หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 793 เหตุผล!

บทที่ 793 เหตุผล!

บทที่ 793 เหตุผล!
เรือบินรบ 3,700 ลำ!

ผู้ฝึกตนใต้บังคับบัญชาอีก 5,600 คน และวงแหวนปราณขั้นเชื่อมวิญญาณอีก 13 ชุด!

แถมยังมีผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์อีกสาม และขั้นแสร้งอมตะอีกหนึ่ง!

นี่ยังไม่รวมทรัพยากรจำนวนมากในห้องเก็บของของสำนัก นอกจากนี้ยังมีทรัพย์สินต่างๆ อีกมากมายบนดาวเคราะห์ประจำสำนักเมฆาปฐพี ซึ่งเป็นสำนักขนาดเล็กที่ถือได้ว่าค่อนข้างอยู่ในระดับสูง…

เมื่อการต่อสู้ปิดฉากลง หวังเป่าเล่อก็เริ่มตรวจดูจำนวนทรัพย์สินที่เขาได้มาจากการชนะประลอง กระทั่งตัวเขาเองยังตกใจกับปริมาณสิ่งของทั้งหมดที่ตนเองหามาได้ ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ตนเองเปิดฉากโจมตีโดยไม่ออมแรง เขาคิดว่าหากตนเองแสร้งทำเป็นอ่อนแอ จนทำให้ชนะมาได้ในสภาพตายไม่ตายแหล่กว่านี้ กองทหารปลาคุนสีเขียวอาจส่งสำนักเล็กมาเข้าปากเขาอีกก็เป็นได้

แต่ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น… หวังเป่าเล่อก็มั่นใจว่ากองทหารปลาคุนสีเขียวจะหยุดโจมตีเขาก่อนเป็นการชั่วคราว คำพูดของปรมาจารย์ก็บอกชัดเจนว่าเขาคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ นอกจากนี้หากกองทหารปลาคุนสีเขียวยังคงพยายามยึดสิทธิ์ในการสร้างกองทหารของหวังเป่าเล่อต่อไป ก็คงไม่เป็นการดีต่อตัวพวกเขาเองแน่นอน

แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เสียด้วย การพ่ายแพ้ครั้งนี้อาจดูเหมือนเป็นการประเมินคู่ต่อสู้ต่ำไป แต่เมื่อลองคิดดูดีๆ แล้วกลับหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ พวกเขาลงทุนมอบสมบัติเวทที่มีอำนาจในการผนึกทลายวิญญาณให้ ทั้งยังส่งผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์แบบมาถึงสามคน รวมถึงวงแหวนปราณขั้นเชื่อมวิญญาณอีกเกินสิบ เพื่อทำให้สำนักเมฆาปฐพีที่ถือว่าแข็งแกร่งอยู่แล้วทรงพลังมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

นอกจากนี้กองทหารปลาคุนสีเขียวยังส่งผู้ฝึกตนขั้นแสร้งอมตะมาเผื่ออีกสองคน แผนการแรกเริ่มของพวกเขาคือการให้คนทั้งสองหยุดยั้งเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทั้งยังพยายามกีดกันไม่ให้กองทหารวิหคน้ำแข็งส่งกำลังเสริมมาช่วยอีกด้วย

เรียกได้ว่าการเตรียมการทั้งหมดนี้ อาจทำให้แม้แต่กองทหารชั้น 12 ขึ้นไปในสำนักหลักยังต่อกรกับพวกเขาได้ยาก อย่าว่าแต่กองทหารที่เพิ่งตั้งใหม่เลย แม้ความแข็งแกร่งโดยรวมจะสำคัญ แต่พลังในการต่อสู้เองก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

แต่ท้ายที่สุดแล้ว…กองทหารปลาคุนสีเขียวกลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ข่าวการประลองนี้แพร่สะพัดไปทั่วสำนัก ชื่อของหลงหนานจื่อกลับมาเป็นจุดสนใจของผู้คนภายในสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์อีกครั้ง

เรื่องราวนี้ยังทำให้ทุกคนเข้าใจว่า หากต้องการต่อกรกับกองทหารผ่าวิญญาณ จะต้องหาทางสยบอำนาจของโล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลกาให้ได้เท่านั้น มิเช่นนั้นก็ต้องดึงผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะเข้ามาเกี่ยวด้วย!

ความยากลำบากนี้ทำให้กองทหารปลาคุนสีเขียวต้องหยุดโจมตีชั่วคราว

แม้ความพ่ายแพ้นี้จะไม่ได้สร้างความเสียหายให้พวกเขามากนัก แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาใส่ใจ… คือผู้ฝึกตนขั้นแสร้งอมตะที่ถูกหวังเป่าเล่อจับเป็นเอาไว้

ตามกฎของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ ผู้ที่ถูกสำนักส่งไปช่วยการประลองไม่ถือว่าเป็นเชลยสงคราม หากต้องการ สำนักก็สามารถนำตัวเขากลับมาได้

ดังนั้นกองทหารปลาคุนสีเขียวจึงมอบข้อเสนอที่คิดว่าหวังเป่าเล่อจะสนใจ ชายหนุ่มพิจารณาดูและตกลงส่งตัวผู้ฝึกตนขั้นแสร้งอมตะกลับคืนไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย นอกจากนี้เขายังติดต่อสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ และให้คนพวกนั้นประกาศข่าวแทนว่าเขาต้องการขายสำนักเมฆาปฐพีทิ้ง

สำหรับสำนักเล็กอื่นๆ นี่ถือเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจมาก แม้แต่สำนักใหญ่หลายสำนักเองยังอดไตร่ตรองดูไม่ได้ เทพธิดาหลิวโยวเองก็ช่วยประกาศเรื่องนี้ออกไปด้วยเช่นกัน สุดท้ายแล้วหวังเป่าเล่อก็ขายสำนักเมฆาปฐพีทิ้งไปในราคาที่เทียบได้กับทรัพยากรที่แทบจะไม่มีวันหมด!

ทรัพยากรทั้งหมดที่ชายหนุ่มได้มานี้มากพอที่จะทำให้สำนักเล็กอื่นๆ รู้สึกอิจฉาตาร้อน ต่อให้เป็นกองทหารในสำนักใหญ่เองก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองเหลียวหลัง เว้นไว้เสียก็แต่พวกที่อยู่อันดับบนๆ เท่านั้น

หวังเป่าเล่อใช้ทรัพยากรที่หามาได้ทั้งหมดสร้างกองทหารที่แข็งแกร่งของตนเองขึ้นอย่างรวดเร็ว แผนการแปลงโฉมดาวเคราะห์ผ่าวิญญาณจากหน้ามือเป็นหลังมือของเขาสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

ชายหนุ่มซื้อวงแหวนปราณสองสามชิ้นมาไว้ใช้งาน หลังจากที่ติดตั้งลงบนดาวเรียบร้อย ก็ทำให้การบุกรุกเข้ามาเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีก

นอกจากนี้เขายังซื้ออาวุธเวทจำนวนมากและนำมาเรียงไว้บนผิวดาวด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหลังจากที่ได้ทรัพยากรมาครบครันแล้ว หวังเป่าเล่อก็สามารถสร้างหุ่นเชิดก่อสร้างและเพิ่มจำนวนเรือบินรบที่ตนเองมีให้มากขึ้นได้สำเร็จ

นอกจากนี้… กระเป๋าที่หนักอึ้งยังทำให้หวังเป่าเล่อสามารถใช้กระบวนการรื้อสร้างที่ได้รับมาจากเจ้าอู๋น้อย ในการสร้างเรือบินรบให้แข็งแกร่งขึ้นอีกระดับหนึ่ง นี่จะเป็นไพ่ตายใหม่ในการใช้เรือบินรบของเขาในอนาคต

เวลาเดินหน้าผ่านไปเรื่อยๆ ในลักษณะนี้ หวังเป่าเล่อใช้ทรัพยากรที่ตนได้มาจากการชนะการประลองหมดไปเรียบร้อย สองเดือนต่อมาไม่ได้มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์มากนัก สามสำนักใหญ่ยังคงต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงอำนาจ ส่วนราชวงศ์ก็ออกมาขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้คนไม่ลืมว่ายังมีตนอยู่

ส่วนการต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งระหว่างสำนักเล็กก็ยังเดินหน้าต่อไปตามปกติ การออกสำรวจพื้นที่เพื่อยึดทรัพยากรยังเป็นเรื่องที่ทำกันโดยทั่วไป ความแตกต่างเดียวก็คือ… คณะสืบสวนบนดาวเอกที่รับหน้าที่ตามหาตัวการที่ขโมยทรัพยากรของสำนักหลักไป ต้องเลิกปิดตายพื้นที่หลังจากจับมือใครดมไม่ได้ อีกทั้งราชวงศ์เองยังออกมาประท้วงให้เปิดพื้นที่หลายต่อหลายครั้ง

เมื่อหวังเป่าเล่อทราบข่าวนี้จากสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก จิตใจของชายหนุ่มยังคงจดจ่ออยู่กับการใช้กระบวนการรื้อสร้างในการเพิ่มพลังให้เรือบินรบลำต่อลำ เมื่อเรือบินรบของเขาทุกลำได้รับการปรับปรุงเรียบร้อยโดยการรื้อสร้างแก่นในออกใหม่ทั้งหมด ทรัพยากรจำนวนมหาศาลที่เขาหามาได้ก็หมดลงพอดี

แพงเป็นบ้า…

ชายหนุ่มถอนหายใจขณะมองลงมาที่ดาวเคราะห์ผ่าวิญญาณซึ่งบัดนี้เปลี่ยนรูปโฉมไปจนแทบจำไม่ได้ เขารู้สึกเสียใจที่ก่อนหน้านี้ตนเองดื้อแพ่งเกินไป เขาไม่ควรโจมตีซึ่งๆ หน้าเช่นนั้น แต่ควรค่อยๆ ล่อให้อีกฝ่ายติดกับ

จะให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้… ข้าจะสร้างกองทหารของตนเองได้อย่างไรหากสำนักเล็กไม่มาท้าประลอง ชายหนุ่มมุ่นคิ้วหลังจากคิดอยู่พักใหญ่ สุดท้ายแล้วเขาก็หาวิธีการยั่วยุให้กองทหารจากสำนักเล็กมาท้าประลองไม่ได้ จึงต้องกัดฟันเลือกทางที่ยากกว่าในที่สุด

ถ้าเช่นนั้นก็ได้ ในเมื่อไม่มีสำนักเล็กอยากประลองกับข้า ข้าจะไปท้าสำนักใหญ่ประลองเอง ถึงข้าจะได้ทรัพยากรมาน้อยกว่า แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย! เมื่อคิดมาถึงตรงนี้หวังเป่าเล่อก็ตรวจดูสภาพกองทหารของตนเองอีกครั้ง และเริ่มดูรายชื่อกองทหารที่อยู่เหนือเขาขึ้นไป

การท้าประลองนั้นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมจำนวนมาก หวังเป่าเล่อจึงต้องประมาณการว่าตนเองจะได้รับทรัพยากรกลับมาเท่าไรหากชนะ นอกจากนี้เขายังปรึกษาเทพธิดาหลิวโยวอีกด้วย และในที่สุดได้เป้าหมายถัดไป!

กองทหารอันดับ 19! ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกายสว่างวาบ กองทหารอันดับ 19 มีนามว่ากองทหารสระน้ำทองคำ แม้ผู้บัญชาการจะมีพลังปราณอยู่ที่ขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์ แต่ทั้งกองก็มีผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณอยู่อีกถึง 17 คนด้วยกัน!

ความแข็งแกร่งของกองทหารสระน้ำทองคำนั้นอยู่ที่เรือบินรบของพวกเขา เรือบินรบนั้นทั้งยอดเยี่ยมในด้านการรุกและการรับ แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ… กองทหารอันดับ 19 นี้ถือเป็นกองทหารย่อยของกองทหารปลาคุนสีเขียว และมีความสัมพันธ์ต่อกันในฐานะพันธมิตรในหลายแง่

ทันทีที่หวังเป่าเล่อท้าพวกเขาประลอง ชายหนุ่มมั่นใจว่าอี้เหนียนจื่อจะต้องลงมายุ่งกับการแข่งขันอย่างแน่นอน เนื่องด้วยไม่มีใครเอาชนะโล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลกาของเขาได้

แม้ตัวหวังเป่าเล่อเองจะอยากทดสอบโล่ ว่าสามารถสะท้อนพลังการโจมตีขั้นจิตวิญญาณอมตะได้ครึ่งหนึ่งอย่างที่เคยคำนวณไว้จริงหรือไม่ แต่ก็คงจะเป็นการดีกว่าหากเขายังไม่เปิดเผยความสามารถนี้ในตอนนี้

นอกเสียจากว่า… ข้าจะไม่ใช้โล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลกาเลย หรือถ้าจะให้ดีไปกว่านั้นข้าก็ไม่ต้องไปที่สนามรบมันเสียเลย ส่งไปแค่เรือบินรบก็พอ เพียงเท่านี้กองทหารปลาคุนสีเขียวก็ไม่มีเหตุผลให้เข้ามายุ่มย่ามแล้ว! หวังเป่าเล่อหรี่ตาและตัดสินใจได้หลังจากคิดอยู่นาน เขารู้ดีว่าจุดประสงค์หลักของการท้าประลองนี้ควรอยู่ที่การใช้ประโยชน์จากกระบวนการรื้อสร้างเท่านั้น

กระบวนการนี้ต้องทำให้ข้าเป็นจุดสนใจอย่างแน่นอน แต่เรื่องนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อย่างมากข้าก็แค่ปล่อยเคล็ดเล็กน้อยออกไปเท่านั้น ตราบใดที่ข้ายังเป็นผู้เดียวที่รู้หัวใจหลักของกระบวนการนี้ ก็คงไม่มีผลกระทบอันใด แถมข้ายังสามารถแลกวิชานี้กับทรัพยากรได้ด้วย…

มาลองดูกันดีกว่าว่าเรือบินรบของข้าจะต่อกรกับผู้ฝึกตนจากอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ได้หรือไม่! ชายหนุ่มเลิกลังเลและตัดสินใจสมัครท้าประลองในทันที!

ด้วยความที่ทั้งสองฝ่ายเป็นกองทหารประจำสำนักใหญ่ การสมัครท้าประลองจะได้รับการอนุมัติทันทีตราบใดที่ทั้งสองผ่านเกณฑ์คุณสมบัติเบื้องต้น แน่นอนว่าคุณสมบัติของหวังเป่าเล่อไม่มีสิ่งใดติดขัด เขาจึงได้รับการอนุมัติทันทีหลังจากที่ผ่านไปหนึ่งวัน!

“กองทหารผ่าวิญญาณขอท้ากองทหารสระน้ำทองคำประลอง การประลองจะเริ่มต้นขึ้นในหกชั่วโมงต่อจากนี้!”

หลังจากที่ได้รับประกาศ หวังเป่าเล่อก็ผุดขึ้นยืนและรีบพุ่งออกไปข้างนอก พลางโบกมือไปด้วย เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังนำขึ้นจากพื้นดิน ตามมาด้วยเรือบินรบสีดำหลายลำที่ลอยจากใต้ดิน เรือบินรบเหล่านั้นมีจำนวนราวหมื่นลำได้ จนทำให้เกิดภาพกองทัพขนาดใหญ่ที่กำลังเดินทัพไปในห้วงอวกาศ

หวังเป่าเล่อกำลังวิเคราะห์กลยุทธ์การรบอยู่ในใจ และเฝ้ารอให้การประลองเปิดฉากขึ้นเงียบๆ ชายหนุ่มได้สอบถามเทพธิดาหลิงโยวเรียบร้อย ว่าหากเขาเป็นผู้ขอท้าชิง รอยแยกจะปรากฏขึ้น…เพื่อให้กองทัพของเขาเดินทางไปยังดาวของผู้ถูกท้าชิงทันทีที่การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น!

สิ่งเดียวที่เขาต้องทำในตอนนี้ คือการรอ!

ในขณะเดียวกันกองทหารอันดับ 19 ก็ได้รับประกาศท้าชิงเช่นกัน พวกเขาไม่ได้ประมาทกองทหารผ่าวิญญาณแม้แต่น้อย และรีบส่งข่าวหากองทหารปลาคุนสีเขียวทันทีเพื่อขอคำแนะนำ กองทหารปลาคุนสีเขียวได้มอบหน้าที่ให้อี้เหนียนจื่อเป็นผู้ดูแลการประลองในครั้งนี้!

“ข้าต้องการเหตุในการเข้าแทรกแซง หน้าที่ของพวกเจ้าในตอนนี้คือ…หาเหตุผลให้ข้ายื่นมือเข้าไปช่วยให้ได้!” อี้เหนียนจื่อที่มาเยือนฐานที่มั่นของกองทหารสระน้ำทองคำพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์

……………………….

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท