Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน – ตอนที่ 174 ล่าหัว

ตอนที่ 174 ล่าหัว

หลินเยวียนเดินออกจากบริษัท

เขากำลังเตรียมตัวกลับบ้าน

ปรากฎว่าทันทีที่เดินไปถึงประตูใหญ่ของบริษัท หลินเยวียนก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคย “รุ่นน้อง ทางนี้!”

หลินเยวียนหันไปมอง ก็พบว่าเป็นซุนเย่าหั่ว

ขณะนั้นซุนเย่าหั่วเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับ และกำลังยืนด้วยท่วงท่าเชื้อเชิญให้ขึ้นไป “วันนี้ไม่มีธุระพอดี ได้ยินว่านายกลับฉินโจวแล้ว ฉันเลยคิดว่ารุ่นน้องอาจจะอยากใช้รถ…”

หลินเยวียนเป็นโรคเมารถ ดังนั้นเขาเลยชอบนั่งที่นั่งข้างคนขับ

เรื่องเหล่านี้ต่อให้ไม่ได้จดลงในสมุดบันทึกเล่มเล็ก ซุนเย่าหั่วก็ไม่มีทางหลงลืมเช่นกัน

“ขอบคุณนะครับรุ่นพี่”

หลินเยวียนเข้าไปนั่งบนที่นั่งข้างคนขับ

ในรถสะอาดสะอ้าน หลินเยวียนอดรู้สึกประทับใจไม่ได้ รุ่นพี่ซุนเย่าหั่วเป็นคนที่เอาใจใส่จริงๆ ความสะอาดของรถนั้นจัดอยู่ในระดับที่เหมือนใหม่เลยทีเดียว

“ขอบคุณอะไรกัน ยังไงวันนี้ฉันก็ไม่ได้มีงานอะไรอยู่แล้ว”

ซุนเย่าหั่วกลับไปยังตำแหน่งคนขับ “กลับบ้านเลยใช่มั้ย หรือว่าจะออกไปหาอะไรกินก่อน ร้านหม้อไฟฉันเปิดแล้วนะ พี่นายยังไปกินกับเพื่อนที่ทำงานตั้งหลายครั้ง…”

“กลับบ้านก่อนก็ได้ครับ”

ก่อนกลับมาหลินเยวียนบอกพี่สาวไว้แล้ว ฉะนั้นวันนี้น้องสาวน่าจะกลับมาแล้ว

“ได้เลย”

ซุนเย่าหั่วเหยียบคันเร่ง ขับออกไปอย่างชำนิชำนาญ

ขับมาได้ครึ่งทาง จู่ๆ โทรศัพท์ของซุนเย่าหั่วก็ดังขึ้น แต่ซุนเย่าหั่วเหลือบมองหน้าจอ แล้วก็ไม่สนใจอีก

หลินเยวียนถาม “ไม่รับเหรอครับ”

ซุนเย่าหั่วหัวเราะ “ก็ขับรถอยู่ไม่สะดวกน่ะ”

พูดพลาง ซุนเย่าหั่วก็กดตัดสาย และเปลี่ยนเป็นโหมดปิดเสียง

ปรากฏว่าโทรศัพท์ของซุนเย่าหั่วถูกตัดสายไม่ทันไร โทรศัพท์ของหลินเยวียนก็ดังขึ้น

หลินเยวียนกดรับสาย

ปลายสายเอ่ยถามอย่างสุภาพ “ไม่ทราบว่าใช่อาจารย์เซี่ยนอวี๋ไหมครับ”

“ใครเหรอครับ”

“ขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมแซ่เหลียว เป็นผู้จัดการของชีซิงเอนเตอร์เทนเมนต์ ถ้าอาจารย์เซี่ยนอวี๋มีเวลา เชิญมานั่งที่บริษัทพวกผมดูสักหน่อยไหมครับ…”

หลินเยวียนตอบสนองอย่างว่องไว “คุณอยากดึงตัวผม?”

อีกฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะกล่าวกลั้วหัวเราะ “อาจารย์เซี่ยนอวี๋เป็นคนรวบรัดตรงประเด็นดีนะครับ ถูกต้องครับ บริษัทเราชื่นชอบคนเก่งอย่างอาจารย์เซี่ยนอวี๋ และสถานการณ์ในตอนนี้คุณเองก็น่าจะกระจ่างดี…”

“ขอโทษนะครับ แต่ผมไม่ได้มีแผนจะออกจากสตาร์ไลท์”

“ดูท่าอาจารย์เซี่ยนอวี๋จะเป็นคนที่รักในองค์กรทีเดียว แต่คุณลองพิจารณาดูสักหน่อย มีเงื่อนไขอะไรเสนอมาได้เลย อีกเรื่องหนึ่งก็คือเงินชดเชยค่าผิดสัญญาพวกเราจะรับผิดชอบให้เอง ได้โปรดเชื่อในความจริงใจของบริษัทเราด้วย”

“ไม่จำเป็นหรอกครับ”

“งั้นก็ได้ครับ…”

อีกฝ่ายรู้สึกผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด

หลินเยวียนวางสาย และไม่ได้คิดมากอะไร กลับเป็นซุนเย่าหั่วซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างที่ฟังเจตนาของผู้ที่โทรมาออก จึงเอ่ยถามหยั่งเชิง “รุ่นน้องไม่มีความคิดจะออกจากที่นี่?”

หลินเยวียนตอบ “ไม่มีครับ”

ซุนเย่าหั่วพยักหน้าอย่างเข้าใจ ในใจพลันรู้สึกตื่นเต้นดีใจ

เมื่อส่งหลินเยวียนที่ชั้นล่างแล้ว หลินเยวียนอยากเชิญซุนเย่าหั่วเข้าไปนั่งข้างใน แต่ซุนเย่าหั่วรีบร้อนบอกว่า “ไม่ต้องหรอก รุ่นน้องขึ้นไปเถอะ”

หลินเยวียนไม่ได้โน้มน้าวอีก

หลังจากที่ส่งหลินเยวียนที่ด้านล่างเสร็จเรียบร้อย ซุนเย่าหั่วถึงหยิบโทรศัพท์มือถือซึ่งถูกเปิดโหมดปิดเสียงอีกครั้ง ตอนนั้นในโทรศัพท์มีสายเรียกเข้าที่ไม่ได้รับเพิ่มมาอีกแปดสาย ทั้งหมดล้วนเป็นสายจากผู้จัดการ

ซุนเย่าหั่วโทรกลับไป

ทันทีที่โทรติด ปลายสายก็มีเสียงดังมาด้วยความเดือดดาล “ซุนเย่าหั่วนายเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ตอนที่อีเวนต์จะเริ่มนายหายไปไหนกลางคัน กำลังเล่นตลกอะไรอยู่ไม่ทราบ”

“มีเรื่องนิดหน่อยครับ

“ฉันไม่สน รู้มั้ยว่านายทำให้ผู้จัดงานโมโหขนาดไหน แล้วไอ้คนที่ต้องมาก้มหัวค้อมหลังขอโทษขอโพยงกๆ คือฉัน ไม่ใช่นาย!”

“อาจารย์เซี่ยนอวี๋กลับฉินโจวแล้ว”

เสียงคำรามลั่นจากปลายสายชะงัก เงียบกริบไปสามวินาที จากนั้นจู่ๆ ผู้จัดการก็พูดด้วยน้ำเสียงสุขุมนุ่มลึก “งั้นไม่เป็นไร”

……

หลินเยวียนขึ้นมาถึงชั้นบน กดกริ่งหน้าประตู

คนที่มาเปิดประตูเป็นร่างอรชรสะโอดสะอง หลินเหยาน้องสาวเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ไม่เจอกันนานเลยนะพี่”

“ไม่เจอกันนานเลย”

หลินเยวียนอดรู้สึกผิดไม่ได้ หลินเหยาเพิ่งสอบเข้าวิทยาลัยศิลปะฉินโจวได้ หลินเยวียนก็ไปแลกเปลี่ยนที่ฉีโจว เรื่องนี้ทำให้น้องสาวไม่พอใจอย่างแน่นอน

ถ้ารู้แต่แรก ระหว่างทางน่าจะแวะซื้ออุปกรณ์การเรียนมาให้สักหน่อย

“โอ้ว กลับมาแล้วเหรอ”

หลินเซวียนพี่สาวกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องรับแขก เงยหน้าขึ้นพูดว่า “ทำไมไม่โทรศัพท์มาหาพี่ก่อน พี่จะได้ไปรับนายที่บริษัท”

หลินเยวียนตอบ “รุ่นพี่ซุนมาส่งน่ะ”

หลินเซวียนยิ้ม “งั้นก็ดีแล้ว แต่เสียอย่างเดียวรถเขารกมากเลย…ก่อนหน้านี้พี่เคยนั่งรถเขาครั้งหนึ่ง”

“นั่นเพราะพี่มาตรฐานสูงเกินไปต่างหาก”

หลินเยวียนไม่เคยเห็นรถยนต์ที่สะอาดเอี่ยมกว่ารถของซุนเย่าหั่ว

หลินเซวียนไม่ได้สนทนาเรื่องนี้ต่อ กลับพูดอย่างยิ้มแย้ม “งั้นหลังจากนี้นายยังต้องกลับไปฉีโจวมั้ย”

หลินเหยาก็มองหลินเยวียน

หลินเยวียนพูดว่า “ต้องไปครับ แต่อย่างมากก็อยู่เดือนเดียวแล้วกลับมา เทอมหน้าผมไม่ต้องไปแล้ว”

“เป็นแบบนี้จริงด้วย”

หลินเซวียนพยักหน้า “สองทวีปรวมกันกะทันหัน ระบบนักศึกษาแลกเปลี่ยนเลยเปลี่ยนไปด้วย นายจะไปตอนไหนล่ะ”

“พรุ่งนี้เย็นฮะ”

หลินเยวียนลาหยุดมา

วิชาเรียนของเทอมนี้ยังเหลืออยู่อีกนิดหน่อย ถึงแม้จะมีการ์ดตัวละครของหยางจงหมิง จะเรียนหรือไม่เรียนก็เหมือนกัน แต่หลินเยวียนยังต้องรักษาคะแนนการเข้าห้องเรียนด้วย

“เอาเถอะ”

หลินเซวียนพูดอย่างคาดหวัง “ครั้งหน้านายกลับมา วิลล่าของพวกเราก็น่าจะตกแต่งเสร็จแล้ว…”

ตอนนี้พี่สาวกับน้องสาวยังคงอยู่ที่พักเดิม

ยังต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะเข้าไปอยู่ในวิลล่าได้

สายตาของหลินเซวียนเบนกลับไปยังโทรทัศน์ “ไม่คุยกับนายแล้ว ไปดูทีวีต่อดีกว่า หนังของฉีโจวตอนนี้เรากดดูได้เลย ตอนนี้พี่กลับบ้านมาก็ดูทุกวัน สนุกกว่าของฉินโจวอีก…เดี๋ยวพี่ดูจบแล้วไปทำกับข้าวให้กิน”

หลินเหยากำลังจะกลับเข้าห้อง

หลินเยวียนรู้ว่าหลินเหยาไม่พอใจ จึงเอ่ยปลอบ “เทอมหน้าพี่ก็กลับมาแล้ว”

ฝีเท้าของหลินเหยาชะงัก “หนูไม่ได้โกรธเรื่องนี้”

“งั้นโกรธเรื่องอะไร”

หลินเหยาพึมพำ “พี่กินขนมเปี๊ยะไข่แดงลับหลังหนู!”

หลินเยวียนสีหน้าเปลี่ยนทันที “เปล่านะ!”

หลินเหยาถลึงตาใส่เขา “ตอนที่หนูทำความสะอาดห้องให้พี่ เห็นใต้เตียงพี่มีซองใส่ขนมเปี๊ยะไข่แดงหล่นอยู่”

หลินเยวียน “…”

ในบ้านครอบครัวนี้ เขาเป็นคนที่ไร้อิสระในการกินไข่แดง

หลินเซวียนรู้สึกตลกขบขัน “ไว้เดี๋ยวพี่ซื้อขนมเปี๊ยะไข่เค็มให้กล่องใหญ่เลยดีมั้ย”

หลินเหยาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ประเด็นของเรื่องนี้ก็คือ พี่แย่งกินไข่แดงน้องหมดเลย”

“ก็ก่อนหน้านี้เธอไม่อยู่นี่นา”

“พี่เก็บไว้ให้หนูก่อนก็ได้”

หลินเยวียนส่ายหน้า “กว่าเธอจะมาถึงฉินโจว ขนมเปี๊ยะก็ขึ้นราพอดี”

หลินเหยาเบ้ปาก ก่อนจะเดินกลับห้องไป

หลินเยวียนกำลังจะพูดต่อ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อกดรับถึงได้พบว่าเป็นบริษัทจากทางฉีโจวอีกแล้ว

แต่หลินเยวียนไม่เคยได้ยินชื่อบริษัทของอีกฝ่าย

ปฏิเสธดังเคย

ปรากฏว่าในเย็นนั้น หลินเยวียนไม่ได้เป็นอันพักผ่อน ลำพังสายที่โทรมาหว่านล้อมเพื่อดึงตัวเขา ก็มาติดต่อกันสิบกว่าสายแล้ว

จนกระทั่งถึงเวลาอาหารเย็น เขาจำเป็นต้องเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือเป็นโหมดห้ามรบกวน

“โทรมาดึงตัวทั้งนั้น?”

หลินเซวียนเองก็ได้ยินบทสนทนาอยู่หลายประโยค

หลินเยวียนพยักหน้า

หลินเซวียนยิ้มเอ่ย “ที่จริงสถานการณ์ที่คลังหนังสือซิลเวอร์บลูก็พอๆ กัน ตอนนี้ทุกสายอาชีพวุ่นวายกันไปหมด แต่ละบริษัทดึงตัวกันไปมา แถมเสนอราคาต่างๆ นานา กว่ากระแสดึงตัวคนจะจบ แต่ละตลาดก็คงเปิดศึกกันไปแล้ว”

…………………………………………….

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Status: Ongoing

‘เขา’ ทะลุมิติมายังจักรวาลคู่ขนานซึ่งมีชื่อว่า ‘บลูสตาร์’

ดินแดนซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะวัฒนธรรม ศาสตร์ทุกแขนงซึ่งเกี่ยวข้องกับศิลปะ

ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ดนตรี จิตรกรรม วรรณกรรม หรือการเขียนพู่กันก็ล้วนเฟื่องฟูอย่างยิ่ง

ร่างที่เขามาสิงอยู่คือ ‘หลินเยวียน’ นักศึกษาปีสองที่กำลังจะเดบิวต์

แต่โชคชะตากลับเล่นตลกให้หลินเยวียนป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ทำให้ร้องเพลงไม่ได้ และมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

ครอบครัวก็หมดเงินไปกับค่ารักษาจนอยู่ในภาวะการเงินขัดสน

เป็นเหตุให้หลินเยวียนตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นภาระของครอบครัวต่อไป

แต่ ‘เขา’ ไม่คิดจะปลิดชีพตัวเองเหมือนหลินเยวียน

ถึงแม้ร่างนี้จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ก็ยังพอเหลือเวลาให้ทำอะไรอยู่บ้าง

และแม้จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเองไม่ได้ ก็ยังพอจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของครอบครัวได้

เขาจะเขียนเพลง เขียนหนังสือ ถ่ายทอดความรู้ หารายได้ให้ครอบครัว!

ทันใดนั้น…

[กำลังตรวจเลือด…กำลังตรวจยีน…กำลังตรวจม่านตา…

ระดับความเข้ากันได้ร้อยละ 99.36…ตรงตามมาตรฐาน…

เลือกจากฐานข้อมูล…โลกในระบบสุริยจักรวาล…ระบบกำลังเชื่อมต่อ…]

[ดาวน์โหลดสำเร็จ เชื่อมต่อระบบศิลปะเสร็จสมบูรณ์!]

[สวัสดีโฮสต์ ยินดีสำหรับการเชื่อมต่อกับระบบศิลปะ

ระบบของเราจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่เพื่อให้ท่านได้เป็นศิลปินของบลูสตาร์!]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท