ตอนที่ 172 เป็นศัตรูกับแคว้นเซียน สร้างร่างเซียนขึ้นมาใหม่!
ณ สำนักเซียนกระบี่ ยอดเขาจางเจี้ยว!
หนิงฝานนั่งอยู่ที่นั่ง คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน
ข้างล่างนั้น เหล่าผู้อาวโสของสำนักเซียนกระบี่ก็มีสีหน้าที่หนักอึ้งเช่นกัน ในสายตาของพวกเขา ตั้งแต่หนิงฝานกลายเป็นเจ้าสำนักเซียนกระบี่มานั้น เขาไม่เคยมีท่าทีเคร่งขรึมเช่นนี้มาก่อน!
“ท่านผู้นำ ภายในกระท่อมเกิดเหตุอันใดขึ้นหรือ ไฉนถึงทำให้ท่านดูกังวลใจเช่นนี้?” ในเวลานี้ผู้อาวุโสท่านหนึ่งถามขึ้น และคนอื่น ๆ ก็มองหนิงฝานด้วยสีหน้าที่สงสัยใคร่อยากรู้
แต่หนิงฝานในตอนนี้ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาพึมพำเพียงว่า “หากข้าบอกว่า ข้าต้องการให้พวกท่านเป็นศัตรูกับทั้งแคว้นเซียน พวกท่านมีความคิดเช่นไร?”
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว ผู้อาวุโสทุกคนพลันตกตะลึง ไม่คิดว่าหนิงฝานจะถามคำถามเช่นนี้!
แล้วในเวลาต่อมา เหล่าผู้อาวุโสแห่งสำนักเซียนกระบี่ก็กล่าวคำขึ้นมาทีละคน
“ท่านเจ้าสำนักหนิง หากมิใช่เพราะท่านยอมรับตำแหน่งเจ้าสำนักเซียนกระบี่ แม้สำนักเซียนกระบี่ของพวกเราจะไม่ถูกทำลายในทันที แต่ก็คงต้องถูกดึงออกจากกองกำลังชั้นหนึ่งไปนานแล้ว!”
“ใช่แล้ว! วันนี้ที่สำนักเซียนกระบี่เจริญรุ่งเรืองก็เพราะมีท่านเจ้าสำนักหนิง มิต้องพูดถึงการเป็นศัตรูกับทั้งแคว้นเซียน”
“ท่านเจ้าสำนัก! ขอเพียงแค่ท่านพูด ไม่ว่าจะขึ้นสวรรค์ชั้นเก้าหรือไปยมโลก คนของสำนักเซียนกระบี่จะขอติดตามท่านไปด้วย!”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกข้าสาบานว่าจะเป็นตายเคียงข้างท่านเจ้าสำนัก!”
“…”
สายตาของทุกคนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และคำพูดของพวกเขาก็หนักแน่น! เห็นได้ชัดว่าหลายสิบปีมานี้ ทั่วทั้งสำนักเซียนกระบี่ล้วนเชื่อมั่นในตัวของหนิงฝาน!
เห็นเช่นนั้นแล้ว ชายหนุ่มก็เลิกคิ้วด้วยความโล่งใจและมีความสุข เขาพยักหน้าพร้อมพูดขึ้นว่า “ดี เช่นนั้นข้าให้เวลาพวกเจ้าเตรียมตัวสองปี หลังจากสองปีนี้ ข้าจะพาพวกเจ้าออกไปจากแคว้นเซียน ถึงตอนนั้นพวกเจ้าจะเป็นศัตรูกับกองกำลังทั่วทั้งแคว้นเซียน เข้าใจหรือไม่?”
“ทราบแล้ว!”
ทันใดนั้น ทั่วทั้งตำหนักใหญ่ก็ส่งเสียงดังออกมาพร้อมเพรียงกัน แม้ว่าหนิงฝานจะไม่ได้บอกเหตุผลกับพวกเขา แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอันใด พวกเขาก็ยินยอมที่จะติดตามหนิงฝานไป!
“ดี เช่นนั้นรีบไปเตรียมการเถอะ!”
สิ้นสุดคำสั่งของหนิงฝาน เหล่าผู้อาวุโสชั้นสูงทั้งหมดของสำนักเซียนกระบี่ก็แยกย้ายกันออกไป และเริ่มเตรียมตัว!
ทว่าการย้ายสำนักนั้นหาใช่เรื่องเล็ก ๆ จำต้องย้ายข้าวของมากมาย แต่ยังดีที่พวกเขามีเวลาสองปีในการเตรียมตัว!
หลังจากที่ผู้คนแยกย้ายกันออกไปแล้ว หนิงฝานก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้า เหมือนว่ามองไปทางตำหนักเซียน แล้วในที่สุด เขาก็ถอนหายใจออกมา “เฮ้อ! โชคร้ายเพิ่งเริ่มต้นขึ้น! นั่นน่าจะเป็นเซียนธุลีสีชาดที่เกิดใหม่จากนิพพาน!”
นอกจากเยี่ยฉิงชางกับหนิงฝานแล้วก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่า เดิมทีภายในกระท่อมนั้นหาได้มีสมบัติเซียนหรือมรดกสืบทอดอยู่เลย มีเพียงแค่เซียนธุลีสีชาดที่กำลังจะจุติลงมาเกิดใหม่บนโลกเป็นครั้งที่สอง!
และเซียนธุลีสีชาดคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือบรรพบุรุษที่สร้างตำหนักเซียนขึ้นมานั่นเอง!
พลังจิตวิญญาณระดับสุริยันแห่งแคว้นรกร้างกำลังฟื้นตัวขึ้น หากเซียนธุลีสีชาดจุติแล้วเกิดใหม่ได้สำเร็จ ย่อมต้องมุ่งความสนใจไปที่แคว้นรกร้างอย่างแน่นอน แล้วเมื่อถึงวันนั้น ราชวงศ์เทพขนนกจะต้านทานอีกฝ่ายได้อย่างไร!
แน่นอนว่า เขาไม่อาจล่วงรู้ถึงความตั้งใจของแคว้นรกร้างได้ แต่หนิงฝานไม่กล้าที่จะเดิมพัน เพราะข้างหลังของเขายังมีหลัวชิงเซียนและเหล่าผู้ฝึกยุทธ์แห่งราชวงศ์เทพขนนกกว่าอีกกว่าหลายร้อยล้านคน!
ดังนั้นในกระท่อม หนิงฝานเป็นคนแรกที่ลงมือ เขาใช้กระบี่สับฟันออกเจ็ดครั้งถึงจะสามารถทำลายร่ายกายของบรรพบุรุษตำหนักเซียนได้!
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่หนิงฝานกำลังจะทำลายจิตวิญญาณของท่านบรรพบุรุษตำหนักเซียนนั้น เยี่ยฉิงชางได้คว้าวิญญาณบรรพบุรุษตำหนักเซียนไปจากมือของเขา!
นี่คือจุดเริ่มต้น ทันทีที่ทั้งสองออกมา พวกเขาก็รีบพาคนของสำนักตัวเองออกไปจากแดนลับธุลีสีชาดในทันทีอย่างไม่มีเหตุผล เพราะแค่เพียงเซียนธุลีสีชาดก็เพียงพอที่จะโค่นล้มโครงสร้างอำนาจทั้งแคว้นเซียนและทั้งเก้าแคว้นแดนมนุษย์แล้ว!
“ร่างกายของบรรพบุรุษตำหนักเซียนถูกทำลาย ส่วนวิญญาณเซียนยังคงอยู่ในความเป็นความตาย หาใช่เรื่องที่ต้องมากังวลในเวลานี้! แม้พลังจิตวิญญาณของแคว้นรกร้างจะฟื้นคืนและข้ายังไม่อาจไปถึงขั้นคงกระพันได้ ยามนี้คงต้องหาทางยื้อเวลาเอาไว้ก่อน!”
หนิงฟานตกอยู่ในภวังค์ความคิด แม้ว่าจะมีระบบลงชื่อเข้าใช้อยู่ แต่มันย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำให้ตนเองไปถึงจุดคงกระพันได้ภายในสองปีหากยังอยู่ในแคว้นเซียน ดังนั้นเขาจำต้องหาวิธีอื่น!
หลังจากนั้น หนิงฝานก็เริ่มจัดการกับสมบัติเซียนชิ้นต่าง ๆ ที่มี!
สุดท้ายเขาเลือกออกมาสองสิ่ง!
ค่ายกลผนึกสวรรค์!
กล่องเซียนกระบี่!
ค่ายกลผนึกสวรรค์ คือ ค่ายกลเซียนขนาดใหญ่ที่ได้รับมาจากการลงชื่อเข้าใช้ภายในแดนลับธุลีสีชาด เมื่อปล่อยมันออกมาก็จะสามารถปิดผนึกฟ้าดินได้!
กล่องเซียนกระบี่ คือ สมบัติของสำนักเซียนกระบี่ ภายในมีอาวุธกระบี่กว่าหนึ่งแสนแปดพันเล่ม และสามารถควบคุมได้โดยกล่องเซียนกระบี่!
“ค่ายกลผนึกสวรรค์นั้นดูไร้ประโยชน์ แต่หากข้านำเอากระบี่กว่าหนึ่งแสนแปดพันเล่มในกล่องเซียนกระบี่มาสลักบนค่ายกลผนึกสวรรค์ ก็จะสามารถควบคุมกล่องเซียนกระบี่ได้… ใช่หรือไม่นะ? แต่มันจะกลายเป็นสุดยอดค่ายกลผนึกสวรรค์ได้หรือไม่ ก็คงต้องลองปิดผนึกทั้งแคว้นเซียนดู?”
หลังจากจากนั่งครุ่นคิดจนเสร็จ ดวงตาของเขาก็ค่อย ๆ เปล่งประกายขึ้น ยิ่งคิดก็ยิ่งเห็นถึงความเป็นไปได้!
“เอาเช่นนี้แหละ!”
ในที่สุดหนิงฝานก็ตัดสินใจ แต่ในเวลาสองปีนี้เขาไม่สามารถฝึกฝนได้ทัน เช่นนั้นคงจะต้องใช้กระบี่แทน!
ครืด!
เขาลงมือทันที หนิงฝานหยิบกระบี่ออกมาจากกล่องเซียนกระบี่ และเริ่มสลักพวกมันลงบนค่ายกลผนึกสวรรค์!
พรึ่บ!
เนื่องจากค่ายกลผนึกสวรรค์เป็นสมบัติจากการลงชื่อเข้าใช้ หนิงฝานจึงควบคุมได้อยู่แล้ว ไม่นานนัก เขาก็สลักมันลงบนกระบี่ได้สำเร็จ!
“เสร็จแล้ว!”
หลังจากสลักกระบี่เล่มหนึ่งเสร็จ หนิงฝานดีใจมาก และเริ่มสลักกระบี่เล่มต่อไป!
อย่างไรก็ตาม ภายในกล่องเซียนกระบี่มีกระบี่ถึงหนึ่งแสนแปดพันเล่ม เป็นเรื่องที่ต้องใช้พลังและเวลาเป็นอย่างมาก!
…
ณ ตำหนักเซียน!
ในเวลานี้ ภายในตำหนักเซียนดังก้องไปด้วยเสียงของผู้คน!
“หืม! ภายในกระท่อมไม่มีมรดกสืบทอด แต่มีเพียงร่างของบรรพบุรุษเซียนธุลีสีชาดที่กำลังจะจุติใหม่เป็นครั้งที่สอง!
“อันใดนะ! ร่างของบรรพบุรุษถูกหนิงฝานทำลาย… ท่านเจ้าตำหนักสามารถแย่งวิญญาณของบรรพบุรุษมาได้!”
“เจ้าหนิงฝานสมควรตาย! หากไม่ใช่เพราะเขา ตำหนักเซียนของพวกข้าก็คงจะมีท่านเจ้าตำหนักที่เป็นเซียนธุลีสีชาด!
“ท่านเจ้าตำหนัก หนิงฝานผู้นั้นกล้าทำลายร่ายกายของบรรพบุรุษแห่งตำหนักเซียนจนเสียหาย เขาสมควรได้รับโทษ!”
“ท่านเจ้าตำหนัก ขอแค่ท่านสั่งการมา ข้าจะนำพาผู้คนไปทำลายสำนักเซียนกระบี่ในทันที!”
“…”
หลังจากเยี่ยฉิงชางอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในกระท่อม ผู้คนทั่วทั้งตำหนักเซียนก็เดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง เสียงตะโกนร้องว่าต้องการฆ่าล้างแค้นดังกึกก้องไปทั่ว!
สีหน้าของเยี่ยฉิงชางเองก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น แต่เขาทำได้เพียงส่ายหน้า และตอบด้วยเสียงที่เย็นชา “อย่าหุนหันพลันแล่นไป ยามนี้พวกเรายังได้รับผลกระทบจากแดนลับ พลังบ่มเพาะยังไม่ฟื้นคืนถึงขั้นสูงสุด จะไปทำลายสำนักเซียนกระบี่ได้อย่างไร!”
หลังได้ยินประโยคนั้น ภายในตำหนักก็พลันเงียบลง!
เห็นเช่นนั้นแล้ว เยี่ยฉิงชางก็พูดขึ้นว่า “อีกอย่าง ความสำคัญสุงสุดตอนนี้ของพวกเรามิใช่การทำลายสำนักเซียนกระบี่ แต่คือการเพิ่มพลังให้กับตำหนักเซียน พวกเราต้องสร้างร่างกายของบรรพบุรุษขึ้นมาใหม่ มิเช่นนั้นวิญญาณของบรรพบุรุษอาจจะดับสูญไปได้!”
“ใช่ ๆๆ! ต้องสร้างร่างกายใหม่เพื่อบรรพบุรุษ!”
“ยังคงเป็นท่านเจ้าตำหนักที่มีความคิดที่รอบคอบ!”
“สำนักเซียนกระบี่ย่อมไม่อาจหนีไปไหนได้อยู่แล้ว จะไปทำลายเมื่อใดก็ย่อมได้ แต่การตายของบรรพบุรุษนั้นมิอาจรอได้!”
“…”
ทุกคนพยักหน้าเห็นชอบ และแววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง!
เยี่ยฉิงชางพลันกล่าวคำ “ผู้ใดก็ได้ เปิดคลังสมบัติตำหนักเซียนของข้า ไม่ว่าจะต้องใช้ของมีค่ามากมายเพียงใด พวกเราจะต้องสร้างร่างกายของบรรพบุรุษขึ้นมาใหม่ให้จงได้!”
“ทราบแล้ว!”