เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ ก็หรี่เสียงให้เบาลงกล่าวว่า “ประการที่สอง การจะส่งเสริมให้ชาวอำเภอชิงเหอปลูกถั่วเหลืองและสมุนไพร พวกนี้ย่อมต้องให้เจ้าลงมือเอง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่ควรใช้งานพวกเราเฉยๆ ตำแหน่งรองประธานสมาคมการค้าเป็นสิ่งที่สมควรได้รับ”
ลู่เจียวได้ฟังก็รู้ว่าเขากล่าวได้ถูกต้อง เพียงแต่แปลกใจที่ทำไมเขาจึงได้ใจกว้าง ก่อนหน้านี้ยังคัดค้านนางเข้าร่วมสมาคมการค้าอยู่เลย
“ก่อนหน้านี้เจ้ายังไม่พอใจให้ข้าร่วมสมาคมการค้าอยู่เลย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มกล่าวว่า “เจ้าได้รับเลือกเป็นรองประธานสมาคมการค้า ก็แค่แขวนชื่อไว้ ที่เหลือให้ประธานสมาคมอย่างจ้าวหลิงเฟิงทำ วันหน้ามีงานก็ให้ประธานสมาคมจ้าวไปทำ”
“ประการที่สาม ตอนเจ้าไปสำรวจพื้นที่ต่างๆ ว่าเหมาะกับการเพาะปลูกพืชใด ข้าก็จะได้ตามไปด้วยได้”
เขาเตรียมการทุกอย่างไว้หมดแล้ว ลู่เจียวมองเจ้าหมอนี่อย่างไร้วาจาจะกล่าว แต่พอคิดถึงว่าเขาทำเพื่อให้นางมีสถานะ จึงได้ออกหน้าผลักดันนางเป็นรองประธานสมาคมการค้า นางก็รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก
นางรู้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นผู้ชายในยุคสมัยนี้ ความจริงนิสัยเขานั้นถือลัทธิผู้ชายเป็นใหญ่ แต่เขากำลังพยายามเปลี่ยนตัวเองเพื่อนาง นางรับรู้ได้
ลู่เจียวหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น “ขอบคุณเจ้าที่พยายามเปลี่ยนตัวเองเพื่อข้า”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้สึกหวานล้ำขึ้นมาในใจทันที เจียวเจียวเข้าใจก็พอ
ความจริงเขาเองก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้เจียวเจียวทำเรื่องพวกนี้ แต่เขาพยายามเปลี่ยนตัวเองให้รับเรื่องพวกนี้ให้ได้
ดีที่นางล้วนเข้าใจ
ทั้งสองคนสบตายิ้มให้กัน ในสายตาผู้อื่นก็คือภาพสามีภรรยารักใคร่ปรองดองแท้จริง
แต่พวกเขาเช่นนี้ก็ทำเอาเฉาชิงเหลียนที่อยู่ไม่ไกลนักนึกอิจฉาริษยา หวนคิดถึงว่านางเป็นสาวงามสุดยอดเช่นนี้ ยังไม่อาจทำให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นหวั่นไหว นางทำใจยอมรับไม่ได้
นายอำเภอหูให้เลือกกรรมการสมาคมการค้าอีกสองท่าน ก็คือประมุขตระกูลอวี้และประมุขตระกูลหวัง
ปรากฏสี่ตระกูลใหญ่ไม่ได้สักตำแหน่ง แต่ละคนสีหน้าดำคล้ำราวกับก้นหม้อดำ การเลือกตั้งในสมาคมการค้าจบลง พวกเขาก็จากไปโดยไม่สนใจการประชุมในลำดับถัดไปแม้แต่น้อย
ตระกูลใหญ่ทั้งสี่และพวกพ่อค้าติดตามพวกเขาไปกันแล้ว บรรยากาศก็ยิ่งคึกคัก
ทุกคนกำหนดระเบียบกฎเกณฑ์ให้สมาชิกสมาคมการค้าปฏิบัติตามร่วมกัน เช่น ให้รีบลดราคาสินค้า ราคาสินค้าทั้งหมดตั้งเป็นราคาเดียวกันทั้งอำเภอ สมาชิกสมาคมการค้าต้องปฏิบัติตาม ห้ามแอบค้าขายผิดกฎหมาย โดยแคว้นต้าโจวห้ามแอบค้าขายของบางอย่างเช่นเกลือและใบชา
ไม่อนุญาตให้รังแกชาวบ้าน ไม่อนุญาตให้ชายรังแกหญิง ไม่อนุญาตหาเงินทองผิดกฎหมาย หากสมาคมการค้าพบก็จะขับออกจากสมาคมการค้าชิงเหอ
ตอนเที่ยงทุกคนกินข้าวกันในร้านอาหาร วันนี้คนที่เข้าร่วมสมาคมการค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ผู้หญิงก็แค่ไม่กี่คน พอจางปี้เยียนกับเฉาชิงเหลียนกลับกันไปแล้ว ก็เหลือแค่ลู่เจียว เถียนฮวนและชิวต้าเหนียงจื่อแห่งตระกูลชิว ที่สามีจากไปได้สองปีแล้ว นางต้องรับภาระดูแลการค้าในตระกูลตอนนี้ต่อ วันนี้นางเป็นตัวแทนตระกูลชิวมาเข้าร่วมสมาคมการค้า
ชิวต้าเหนียงจื่อมองลู่เจียวอย่างเลื่อมใส่ เอ่ยชมว่า “อายุยังน้อยก็มีจิตใจกว้างและเมตตาได้เช่นนี้ หากเป็นชายย่อมเป็นผู้มีความสามารถยิ่งใหญ่”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “แม้เป็นหญิง แต่วันหน้าพวกเราก็สร้างผลงานยิ่งใหญ่ได้”
ชิวต้าเหนียงจื่อทำการค้า จิตใจเปิดกว้าง เห็นโลกมามาก ก็พอรู้ว่า บางครั้งใช่ว่าผู้หญิงสู้ผู้ชายไม่ได้
นางส่งเสียงหัวเราะดังเปิดเผย “ลู่เหนียงจื่อกล่าวได้ดีมาก พวกเรามาดื่มกันสักแก้ว”
ลู่เจียวดื่มกับชิวต้าเหนียงจื่อและเถียนฮวนไปแก้วหนึ่ง ทั้งสามคุยกันสนุกสนาน ไม่ได้ไปร่วมวงสนทนากับผู้ชายทางนั้น
โต๊ะผู้ชายทางนั้นก็ครึกครื้น ทุกคนล้วนรู้สึกฮึกเหิมกันเต็มที่
เรื่องที่ลู่เจียวทำก่อนหน้านี้เหมือนเป็นแสงตะเกียงนำทางสว่างให้กับทุกคน
พวกเขาเป็นผู้ชายแท้ๆ หรือว่าจะสู้ผู้หญิงคนเดียวไม่ได้ สตรีนางหนึ่งช่วยคนยากคนจน รักษาไม่รับเงิน สอนให้ชาวบ้านแยกแยะสมุนไพร สอนให้ชาวบ้านเลี้ยงปลิง พวกเขาเคยทำอะไรให้ชาวบ้านบ้าง ต่อให้ทำไม่ได้ อย่างไรก็ไม่ควรทำร้ายชาวบ้านไหม
พริบตาบรรยากาศในร้านอาหารก็ดีอย่างไม่อาจบรรยาย
นายอำเภอหูดีใจอย่างที่สุด ก่อนหน้านี้เขายังเป็นห่วงว่าวันนี้สมาคมการค้าไม่รู้จะเป็นเช่นไร ปรากฏว่าดีอย่างไม่เคยมีมาก่อน ไม่เพียงแต่ได้รับการสนับสนุนจากทุกคน ยังได้นำพาโอกาสอันดีเช่นนี้มาสู่อำเภอชิงเหอ
นายอำเภอหูรู้สึกขอบคุณเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างมาก ดื่มไปรวดเดียวสามแก้ว ทว่าเขาเองดื่มไปสาม แต่ให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นดื่มเล็กน้อย
นายอำเภอหูดื่มเสร็จ ก็ชูนิ้วโป้งให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น เอ่ยชมว่า “อวิ๋นจิ่น บ้านเจ้ามีภรรยาดี วันหน้าย่อมต้องอนาคตยาวไกลไร้ขอบเขต”
แต่งศรีภรรยาราวกับได้ของวิเศษ เซี่ยอวิ๋นจิ่นยังมีความสามารถ ตอนนี้ยังมีศรีภรรยา ครอบครัวเขาวันหน้าจะมีอนาคตดีเพียงใด แค่คิดก็พอคาดเดาได้
นายอำเภอหูกล่าวจบ พ่อค้าโดยรอบก็พากันชมลู่เจียวด้วยความจริงใจ ลู่เจียวควรค่าแก่การที่พวกเขาจะชมเชยยกย่อง อีกอย่างพวกเขาเองก็คิดจะเอาใจเซี่ยซิ่วไฉ
คนผู้นี้วันหน้าย่อมต้องได้เป็นขุนนาง ตอนนี้คบค้ากันให้ดี วันหน้าย่อมต้องมีน้ำใจให้กัน
นับประสาอันใดกับปกติบัณฑิตร่ำเรียนมักเป็นพวกทำตัวสูงส่งจนเป็นนิสัย แต่เซี่ยซิ่วไฉกลับไม่มีท่าทีเช่นนั้น ทำให้บรรดาพ่อค้าชอบคุยกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นมาก
พวกเขาไม่รู้ว่า หลายเดือนก่อน เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็คือบัณฑิตร่ำเรียนที่ทำตัวสูงส่งจนเป็นนิสัย เพียงแต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนตัวเองเพื่อลู่เจียวแล้วก็เท่านั้น
ในงานเลี้ยงกินกันจนจบงาน มีคนเมามายกันไม่น้อย นายอำเภอหูเมาที่สุด แม้แต่วาจาก็อ้อแอ้ หูซ่านรีบเข้ามาประคองบิดากลับไป
เซี่ยอวิ๋นจิ่นจำคำพูดลู่เจียวก่อนหน้านี้ได้แม่น ห้ามดื่มเมา แค่จิบก็พอ
ดังนั้นตอนท้ายงานเลี้ยง เขายังคงสมองแจ่มใส ทักทายกับคนรอบกายเสร็จ ก็พาลู่เจียวขึ้นรถม้าตระกูลเซี่ย
เถียนฮวนนอกรถม้าหยุดโบกมือให้ลู่เจียว “เจียวเจียว ไว้ข้าไปเที่ยวบ้านเจ้านะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันขวับไปส่งสายตาจ้องใส่เถียนฮวน ผู้ใดอนุญาตให้หญิงผู้นี้เรียกภรรยาเขาว่าเจียวเจียว
เถียนฮวนมีสีหน้าประหลาดใจ จ้าวหลิงเฟิงข้างกายนางกล่าวเตือนด้วยความหวังดีว่า “นั่นมันไหน้ำส้ม[1] เอาแต่ใจมาก ตอนนี้หึงหวงแล้ว”
เถียนฮวนหันหน้าไปเห็นจ้าวหลิงเฟิงก็ค้อนขวับใส่เขาอย่างไม่พอใจ “เรื่องอะไรของเจ้า”
กล่าวจบก็หันหลังขึ้นรถม้าตระกูลเถียนไป จ้าวหลิงเฟิงด้านหลังสบถเสียงไม่พอใจ ไม่เข้าใจพวกผู้หญิงเลยจริงๆ ยิ่งไม่เข้าใจหญิงหยาบกระด้างตระกูลเถียนนั่น
บนรถม้าตระกูลเซี่ย เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอียงซบไหล่ลู่เจียว ขอรางวัลว่า “เจียวเจียว เจ้าดู วันนี้ข้าไม่ได้ดื่มมาก เจ้าว่าข้าเชื่อฟังไหม เช่นนั้นเจ้าควรให้รางวัลสักหน่อยไหม”
วันนี้ลู่เจียวอารมณ์ดีมาก เซี่ยอวิ๋นจิ่นเสนอให้นางเป็นรองประธานสมาคมการค้าอำเภอชิงเหอ ทำให้นางดีใจมาก เพราะนางเห็นแล้วว่าเขากำลังพยายามเปลี่ยนตัวเองเพื่อนาง
ประการที่สอง เขาไม่ดื่มสุรามากเพราะคำพูดนางจริงๆ ลู่เจียวรู้สึกว่าวันหน้าเขาและนางไม่แน่อาจจะอยู่ด้วยกันได้ ดังนั้นจึงอารมณ์ดีมาก และเพราะอารมณ์ดีจึงเอียงตัวไปหอมแก้มเซี่ยอวิ๋นจิ่นทีหนึ่ง
ใจเซี่ยอวิ๋นจิ่นพลันเต้นโครมครามขึ้นมา เขาลุกนั่งตัวตรงทันทีหอมแก้มลู่เจียวคืนกลับไปทีหนึ่ง ยังกล่าวเบาๆ ว่า “มีมามีกลับ”
แม้ว่าเป็นการหอมแก้มที่เรียบง่าย แต่ทั้งสองคนกลับรู้สึกเขินอาย หัวใจเต้นแรงมาก ผู้ใดก็ไม่กล่าวอันใดออกมาอีก
จนกระทั่งรถม้าเข้าสู่บ้านตระกูลเซี่ย ทั้งสองคนจึงได้สงบจิตใจลงได้เล็กน้อย แต่ในใจก็ยังคงเบิกบาน เซี่ยอวิ๋นจิ่นจูงมือลู่เจียวลงจากบนรถม้า
[1] กินน้ำส้ม หรือ กินน้ำส้มสายชู หมายถึง หึงหวง ดังนั้นคำที่เกี่ยวกับน้ำส้มสายชูหรือรสเปรี้ยวจึงมักนำมาใช้เปรียบถึงอาการหึงหวง