ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 228 กระสับกระส่าย(ปลาย)

ตอนที่ 228 กระสับกระส่าย(ปลาย)

“ฮู​หยิน​ ​คุณชาย​น้อย​ห้า​!​”​ ​ลี่ว​์​อวิ​๋​นกับ​หง​ซิ่ว​ที่​คอย​ปรนนิบัติ​อยู่​ข้างๆ​ ​พุ่ง​เข้าไป​ด้วย​ความตกใจ

จุน​เกอ​อึ้ง​ไป​ครู่หนึ่ง​ก่อน​จะ​วิ่ง​ไปหา​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ท่าน​แม่​ ​ท่าน​เป็น​อย่างไรบ้าง​ขอรับ​”

สือ​อี​เหนียง​ไม่ได้​รู้สึก​เจ็บ​ ​แต่​เมื่อ​เงยหน้า​มอง​กลับ​เห็น​ใบหน้า​ตกใจกลัว​ของ​ทุกคน

การ​เล่น​เกม​ย่อม​หลีกเลี่ยง​ไม่ได้​ที่จะ​เกิด​การชน​กัน​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​หน้าที่​รับผิดชอบ​ของ​ลี่ว​์​อวิ​๋​นกับ​หง​ซิ่ว​คือ​คอย​ดูแลตัวเอง​ ​เรื่องเล็ก​ๆ​ ​น้อย​ๆ​ ​เช่นนี้​เกรง​ว่า​จะ​ทำให้​กลายเป็น​เรื่องใหญ่​ได้​ ​กระทั่ง​ทำให้​จุน​เกอ​กับ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​รู้สึก​หวั่นกลัว

“​ไม่เป็นไร​ ​ไม่เป็นไร​”​ ​นาง​ลุกขึ้น​ช้าๆ​ ​ยิ้ม​พลาง​โอบ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ที่​ล้ม​อยู่​ใน​อ้อมแขน​ของ​ตน​ ​“​เจี​้ย​เกอ​ ​เจ้า​เป็น​อย่างไรบ้าง​”

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ไม่ได้​รับ​บาดเจ็บ​ ​ใน​ใจ​ไม่ได้​รู้สึก​อะไร​ ​เมื่อ​เห็น​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​จึง​คิด​ว่านี​่​เป็น​เพียง​ส่วนหนึ่ง​ของ​เกม​เท่านั้น​ ​หัวเราะ​คิกคัก​แล้ว​โผ​เข้า​กอด​สือ​อี​เหนียง

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​ลูบ​หัว​เขา

ทุกคน​เห็น​แล้วก็​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก

แววตา​ของ​จุน​เกอ​เผย​ให้​เห็น​ถึง​ความอิจฉา​ ​แต่กลับ​พูด​ออกมา​ว่า​ ​“​ท่าน​แม่​รีบ​ลุกขึ้น​เถิด​ ​บน​พื้น​มัน​สกปรก​”

ภาพ​ตรงหน้า​ทำให้​สือ​อี​เหนียง​นึกถึง​ตอนที่​พบ​หยวน​เหนียง​เป็นครั้งแรก

จุน​เกอ​หัวเราะ​อยู่​ใน​อ้อมกอด​ของ​ท่าน​แม่​เช่นเดียวกัน​กับ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย

นาง​เอื้อมมือ​ไป​ดึง​จุน​เกอ​ที่นั่ง​อยู่​ข้างๆ​ ​มา​ไว้​ใน​อ้อมกอด​ ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​พวกเรา​ล้ม​กัน​หมด​ ​เจ้า​จะ​ยืน​อยู่​คนเดียว​ได้​อย่างไร​”

จุน​เกอ​คิดไม่ถึง​ว่า​จะ​ถูก​สือ​อี​เหนียง​ดึง​ ​เพียงแค่​ดึง​เบา​ๆ​ ​เขา​ก็​ล้ม​ลง​ใน​อ้อมกอด​ของ​นาง

เขา​เอา​ศอก​ดัน​แขน​ของ​สือ​อี​เหนียง​ไว้​ ​สีหน้า​ตกตะลึง​ ​ร่างกาย​แข็งทื่อ

มี​เพียง​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ที่​หัวเราะ​อย่างไร​้​เดียงสา​ ​“​ส้ม​กัน​หมด​แล้ว​ ​ล้ม​กัน​หมด​แล้ว​!​”

มุม​ปากของ​จุน​เกอ​ยกขึ้น​เผย​ให้​เห็น​รอยยิ้ม​ ​ใบหน้า​ค่อยๆ​ ​สดใส​ดั่ง​แสงจันทร์​ ​“​ล้ม​กัน​หมด​แล้ว​”​ ​ร่างกาย​ค่อยๆ​ ​อ่อน​ลง​แล้ว​หมอบ​อยู่​บน​ไหล่​ของ​สือ​อี​เหนียง

“​ตาย​แล้ว​ ฮู​หยิน​ ​พื้น​มัน​เย็น​นะ​เจ้า​คะ​”​ ​ลี่ว​์​อวิ​๋​นที​่​อยู่​ข้างๆ​ ​ท่าทาง​กังวลใจ​ ​แต่​ก็​ไม่กล้า​ดึง​พวกเขา​ขึ้น​มา​ ​หง​ซิ่ว​ไป​หยิบ​พรมมา​หนึ่ง​ผืน​ ​“ฮู​หยิน​ ​พวก​ท่าน​มานอ​นบ​นพร​มดี​ไหม​เจ้า​คะ​”

สือ​อี​เหนียง​หัวเราะ​เสียงดัง​ ​หอม​แก้ม​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​แล้ว​ลูบ​ผม​ของ​จุน​เกอ​ ​“​ดู​สิ​ ​ทำเอา​พวก​นาง​ตกอกตกใจ​กัน​หมด​ ​พวกเรา​ลุกขึ้น​เถิด​…​”

ยัง​ไม่ทัน​พูด​จบ​ ​สาวใช้​น้อย​ที่​ถูก​ให้​ไป​เฝ้า​ด้านนอก​เรือน​ก็​รีบ​เข้ามา​ ​“ฮู​หยิน​ ​แย่​แล้ว​ ​แย่​แล้ว​เจ้าค่ะ​ ​ท่าน​โหวก​ลับ​มา​แล้ว​เจ้าค่ะ​!​”

ทั้ง​ห้า​คน​ต่าง​ตกตะลึง​ ​จุน​เกอ​รีบ​ลุกขึ้น​ ​เมื่อ​หันกลับ​ไป​ก็​เห็น​สือ​อี​เหนียง​ที่​กำลัง​กอด​ซื่อ​เจี​้ย​ยัง​นั่ง​อยู่​ ​จึง​รีบ​ไป​ดึง​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ท่าน​พ่อ​ ​ท่าน​พ่อ​กลับมา​แล้ว​!​”

ตอนนี้​ลี่ว​์​อวิ​๋​นกับ​หง​ซิ่ว​พึ่ง​ได้สติ​ ​คน​หนึ่ง​ไป​อุ้ม​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​อีก​คน​หนึ่ง​ไป​ดึง​สือ​อี​เหนียง​ ​แต่​สอง​มือ​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​รัด​คอสื​ออี​เหนียง​ไว้​แน่น​ ​สือ​อี​เหนียง​ไม่​สามารถ​ลุกขึ้น​ได้​ ​จุน​เกอ​จึง​ไป​ช่วย​หง​ซิ่ว​ดึง​สือ​อี​เหนียง​…​ขณะที่​กำลัง​วุ่นวาย​อยู่​นั้น​ ​เสียง​อัน​น่าเกรงขาม​ก็​ดัง​ขึ้น​ที่​หน้า​ประตู​ ​“​นี่​มัน​เรื่อง​อัน​ใด​กัน​!​”

เสียง​ที่​คุ้นเคย​เช่นนี้​ไม่ต้อง​หันไป​มอง​ก็​รู้​ว่า​เป็น​ใคร

ทุกคน​แอบ​ตะโกน​เสียงดัง​ใน​ใจ​ว่า​ ​แย่​แล้ว

สือ​อี​เหนียง​รีบ​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​ไม่มี​อะไร​ ​ไม่มี​อะไร​ ​ข้า​แค่​กระโดด​เชือก​แล้ว​ล้ม​ไป​…​”

ขณะที่​กำลัง​พูด​นาง​ก็​ลุกขึ้น​ไป​ด้วย

ลี่ว​์​อวิ​๋​นกับ​หง​ซิ่ว​เข้าไป​คารวะ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​สือ​อี​เหนียง​อาศัย​โอกาส​นี้​จัด​เสื้อผ้า​ที่​ยุ่งเหยิง​ ​จุน​เกอ​เดิน​ไป​อยู่​ข้างหน้า​นาง​ ​โค้ง​คำนับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​แล้ว​เอ่ย​เรียก​อย่างนอบน้อม​ว่า​ ​“​ท่าน​พ่อ​”

“​ท่าน​โหวก​ลับ​มา​แล้ว​หรือ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​รีบ​พาส​วี​ซื่อ​เจี​้ย​เดิน​เข้าไป​เพื่อ​คารวะ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​แต่กลับ​เห็น​จุน​เกอ​ขวางหน้า​นาง​ไว้​ ​กลัว​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​จะ​โกรธ​จน​ทำให้​เด็ก​ๆ​ ​ตกใจ​ ​จึง​ดึง​จุน​เกอ​ไป​ไว้​ด้านหลัง​ก่อน​ ​แล้วจึง​ย่อเข่า​คำนับ​สวี​ลิ่ง​อี๋

สวี​ลิ่ง​อี๋​เดิน​เข้า​ประตู​มาก​็​เห็น​สือ​อี​เหนียง​ที่​เสื้อผ้า​ยุ่งเหยิง​อยู่​กับ​เด็ก​ๆ​ ​และ​สาวใช้​ ​เห็น​ว่า​บรรยากาศ​วุ่นวาย​จึง​ขมวดคิ้ว​เล็กน้อย​ ​เมื่อ​เห็น​ว่า​แก้ม​ของ​นาง​แดง​ระเรื่อ​ ​แววตา​สดใส​เปล่งปลั่ง​กว่า​ปกติ​ ​เด็ก​ทั้งสอง​ก็​มี​รอยยิ้ม​ ​สีหน้า​ของ​เขา​จึง​ได้​ผ่อนคลาย​ลง​ ​มอง​จุน​เกอ​ที่​เดิน​ไป​ขวางหน้า​สือ​อี​เหนียง​ ​แล้ว​สือ​อี​เหนียง​ก็​ดึง​จุน​เกอ​ไป​ไว้​ข้างหลัง​ตัวเอง​ ​เห็น​ทุกคน​มอง​เขา​ด้วย​สายตา​ระแวดระวัง​…​คำตำหนิ​ของ​เขา​ที่​อยาก​จะ​พูด​ออกมา​กลับ​ติด​ที่​ลำคอ

สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่ได้​พูด​อะไร

เขา​กำลัง​คิด​ว่า​ควรจะ​พูด​อย่างไร​ ​หรือว่า​โกรธ​จน​พูดไม่ออก

สือ​อี​เหนียง​ไม่สน​ใจ​เรื่อง​นี้​ ​การ​คว้า​โอกาส​เป็น​สิ่ง​สำคัญ

นาง​รีบ​กำชับ​ลี่ว​์​อวิ​๋​นกับ​หง​ซิ่ว​ทันที​ ​“​ยืน​นิ่ง​กัน​อยู่​ทำไม​เล่า​ ​ยัง​ไม่​พา​คุณชาย​น้อย​ทั้งสอง​ไป​ล้างมือ​ล้างหน้า​อีก​ ​หง​ซิ่ว​ ​เจ้า​ไป​เรียก​ชุน​มั่ว​กับซ​ย่า​อี​มาช​่วย​เปลี่ยน​ชุด​ให้ท่าน​โหว​”​ ​แล้ว​หันไป​มอง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​“​วันนี้​ท่าน​โหวก​ลับ​มา​เร็ว​เชียว​ ​เดี๋ยว​ข้า​จะ​ไป​ชงชา​เถี​่​ยก​วน​อิน​มา​ให้ท่าน​โหว​นะ​เจ้า​คะ​!​”​ ​นาง​พูด​พลาง​เดิน​ไป​เปิด​ผ้าม่าน​ด้วยตัวเอง​ ​แต่​สายตา​กลับ​มอง​ไป​ที่​จุน​เกอ

ลี่ว​์​อวิ​๋​นกับ​หง​ซิ่ว​ที่​ยัง​ไม่​คลาย​จาก​แรงกดดัน​มหาศาล​ที่​จู่ๆ​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​พลัน​ปรากฏตัว​ขึ้น​ใน​ตอนนี้​ ​เหมือน​พึ่ง​ตื่นขึ้น​จาก​ความฝัน​ ​ไม่นาน​ไหวพริบ​ของ​พวก​นาง​ก็​กลับมา

คน​หนึ่ง​ไป​ดึง​จุน​เกอ​กับ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​“​คุณชาย​น้อย​รีบ​ตาม​บ่าว​ไป​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​เถิด​เจ้าค่ะ​”

อีก​คน​หนึ่ง​ก็​วิ่ง​ไป​เรียก​ชุน​มั่ว​กับซ​ย่า​อี

จุน​เกอ​กับ​สวี​ซื่อ​เจี้ยมี​ท่าทาง​ลังเล​ ​จุน​เกอ​รู้สึก​ว่า​ท่าน​พ่อ​ยัง​ไม่ทัน​เอ่ยปาก​ก็​ถอย​ออกมา​โดยพลการ​นั้น​เป็นการ​เสียมารยาท​ ​ส่วน​เจี​้ย​เกอ​ไม่​อยาก​จะ​ห่าง​จาก​สือ​อี​เหนียง​ ​ตาโต​ๆ​ ​ของ​เขา​หันไป​มอง​นาง​ตา​ปริบๆ​

มี​หรือ​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​จะ​ไม่เข้าใจ​การกระทำ​ของ​สือ​อี​เหนียง

เขา​ส่งเสียง​ ​“​เหอะ​”​ ​ออกมา​อย่าง​เย็นชา

ช่าง​เป็นมา​รดา​ที่รัก​บุตร​เสีย​จริง​!

เมื่อ​คิดได้​ดังนั้น​ก็​ชะงัก​ไป​ครู่หนึ่ง

ที่แท้​ใน​ใจ​ของ​ตัวเอง​สือ​อี​เหนียง​คือ​แม่​ที่รัก​ลูก​ๆ​…

สายตา​ของ​เขา​จับจ้อง​ไป​ที่​สือ​อี​เหนียง​โดยไม่รู้ตัว

เห็น​นาง​มอง​จุน​เกอ​ด้วย​ความวิตกกังวล

บางที​อาจ​เป็น​เพราะ​การ​เลี้ยงดู​ที่​แตกต่าง​กัน​ ​สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​ว่าการ​ดูแล​เด็ก​ควรจะ​ปล่อย​ให้​พวกเขา​มีอิสระ​ดีกว่า​ ​ให้​พวกเขา​มีพื​้​นที​่​สำหรับ​การพัฒนา​ตนเอง​ ​เป็นประโยชน์​ทั้ง​ต่อ​ร่างกาย​และ​จิตใจ​ ​ดังนั้น​นาง​จึง​รู้สึก​ว่าการ​ที่​พาลูก​ๆ​ ​กระโดด​เชือก​นั้น​ไม่ใช่​เรื่อง​ผิด​ ​แต่​ใน​ใจ​ก็​รู้​ว่า​คนใน​สมัยโบราณ​นั้น​มี​ความต้องการ​ให้​ลูก​ๆ​ ​เป็น​บัณฑิต​ที่​มีความสุขุม​ ​ดังนั้น​สวี​ลิ่ง​อี๋​จึง​ไม่​ชอบ​เห็น​บรรยากาศ​ที่​สนุกสนาน​เช่นนี้

นาง​เพียงแต่​หวัง​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​จะ​ไม่​ตำหนิ​เด็ก​ๆ​ ​เพราะเหตุนี้

หาก​จะ​บอกว่า​มีความผิด​ ​เช่นนั้น​ก็​ผิด​ที่​ตน​ไม่ได้​สังเกตเห็น​ความแตกต่าง​ของ​ยุคสมัย​ ​ทำ​อะไร​ที่​ล้ำเส้น​มากเกินไป

จุน​เกอ​เห็น​แม่เลี้ยง​ส่งสายตา​ให้​ตัวเอง​ ​แม้​ท่าน​พ่อ​จะ​ยังคง​สีหน้า​เรียบ​เฉย​ ​แต่​ก็​ไม่ได้​พูด​อะไร​ออกมา

การ​ตำหนิ​ภรรยา​ต่อหน้า​ลูก​ๆ​ ​เป็นการ​แสดงออก​ที่​ไม่​ให้​ความเคารพ​ภรรยา

เขา​นึกถึง​เสียงหัวเราะ​ของ​ทุกคน​เมื่อ​ครู่​ ​ไม่รู้​เพราะเหตุใด​ใน​ใจถึง​ได้​รู้สึก​เศร้าหมอง​เล็กน้อย​ ​จูงมือ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​แล้ว​พา​เดินตาม​ลี่ว​์​อวิ​๋​นอ​อก​ไป

สือ​อี​เหนียง​ผ่อนคลาย​ลง​ ​รอยยิ้ม​บน​ใบหน้า​ดู​สงบนิ่ง​กว่า​เดิม

สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​สีหน้า​ของ​นาง​ก็​รู้ทัน​ที​ว่า​จุน​เกอ​กับ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ได้​ออก​ไป​พร้อมกับ​สาวใช้​แล้ว

นาง​คง​กลัว​ว่า​จะ​โดน​เขา​ตำหนิ​กระมัง​!

เมื่อ​นึกถึง​บรรยากาศ​แห่ง​ความสุข​และ​ใบหน้า​ยิ้มแย้ม​ของ​สือ​อี​เหนียง​ตอนที่​เขา​เดิน​เข้ามา​ใน​ห้อง​ ​เขา​ก็​ลังเล​อยู่​ชั่วครู่​ ​หาก​ไม่​ตำหนิ​ ฮู​หยิน​หย่ง​ผิง​โหว​ผู้​สูงสง่า​สวม​เสื้อกันหนาว​พา​เด็ก​ๆ​ ​กระโดด​ร้อย​เชือก​ ​ช่าง​เสียมารยาท​จริงๆ​ ​หาก​จะ​ตำหนิ​ ​เดิมที​นาง​ก็​แค่​อยาก​จะ​พา​เด็ก​ๆ​ ​มา​เล่น​ด้วย​ ​นั่น​ก็​เป็นความ​หวังดี​…​ขณะที่​กำลัง​ลังเล​ ​ก็ได้​ยิน​เสียง​แหวก​ผ้าม่าน​ดัง​ขึ้น​จาก​ด้านหลัง

“​ท่าน​โหว​ ฮู​หยิน​เจ้า​คะ​!​”​ ​เสียง​นอบน้อม​เช่นนี้​เขา​คุ้นเคย​เป็นอย่างมาก​ ​เป็น​ชุน​มั่ว​กับซ​ย่า​อี

สวี​ลิ่ง​อี๋​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก

ตัวเอง​จะ​ตำหนิ​สือ​อี​เหนียง​ต่อหน้า​สาวใช้​ได้​อย่างไร​ ​มิฉะนั้น​ต่อไป​เมื่อ​อยู่​ต่อหน้า​สาวใช้​นาง​จะ​เอาหน้า​ไป​ไว้​ไหน​!

เมื่อ​คิดได้​เช่นนี้​ ​เขา​ก็​รู้สึก​ว่าการ​ที่​ตัวเอง​ไม่ได้​ตำหนิ​สือ​อี​เหนียง​นั้น​เป็นการ​ตัดสินใจ​ที่​ถูกต้อง

เขา​เดิน​ไป​ที่​ห้อง​ด้านใน​อย่างใจ​เย็น

เรื่อง​นี้​ก็​ปล่อย​ให้​จบ​ไป​เช่นนี้​เถิด​!

สือ​อี​เหนียง​รีบ​เรียก​หู่​พั่ว​เข้ามา​ ​รีบ​เปลี่ยนเป็น​สวม​เสื้อกั๊ก​ยาว​สี​ถั่วเขียว​ก่อนที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​จะ​ออกมา​จาก​ห้อง​ชำระ​ ​แล้ว​ยก​ชามา​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​อย่างกระตือรือร้น

มีสาว​ใช้​น้อย​เข้ามา​รายงาน​ว่า​ ​“​ป้า​หัง​จาก​ตรอก​กง​เสียน​มา​พบ​เจ้าค่ะ​”

ตอนนี้​หรือ​ ​ใกล้​จะ​ได้เวลา​ทานข้าว​เย็น​แล้ว​…​หรือว่า​จะ​เกิดเรื่อง​อัน​ใด​ขึ้น

“​ข้า​จะ​ไปดู​สักหน่อย​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ไม่มีเวลา​มา​อธิบาย​เรื่อง​กระโดด​เชือก​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ฟัง​ ​กำชับ​สาวใช้​ว่า​ ​“​เชิญ​ป้า​หัง​เข้ามา​”​ ​พลาง​เดิน​ไป​ที่​ห้องโถง

“​คุณหนู​สิบเอ็ด​”​ ​ป้า​หัง​คำนับ​อย่างนอบน้อม​ ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​นายท่าน​ใหญ่​ให้​บ่าว​มาบ​อก​ท่าน​ว่า​พี่เขย​สิบ​ของ​ท่าน​หาย​จาก​อาการป่วย​แล้ว​ ​บ่าย​วันนี้​ได้​พา​คุณหนู​สิบ​มา​อวยพร​ตรุษจีน​นายท่าน​ใหญ่​ ​ให้ท่าน​เลิก​เป็นกังวล​ได้​แล้ว​เจ้าค่ะ​”

สือ​อี​เหนียง​ประหลาดใจ​มาก​ ​เพราะ​ไม่รู้​ว่า​ป้า​หัง​รู้เรื่อง​นี้​มาก​น้อย​เพียงใด​จึง​ไม่​ถาม​อะไร​มาก​ ​อดกลั้น​ความอยากรู้​อยาก​เห็น​เอาไว้​ ​ยิ้ม​พลาง​พยักหน้า​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เข้าใจ​แล้ว​”

ป้า​หัง​ลุกขึ้น​กล่าว​ลา

สือ​อี​เหนียง​บอก​เรื่อง​นี้​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​…​ไม่รู้​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​กัน​แน่​ ​ไม่รู้​ว่า​สกุล​หวัง​เป็น​คน​ตาม​หวัง​หลัง​กลับมา​หรือว่า​เป็น​องค์​หญิง​ที่​ตาม​เริ​่​นคุ​นก​ลับ​มา​ ​หรือว่า​ทั้งสอง​คน​เพียงแค่​ออก​ไปเที่ยว​เล่น​ ​พอ​เล่น​จน​พอใจ​แล้วก็​เลย​กลับมา​?​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ฟัง​แล้วก็​ไม่ได้​รู้สึก​แปลกใจ​ ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ทั้งสอง​คนยัง​มี​งาน​ต้อง​ทำ​ ​พวกเขา​ไม่​สามารถ​ทิ้ง​มัน​ไว้​แบบนี้​ได้​ ​อีก​อย่าง​เรื่อง​เช่นนี้​ก็​มี​ถมเถ​ไป​ ​ขอ​เพียงแค่​เป็น​บุตรชาย​ ​มีคำ​อธิบาย​ให้​กับ​คนใน​ตระกูล​ ​ไม่ว่า​จะ​เป็น​สกุล​หวัง​หรือว่า​องค์​หญิง​ ​ต่าง​ก็​พากัน​เอา​หู​ไป​นา​เอา​ตา​ไป​ไร่​ ​ส่วนใหญ่​ก็​จะ​อ้างว่า​ออก​ไปเที่ยว​เล่น​เท่านั้น​”

ก็​จริง​ ​ชีวิต​คนเรา​ก็​ไม่ได้​ล่องลอย​อยู่​ใน​อากาศ​ ​จะ​ออก​ไปเที่ยว​เล่น​มี​หรือ​ที่จะ​ไม่​ใช้​เงิน​ ​ทั้งสอง​คน​เป็น​คน​ชนชั้น​พิเศษ​ ​เมื่อ​ความเป็นจริง​กับ​ความคิด​แตกต่าง​กัน​ ​หาก​กลับตัวกลับใจ​ไม่เพียงแต่​จะ​ไม่​ถูก​ตำหนิ​ ​ซ้ำ​ยัง​ถูก​มองว่า​การ​ที่​คน​ไม่ดี​กลับตัวกลับใจ​นั้น​มีค่า​ยิ่งกว่า​ทองคำ​เสียอีก​…​แต่​แน่นอน​ว่า​เขา​คง​กลับมา​โดยที่​ไม่ได้​มีความรู้สึก​ผิด​ใน​ใจ​!

แต่​เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ ​เกรง​ว่า​สือ​เหนียง​คงจะ​ไม่ได้​อยู่​อย่างสงบ​สุข​อีกแล้ว

เมื่อ​คิดได้​เช่นนี้​นาง​ก็​อด​ถอนหายใจ​ไม่ได้

ขณะที่​กำลัง​พูดคุย​กัน​ ​สาวใช้​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ก็​มา​เชิญ​ไป​ทานข้าว

ทั้งสอง​หยุด​การ​สนทนา​ ​พา​จุน​เกอ​กับ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ไปหา​ไท่ฮู​หยิน

เมื่อ​กลับมา​ตอนกลางคืน​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​เข้าไป​อธิบาย​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ว่า​ ​“​…​จุน​เกอ​ร่างกาย​ไม่​ค่อย​แข็งแรง​ ​การกระโดดเชือก​จะ​ทำให้​กล้ามเนื้อ​และ​กระดูก​ได้​เคลื่อนไหว​ ​หาก​ท่าน​โหว​คิด​ว่า​ไม่ดี​ ​ต่อไป​ข้า​จะ​ระวัง​ให้​มากกว่า​นี้​”

แสงไฟ​ใน​ตะเกียง​ที่​ได้มา​จาก​พระตำหนัก​หยาง​เจี่ยว​สาดส่อง​เข้ามา​ ​ทำให้​โครงร่าง​ของ​สือ​อี​เหนียง​เปลี่ยนเป็น​สีทอง​ ​ดู​นุ่มนวล​กว่า​ปกติ​ ​ขณะเดียวกัน​ใบหน้า​ก็​ดู​อ่อนเยาว์​ยิ่งขึ้น

สวี​ลิ่ง​อี๋​ถอนหายใจ​เบา​ๆ​ ​ยิ้ม​พลาง​ช่วย​นาง​จัด​ผ้าห่ม​ ​“​ต่อไป​ก็​อย่า​เล่นพิเรนทร์​อีก​ก็​พอแล้ว​”

“​เจ้าค่ะ​”​ ​น้ำเสียง​ของ​สือ​อี​เหนียง​นั้น​สดใส​มีชีวิตชีวา

บอก​แค่​ว่า​ไม่​ให้​เล่นพิเรนทร์​ ​แต่​ไม่ได้​บอกว่า​ห้าม​กระโดด

นาง​ยิ้ม​พลาง​พลิกตัว​แล้ว​หลับ​ไป

วัน​ต่อมา​จุน​เกอ​มาหา​ ​“​ท่าน​พ่อ​ไม่ได้​พูด​อะไร​ใช่​หรือไม่​ขอรับ​”​ ​ท่าทาง​กังวล​เป็นอย่างมาก

“​บอก​แค่​ว่า​ไม่​ให้​พวกเรา​เล่น​อะไร​พิเรน​ทร​์​อีก​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​เสนอ​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​พวกเรา​มา​เล่านิทาน​กัน​ดี​ไหม​”

เมื่อวาน​ตอนกลางคืน​นาง​คิด​อยู่นาน​กว่า​จะ​ทำ​อย่างไร​ ​อย่า​ลืม​ว่าการ​ศึกษา​ที่​ทำให้​เด็ก​เข้าใจ​ได้ดี​ที่สุด​คือ​การ​เล่านิทาน​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​จุน​เกอ​อายุ​มากกว่า​ ​ส่วน​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยอา​ยุ​น้อยกว่า​ ​คน​หนึ่ง​เป็น​คนพูด​ ​คน​หนึ่ง​เป็น​คนฟัง​ ​คนที​่​พูด​จะ​ตั้งใจ​เรียน​เพื่อที่จะ​ได้มา​เล่าเรื่อง​ราว​ได้ดี​ ​ส่วน​คนที​่​ฟัง​ก็​จะ​ได้ประโยชน์​ไป​ด้วย

จุน​เกอ​รีบ​ตอบรับ​ทันที

หาก​เปลี่ยน​มา​เล่านิทาน​ท่าน​พ่อ​คงจะ​ไม่​โกรธ​ใช่​หรือไม่

สือ​อี​เหนียง​อุ้ม​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ไป​นั่ง​บน​เตียง​เตา​ ​ส่วน​จุน​เกอ​นั่ง​อยู่​ตรงข้าม​นาง

ตอนที่​สาวใช้​ยก​ขนม​มานาง​ถาม​จุน​เกอ​ว่า​ ​“​เจ้า​รู้จัก​นิทาน​สุภาษิต​เรื่อง​ ​‘​มารดา​ของ​เมิ​่ง​จื่อ​ย้ายถิ่น​ฐาน​สาม​ครั้ง​’​ ​หรือไม่​”

จุน​เกอ​พยักหน้า​ ​“​บิดา​ของ​เมิ​่ง​จื่อ​เสีย​ไป​ตั้งแต่​เขา​ยัง​เด็ก​ ​ส่วน​มารดา​…​”​ ​เขา​พูดจา​คล่องแคล่ว​ ​คำพูด​ฉะฉาน​ ​สีหน้า​เต็มเปี่ยม​ไป​ด้วย​อารมณ์​ ​มี​ลำดับขั้น​ตอน

สวี​ซื่อ​เจี​้​ยก​็​ไม่สน​ใจ​เรื่อง​ของกิน​แล้ว​ ​เขา​เอาแต่​มอง​จุน​เกอ​ ​ตั้งใจฟัง​เป็นอย่างมาก

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​เล็กน้อย

นิทาน​สุภาษิต​เรื่อง​ ​‘​มารดา​ของ​เมิ​่ง​จื่อ​ย้ายถิ่น​ฐาน​สาม​ครั้ง​’​ ​เป็น​นิทาน​สุภาษิต​ใน​คัมภีร์​สาม​อักษร​ ​การ​ที่​จุน​เกอ​รู้เรื่องราว​ชัดเจน​เช่นนี้​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​เขา​ได้รับ​การศึกษา​ก่อน​วัยเรียน​ที่​ดี

เมื่อ​เขา​เล่า​จบ​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​ยิ้ม​แล้ว​ชื่นชม​เขา​ทันที​ ​“​ที่แท้​จุน​เกอ​รู้​เยอะ​ขนาด​นี้​เชียว​หรือ​”

จุน​เกอ​ยิ้ม​อย่าง​เขินอาย

สือ​อี​เหนียง​เรียก​ให้​เขา​ทาน​ขนม

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ที่นั่ง​อยู่​ใน​อ้อมกอด​ของ​สือ​อี​เหนียง​พลัน​เอ่ย​ขึ้น​ว่า​ ​“​ท่าน​พี่​เล่า​อีก​ ​ท่าน​พี่​เล่า​อีก​!​”

ทุกคน​ต่าง​ก็​ตกตะลึง

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เป็น​เด็ก​ไม่​ค่อย​พูด​ ​ยิ่ง​ไม่ต้อง​พูดถึง​ว่า​เขา​จะ​เอ่ยปาก​พูด​กับ​จุน​เกอ

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท