บทที่ 210 ตาของข้าหาใช่แค่ไร้แววแล้ว แต่ยังบอดสนิทอีกด้วย!
ก่อนเข้าไปในร้าน หยวนอีถูกแผ่นป้ายของร้านดึงดูดเอาไว้ แผ่นป้ายนั้นเรียบง่ายยิ่ง และมีตัวอักษร ‘เต๋า’ เพียงอักษรเดียว ทว่าอักษร ‘เต๋า’ เช่นนี้กลับทำให้นางรู้สึกตกตะลึงสุดจะพรรณนา! อักษร ‘เต๋า’ นี้ราวกับรวบรวมความหมายลึกล้ำของมหาเต๋าสามพันวิถีเอาไว้ ทำให้ผู้คนรู้สึกตัวเล็กกระจ้อยร่อยยิ่งนัก
ช่างคล้ายกับยืนอยู่ใต้วิถีแห่งสวรรค์ทั้งน่าหวาดหวั่น และชวนให้ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง! ขณะนางเดินเข้าไปในร้าน นางก็ยิ่งตกตะลึงมากกว่าเดิม! ภาพวาดแต่ละภาพ ล้วนแล้วแต่แฝงจังหวะแห่งเต๋าสูงสุดเหนือจินตนาการ ราวกับว่ามันถูกสร้างขึ้นโดยเซียน! หยกแกะสลักแต่ละอัน ล้วนแต่แฝงพลังอันน่าสะพรึงกลัวอย่างคาดไม่ถึง ราวรับสามารถทลายฟ้าดิน สลายดาราได้! นี่เป็นบ้านของท่านเซียนอย่างนั้นหรือ? ? จิตวิญญาณของหยวนอีสั่นสะท้าน ยืนอยู่ในที่แห่งนี้นางรู้สึกว่า ตนเองช่างเล็กกระจ้อยร่อยเป็นเพียงเศษธุลีไร้ค่า! “แม่นางหยวนอี…เชิญเข้ามาด้านในก่อน!” ในเวลานี้เองหลี่จิ่วเต้าเดินไปถึงลานแล้ว แต่เห็นว่าหยวนอีไม่ได้ตามมาด้วย เขาจึงตะโกนไปทางร้าน “มาแล้วเจ้าค่ะ!” หยวนอีรู้สึกตัวขึ้นมาทันที ก็รีบเดินตามไปยังลานบ้าน มาถึงลานบ้าน นางก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง ทั้งดอกไม้และต้นไม้ที่ปลูกไว้ทั้งสองด้านในลานบ้าน ไม่ว่าจะเป็นต้นไหน ล้วนแล้วแต่มีพลังชีวิตหล่อเลี้ยงชวนผู้คนตกตะลึง! “ทั้งหมดเป็นสมุนไพรจักรพรรดิ!” แม้จะกำเนิดในตระกูลจักรพรรดิ ทว่านางก็ยังไม่เคยเห็นสมุนไพรจักรพรรดิมาก่อน แต่ในครอบครัวของนางมีอาวุธของมหาจักรพรรดิอยู่หนึ่งชิ้น นางเคยเห็นอาวุธมหาจักรพรรดิมาก่อน! เหล่าดอกไม้ต้นไม้ใบหญ้าพวกนี้ ทำให้นางรู้สึกถึงจังหวะแห่งจักรพรรดิเช่นเดียวกับอาวุธมหาจักรพรรดิ!
เหล่าดอกไม้ต้นไม้ใบหญ้าพวกนี้ทั้งหมดล้วนแต่เป็นโอสถจักรพรรดิอย่างไม่ต้องสงสัย!
โอสถจักรพรรดินั้นมีน้อยมากจนแทบจะหาไม่ได้ นับตั้งแต่สมัยโบราณก็มีจำนวนอยู่น้อยมาก ทว่าในที่แห่งนี้กลับมีต้นสมุนไพรจักรพรรดิอยู่มากมายนัก! นี่ทำให้นางตกใจจริง ๆ!
‘ผู้อาวุโสหลี่เป็นเซียน!’ นางยืนยันในใจทันที และไม่นึกคิดสงสัยอีกต่อไป! หากไม่ใช่เซียน จะมีความสามารถเขียนภาพปานนั้นได้อย่างไร!? นี่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน! ‘ตาของข้าหาใช่แค่ไร้แววแล้ว แต่ยังบอดสนิทอีกด้วย!’
หยวนอียิ้มในใจอย่างขมขื่น นางคิดว่าผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนเป็นผู้ยากเหนือจินตนาการ แต่นางไม่รู้เป็นผู้อาวุโสหลี่ต่างหากที่เป็นเป็นผู้ยากเหนือจะจินตนาการอย่างแท้จริง! เดิมคิดว่าผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนเป็นผู้มอบขวานเบิกสวรรค์ให้ผู้อาวุโสหลี่… มาตอนนี้ข้าเกรงว่า คันศรในมือของผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนนั้นจะได้รับมาจากผู้อาวุโสหลี่ต่างหาก! ช่างตาบอดจริง ๆ… นางนี่มันโง่สุด ๆ ไปเลย! “แม่นางหยวนอีเชิญดื่มชาก่อนเถอะ” หลี่จิ่วเต้าเดินเข้ามา พร้อมกับชาเย็นสองถ้วยพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่คือชาเย็นที่ข้าทำเอง ขอแม่นางหยวนอีอย่ารังเกียจ”
เขาไม่ลืมต้อนรับตามมารยาท นอกจากนี้หยวนอียังเคยช่วยเหลือเขาเอาไว้ด้วย “คุณชายกล่าวเกินไปแล้ว!” หยวนอีรีบรับชาเย็นมาทันที นางจะกล้าไม่ชอบชาที่ท่านเซียนมอบให้นางได้อย่างไร? “เชิญ” หลี่จิ่วเต้าแย้มยิ้มก่อนจะจิบชาเย็น ไม่ต้องกล่าวถึงว่ามันสดชื่นเพียงใด “ขอบคุณคุณชาย!” หยวนอีกล่าวขอบคุณผู้ท่านเซียน แล้วจิบชาเย็นตาม เพียงครู่เดียวเท่านั้น ร่างกายของนางราวกับโบยบินขึ้นฟ้า รสชาติสดชื่นในปาก หอมและกลมกล่อม อร่อยยิ่งนัก! นางอดไม่ได้ที่จะจิบอีกสองสามครั้ง ร่างกายรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมา นางไม่เคยดื่มชาเช่นนี้มาก่อน นี่คือชาเซียนใช่หรือไม่? ในขณะเดียวกัน นางก็สัมผัสได้ถึงพลังเย็นยะเยือกที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของนาง พลังน้ำแข็งเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวยิ่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากพลังน้ำแข็งชนิดนี้ระเบิดออกมา เกรงว่าทั่วทั้งแดนบูรพาจะต้องถูกแช่แช็งอย่างสมบูรณ์เป็นแน่! นางกังวลว่าตนเองจะถูกความเย็นยะเยือกนี้แช่แข็งเป็นรูปปั้นไปด้วยเสียแล้ว แต่ไม่นานนัก นางก็ไม่กังวลอีกต่อไป เพราะพลังน้ำแข็งที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายนางนั้นอ่อนโยนมาก ไม่เป็นอันตรายใด ๆ ทั้งสิ้น ซ้ำยังทำให้ร่างกายของนางแข็งแรงขึ้นในทุก ๆ ด้าน หล่อเลี้ยงทุกอวัยวะส่วนในร่างกายของนาง! ‘โอกาส…เป็นโอกาสครั้งใหญ่!’ นางตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง หากหลอมรวมและขัดเกลาพลังอันเย็นยะเยือกนี้อย่างสมบูรณ์แล้ว นางจะต้องได้พบกับการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่เป็นแน่! เดี๋ยว! ช้าก่อน! ที่สำคัญคือ นางจะต้องไม่ละเมิดข้อห้ามของท่านเซียน เพราะหากตื่นเต้นเกินไป ก็จะทำผิดพลาดครั้งใหญ่เอาได้! “คุณชาย นี่ไม้ของท่านเจ้าค่ะ!” นางนึกถึงไม้ที่เอามาจากเนินเขาเขียวได้ ก็รีบนำมันออกมาจากถุงเก็บอาวุธวิเศษ และมอบให้ท่านเซียน หลี่จิ่วเต้าหยิบไม้ขึ้นมา กล่าวกับตัวเองว่าสำนักไท่หัวช่างทรงพลังจริง ๆ เห็นหยวนอีเคารพเขามากเพียงใด เอ่ยเรียกเขาว่าท่านอย่างเกรงอกเกรงใจ
เขารู้ดีว่าที่หยวนอีเคารพเขามาก เป็นเพราะเขากับเซี่ยเหยียนเป็นสหายกัน อีกทั้งเซี่ยเหยียนเองก็เป็นศิษย์สายตรงของเจ้าสำนักไท่หัว
ตอนอยู่เนินเขาเขียวเขาเหลาไม้ไปบางส่วนแล้ว มันยังมีรูปร่างหยาบอยู่ เพียงเขาจัดการอีกเล็กน้อยก็เป็นอันใช้ได้แล้ว
ชายหนุ่มหยิบไม้ออกมา และเดินเข้าไปในห้องตีเหล็ก หลังจากสร้างจอบเสร็จแล้ว เขาก็ประกอบไม้เป็นด้ามจับ จากนั้นจึงเริ่มขัดเกลามันอย่างชำนาญ หยวนอีเดินตามมา แล้วเมื่อเห็นอุปกรณ์ตีเหล็กในห้อง นางก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่ง ‘ท่านเซียนสร้างอาวุธเซียนในที่แห่งนี้อย่างนั้นหรือ!?’ นางกล่าวในใจอย่างตื่นตระหนกสั่นกลัว เครื่องมือทุกชิ้นในห้องนี้หาใช่ของสามัญธรรมดาไม่ ทว่าล้วนแต่เป็นของชั้นยอดซึ่งมีจังหวะแห่งเต๋าไหลเวียนยากจะหยั่งถึงได้ ซ้ำยังเกินความรู้ความเข้าใจของนางไปมากโข!
‘ตอนนั้นข้ายังนึกในใจว่าท่านเซียนคือชาวนาอยู่เลย!’
นางละอายใจเป็นอย่างยิ่ง จดจำได้ว่าตอนนางได้ยินว่าท่านเซียนอยากสร้างจอบ นางก็รำพึงในใจว่าท่านเซียนเป็นชาวนา… นางช่างโง่เขลายิ่งนัก! แต่เดี๋ยวก่อน…เหตุใดวัสดุของจอบนี้กลับดูคุ้นเคยจังเล่า!? นางเห็นจอบที่ท่านเซียนสร้างแล้ว ทว่ายิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยกับจอบนี้มากเป็นพิเศษ… ‘ดาบมารอมตะ!’ นางสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง และเกือบจะตะโกนออกมา จะไม่ให้คุ้นเคยวัสดุนี้ได้อย่างไร? เพราะนี่เป็นวัสดุเดียวกับดาบมารอมตะ! สำหรับดาบมารอมตะ นางคุ้นเคยกับมันมาเป็นอย่างดี เพราะในตระกูลมีบันทึกมากมายเกี่ยวกับดาบมารอมตะ
‘คงมิใช่ว่าท่านเซียนจะเปลี่ยนดาบมารอมตะเป็นจอบหรอกนะ!’ นางอดคิดในใจไม่ได้ ‘เป็นไปได้จริง ๆ! ท่านเซียนท่องโลกมนุษย์ในฐานะปุถุชน อีกทั้งตอนนั้นมียอดฝีมือปรากฏออกมามากมาย ทำให้ท่านเซียนยากจะแสดงตัว จึงได้ขอให้ผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนออกหน้าแทน…’
วัสดุเหมือนกัน จะบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นางสัมผัสได้ถึงพลังปราณที่จักรพรรดิหยวน บรรพบุรุษของนางทิ้งไว้บนดาบมารอมตะค่อย ๆ สลายไปเช่นกัน… หลังจากถูกท่านเซียนปรับเปลี่ยน พลังปราณที่บรรพบุรุษของนางทิ้งไว้บนดาบมารอมตะก็ค่อย ๆ สลายหายไป ยิ่งนางครุ่นคิดมากเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกว่านี่คือ ดาบมารอมตะที่ถูกท่านเซียนเปลี่ยนให้เป็นจอบ! มิฉะนั้นก็ยากจะอธิบายเรื่องทั้งหมดนี้ได้แล้ว ‘สมน้ำหน้า!’
นางหัวเราะในใจเสียใหญ่โต รู้สึกสบายใจเป็นอย่างยิ่ง
ดาบมารอมตะอันภาคภูมิใจได้ถูกเปลี่ยนเป็นจอบเสียแล้ว เพียงแค่คิดก็ทำให้นางรู้สึกมีความสุขสบายใจเป็นอย่างยิ่ง! หากเป็นเช่นนี้ หลังจากข่าวลือแพร่ออกไป คงจะมีคนจำนวนมากที่รู้สึกดีใจ และสบายใจมากขึ้นเป็นแน่! ผู้ใดใช้ให้ดาบมารอมตะเป็นที่เกลียดชังกันเล่า! ‘ทั้งหมดเป็นเจตนาของท่านเซียน! ท่านเซียนรู้ว่าดาบมารอมตะก่อกรรมทำเข็ญสูงเทียมฟ้า ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนดาบมารอมตะให้เป็นจอบเสีย’ หยวนอีครุ่นคิดในใจ ‘เผ่าอสูรโลหิตอัสนีกับกองกำลังสนับสนุนอื่น พวกเจ้าอยากได้หนทางพลิกโอกาสของตัวเอง ทว่าตอนนี้มันไม่มีอีกแล้ว จงอย่าได้คิดถึงมันอีก!’
นางกล่าวในใจ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว
วิธีนี้ปลอดภัยยิ่งกว่าการปิดผนึกดาบมารอมตะเสียอีก ซ้ำแล้วพวกเขาไม่ต้องกังวลอีกต่อไปว่า ดาบมารอมตะจะสร้างปัญหาขึ้นมาอีก!