ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 331 ยุยง(ปลาย)

ตอนที่ 231 ยุยง(ปลาย)

“​กระโดด​ร้อย​เชือก​ดีกว่า​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​รอดู​ท่าที​ ​“​เตะ​ลูกขนไก่​เป็น​ของเล่น​ที่​เด็ก​ๆ​ ​เล่น​กัน​”

“​เตะ​ลูกขนไก่​ดีกว่า​”​ ​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​ยิ้ม​ใบหน้า​เบิกบาน​ ​“​กระโดด​ร้อย​เชือก​ต้อง​ใช้กำลัง​มาก​ ​พวกเรา​จะ​มี​แรง​เยอะ​ขนาด​นั้น​ได้​อย่างไร​กัน​ขอรับ​”

“​เตะ​ลูกขนไก่​ ​กระโดด​เชือก​ ​หรือ​แม้กระทั่ง​เตะ​ลูก​หนัง​ก็​เพื่อ​เป็นการ​ออกกำลังกาย​ไม่ใช่​หรือ​ ​มิเช่นนั้น​ทำไม​พวกเรา​ต้อง​เล่น​กัน​จน​เหงื่อ​ออก​ขนาด​นี้​ ​ไม่​สู้​ไป​นั่ง​อ่านหนังสือ​ใน​ห้อง​ยัง​จะ​ดีกว่า​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูด​ต่อว่า​ ​“​ในเมื่อ​ไม่ได้​แตกต่าง​กัน​ ​เช่นนั้น​จะ​เป็น​อะไร​ไปหาก​จะ​เตะ​ลูกขนไก่​หรือว่า​กระโดด​ร้อย​เชือก​”

สวี​ซื่อ​เจี่ย​นรีบ​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​เป็น​อย่างที่​ท่าน​อาสะใภ้​สี่​พูด​ ​ในเมื่อ​ไม่ได้​แตกต่าง​กัน​ ​ข้าว​่า​เรา​มา​เตะ​ลูกขนไก่​กัน​ดีกว่า​”

ทั้งสอง​คน​ตอบโต้​กัน​ไปมา​

จุน​เกอ​รีบ​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​เอาเป็นว่า​ข้า​จะ​เตะ​ลูกขนไก่​แข่ง​กับ​พี่​สาม​แทน​ท่าน​แม่​เอง​ขอรับ​!​”​ ​พยายาม​ไกล่เกลี่ย​ให้​ทั้งสอง​ ​“​ทุกคน​หยุด​เถียง​กันได​้​แล้ว​!​”

สายตา​ของ​สือ​อี​เหนียง​เต็มไปด้วย​รอยยิ้ม

สวี​ซื่อ​เจี่ย​นก​ลับ​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​ไม่ได้​ ​เรื่อง​นี้​ต้อง​ตกลง​กัน​ให้​ชัดเจน​ก่อน​ถึง​จะ​ถูก​”​ ​ต้องการ​ถกเถียง​กับ​สือ​อี​เหนียง​เรื่อง​เตะ​ลูกขนไก่​กับ​กระโดด​ร้อย​เชือก​ว่า​อัน​ไหน​น่าสนใจ​กว่า​กัน

สือ​อี​เหนียง​ก็​อยาก​จะ​หยอกล้อ​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​ต่อ

ทั้งสอง​คน​ถกเถียง​กัน​อย่าง​ดุเดือด

ตอนแรก​จุน​เกอ​คอย​ฟัง​อยู่​ข้างๆ​ ​อย่าง​เป็นห่วง​ ​แต่​ต่อมา​เห็น​ทั้งสอง​พูดคุย​กัน​อย่างสนุกสนาน​จึง​นั่ง​เท้าคาง​ฟัง​อย่างตั้งใจ​ ​มี​เพียง​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ที่​เดิน​ไป​เตะ​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​ ​“​ห้าม​ทะเลาะ​กับ​ท่าน​แม่​ของ​ข้า​ ​ห้าม​ทะเลาะ​กับ​ท่าน​แม่​ของ​ข้า​…​”​ ​สวี​ซื่อ​เจี่ย​นคิด​ไม่​ถึงว่า​จะ​โดน​เตะ​ ​จึง​เอา​มือ​กุม​ขา​แล้ว​ร้อง​ ​“​โอ้ย​”

สือ​อี​เหนียง​อึ้ง​ไป​ครู่หนึ่ง​ก่อน​จะ​ดึง​สติก​ลับ​มา​ ​รีบ​เข้าไป​อุ้ม​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​“​สุภาพบุรุษ​ใช้​วิธี​พูดจา​ ​ส่วน​คน​ถ่อย​ใช้กำลัง​ ​เจ้า​จะ​ไป​ตี​คน​มั่วซั่ว​ไม่ได้​”

สวี​ซื่อ​เจี้ยม​อง​สือ​อี​เหนียง​ ​สีหน้า​เผย​ให้​เห็น​ถึง​ความน้อยใจ

จุน​เกอ​รีบ​เข้าไป​ขอโทษ​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​ ​“​เขา​ยัง​เด็ก​ ​ไม่รู้​ความ​…​ไม่​เจ็บ​ตรงไหน​ใช่​หรือไม่​”

สวี​ซื่อ​เจี่ยน​เห็น​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​หน้าตา​หม่นหมอง​ ​แน่นอน​ว่าย​่​อม​ไม่ยอม​ปล่อย​โอกาส​นี้​ไป​ง่ายๆ​ ​เลิก​คิ้ว​แล้ว​พับ​แขน​เสื้อ​ขึ้น​ ​“​เจ้า​รอก​่อน​เถอะ​ ​ข้า​จะ​ไป​พา​พี่ใหญ่​กับ​พี่​สอง​มา​ ​เจ้า​ได้​เห็นดี​แน่​”

“​พี่​สาม​อย่า​โกรธ​ ​พี่​สาม​อย่า​โกรธ​”​ ​ไม่ได้​ทำให้​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ตกใจ​แต่อย่างใด​ ​แต่กลับ​เป็น​จุน​เกอ​ที่​ตกใจ​แทน​ ​เขา​จับมือ​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​แล้ว​พูด​เกลี่ย​กล่อม​ว่า​ ​“​พี่​สาม​อยากได้​กรง​ไม้​ไผ่​ไม่ใช่​หรือ​ ​พี่​สาม​ลอง​ไปดู​ไผ่​เซียง​เฟย​ของ​ข้า​ดี​หรือไม่​ ​ข้า​ยัง​มี​เครื่อง​สังค​โลก​สีม่วง​อีกด้วย​ ​ให้​พี่​สาม​เลือก​ได้​ตามสบาย​”

จุน​เกอ​รู้จัก​ติดสินบน​คน​แล้ว​!

มัน​เป็นนิสัย​มา​แต่กำเนิด​หรือว่า​เป็น​เพราะ​การ​เลี้ยงดู​?

สือ​อี​เหนียง​หัวเราะ

เมื่อ​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​เห็น​จุน​เกอ​เป็นกังวล​ก็​อด​หัวเราะ​ไม่ได้

ทันใดนั้น​เสียงหัวเราะ​ใน​ห้อง​ก็​ทำให้​บรรยากาศ​อบอุ่น​และ​มีชีวิตชีวา

******

เมื่อถึง​วันที่​สิบห้า​เดือน​หนึ่ง​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ไท่ฮู​หยิน​ ​และ​สือ​อี​เหนียง​ก็​แต่งกาย​เข้า​วัง​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไป​ที่​พระตำหนัก​เฉียน​ชิง​ ​ส่วน​ไท่ฮู​หยิน​กับ​สือ​อี​เหนียง​ไป​ที่​พระตำหนัก​คุน​หนิง

ด้านหน้า​พระตำหนัก​มี​เหล​ยก​งกง​เฝ้า​อยู่​ ​เมื่อ​เห็น​ไท่ฮู​หยิน​กับ​สือ​อี​เหนียง​เขา​ก็​รีบ​เดิน​เข้ามา​คารวะ​ ​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​พระสนม​เสียน​เฟย​ ​พระสนม​จิ้ง​เฟย​ ​ซ่ง​เจี​๋​ยอ​วี​๋​กับ​องค์​หญิง​ใหญ่​ ​องค์​หญิง​อาน​เฉิง​ ​องค์​หญิง​หย่ง​อาน​ ​และ​โจวฮู​หยิน​อยู่​ด้านใน​”​ ​แล้ว​พูด​ต่อว่า​ ​“​เมื่อวาน​ตอนเที่ยง​ฝ่า​บาท​ทรง​เสวย​มื้อ​เที่ยง​ที่​ตำหนัก​หวง​กุ้ย​เฟย​ ​หวง​กุ้ย​เฟย​ชงชา​ปี้​หลัว​ชุน​ถวาย​ด้วยตัวเอง​ ​ใคร​จะ​ไปรู​้​ว่า​ชานั​้​นร​้อน​เกินไป​จึง​ลวก​พระ​โอษฐ์​ฝ่า​บาท​ ​ฝ่า​บาท​ไม่พอ​พระทัย​อย่างมาก​ ​จึง​ไม่ได้​เชิญ​หวง​กุ้ย​เฟ​ยมา​ชมดอกไม้​ไฟ​ใน​วันนี้​”

เมื่อ​สือ​อี​เหนียง​ได้​ฟัง​ก็​ใจเต้น​แรง

อย่า​ว่าแต่​หวง​กุ้ย​เฟย​ถวาย​ชา​ให้​ฝ่า​บาท​เลย​ ​แม้แต่​ตัวเอง​ที่​ชงชา​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยัง​ต้อง​ระวัง​อุณหภูมิ​ของ​ชา​ ​จะ​เป็นไปได้​อย่างไร​ที่​น้ำชา​จะ​ร้อน​เกินไป​ ​เมื่อ​นึก​ขึ้น​ได้​ว่า​ราชโองการ​ได้​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ไท่ฮู​หยิน​ ​และ​ตัวเอง​เข้า​วัง​มาช​มด​อก​ไม้​ไฟ​โดยเฉพาะ​…​การกระทำ​ของ​ฮ่องเต้​มี​จุดประสงค์​อะไร​อย่างนั้น​หรือ

นาง​รีบ​หันไป​มอง​ไท่ฮู​หยิน

ไท่ฮู​หยิน​ยิ้ม​อย่าง​อ่อนน้อม​ถ่อมตน​ไม่​แตกต่าง​จาก​ปกติ​ ​นาง​ยัด​สิ่งของ​บางอย่าง​ใส่​มือ​เหล​ยก​งกง​ ​“​ขอบคุณ​เหล​ยก​งก​งมาก​ ​ใน​อากาศ​ที่​หนาวเย็น​เช่นนี้​ ​ลำบาก​เหล​ยก​งกง​แล้ว​”

เหล​ยก​งกง​ยิ้ม​ ​แล้ว​เก็บของ​ใส่​แขน​เสื้อ​ด้วย​สีหน้า​เรียบ​เฉย​ ​“​ไท่ฮู​หยิน​ ฮู​หยิน​หย่ง​ผิง​โหว​เชิญ​ตาม​ข้ามา​”​ ​เดิน​นำพา​พวก​นาง​เข้าไป​ใน​ห้อง​หน​่​วน​เก๋อ​ทาง​ทิศตะวันออก

สือ​อี​เหนียง​ไม่กล้า​คิดมาก​ ​เดินตาม​หลัง​ไท่ฮู​หยิน​ไป​คารวะ​ฮองเฮา​ ​จากนั้น​ก็​ไป​คารวะ​เสียน​เฟย​และ​สตรี​อีก​สาม​คน​ ​จากนั้น​ก็​คำนับ​โจวฮู​หยิน

“​ไม่ต้อง​มาก​พิธี​”​ ​สีหน้า​ของ​ฮองเฮา​ดีกว่า​ครั้งก่อน​มาก​ ​รอยยิ้ม​ของ​นาง​อ่อนโยน​ ​น้ำเสียง​ฟัง​ดู​ผ่อนคลาย​ ​ใช้​น้ำเสียง​สบาย​ๆ​ ​ของ​สตรี​สูงศักดิ์​กำชับ​ให้​นางกำนัล​ยก​เก้าอี้​จิ​่​นอู​้​มา​ให้​ไท่ฮู​หยิน

ไท่ฮู​หยิน​กล่าว​ขอบ​พระทัย​แล้ว​นั่งลง

สือ​อี​เหนียง​ยืน​อยู่​ข้างหลัง​ไท่ฮู​หยิน​ ​นาง​ลอบมอง​พระสนม​ทั้ง​สาม​ที่นั่ง​อยู่​ข้างๆ​ ​ฮองเฮา​ด้วย​ความ​รวดเร็ว

พวก​นางอายุ​ประมาณ​สิบ​เจ็ด​ถึง​สิบ​แปด​ปี​ ​มีส่วน​เว้า​ส่วนโค้ง​และ​ใบหน้า​ที่​งดงาม​ ​พวก​นาง​เพียงแค่​แต่งกาย​ให้​ดู​เย้ายวน​และ​มีเสน่ห์​น่าหลงใหล​ ​ไม่ได้​มีคุณ​สมบัติ​พิเศษ​อะไร​ ​ไม่​สู้​ฮองเฮา​ที่​สวมมงกุฎ​อย่าง​สง่างาม​ ​ดู​มีสง่าราศี

ฮองเฮา​ทรง​ตรัส​ถามถึง​สภาพร่างกาย​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ใน​ช่วงนี้

ไท่ฮู​หยิน​ค่อยๆ​ ​ตอบ​ทีละ​คำถาม

โจวฮู​หยิน​ที่​ยืน​อยู่​ด้านหลัง​องค์​หญิง​ใหญ่​พยายาม​กลั้น​ยิ้ม

ไม่รู้​ทำไม​สือ​อี​เหนียง​ถึง​ไม่กล้า​ขยับตัว​เอาแต่​ก้มหน้า

มีนา​งกำ​นัล​มารา​ยงาน​ ฮู​หยิน​เจี​้​ยน​หนิง​โหวกับฮู​หยิน​หย่ง​ชังปั​๋ว​มา​แล้ว

ฮองเฮา​รับสั่ง​ให้​เข้ามา​ ​ทุกคน​คำนับ​ซึ่งกันและกัน​ ​ฮองเฮา​เรียก​ให้​นางกำนัล​ยก​เก้าอี้​จิ​่​นอู​้​มา​เช่นเคย

ทั้งสอง​กล่าว​ขอบ​พระทัย​แล้ว​พึ่ง​จะ​นั่งลง​ก็​มีนา​งกำ​นัล​เข้ามา​รายงาน​ว่า​องค์​หญิง​ฉัง​หนิง​มา​แล้ว

คนอื่นๆ​ ​เมื่อ​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​ลุกขึ้น​ยืน​ ​ยกเว้น​ฮองเฮา​กับ​องค์​หญิง​ใหญ่

สือ​อี​เหนียง​อด​มอง​ผู้มาใหม่​ไม่ได้

องค์​หญิง​ฉัง​หนิง​ดูแล​้​วน​่า​จะ​อายุ​ราวๆ​ ​สี่​สิบ​กว่า​ปี​ ​ผิวพรรณ​ขาวสะอาด​ ​ท่าทาง​ดู​มีสง่าราศี​ ​คิ้ว​และ​ดวงตา​คล้าย​กับ​ฮ่องเต้​สี่​ถึง​ห้า​ส่วน​ ​แม้ว่า​จะ​แต่งกาย​งดงาม​มาก​ ​แต่​ใบหน้า​ของ​นาง​ดู​ตึงเครียด​และ​เคร่งขรึม

ด้านหลัง​นาง​มีส​ตรี​อายุ​ราวๆ​ ​ยี่สิบ​ห้า​ถึง​ยี่สิบ​หก​ปี​ ​รูปร่าง​ผอม​สูง​ ​มวยผม​ขึ้น​อย่างเป็นระเบียบ​ ​ปักปิ่น​สีทอง​ฝัง​เม็ด​ทับทิม​ ​สวม​เสื้อกั๊ก​ยาว​สีม่วง​ ​ใบหน้า​เหลือง​ซีด​ดู​หม่นหมอง​ ​ท่าทาง​เหมือน​พึ่ง​หาย​จาก​อาการป่วย​หนัก

องค์​หญิง​อาน​เฉิง​ยิ้ม​พลาง​ทักทาย​องค์​หญิง​ฉัง​หนิง​ ​“​ฉัง​หนิง​ ​ข้า​คิด​ว่า​เจ้า​จะ​ไม่​มา​เสีย​แล้ว​ ​ได้ยิน​มา​ว่า​ช่วงนี้​เจ้า​สุขภาพ​ไม่ดี​ ​ตอนนี้​ดีขึ้น​แล้ว​หรือ​”

องค์​หญิง​ฉัง​หนิง​คำนับ​ ​“​ขอบคุณ​พี่​หญิง​ที่​เป็นห่วง​ ​อากาศ​หนาวเย็น​จึง​ทำให้​เป็นไข้​เล็กน้อย​ ​ตอนนี้​ไม่เป็นไร​แล้ว​”​ ​พูด​พลาง​ฝืนยิ้ม

องค์​หญิง​อาน​เฉิง​มอง​สตรีที​่​อยู่​ด้านหลัง​องค์​หญิง​ฉัง​หนิง​ ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ดูท่าทาง​แล้ว​ ​เจ้า​ซูบผอม​ลง​ไป​ไม่น้อย​ ​คง​ดูแล​ฉัง​หนิง​จน​เหนื่อย​กระมัง​”

สตรี​ผู้​นั้น​ย่อเข่า​คำนับ​ ​พูด​พึมพำ​ว่า​ ​“​เปล่า​ ​เปล่า​เพ​คะ​…​”

เมื่อ​องค์​หญิง​ฉัง​หนิง​ได้​ฟัง​ ​หาง​ตาก​็​ดู​เยือกเย็น​เล็กน้อย​ ​เห็นได้ชัด​ว่านาง​ไม่​ค่อย​พอใจ​กับ​คำตอบ​ของ​สตรี​นาง​นั้น​มาก​นัก

“​จิ​่​นขุย​ ​ข้า​ไม่ได้​เห็น​เจ้า​มา​หลาย​วัน​”​ ​องค์​หญิง​ใหญ่​ยิ้ม​พลาง​กวักมือ​เรียก​สตรี​ผู้​นั้น​ ​“​มา​ให้​ข้า​ดู​หน่อย​”

สตรีที​่​ถูก​เรียกว่า​จิ​่​นขุ​ยม​อง​องค์​หญิง​ฉัง​หนิง​ด้วย​ความหวาดกลัว

องค์​หญิง​ฉัง​หนิง​ขมวดคิ้ว​เล็กน้อย​ ​พูดเสี​ยง​เข้ม​ว่า​ ​“​องค์​หญิง​ใหญ่​เรียก​เจ้า​แล้ว​!​”

“​เพ​คะ​!​”​ ​นาง​ตอบรับ​เสียง​เบา​ราวกับ​ยุง​ ​แล้ว​เดิน​ขดตัว​ไปหา​องค์​หญิง​ใหญ่​ด้วย​ความหวาดกลัว

องค์​หญิง​ใหญ่​จับมือ​นาง​ไว้​ ​“​วันนี้​แต่งตัว​ดูดี​ ​ลวดลาย​ดอก​เป่า​เซียง​ ​เป็น​แบบ​ใหม่​ของ​ปีนี​้​”

จิ​่​นขุย​ใบหน้า​แดง​ระเรื่อ​ ​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​องค์​หญิง​เป็น​คน​ประทาน​ให้​เพ​คะ​”

องค์​หญิง​ใหญ่​ยิ้ม​พลาง​พยักหน้า​ ​“​ฉัง​หนิง​ ​เจ้า​ช่าง​ดี​กับ​สะใภ้​เหลือเกิน​”

สือ​อี​เหนียง​มอง​จิ​่​นขุ​ยด​้วย​ความประหลาดใจ

นาง​คิดไม่ถึง​ว่า​ภรรยา​ของ​เริ​่​นคุน​จะ​เป็น​เช่นนี้​ ​ท่าทาง​ของ​นาง​ดู​เคร่งขรึม​ ​เมื่อม​อง​ไป​ทาง​องค์​หญิง​ฉัง​หนิง​อีกครั้ง​ ​ดูท่าทาง​นาง​จะ​ไม่​ค่อย​พอใจ​สะใภ้​คน​นี้​มาก​เท่าไร

“​ข้า​ก็​มีลูก​สะใภ้​คน​นี้​เพียง​คนเดียว​ ​แน่นอน​ว่าย​่​อม​เห็น​นาง​เป็น​เหมือน​บุตรสาว​”​ ​องค์​หญิง​ฉัง​หนิง​มีสี​หน้า​หงุดหงิด​เล็กน้อย​ ​เดิน​เข้าไป​คารวะ​ฮองเฮา​และ​องค์​หญิง​ใหญ่​ ​แล้ว​โจวฮู​หยิน​กับ​สือ​อี​เหนียง​ก็​เข้าไป​คารวะ​องค์​หญิง​ฉัง​หนิง

องค์​หญิง​ฉัง​หนิง​พยักหน้า​ ​จิ​่​นขุ​ยก​ลับ​อ้าปากค้าง​ ​มอง​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​ความตกใจ

นางกำนัล​ยก​เก้าอี้​จิ​่​นอู​้​เข้ามา​ให้​องค์​หญิง​ฉัง​หนิง​นั่ง​พอดี​ ​นาง​อาศัย​โอกาส​นี้​เดิน​ไป​อยู่​ข้างๆ​ ​องค์​หญิง​ฉัง​หนิง​ ​ก้มหน้า​ยืน​อยู่​ด้านหลัง​องค์​หญิง​ฉัง​หนิง​ ​ใช้​ผ้าม่าน​สีแดง​ข้างหลัง​ปิดบัง​ร่างกาย​ผอมบาง

ทุกคน​ใน​ห้อง​ต่าง​ก็​เล่าเรื่อง​สนุก​ๆ​ ​ที่เกิด​ขึ้น​ใน​วัน​ตรุษจีน​ ​พอคน​หนึ่ง​พูด​จบ​อีก​คน​หนึ่ง​ก็​พูด​ต่อ​ ​แต่กลับ​ไม่มีใคร​พูดถึง​เด็กน้อย​ที่พึ่ง​เข้ามา​ใน​สกุล​สวี​ ​และ​ไม่มีใคร​พูดถึง​การ​หายตัว​ไป​ของ​เริ​่​นคุน​ ​ราวกับว่า​เรื่องราว​นี้​ไม่เคย​เกิดขึ้น​มาก​่อน​ ​แม้ว่า​จะ​ดูเหมือน​จงใจ​ให้​เป็น​เช่นนี้​ ​แต่​ก็​ทำให้​บรรยากาศ​ดู​มีชีวิตชีวา​เป็นอย่างมาก

ใน​ช่วง​บ่าย​ยาม​เซิน​ ​ฮองเฮา​ได้​ประทาน​ขนม​บัวลอย​ให้​กับ​ทุกคน​ ​เมื่อ​ใกล้​ค่ำ​ก็ได้​เวลา​แยกย้าย​กัน​ ​พาทุ​กคน​ไป​ส่ง​ที่​ตำหนัก​เจียว​ไท่

พึ่ง​จะ​มาถึง​ ​ไท​เฮา​ก็​เสด็จ​มา​พอดี

ทุกคน​พากัน​เข้าไป​คารวะ​ ​ขันที​ได้​เชิญ​ทุกคน​ไป​นั่งลง​ตามลำดับ​ขั้น​ตำแหน่ง

สือ​อี​เหนียง​กับ​โจวฮู​หยิน​นั่ง​อยู่​หน้า​โต๊ะ​ยาว​ด้านหน้า​ตำหนัก

“​ข้า​กลัว​การ​เข้า​วัง​มาก​ที่สุด​”​ ​โจวฮู​หยิน​เห็น​ไท​เฮา​กำลัง​พูดคุย​อย่างสนุกสนาน​กับฮู​หยิน​เจี​้​ยน​หนิง​โหว​และฮู​หยิน​โซ่ว​ชังปั​๋ว​ ​จึง​กระซิบ​กับ​สือ​อี​เหนียง​ว่า​ ​“​ทุกครั้ง​ต้อง​นั่ง​อยู่​หน้า​ประตู​ตำหนัก​ ​พอ​เปิด​ผ้าม่าน​ลมหนาว​ก็​จะ​พัด​เข้ามา​ด้านใน​ ​ทำให้​คน​หนาว​แทบจะ​ทนไม่ไหว​ ​อาหาร​ที่​ยก​มาก​็​เย็นชืด​ไป​หมด​”

สือ​อี​เหนียง​กลั้น​หัวเราะ​ ​นั่ง​อยู่​หน้า​โต๊ะ​ยาว​ด้วย​สีหน้า​จริงจัง​ ​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​ใจคอ​พี่​หญิง​โจว​กะ​จะ​ทานอาหาร​ใน​งานเลี้ยง​จน​อิ่ม​เลย​หรือ​”

เมื่อ​โจวฮู​หยิน​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​หัวเราะ​เริงร่า​ ​พูดว่า​ ​“​ก็​จริง​”​ ​จากนั้น​ก็​กระซิบ​ว่า​ ​“​เจ้า​ได้ยิน​หรือไม่​ว่า​หวง​กุ้ย​เฟย​ถูก​ฝ่า​บาท​ตำหนิ​…​”

เป็น​เพราะ​โจวฮู​หยิน​ได้รับ​ข่าว​เร็ว​หรือ​เรื่อง​นี้​ได้​แพร่กระจาย​ไป​ทั่ว​แล้ว​ ​หาก​เป็น​เพราะ​เรื่อง​นี้​แพร่กระจาย​ไป​ทั่ว​แล้ว​ ​เช่นนั้น​ก็​คง​ต้อง​เก็บ​กลับ​ไป​คิด​อย่างละเอียด

“​พี่​หญิง​โจว​ไป​ได้ยิน​ใคร​พูด​มา​หรือ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​มีท​่า​ทาง​ตกใจ​…

“​ใครๆ​ ​ต่าง​ก็​รู้​”​ ​โจวฮู​หยิน​พูด​ต่อว่า​ ​“​เจ้า​ก็​ต้อง​เอาเรื่อง​นี้​ไป​บอก​ท่าน​โหว​ของ​เจ้า​ด้วย​”

บางที​การเคลื่อนไหว​ของ​วัง​ใน​ก็​เหมือนกับ​ทิศทาง​ลม

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​พูด​ขอบคุณ​นาง​ ​มี​ขันที​พา​คน​มา​ ​ทั้งสอง​คน​จึง​รีบ​หยุด​บทสนทนา​แล้ว​ยืดตัว​นั่ง​ตรง​สายตา​มอง​ตรง​ไป​ข้างหน้า​ ​เมื่อมี​คน​มานั​่​งก​็​ได้ยิน​เสียง​เรียกว่า​ ​“​พี่​หญิง​โจว​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พึ่ง​สังเกตเห็น​ว่าที่​แท้​คนที​่​นั่ง​อยู่​ข้างๆ​ ​พวก​นาง​คือ​จิ​่​นขุย

“​น้อง​จิ​่​นขุย​!​”​ ​โจวฮู​หยิน​ชำเลือง​มอง​ไป​ที่​พระที่นั่ง​ ​เห็น​ไท​เฮา​กับ​ฮองเฮา​นั่ง​อยู่​ด้าน​ข้าง​ซ้าย​ขวา​ ​ทุกคน​กำลัง​กระตือรือร้น​พากั​นนั​่ง​ลง​ ​ไม่มีใคร​สังเกตเห็น​นาง​ ​จึง​ได้​ทักทาย​จิ​่​นขุย​เบา​ๆ​ ​ทว่า​รอยยิ้ม​บน​ใบหน้า​กลับ​สดใส​ยิ่งกว่า​เมื่อ​ครู่

จิ​่​นขุย​ยิ้ม​อย่าง​เขินอาย

โจวฮู​หยิน​ชี้​ไป​ที่​สือ​อี​เหนียง​แล้ว​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​เจ้า​คง​ไม่รู้​จัก​กระมัง​ ​นี่​คือฮู​หยิน​หย่ง​ผิง​โหว​!​”

ทันทีที่​นาง​พูด​จบ​จิ​่​นขุ​ยก​็​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​ข้า​รู้​ ​นาง​คือ​น้องสาว​ของ​สือ​เหนียง​”

โจวฮู​หยิน​ประหลาดใจ

แต่​สือ​อี​เหนียง​กลับ​ยิ้ม​เจื่อน​ๆ​

จิ​่​นขุย​ไม่​พูดว่า​นาง​เป็น​ภรรยา​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​แต่กลับ​พูดว่า​นาง​เป็น​น้องสาว​ของ​สือ​เหนียง​ ​เห็นได้ชัด​ว่านา​งม​องค​วาม​สัมพันธ์​ระหว่าง​นาง​กับ​สือ​อี​เหนียง​ใน​มุมมอง​ของ​หวัง​หลัง​ ​ดูเหมือนว่า​จิ​่​นขุย​จะ​รู้ดี​ถึง​ความสัมพันธ์​ระหว่าง​สามี​ของ​นาง​กับ​หวัง​หลัง

นาง​พยักหน้า​ให้​จิ​่​นขุ​ยด​้วย​ท่าทาง​อึดอัด​ใจ​ ​“​เริ​่นฮู​หยิน​!​”

จิ​่​นขุ​ยพูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​ข้า​เป็น​คน​ตง​หยาง​ ​เดิม​แซ่เจียง​”

ตง​หยาง​กับ​อวี​้​หัง​อยู่​ที่​เจียง​หนาน​ ​จะ​ว่า​ไป​แล้ว​ทั้งสอง​ก็​เป็น​คนบ้านเดียวกัน​ ​แต่​ใน​สถานการณ์​เช่นนี้​ ​การ​พูด​สิ่ง​เหล่านี้​ออก​ไป​จะ​มีประโยชน์​อะไร​ ​หรือว่า​ตัวเอง​จะ​ต้อง​รู้สึก​ละอายใจ​ต่อนาง​เพราะ​เรื่อง​นี้​ ​หรือว่า​ทั้งสอง​สกุล​จะ​ต้อง​ปล่อยวาง​ความบาดหมาง​เพราะ​เรื่อง​นี้

นาง​พูด​เช่นนี้​หมายความว่า​อย่างไร​กัน​แน่

สือ​อี​เหนียง​พึมพำ​อยู่​ใน​ใจ​ ​แต่​ใน​หัว​กลับ​มี​ประกาย​แสง​วาบ​ขึ้น​มา

ตง​หยาง​ ​สกุล​เจียง​…​ก็​คือ​ตอนที่​ตัวเอง​ได้​นั่ง​เรือ​จาก​อวี​๋​หัง​มายัง​เยี​่​ยน​จิง​แล้ว​อู่​เหนียง​ได้​พูดถึง​คนที​่​ได้​แต่งงาน​กับ​ตระกูล​ที่​รับราชการ​ใน​เยี​่​ยน​จิง​มา​หลาย​ชั่วอายุคน​ ​และ​ยัง​มี​ไท่​เฟย​ที่​ถือกำเนิด​ใน​สกุล​เจียง​เมือง​ตง​หยาง​!

นาง​พยายาม​ไม่​แสดงท่าที​ใดๆ​

โลก​ใบ​นี้​ช่าง​เล็ก​เสีย​จริง

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท