หนานกงมั่วหน้ามุ่ยลงอย่างอดไม่ได้ นางเพียงตั้งครรภ์ไม่ได้พิการเสียหน่อย คนพวกนี้ไม่เพียงไม่ให้นางช่วย แม้แต่นางจะเดินเหินไปไหนมาไหนในเรือนยังทำไม่ได้ ทำได้เพียงนั่งนิ่งอยู่ในเรือน บอกว่ากลัวคนเดินไปเดินมาชนเข้า อย่าว่าแต่ไม่ระวังเลย ต่อให้มีคนตั้งใจกระโจนเข้าหานางก็ไม่อาจเข้าถึงตัวนางได้
เซวียเสียวเสี่ยวเก็บเสื้อขึ้นมา กำลังจะยื่นคืนให้กับสตรีผู้นั้น ทว่ากลับชะงัก เอ่ย “เอ๋ เสื้อผ้าพวกนี้ไยจึงเป็นของเก่าเล่า เป็นของเก่าทั้งหมดเลยหรือ”
เสื้อผ้ากองใหญ่ที่สตรีผู้นั้นถืออยู่เป็นของเก่าจริงๆ มีเนื้อผ้าหยาบกระด้างธรรมดา ทั้งผ้าฝ้ายหยาบกระด้าง นอกจากนี้ยังมีผ้าแพรและผ้าไหมจากตระกูลร่ำรวย แต่เป็นของเก่าเก็บทั้งหมด
หนานกงมั่วกุมขมับ “เจ้าคืนของให้เขาก่อนเถิด” ยืนกอดเสื้อผ้ากองใหญ่ขนาดนั้นรออยู่คงเหนื่อยมากทีเดียว
“อ้อ” เซวียเสียวเสี่ยวจึงหันกลับไปวางเสื้อผ้าคืนให้ สตรีผู้นั้นรีบเอ่ยขอบคุณพลันเดินออกไป
เซวียเสียวเสี่ยวเดินมาอยู่ด้านข้างหนานกงมั่ว “จวิ้นจู่ ไยต้องให้เสื้อผ้าเก่าๆ เล่า ให้ของใหม่ไม่ดีกว่าหรือ เงินไม่พอหรือไม่ พวกเราช่วย…”
หนานกงมั่วยื่นมือไปเคาะหน้าผากของนางเบาๆ เอ่ย “นี่ไม่ใช่เรื่องเงินพอหรือไม่พอ คนอย่างพวกเราบ้านไหนบ้างที่ไม่มีเสื้อผ้าใส่ไม่หมด อย่าว่าแต่คุณหนูเช่นเจ้าเลย แต่ละฤดูกาลมีเสื้อผ้ากี่ชุด บางครั้งเคยสวมก็พอแล้ว อย่างบ่าวไพร่ในจวน จวนเยี่ยนอ๋องแต่ละฤดูมีเสื้อผ้าสองชุด อีกทั้งยังมีชุดที่เจ้านายมอบให้ โดยมิได้คำนึงถึงวัสดุ แต่เสื้อผ้าที่ไม่ใส่แล้วก็มีไม่น้อย ตระกูลใหญ่มีหน้ามีตา แน่นอนว่าไม่มีทางให้บ่าวไพร่ต้องใส่เสื้อผ้าเก่าๆ หรือมีรอยปะออกไปเที่ยวเดินอยู่ข้างนอก แต่เสื้อผ้าที่ไม่มีหน้ามีตาสำหรับชนชั้นสูง แต่กับคนที่ไม่มีแม้แต่ข้าวจะกินกลับเป็นของชั้นดี อีกทั้ง ข้าหนานกงมั่วให้คนรวบรวมเสื้อผ้าเหล่านี้ก็ไม่ได้เอามาเปล่าๆ นอกจากคนที่ไม่เอาจริงๆ ที่เหลือก็จ่ายไปตามคุณภาพความเก่าของเสื้อผ้า”
“แม้เสื้อผ้าจะเก่า แต่ยังป้องกันความหนาวได้ ใช้เงินที่เหลืออยู่ไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นจะดีกว่า นอกจากนี้ หากเจ้าทำเสื้อผ้าชุดใหม่ส่งไป พวกเขาก็คงไม่สวม เช่นนั้นแล้วของที่เราให้ไปจะมีประโยชน์อันใด”
“ทำไมหรือ” เซวียเสียวเสี่ยวกะพริบตางุนงง เอ่ยถาม
หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ย “ครอบครัวลำบากอยากจนเหล่านั้นไม่แน่ว่าทั้งชีวิตยังไม่สามารถมีเสื้อผ้าใหม่ๆ ได้สักชุด เจ้าส่งตัวใหม่ไปให้พวกเขาจะกล้าสวมใส่ได้เยี่ยงไร”
“ไม่สวมเก็บไว้มันก็เก่าอยู่ดีมิใช่หรือ” เซวียเสียวเสี่ยวที่ไม่เคยลำบากเห็นชัดว่าไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้
หนานกงมั่วเอ่ย “หากเจ้าชอบกินขนมบางอย่าง แต่ว่าขนมนี้เจ้าได้มาเพียงปีละชิ้น กระทั่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีชิ้นต่อไปมาอีกหรือไม่ เจ้าจะกล้ากินหมดในคำเดียวหรือไม่”
เซวียเสียวเสี่ยวใบหน้าฉงน แม้รู้สึกว่าการเปรียบเทียบนี้ไม่เหมาะสมนัก แต่ก็เข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว
“แม้ข้ายังไม่เข้าใจนัก เพียงแต่…จวิ้นจู่เอ่ยแน่นอนว่าต้องถูก” เซวียเสียวเสี่ยวกำหมัดเล็กๆ เอ่ยหนักแน่น “หลายวันก่อนข้าก็ไปเยี่ยมพี่สาวกับท่านแม่ ระหว่างทางเห็นครอบครัวหนึ่งที่ไม่มีแม้แต่ข้าวกิน ต้องขายลูก ข้าเองก็คิดไม่ออกจึงทำเพียงให้เงินพวกเขาไป แต่ท่านแม่บอกว่าครอบครัวเช่นนี้มีมากมาย พื้นที่ทางเหนือเหน็บหนาวแร้นแค้น คนตายเพราะความหิวมีมาก จวิ้นจู่ฉลาดเพียงนี้ ปีนี้คงช่วยคนได้เยอะแน่ จวิ้นจู่ ต่อไปหากท่านจะทำการกุศล อย่าลืมบอกข้าด้วย ข้าจะนำเครื่องประดับทั้งหมดของข้ามามอบให้ท่าน”
หนานกงมั่วยิ้มสัมผัสใบหน้าเล็กของนางเบาๆ “ช่างเป็นเด็กที่จิตใจดีเหลือเกิน เด็กดี”
เซวียเสียวเสี่ยวที่กำลังตื่นเต้นดีใจเมื่อครู่พลันใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา ยกสองมือขึ้นกุมใบหน้าเล็กเคลื่อนตัวไปด้านข้าง
ในเรือนยุ่งเป็นพัลวัน เซวียเสียวเสี่ยวพูดคุยอีกเล็กน้อยก็แยกตัวออกไปช่วยงานเดิมที่ทำอยู่ก่อนหน้า หมิงฉินยกน้ำแกงร้อนเข้ามา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “จวิ้นจู่ ยุ่งมาทั้งเช้าแล้วทานอันใดสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ”
หนานกงมั่วจนใจ “ข้ายุ่งอันใดกัน ในเรือนนี้คงเป็นข้าที่ว่างที่สุดแล้ว ตรวจนับสิ่งของเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
หมิงฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มีฮูหยินน้อยทั้งสามอีกทั้งหย่งเฉิงจวิ้นจู่อยู่ ไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ แม้แต่หมิงอวี้จวิ้นจู่ก็มาช่วย ซั่นจยาจวิ้นจู่บอกว่า บ่ายวันนี้ก็เสร็จเจ้าค่ะ” แม้หย่งเฉิงจวิ้นจู่และหมิงอวี้จวิ้นจู่จะเป็นเชื้อสายรอง เดิมทีถูกมารดาของตนกักอยู่แต่ในเรือนน้อยครั้งจะได้ออกมาเดินเล่น แต่เรื่องเหล่านี้หนานกงมั่วไม่มีทางลืมพวกเขา หนานกงมั่วพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี เชิญทุกคนพักสักหน่อยเถิด กินอันใดกันก่อนค่อยทำต่อ”
“จวิ้นจู่วางใจ จือซูไปจัดเตรียมเอาไว้แล้วเจ้าค่ะ”
“จวิ้นจู่ พระชายาและต้าจั่งกงจู่มาแล้วเจ้าค่ะ” ด้านนอก สาวใช้รีบเข้ามารายงานเสียงเบา หนานกงมั่วยังไม่ทันเอ่ยปาก พระชายาเยี่ยนอ๋องและองค์หญิงฉังผิงก็เดินมาถึงหน้าประตูแล้ว มองผู้คนที่กำลังยุ่ง พระชายาเยี่ยนอ๋องเลิกคิ้วเอ่ยกับองค์หญิงฉังผิงด้วยรอยยิ้ม “อู๋สยาเอ่ยไม่ผิดเลย คุณหนูเหล่านี้มีความสามารถกันทั้งนั้น” เดิมทีคิดว่าเหล่าคุณหนูที่ถูกเลี้ยงอยู่แต่ในบ้านจะมาทนทำเรื่องจุกจิกเช่นนี้ไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นการไม่ลงรอยกันของตระกูลต่างๆ ก็ยังมีอยู่ แต่ไม่คิดว่าทุกคนในเรือนนี้จะทำหน้าที่ของตนได้เป็นอย่างดี
“ถวายพระพรพระชายา ถวายพระพรต้าจั่งกงจู่”
เห็นทั้งสองเดินเข้ามา ทุกคนจึงรีบถวายพระพร พระชายาเยี่ยนอ๋องโบกไม้โบกมือ เอ่ย “ไม่ต้องมากพิธี ทำหน้าที่ของตนเองไปเถิด พวกเจ้าเองก็ไปช่วย” พระชายาเยี่ยนอ๋องเอ่ยกับสาวใช้ข้างกาย องค์หญิงฉังผิงพยักหน้า ออกคำสั่งกับสาวใช้ข้างกายตน “ไปช่วยกันเถิด”
หนานกงมั่วลุกขึ้นมาต้อนรับ “เสด็จแม่ เสด็จป้า พวกท่านมาได้เยี่ยงไรเพคะ ที่นี่รกมากนะเพคะ”
พระชายาเยี่ยนอ๋องเอ่ย “ข้าดูแล้วไม่เลวเลย คุณหนูเมืองโยวโจวของเราไม่เลวเลยจริงๆ จัดการธุระได้อย่างเป็นระเบียบ ไม่ได้ด้อยไปกว่าคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์เลยสักนิด” เหล่าคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ไม่เพียงเรียนรู้ศาสตร์ศิลปะฉิน หมากล้อม อักษร และภาพวาดเท่านั้น เมื่อเทียบกับคนที่รับผิดชอบงานบ้านงานเรือน เรื่องเหล่านั้นจึงมิได้สลักสำคัญอันใด เหล่าคุณหนูสูงศักดิ์ในโยวโจวเมื่อเทียบชาติตระกูลคงสู้จินหลิงไม่ได้ แต่หากเอ่ยถึงความแข็งแรงอดทนล่ะก็ อย่างไรก็ดีกว่าสตรีบอบบางเหล่านั้นมาก คนที่มาช่วยงานที่นี่ได้แน่นอนว่าล้วนแล้วแต่เป็นสตรีเชื้อสายหลัก การอบรมสั่งสอนแม้ไม่ได้เข้มงวดเหมือนตระกูลขุนนางเหล่านั้นแต่ก็ไม่ได้แย่
หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นั่นสิเพคะ ทุกคนทำหน้าที่ได้ดี กลับเป็นหม่อมฉันเองที่กลายเป็นคนว่างงาน”
พระชายาเยี่ยนอ๋องเอ่ย “เจ้านี่นะ คลอดลูกออกมาให้ดีนั่นดีกว่าอันใดเป็นไหนๆ มีสิ่งใดก็สั่งให้พวกนางไปจัดการก็พอแล้ว”
ได้ยินว่าพระชายาเยี่ยนอ๋องและองค์หญิงฉังผิงมา จูชูอวี้และคนอื่นๆ ก็รีบเข้ามาถวายพระพร พอดีกับจือซูเข้ามารายงานว่าอาหารกลางวันเตรียมพร้อมแล้ว หนานกงมั่วจึงเชิญพระชายาเยี่ยนอ๋องและองค์หญิงฉังผิงอยู่ทานข้าวเที่ยงด้วยกัน เหล่าคุณหนูที่มาช่วยต่างได้รับคำชื่นชมจากพระชายาเยี่ยนอ๋องและองค์หญิงฉังผิง ทุกคนมีความสุขขึ้นมา เพียงแต่หนานกงมั่วสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเฉินซื่อและจูชูอวี้ กระทั่งซุนเหยียนเอ๋อร์เองก็แปลกๆ พลันไม่เข้าใจขึ้นมา
รอจนงานเสร็จยามบ่าย ทุกคนมานั่งดื่มชากันที่เรือนด้านหน้า หนานกงมั่วอาศัยยามว่างถามชวีเหลียนซิง ชวีเหลียนซิงได้ยินข้อสงสัยของนางพลันชะงัก ทว่าไม่นานจึงได้สติและยิ้มออกมา “จวิ้นจู่ การตอบสนองของเหล่าพระชายาซื่อจื่อทั้งสามเป็นเรื่องปกติ กลับเป็นท่านต่างหากที่ไม่ปกตินะเจ้าคะ”