฟิง ถามว่า “เจ้ามาหาข้า หอยาเป่าเหอมีผู้ป่วยต้องการให้ข้าไปรักษาหรือ ทำไมไม่ให้คนงานมาตามก็พอ”
จ้าวหลิงเฟิงกลับส่ายหน้า “ไม่ใช่เรื่องหอยาเป่าเหอ แต่เป็นเรื่องสมาคมการค้าในอำเภอชิงเหอ พวกเราเปิดสามโรงผลิตไม่ใช่หรือ การก่อตั้งสมาคมพ่อค้าครั้งนี้ นายอำเภอหูก็ส่งเทียบเชิญให้ข้า ข้าก็เลยจะมาหารือกับเจ้าหน่อยว่าให้เจ้าออกหน้าได้ไหม เป็นตัวแทนสามโรงผลิตร่วมสมาคมการค้าชิงเหอ”
จ้าวหลิงเฟิงเพิ่งกล่าวจบ ลู่เจียวยังไม่ทันได้คิดอะไร เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ปฏิเสธทันที
“ไม่ได้ ข้าไม่เห็นด้วยที่จะให้เจียวเจียวร่วมสมาคมเช่นนี้”
เดิมรักษาผู้ป่วย เขาก็ไม่พอใจแล้ว ปรากฏว่าตอนนี้ดีเลย ถึงกับจะเป็นตัวแทนสามโรงผลิตเข้าร่วมสมาคมการค้าชิงเหอ
หากเข้าร่วมสมาคม วันหน้าก็ต้องออกงานต่างๆ เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่อยากให้ลู่เจียวออกหน้าออกตา โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีแต่ผู้ชายเช่นนั้น
จ้าวหลิงเฟิงกับลู่เจียวหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นทันที
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองจ้าวหลิงเฟิงด้วยสีหน้าเย็นเยียบ กล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ข้าไม่เห็นด้วยที่จะให้เจียวเจียวเป็นตัวแทนสามโรงผลิตเข้าร่วมสมาคมการค้าชิงเหอ”
“นางเป็นผู้หญิงจะจะออกหน้าออกตาไปอยู่รวมกลุ่มกับพวกผู้ชายได้อย่างไร ผู้ชายพวกนั้นจะคิดอย่างไร จะกล่าวถึงนางเช่นไร”
วันหน้าหากเขาสอบเคอจวี่ได้ นางเป็นฮูหยินเขา ไม่แน่ผู้อื่นอาจหยิบยกเรื่องนี้มาวิพากษ์วิจารณ์นาง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เห็นด้วยที่จะให้ลู่เจียวไปเป็นตัวแทนสามโรงผลิตเข้าร่วมสมาคมการค้าชิงเหอ
ลู่เจียวขมวดคิ้วเล็กน้อย นางรู้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นทำเช่นนี้เพราะหวังดีกับนาง แต่ฟังคำพูดเขาแล้วทำให้นางไม่พอใจอย่างมาก ไยจึงกล่าวว่าผู้หญิงจะออกหน้าออกตาไปอยู่รวมกลุ่มกับพวกผู้ชายได้อย่างไร เช่นนี้วันหน้านางก็ทำงานไม่ได้ แม้แต่เป็นหมอ ก็ต้องพบปะกับผู้ป่วยชายไหม
จ้าวหลิงเฟิงได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็อดอธิบายไม่ได้ว่า “ความหมายของข้าก็คือนางเป็นตัวแทนสามโรงผลิตเข้าร่วมสมาคมการค้าชิงเหอชั่วคราว จากนั้นก็ให้ข้า…”
จ้าวหลิงเฟิงยังกล่าวไม่ทันจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ข้าบอกแล้วว่านางจะไม่เข้าร่วมสมาคมการค้าชิงเหอ นี่เป็นเรื่องของเจ้า เจ้าเป็นตัวแทนสามโรงผลิตเข้าร่วมสมาคมการค้าชิงเหอก็ได้นี่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ ลู่เจียวก็ส่งเสียงเรียกดังขึ้นอย่างโมโห “เซี่ยอวิ๋นจิ่น”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้สติหันไปมองลู่เจียวทันที
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นสีหน้าไม่พอใจของลู่เจียวก็สะดุ้งเฮือกในใจ จากนั้นก็เขาคิดถึงว่าในยุคสมัยของลู่เจียวชายหญิงเสมอภาคกัน ผู้หญิงออกไปทำงานเป็นเรื่องปกติ แต่ยุคสมัยนี้ไม่ใช่ยุคสมัยนางนี่
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดแล้วก็มองลู่เจียวอธิบายว่า “เจียวเจียว ข้าหวังดีกับเจ้า คนที่ร่วมสมาคมล้วนเป็นผู้ชาย หากเจ้าเข้าร่วมสมาคมการค้าชิงเหอ ย่อมต้องเป็นที่จับตาของผู้อื่น ถึงตอนนั้นไม่แน่อาจพากันวิพากษ์วิจารณ์เจ้า”
ลู่เจียวพยักหน้า “ข้ารู้”
ลู่เจียวกล่าวจบก็หันไปมองจ้าวหลิงเฟิง “ท่านจ้าว ขอให้ข้าได้คุยกับท่านพี่ลำพังสักครู่ได้ไหม”
จ้าวหลิงเฟิงรับลุกขึ้นเดินออกไป เขาไม่อยากแทรกตัวข้องเกี่ยวเรื่องของสามีภรรยา
ลู่เจียวมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ถามว่า “เซี่ยอวิ๋นจิ่น ไยจึงกล่าวว่าผู้หญิงจะออกหน้าออกตาไปอยู่รวมกลุ่มทำงานกับพวกผู้ชายได้อย่างไร เจ้าควรรู้ว่างานที่ข้าทำจำเป็นต้องพบปะผู้ชาย ข้าเป็นหมอ ข้าทำการค้า ล้วนต้องพบปะผู้ชาย ข้ายังมีความฝันที่จะสร้างกลุ่มหมออาสา ที่ไหนต้องการพวกเรา พวกเราก็จะไปรักษาผู้ป่วยที่นั่น ถึงตอนนั้นกลุ่มหมออาสาก็จะมีหมอผู้ชายไม่น้อย หากตามความคิดของเจ้า ข้าก็สร้างกลุ่มหมออาสาไม่ได้แล้ว”
“หรือตามความคิดเจ้า ข้าอยู่บ้านปรนนิบัติสามี ดูแลลูก เป็นผู้หญิงในจวนหลังก็พอ?”
ลู่เจียวกล่าวจบ สีหน้าก็ดูไม่พอใจอย่างมาก นางมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น “หากเป็นเช่นนี้ ข้าก็ย่อมต้องบอกเจ้าว่าเจ้าอย่าแม้แต่จะคิด ข้าไม่อาจเป็นผู้หญิงเช่นนั้นได้ ข้าลู่เจียวภพก่อนเรียนหนังสือมาหลายปี วิชาการแพทย์หลายปีที่เรียนมาไม่ใช่เพื่อเป็นผู้หญิงที่รู้แต่ปรนนิบัติสามีและดูแลลูกเท่านั้น”
“บางทีข้าอาจไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่เจ้าต้องการ เจ้ายังมีสิทธิ์เลือกใหม่ได้”
ลู่เจียวกล่าวจบก็หันหลังคิดจากไป ดูท่านางต้องพิจารณาผู้ชายยุคสมัยนี้ใหม่แล้ว เซี่ยอวิ๋นจิ่นนับว่าค่อนข้างเปิดกว้างแล้ว ยังถึงกับคิดเช่นนี้ ผู้ชายอื่นเล่า
ลู่เจียวกำลังคิดอยู่ เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบลุกขึ้นมารั้งนางเอาไว้
“เจียวเจียว ข้าจะแก้ไข”
ก่อนหน้านี้พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังก็คำพูดจ้าวหลิงเฟิงก็ออกมาห้ามปรามด้วยสัญชาตญาณทันที กลับลืมนิสัยและงานของลู่เจียว
ลู่เจียวได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็หันไปมองเขา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าววาจาจากใจว่า “เจียวเจียว ข้าลืมนิสัยและงานของเจ้าไปชั่วขณะ วันหน้าข้าจะค่อยๆ แก้ไข เจ้าอย่าได้โมโห”
ลู่เจียวเห็นท่าทางจริงใจของเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ว่ารู้เขาพูดเช่นนี้ออกมาได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว ส่วนนางเองก็ควรยอมให้โอกาสสองฝ่ายได้เรียนรู้กันและกันต่อ
ลู่เจียวมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “ตอนนี้เจ้าเข้าใจข้าแล้วใช่หรือว่า ว่าทำไมก่อนหน้านี้ข้าจึงบอกว่าให้เวลาเราอยู่ร่วมกันปีครึ่ง พวกเราสองคนมีความคิดหลายอย่างไม่ตรงกัน ไม่ใช่ว่าเจ้าหรือข้าไม่ดี แต่เพราะสภาพแวดล้อมของพวกเราทำให้เป็นเช่นนี้ พวกเราต้องปรับตัว หากสุดท้ายพวกเราสามารถปรับตัวให้เข้ากันได้ เช่นนั้นพวกเราก็จะอยู่ร่วมกันต่อไปได้ แต่หากไม่เช่นนั้นเราสองคนแม้อยู่ร่วมกันไป ก็ยากจะเดินร่วมกันไปจนสุดท้ายได้”