“หืม”
คุณชายเว่ยปัดจมูกเบี่ยงหน้าหลบออกไปอย่างอดไม่ได้ เอ่ย “ข้าได้ยินมาว่าสตรีตั้งครรภ์มีอาการหนัก อาจรู้สึกไม่สบายนัก เจ้าอยู่บ้านคนเดียว… อู๋สยา ขอโทษ”
หนานกงมั่วก้มหน้าลง ยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ คุณชายเว่ยไม่มีทางรู้เรื่องเหล่านี้อย่างแน่นอน เขามิใช่หมอและไม่เคยสัมผัสใกล้ชิดกับหญิงตั้งครรภ์ รู้ว่าสตรีมีลูกนั้นยากลำบากก็ไม่เลวแล้ว เรื่องเหล่านี้แปดเก้าส่วนคงจะไปหาข้อมูลหรือถามกับใครหลังจากที่นางตั้งครรภ์อย่างแน่นอน เขาอยู่ในกองทัพ แน่นอนว่ามีโอกาสถามคนอื่นมากกว่า เพียงนึกถึงคุณชายเว่ยที่ใบหน้านิ่งเฉยกลั้นความกระอักกระอ่วนไปถามคนอื่นเรื่องหญิงตั้งครรภ์ นางก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
“ไม่เป็นไร ข้าสบายดี ลูกเชื่อฟังมาก อีกทั้ง ข้าอยู่คนเดียวที่ไหนกัน หลายวันมานี้คนในจวนเหล่านี้รวมไปถึงเสด็จแม่แทบอยากล้อมหน้าล้อมหลังข้าเอาไว้อยู่แล้ว”
คุณชายเว่ยย่นคิ้วมองนางไม่เอ่ยสิ่งใด ใบหน้ากลับเขียนชัดเจน อู๋สยาไม่จำเป็นต้องมีข้า ไม่พอใจ
“ฮ่าๆ” หนานกงมั่วทนไม่ไหวอีกต่อไป ฟุบหน้าลงกับอกของเขาหัวเราะเสียงดังออกมา
คุณชายเว่ยมองคนที่หัวเราะฟุบหน้าอยู่กับอกของตน ถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ “อู๋สยา…”
“อู๋สยา ข้าคิดถึงเจ้าแล้ว” กอดนางเอาไว้ในอ้อมอก เว่ยจวินมั่วก้มหน้าลงมากระซิบ
หนานกงมั่วสอดมือเข้าไปกอดเอวเขาเอาไว้ ชายตรงหน้าเพิ่งกลับมาจากสงครามยังหลงเหลือไอสังหารจางๆ ทว่านางกลับรู้สึกผ่อนคลาย “ข้าก็คิดถึงท่าน”
เมื่อส่งเหล่าคุณหนูทั้งหลายกลับไปแล้ว หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วกลับมาถึงจวนเยี่ยนอ๋องก็ตรงเข้าไปพบเยี่ยนอ๋อง หนานกงมั่วจึงได้รู้ว่าหลังจากเว่ยจวินมั่วกลับมาถึงไม่ได้ไปเข้าพบเยี่ยนอ๋อง เพียงกลับไปถวายพระพรองค์หญิงฉังผิงที่เรือนชิงมั่ว เมื่อรู้ว่านางอยู่ที่ไหนก็ตรงไปหานางทันที
บ่าวเดินนำมาถึงประตูทางเข้าเรือนเตี๋ย เว่ยจวินมั่วยืนนิ่งขมวดคิ้วเบาๆ หนานกงมั่วหยุดเท้าเอ่ยถามเสียงเบา “มีอันใดหรือ”
เว่ยจวินมั่วส่ายศีรษะ กุมมือนางเอาไว้ เอ่ย “ไปเถิด ไปพบเสด็จลุง”
หนานกงมั่วเองก็เข้าใจว่าเพราะอันใด อธิบายเสียงเบา “นับตั้งแต่ครั้งก่อนที่เสด็จลุงป่วยก็อยู่ที่เรือนเตี๋ยมีชายารองกงคอยดูแลอยู่ตลอด เสด็จป้าเองก็ยุ่ง แน่นอนว่าไม่อาจตามดูแลเสด็จลุงได้ทุกที่ทุกเวลา”
“ชายารองกงหรือ” เว่ยจวินมั่วเอ่ย ก้มหน้าลงไปมองหนานกงมั่ว หนานกงมั่วพยักหน้าเบาๆ ดวงตาสีม่วงของเว่ยจวินมั่วจมลึก บ่าวรับใช้ที่เดินนำทางรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมากะทันหัน
“คารวะซิงเฉิงจวิ้นจู่” เพิ่งเดินเข้ามาก็เจอเข้ากับกงเสี่ยวเตี๋ยที่เดินเข้ามาหา กงเสี่ยวเตี๋ยคลุมผ้าคลุมสีชมพูอ่อน ดูสวยสดงดงามไม่คร่ำครึ ไม่เหมือนสตรีที่เป็นภรรยารองของคนอื่น ทว่าคล้ายหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือน
หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ยเสียงเรียบ “พระชายารองกง วันนี้เสด็จลุงเป็นอย่างไรบ้าง”
กงเสี่ยวเตี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ทำให้จวิ้นจู่เป็นกังวลแล้ว อย่างอื่นท่านอ๋องนับว่ายังดี เพียงแต่ไม่มีชีวิตชีวาก็เท่านั้น เมื่อบ่ายบอกว่าอยากพักผ่อนสักพัก ตอนนี้ยังไม่ตื่น คุณชายผู้นี้…คงจะเป็นคุณชายในต้าจั่งกงจู่ คุณชายเว่ยใช่หรือไม่” หนานกงมั่วพยักหน้า “ใช่แล้ว”
กงเสี่ยวเตี๋ยยกมือป้องปากหัวเราะเบาๆ เอ่ย “คุณชายเว่ยรูปลักษณ์ไม่ธรรมดาจริงๆ ทั้งสองช่างเป็นคู่รักแห่งสวรรค์จริงๆ”
หนานกงมั่วยิ้มบางไม่เอ่ยวาจา
เว่ยจวินมั่วก้มลงไปมองสำรวจกงเสี่ยวเตี๋ยเล็กน้อย จูงมือหนานกงมั่วเดินผ่านนางเข้าไปด้านใน รอยยิ้มบนใบหน้าของกงเสี่ยวเตี๋ยพลันแข็งค้าง เห็นชัดว่าไม่คาดคิดว่าเว่ยจวินมั่วจะไม่เห็นตนอยู่ในสายตาต่อให้ดูถูกตำแหน่งชายารองของนาง อย่างน้อยเรือนเตี๋ยก็เป็นพื้นที่ของนางมิใช่หรือ ดวงตาสวยฉายแววโกรธแค้น กงเสี่ยวเตี๋ยหันกลับไปมองทั้งสองพลางเอ่ยเสียงเข้มขึ้น “จวิ้นจู่ คุณชายเว่ย ช้าก่อน”
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว หันกลับไปมองกงเสี่ยวเตี๋ย
กงเสี่ยวเตี๋ยหลุบตาลง เอ่ย “เรือนเตี๋ยแห่งนี้เป็นสถานที่ที่เยี่ยนอ๋องประทานเป็นที่อยู่ของข้า จวิ้นจู่ก็ช่างเถิด คุณชายเว่ยเข้ามาไม่คิดจะถามความเห็นของเจ้าของเลยหรือ เสียมารยาทเกินไปหรือไม่”
เว่ยจวินมั่วไม่แม้แต่หันหน้ากลับมา จูงมือหนานกงมั่วเดินตรงเข้าไปด้านในราวกับไม่ได้ยิน
กงเสี่ยวเตี๋ยโกรธจนหน้าดำหน้าแดงขึ้นมา กระทืบเท้ากำลังจะเอ่ยสิ่งใดทว่าได้ยินน้ำเสียงเย็นยะเยือกดังเข้ามาในหู “ข้าไม่สนว่ากงอวี้เฉินให้เจ้ามาทำอันใด หากไม่อยากตาย ก็อยู่เฉยไปเถิด” กงเสี่ยวเตี๋ยมองสาวใช้รอบข้างที่ใบหน้านิ่งสงบราวกับไม่ได้ยินอันใด ใบหน้าพลันซีดเซียวขึ้นมา
หนานกงมั่วเกาะแขนข้างหนึ่งของเขา เดินเข้าไปด้านในพร้อมเอ่ยเสียงเบาด้วยรอยยิ้ม “เสด็จลุงบอกว่าเก็บนางเอาไว้ยังมีประโยชน์ ท่านไปขู่นางทำไมเล่า” แม้ว่านางจะยังฝึกวรยุทธ์ไม่ถึงขั้นส่งเสียงลับได้ แต่เมื่อครู่นางเห็นริมฝีปากของเว่ยจวินมั่วขยับแต่กลับไม่มีเสียงดังออกมา ทว่าสัมผัสได้ถึงพลังที่ลอยจากด้านข้างไปยังกงเสี่ยวเตี๋ย นี่คือวรยุทธ์ส่งเสียงลับในตำนานที่ว่ากันมาอย่างนั้นหรือ
เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “รกหูรกตา”
ระยะนี้ร่างกายของเยี่ยนอ๋องไม่ดีจริงๆ หมอกแดงของดอกไม้ปีศาจที่ทำให้คุณชายเสียนเกอไม่มีแม้วิธีรักษาชั่วขณะกำลังกัดกร่อนชีวิตของเยี่ยนอ๋อง แม้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ไม่อาจมีผลต่อชีวิต ทว่ายังทำให้คนเป็นห่วง เพียงแต่ ข่าวลือถึงอาการป่วยของเยี่ยนอ๋องที่ถูกส่งต่ออยู่ด้านนอกดูเหมือนจะหนักกว่าความเป็นจริง ข่าวถูกส่งออกมาจากเมืองโยวโจว แทบจะบอกว่าเยี่ยนอ๋องกำลังป่วยจนหมดทางรักษาแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าเมื่อข่าวถูกส่งไปถึงจินหลิง เซียวเชียนเยี่ยจะคิดเช่นไร อาศัยตอนเจ้าป่วย เอาชีวิตของเจ้า หรือว่าคิดว่าเยี่ยนอ๋องกำลังเสแสร้งแกล้งป่วย หนานกงมั่วคิดว่าน่าจะเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า คนอย่างเซียวเชียนเยี่ย เมื่อต้องตัดสินใจในเรื่องใหญ่ๆ ก็ไม่เคยคิดอย่างตรงไปตรงมา
“เสด็จลุง”
เยี่ยนอ๋องอยู่ในอาภรณ์ที่สวมใส่อยู่เป็นประจำสีฟ้าอ่อนนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องหนังสือ ด้านข้างจุดเตาไฟเอาไว้ แต่เยี่ยนอ๋องยังคงคลุมผ้าหนา ใบหน้าซีดขาว
“จวินมั่วกลับมาแล้วหรือ นั่งลงคุยกันก่อนเถิด” มองเห็นเว่ยจวินมั่ว ใบหน้าของเยี่ยนอ๋องดูมีความสุขขึ้นมา ทั้งสองนั่งลง เว่ยจวินมั่วมองเยี่ยนอ๋องพลันขมวดคิ้ว เอ่ย “ร่างกายเสด็จลุงเป็นอย่างไรแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยนอ๋องยิ้ม เอ่ย “ไม่เป็นไร เพียงเป็นไข้บ้างก็เท่านั้น เซี่ยลี่ลงมือกับเจ้าแล้วหรือ” เอ่ยถึงเรื่องนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าเยี่ยนอ๋องเลือนหายไปทันที มีท่าทีจริงจังขึ้นมา
เว่ยจวินมั่วเอ่ยตอบเสียงเรียบ “กระหม่อมจัดการได้”
เยี่ยนอ๋องต่อว่าอย่างไม่พอใจ “ข้ารู้ว่าเจ้าจัดการได้ จะถามไม่ได้เลยหรืออย่างไร เจ้าใช้วิธีใดถึงเกลี้ยกล่อมให้เมิ่งเท่อมู่เคลื่อนทัพได้”
เว่ยจวินมั่วเอ่ย “กระหม่อมรับปากจะขอให้ราชสำนักประทานบรรดาศักดิ์แก่เขาพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยนอ๋องชะงัก มองเว่ยจวินมั่วอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เท่านี้เขาก็ยอมแล้วหรือ” เมิ่งเท่อมู่โง่หรือ ต่อให้ไม่รู้สถานการณ์ในด่านกำแพง อย่างน้อยก็ต้องไตร่ตรองว่าเว่ยจวินมั่วจะทำตามสัญญาได้หรือไม่มิใช่หรือ เยี่ยนอ๋องพลันรู้สึกว่าตนเองดูหมิ่นหลานชายผู้นี้เกินไปแล้ว มองดูใบหน้าเย็นชาเย่อหยิ่ง ใช้แผนการจับหมาป่ามือเปล่าได้ไม่เลวเลยทีเดียว ตอนนี้พวกเขาไหนเลยจะช่วยเมิ่งเท่อมู่ขอบรรดาศักดิ์ได้เล่า เซียวเชียนเยี่ยคงโยนฎีกาทิ้งทั้งๆ ที่ไม่เปิดดูเลยแม้เพียงนิดน่ะสิ
สัมผัสได้ถึงสายตาประหลาดใจจากเยี่ยนอ๋อง คุณชายเว่ยเอ่ยเลี่ยงๆ “ครั้งนี้พวกเรากำจัดเป่ยหยวนไม่สำเร็จ”
เยี่ยนอ๋องพูดไม่ออก ดังนั้นสัญญาที่เจ้าว่า หมายถึงหลังจากกำจัดเป่ยหยวนให้สิ้นซากอย่างนั้นหรือ สมองของเมิ่งเท่อมู่จมน้ำไปแล้วหรืออย่างไรถึงได้เชื่อเจ้า