หนานกงมั่วชะงัก เรื่องนี้พระชายาเยี่ยนอ๋องออกหน้าเองก็คงไม่ดี อย่างไรเรื่องแบบนี้การยินยอมด้วยตนเองคงจะดีกว่า หากพระชายาเยี่ยนอ๋องออกหน้าเอง คงไม่มีใครไม่กล้าที่จะไม่ยอม แต่ว่านางนึกว่าเรื่องนี้จะยกให้พระชายาซื่อจื่อหรือจูชูอวี้ซุนเหยียนเอ๋อร์มาทำถึงจะถูก
ไม่นานหนานกงมั่วพลันเข้าใจความหมายของพระชายาเยี่ยนอ๋อง จูชูอวี้แน่นอนว่าพระชายาเยี่ยนอ๋องคงไม่เลือก สำหรับลูกสะใภ้ผู้นี้ พระชายาเยี่ยนอ๋องไม่ทำตัวเป็นแม่สามีใจร้ายกลั่นแกล้งนางทว่าก็ไม่สนับสนุนนาง จูชูอวี้เอ่ยเรื่องการแจกจ่ายโจ๊กต่อหน้าเยี่ยนอ๋องเหตุผลเพราะอันใดไยจะปิดบังพระชายาเยี่ยนอ๋องได้ ส่วนเฉินซื่อ ตอนนี้พระชายาเยี่ยนอ๋องคงไม่เชื่อใจและไม่มั่นใจในความสามารถของสะใภ้ผู้นี้อีกแล้ว เอาเงินหนึ่งร้อยตำลึงออกมายังมีท่าทีไม่ยินยอมเยี่ยงนั้น หากเกิดเรื่องใดขึ้นมาคงเสียหน้าจวนเยี่ยนอ๋องจนสิ้น
เช่นนั้นก็เหลือเพียงซุนเหยียนเอ๋อร์ ในสามสะใภ้ซุนเหยียนเอ๋อร์อายุน้อยที่สุด หากเรื่องนี้ยกให้เป็นหน้าที่ของนางเช่นนั้นแล้วจะต่างไปจากการเอานางขึ้นย่างบนเตาอย่างไร ตอนนี้พระชายาเยี่ยนอ๋องต้องการเพียงให้บุตรชายทั้งสามของนางมีความสามัคคีปรองดอง แน่นอนไม่มีทางยอมให้เกิดความไม่พอใจต่อภรรยาของบุตรชายทั้งสาม ดังนั้นคงต้องยกให้เป็นหน้าที่ของหนานกงมั่วแล้ว
เมื่อหนานกงมั่วเข้าใจแล้วก็ไม่ผลักไส พยักหน้าพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อเสด็จป้าเชื่อมั่นในตัวหม่อมฉัน หม่อมฉันยินดีน้อมรับไม่อาจปฏิเสธเพคะ แต่คงต้องขอแรงเหยียนเอ๋อร์และน้องสะใภ้ทั้งสองมาช่วยกันถึงจะได้เพคะ” ในเมื่อใครก็ไม่อาจเป็นแม่งานจัดงานได้ เช่นนั้นก็มาทำด้วยกันเถิด
พระชายาเยี่ยนอ๋องพยักหน้า ความพึงพอใจที่มีต่อหนานกงมั่วเพิ่มมากขึ้น “จัดการตามที่เจ้าว่าเถิด ใครกล้าไม่เชื่อฟังให้บอกข้า ข้าจะจัดการพวกเขาแทนเจ้าเอง” สตรีฉลาดไหวพริบดีเพียงนี้ น่าเสียดายที่บุตรชายของตนไม่มีวาสนา
“เช่นนั้นต้องขอบพระทัยเสด็จป้าแล้วเพคะ” หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
บอกว่าต้องการคนมาช่วยเหลือ แต่เอาเข้าจริงเรื่องที่ต้องการให้พวกนางลงมือเองกับมือนั้นมีไม่มาก อย่างไรบ่าวไพร่ในจวนเยี่ยนอ๋องก็ไม่ได้เลี้ยงคนไร้ความสามารถ เพียงออกคำสั่งไปแน่นอนว่าจัดการได้อย่างเรียบร้อย หนานกงมั่วพาพวกจูชูอวี้ทั้งสามคน มากที่สุดคงเป็นการเขียนเทียบเชิญเพื่อส่งไปให้เหล่าคุณหนูสตรีผู้มีอำนาจเท่านั้น
หนานกงมั่วเองไม่เอาเปรียบ แม้พระชายาเยี่ยนอ๋องจะมอบหน้าที่ให้นางจัดการ แต่บนเทียบเชิญถูกเขียนชื่อของทั้งสี่คน สำหรับเรื่องนี้ เฉินซื่อไม่คิดอันใด ซุนเหยียนเอ๋อร์รู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง คนเดียวที่ไม่พอใจคงมีแต่จูชูอวี้แล้ว แต่ไม่พอใจแล้วอย่างไร ด้วยสถานการณ์ของนางในยามนี้แข็งใส่หนานกงมั่วก็คงเป็นการหาเรื่องใส่ตัว
เหล่าคุณหนูสตรีในโยวโจวทั้งหลายที่ได้รับเทียบเชิญก็ไว้หน้ามาก ต่างร่วมบริจาคโดยไม่เสียดาย เพราะหนานกงมั่วไม่ได้จัดการเลี้ยงหรือเรื่องใดๆ ที่ต้องสูญเงินเปล่า แม้มีการเปรียบเทียบฐานะอยู่บ้างแต่ก็ไม่นับว่าหนักหนายังอยู่ในขอบเขตที่พอรับได้ ใช้เวลาเพียงสามวัน ทว่ากลับรวบรวมเงินได้หนึ่งหมื่นกว่าตำลึง ทำให้ฝ่ายการคลังต่างพากันแตกตื่น
หนึ่งหมื่นตำลึงสำหรับจูชูอวี้และหนานกงมั่วแล้วไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่สำหรับเฉินซื่อและซุนเหยียนเอ๋อร์เกือบนับได้ว่าเป็นทรัพย์สินทั้งหมดของพวกนางแล้ว ไม่แน่ว่าอาจไม่ได้มีมากเพียงนั้นด้วยซ้ำ เห็นท่าทางของทั้งสองเช่นนี้ หนานกงมั่วจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แม้โยวโจวจะไม่ได้ร่ำรวยเหมือนจินหลิง แต่ตระกูลพ่อค้าก็มีไม่น้อย หนึ่งหมื่นตำลึงก็ไม่ได้เหนือไปกว่าที่คาดการณ์เอาไว้” ในเงินตำลึงเหล่านี้ ผู้ที่ร่วมลงขันส่วนใหญ่มิใช่เหล่าตระกูลขุนพลมีอำนาจเหล่านั้น ทว่าเป็นตระกูลพ่อค้าในโยวโจวเหล่านั้น พวกเขาไม่ขาดเงิน แต่สิ่งที่ขาดคือตำแหน่งและช่องทาง หาได้ยากที่จะมีโอกาสสร้างความสัมพันธ์ดีๆ กับจวนเยี่ยนอ๋อง จะไม่ไว้หน้าได้เยี่ยงไร
กลับกันเหล่าคนสนิทของเยี่ยนอ๋อง เช่นตระกูลเซวียตระกูลเฉินเหล่านี้ มีเพียงฮูหยินของบ้านส่งมาหนึ่งร้อยสองร้อยตำลึงเท่านั้น ทว่ามีเพียงตระกูลเซวียที่เซวียเสียวเสี่ยวให้สาวใช้นำทรัพย์สินส่วนตัวของตนมามอบด้วย ทั้งหมดเพียงสี่สิบห้าสิบตำลึงเท่านั้น
เฉินซื่อมองตั๋วเงินในกล่องพร้อมทั้งมีเศษเงินตำลึงมากมาย เอ่ยถาม “พี่สะใภ้มีแผนเช่นไรเจ้าคะ”
หนานกงมั่วเอ่ยด้สยรอยยิ้ม “เรื่องหลังจากนี้นับว่าง่าย หลังจากรวบรวมเงินเหล่านี้แล้วก็ให้ผู้ดูแลไปหาซื้อของที่จำเป็น ถึงตอนนั้นสามารถเชิญคุณหนูจวนต่างๆ มาช่วยจัดแยก ส่วนการแจกจ่ายของเหล่านี้ แม้คนในจวนเยี่ยนอ๋องจะมีไม่น้อย ทว่าวันคล้ายวันเกิดของเสด็จแม่มีเรื่องให้จัดการมากมาย คงต้องเชิญเหล่าคุณชายจวนต่างๆ ที่พอมีเวลามาช่วยสักหน่อยดีหรือไม่” เหล่าคุณชายตระกูลสูงส่งแน่นอนว่าไม่มองสิ่งของราคาถูกและหยาบกระด้างเหล่านั้นอยู่แล้ว มีพวกเขาอยู่คนเบื้องล่างจึงจะไม่กล้าลักลอบทำอันใด ส่วนคุณชายไร้สาระพวกนั้น ผู้อาวุโสในบ้านจะ ‘กระตุ้น’ พวกเขาเอง
จูชูอวี้ขมวดคิ้วสงสัย “พี่สะใภ้ เช่นนี้จะลำบากคนจำนวนมากหรือไม่”
หนานกงมั่วไม่เข้าใจ “อย่างไรหรือ”
จูชูอวี้เอ่ย “แบบนี้ต้องรบกวนคุณหนูคุณชายตระกูลต่างๆ ยังต้องให้คุณชายจวนต่างๆ มาจัดการด้วยตนเอง เกรงว่าคนอื่นคงลอบคิดอยู่ในใจ หากต้องให้เหล่าหญิงสาวต้องมาเหนื่อยด้วยยิ่งไม่ดี พวกเราทำเองดีหรือไม่ จวนเยี่ยนอ๋องเองก็ไม่ขาดคน”
รอยยิ้มของหนานกงมั่วหายไป “ได้อย่างไรเล่า พวกเขามีแต่จะร่วมมืออย่างมีความสุข ส่วนคุณหนูจวนต่างๆ ไหนเลยจะให้พวกนางมาทำงานหนักจริงๆ ใครออกจากเรือนไม่มีบ่าวรับใช้ติดตามมาบ้าง ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเทียบกับสตรีในจินหลิงข้าว่าสตรีในโยวโจวคงเป็นการเป็นงานกว่ามาก” จะไม่ยินยอมได้เยี่ยงไร เอ่ยถึงเรื่องทำความดีบางทีอาจไม่มีอยู่จริง แต่สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ตระกูลผู้มีอำนาจมีชื่อเสียงขึ้นได้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น นี่ยังเป็นโอกาสปรากฏตัวต่อหน้าเยี่ยนอ๋องและพระชายาเยี่ยนอ๋อง เพียงมีสมองสักหน่อยใครบ้างจะไม่ยินดี
จูชูอวี้กลัดกลุ้ม มีหรือนางจะไม่เข้าใจหลักการเหล่านี้ แต่หากทำเช่นนี้…สิ่งที่นางลงทุนลงแรงวางแผนมายังจะเกี่ยวข้องกับนางอยู่อีกหรือไม่ นอกจากการแจกเทียบเชิญหนึ่งใบ ใครยังจะรู้อันใดอีก ต่อให้มีคนเอ่ยถึงก็ต้องเอ่ยถึงสะใภ้ทั้งสามจวนเยี่ยนอ๋อง ไม่เพียงแค่สะใภ้รองจวนเยี่ยนอ๋อง พระชายาซุ่นอี้จวิ้นอ๋อง ซั่นจยาจวิ้นจู่จูชูอวี้
มองหญิงงามที่กำลังแย้มยิ้มอยู่ตรงหน้า จูชูอวี้หลุบตาลง กักเก็บความไม่พอใจในดวงตาลงไปให้ลึกที่สุด
เป็นดั่งที่หนานกงมั่วเอ่ย เมื่อเชิญสตรีผู้มีฐานะสูงส่งในเมืองโยวโจวมาหารือ ทุกคนต่างพากันตอบรับดีใจ ขณะเดียวกันก็มีภาพจำอันดีต่อบุตรสะใภ้ทั้งสามของจวนเยี่ยนอ๋องรวมไปถึงหนานกงมั่วดีมากขึ้น แม้แต่เฉินซื่อที่ทำลายชื่อเสียงของตนยังมีสตรีหลายคนเข้ามากล่าวขอบคุณด้วยตนเอง ยังรับปากว่าในสองวันแรกของวันคล้ายวันเกิดของพระชายาเยี่ยนอ๋องจะพาบรรดาพี่น้องในจวนมาช่วยกัน
ในจวนว่างห่างจากจวนเยี่ยนอ๋องไม่ไกล ในเรือนหน้าเรือนหลังต่างมีสิ่งของนานาชนิดถูกเก็บเอาไว้จนเต็ม เหล่าคุณหนูแต่งตัวสะอาดสะอ้านเรียบร้อยกำลังออกคำสั่งคนของตนเองช่วยจัดของ บางคนยืนถือรายการเพื่อตรวจสอบ บางคนคอยช่วยเหลือสิ่งใดเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ต้องออกแรงมาก
หนานกงมั่วนั่งอยู่บนเก้าอี้ใต้หลังคา สตรีผู้หนึ่งหอบกองเสื้อผ้าฝ้ายหนาๆ เดินผ่าน ทว่าเดินเร็วไปจนทำให้ผืนที่อยู่บนสุดต้องร่วงลงมา เสื้อผ้าเหล่านั้นสูงจนถึงปลายคางของนางแล้ว แน่นอนว่าไม่อาจก้มลงไปเก็บได้ หนานกงมั่วก้มลงกำลังจะช่วยนางเก็บขึ้นมา ทว่าได้ยินเสียงแหลมดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ “อย่าขยับ”
หนานกงมั่วชะงัก เงยหน้าขึ้นมองไปยังเซวียอวิ๋นอวินที่ถือห่อผ้าอยู่ในมือกำลังจ้องมาที่ตนเขม็ง เซวียเสียวเสี่ยวรีบโยนของทิ้งและวิ่งเข้ามา “ซิงเฉิงจวิ้นจู่ ท่านไม่ต้องขยับ ไม่ต้องขยับ ข้าจะเก็บเอง”