เฉินตันจูจัดงานเลี้ยงไว้ริมบ่อน้ำ ตั้งแต่เหล่าคุณหนูตระกูลเกิ่งมาในครั้งนั้น นางก็พบว่าบริเวณนี้เหมาะสำหรับการเที่ยวเล่นจริง น้ำใสสะอาด รอบด้านปลอดโปร่ง มีดอกไม้ล้อมรอบ
ถึงแม้เฉินตันจูจะเป็นคนจัดงานเลี้ยง แต่ทุกคนต่างนำอาหารมาด้วย อาอวิ้นนำผลไม้เชื่อมจากตระกูลฉางมา หลิวเวยนำเนื้อรมควันและปลานึ่งที่มารดาทำมา อาหารมากมายหลากหลายจนลายตา
เนื่องจากมีนางในใหญ่จับจ้องอยู่ ไม่ให้เหล่าหญิงสาวดื่มสุรา ดังนั้นจึงมีเพียงจางเหยาที่ดื่มได้
“หากรู้ว่ามีคุณชายจางอยู่ ข้าควรเรียกพี่สามข้ามาด้วย” องค์หญิงจินเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม เหลือบมองเฉินตันจูหนึ่งที “ให้เขาดื่มเป็นเพื่อนเจ้า”
อาอวิ้นและหลิวเวยต่างมองไปยังจางเหยา คนหนึ่งอิจฉา คนหนึ่งอุทาน ชายหนุ่มผู้ยากจนที่มาจากชนบทคงไม่คิดฝันว่าสักวันจะได้นั่งรวมกับองค์หญิง อีกทั้งยังได้ยินคำพูดอย่างให้องค์ชายดื่มเหล้าเป็นเพื่อนกระมัง
หลี่เหลียนมองไปทางจางเหยาเช่นเดียวกัน แต่นางไม่มีความคิดหรืออิจฉา หากแต่สงสัย นางมองจางเหยา ก่อนจะมองเฉินตันจู เหตุใดจางเหยาคนนี้จึงได้รับความสำคัญจากคุณหนูตันจูเช่นนี้
ชายหนุ่มผู้ยากจนที่มาจากชนบทตื่นตระหนกเล็กน้อย ผลักสุราด้านหน้าออกไป “กระหม่อมก็ยังดื่มไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมยังกินยาอยู่ ยาของคุณหนูตันจู”
เฉินตันจูพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ใช่ คุณชายจางก็ดื่มเหล้าไม่ได้ พวกเราดื่มแค่น้ำชาเถิด”
“น่าเบื่ออย่างมาก” องค์หญิงจินเหยาถือถ้วยชาบ่นอย่างเศร้าโศก “เหล้าดื่มไม่ได้ ประลอง…ชนมุมก็เล่นไม่ได้”
หลี่เหลียนพูดด้วยรอยยิ้ม “หม่อมฉันเป่าขลุ่ยให้ฟังแล้วกันเพคะ”
ทุกคนต่างมองไปทางนาง เฉินตันจูถามด้วยความสงสัย “ท่านเป่าขลุ่ยได้?”
หลี่เหลียนพยักหน้า “แต่ว่าเป่าได้ไม่ดีนัก ดังนั้นจึงไม่อาจขายหน้าในงานเลี้ยงใหญ่ วันนี้คนน้อย ให้ข้าได้แสดงทีเถิด”
อาอวิ้นรีบเสริม “หม่อมฉันดีดพิณได้ แต่ก็ดีดได้ไม่ดีนัก”
องค์หญิงจินเหยาปรบมือ “ยังมีผู้ใดมีความสามารถไม่ดีนัก วันนี้คนน้อย ทุกคนต่างแสดงอย่างเต็มที่”
ทุกคนต่างหัวเราะขึ้นมา ความประหม่าก่อนหน้านี้ล้วนสลายไป หลี่เหลียนเตรียมการมา นางจึงพกพาขลุ่ยมาเอง ส่วนอาอวิ้นเกิดความคิดกะทันหัน แต่ในเมื่อเฉินตันจูจัดงานเลี้ยง ย่อมต้องมีเตรียมเครื่องดนตรีเอาไว้ ดังนั้นเสียงขลุ่ยและเสียงพิณดังขึ้น ฐานะของแต่ละคนถึงแม้จะแตกต่างกัน แต่เวลานี้กลับกลมเกลียวกันอย่างมาก
หลังจากฟังดนตรีแล้ว อาเถียนยังนำเยี่ยนเอ๋อและชุ่ยเอ๋อแสดงชนมุม เพื่อปลอบประโลมความเศร้าโศกขององค์หญิงจินเหยาที่ไม่อาจประลองด้วยตนเองได้
การประลองของสาวรับใช้ก็เป็นการไม่เหมาะสมนัก มีการแสดงชนมุมในงานเลี้ยงของเหล่าคุณหนูที่ใดกัน แต่นางในใหญ่เห็นท่าทางดีใจขององค์หญิงจินเหยา อดทนแล้วอดทนอีกในการไม่กล่าวห้าม ถึงแม้มีคำสั่งของฮองเฮา แต่นางก็ไม่อยากให้ฮองเฮาและองค์หญิงเกิดความบาดหมางกันเพราะเรื่องนี้
องค์หญิงจินเหยาดูอย่างสนุกสนาน อดจะเสียใจที่ตนเองไม่อาจลงสนามได้ “เวลานี้ข้าศึกษาวิธีการมากมาย องครักษ์ในพระราชวังข้าก็กล้าประลองด้วย”
อาเถียนไม่ยอมแพ้ “พวกหม่อมฉันมีองครักษ์หลวงสอน”
องครักษ์หลวงเก่งกว่าองครักษ์อีกหรือไม่
จู๋หลินที่นั่งอยู่บนต้นไม้ปิดหน้า เขาไม่รู้สึกภูมิใจแม้แต่น้อย
องค์หญิงจินเหยาไม่ต้องการเกิดความขัดแย้งกับฮองเฮา มิฉะนั้นฮองเฮาไม่ลงโทษนาง ก็คงลงโทษเฉินตันจู ทำได้เพียงข่มความอยากประลองลง ถามถึงเรื่องน่าตื่นเต้นอีกเรื่อง “เจ้าขับไล่คุณชายเหวินออกจากเมืองหลวงจริงหรือไม่”
เรื่องนี้คงมีเพียงองค์หญิงที่กล้าถามโดยตรงแล้ว
หลิวเวยจับตะเกียบแน่น อาอวิ้นจ้องมองไปยังหลิวเวย องค์หญิงถามได้ แต่ตระกูลเล็กอย่างพวกเราพูดไม่ได้
“จริงเพคะ” เฉินตันจูไม่ใส่ใจนัก นางยกชาขึ้นมาดื่มจนหมด “อีกทั้งหม่อมฉันตั้งใจชนเขา เพื่อที่จะสั่งสอนเขา”
หลี่เหลียนที่มีฐานะเท่าเทียมกับเฉินตันจูพูดขึ้นเสียงเบา “ตระกูลเจ้ากับตระกูลเหวินมีความแค้นสะสมมานานหลายปีแล้ว”
เฉินตันจูไม่ได้พูดตามความหวังดีของนาง ร้องทุกข์ถึงเหตุการณ์อันไม่ได้รับความเป็นธรรมในอดีตของเฉินเลี่ยหู่ เพียงแค่ยิ้ม “ไม่ใช่เพราะความแค้นเก่า แต่เพราะว่าเขาออกแรงอยู่เบื้องหลังในการช่วยโจวเสวียนซื้อจวนของข้า ข้าตีโจวเสวียนไม่ได้ ยังตีเขาไม่ได้หรือ”
ที่แท้ก็เพราะเรื่องนี้…
“ไม่เพียงแต่จวนของข้า ก่อนหน้านี้จวนของตระกูลต่างๆ ในเมืองอู๋ต่างถูกเขาวางแผนซื้อขายไป รวมไปถึงคดีกบฏก็เป็นฝีมือของเขา”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ องค์หญิงจินเหยาพยักหน้า หลี่เหลียนก็พยักหน้า ถึงแม้อาอวิ้นจะฟังไม่เข้าใจแต่ก็รีบพยักหน้าตาม เมื่อนางเหม่อลอย หลิวเวยก็อดพูดขึ้นไม่ได้ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าควรจะเปิดโปงความชั่วของเขาต่อหน้าทุกคน การขับไล่คนอย่างบุ่มบ่ามเช่นนี้ มีเพียงทำให้ตนเองกลายเป็นคนชั่ว”
อาอวิ้นกำมือไว้บนหัวเข่า กัดฟันแน่น
องค์หญิงจินเหยาและหลี่เหลียนมองไปทางหลิวเวยด้วยรอยยิ้ม มีเพียงจางเหยาที่ก้มหน้ากินดื่มเหมือนไม่ได้ยินสิ่งใด
เฉินตันจูยิ้ม “พี่เวยเวย ข้าเป็นคนชั่วแล้ว คนชั่วอย่างข้าบอกว่าผู้อื่นเป็นคนชั่ว มีคนเชื่อหรือ”
หลิวเวยเก้อเขิน “แค่เพียงมีหลักฐาน ย่อมต้องมีคนเชื่อ”
อาอวิ้นหยิกนางจากใต้โต๊ะ รีบหยุดพูดเสีย องค์หญิงและหลี่เหลียนต่างไม่พูด เจ้าพูดเรื่องนี้เพื่อสิ่งใด ทำให้เฉินตันจูโกรธ…
เฉินตันจูไม่ได้โกรธ นางส่ายหัว “หาหลักฐานไม่ได้ เขากระทำการอย่างระมัดระวังมาก อีกทั้งข้าไม่อยากรอ ขอระบายความโกรธนี้ก่อน”
หลิวเวยทำหน้าสงสาร “เจ้าระบายความโกรธ แต่เจ้าก็ไม่ได้ผลดี อีกทั้งยิ่งมีชื่อเสียงไม่ดียิ่งขึ้น”
เฉินตันจูหัวเราะร่า “ผลดีคือข้าได้ระบายความโกรธ ชื่อเสียงสำหรับข้าไม่สำคัญ” นางกะพริบตา “ชื่อเสียงข้าไม่ดีเพียงนี้ พวกท่านก็ยังเป็นสหายกับข้าไม่ใช่หรือ คุณหนูเวยเวยไม่กลัวข้าแม้แต่น้อย อีกทั้งยังเป็นห่วงข้า ทำเพื่อข้า ชี้ข้อผิดพลาดของข้า แนะนำข้า”
หลิวเวยตำหนิอย่างเขินอาย “พูดเรื่องจริงจังอยู่” ก่อนจะระอา “เจ้าพูดเก่งเช่นนี้ เหตุใดไม่ใช้กับคนที่รังแกเจ้ากัน”
เฉินตันจูยิ้ม “เพราะพวกเขาไม่คู่ควร”
หลิวเวยล้มเลิก ไม่ซักถามอีก องค์หญิงจินเหยาและหลี่เหลียนที่ดูความสนุกจบต่างยิ้มขึ้น อาอวิ้นโล่งใจ ยกมือเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ก่อนจะมองหลิวเวยด้วยความอิจฉา เรื่องใดกัน เหตุใดเวยเวยจึงได้รับความโปรดปรานจากคุณหนูตันจู อีกทั้งยังบอกได้ว่าได้รับความโปรดปรานอย่างมาก!
องค์หญิงจินเหยาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องจิ้นฝาง[1] จึงเรียกเฉินตันจูไปด้วย ให้เหล่านางในไม่ต้องตามเข้ามา ทั้งสองคนเดินเข้าห้องจิ้นฝางที่จัดเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ องค์หญิงจินเหยาจับเฉินตันจูเอาไว้ทันที
“พวกเราประลองกันตรงนี้” นางพูดเสียงเบา “เสด็จพ่อข้าตรัสแล้ว หากครั้งนี้ข้าแพ้อีก ไม่ต้องกลับไปพบพระองค์แล้ว!”
เฉินตันจูหัวเราะ ยกมือกดองค์หญิงจินเหยาเอาไว้ “องค์หญิงแรงน้อยเกินไป แพ้ครั้งสองครั้งจะเป็นอันใดกัน”
องค์หญิงจินเหยายกขาถีบนาง เฉินตันจูหลบได้ แต่มือถูกองค์หญิงจินเหยาจับเอาไว้
“เสด็จพ่อตรัสแล้ว ตั้งแต่เล็กจนโต พระองค์ไม่เคยไม่ชนะการประลอง บุตรสาวของเขาไม่สามารถไม่ชนะเหมือนกันได้” องค์หญิงจินเหยาพูดอย่างจริงจัง
เฉินตันจูใช้หัวไหล่ชน กระแทกองค์หญิงจินเหยาออกไป องค์หญิงจินเหยากระทบเข้ากับราวเสื้อผ้าด้านข้าง ด้านนอกมีเสียงของนางในใหญ่ดังขึ้นทันที “องค์หญิง พวกท่านกำลังทำสิ่งใดเพคะ หม่อมฉันกำลังจะเข้าไปปรนนิบัตินะเพคะ”
องค์หญิงจินเหยาแลบลิ้นต่อเฉินตันจู ทำท่าทางเงียบเสียง
เฉินตันจูพูดเสียงเบา “ถึงเวลาพวกเราประลองต่อหน้าฝ่าบาทสักครั้ง ให้ฝ่าบาทเห็นความสามารถของบุตรสาวตนเองกับตา”
เป็นความคิดที่ดี องค์หญิงจินเหยานึกถึงเสด็จพ่อที่ไม่กล้าเที่ยวเล่นในหลายปีนี้ ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก จึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แต่ยังคงจับเฉินตันจูที่กำลังจะจากไปเอาไว้
“เรื่องนี้แล้วไป ข้าถามเจ้า…” นางยิ้มอย่างมีเลศนัย “จางเหยานี้เป็นอย่างไร คงไม่ได้เป็นเพียงพี่ชายของหลิวเวยเท่านั้นกระมัง เจ้ามองจนเขาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นแล้ว”
มีหรือ นางมองจางเหยาหรือ เฉินตันจูสองมือปิดหน้าหัวเราะออกมา นางแค่เห็นเขานั่งอยู่ตรงนี้ มีเสื้อผ้าดี กินอาหารดี เล่นอย่างสนุก ไม่ได้ถูกหลิวเวยและคุณหนูตระกูลฉางรังเกียจ นางก็รู้สึกดีใจอย่างมาก
—————————————————————————–
[1] ห้องจิ้นฝาง หมายถึง ห้องน้ำ หรือห้องอาบน้ำในสมัยโบราณ